Review: Black Panther (Ryan Coogler, 2018) เขียนโดย Form Corleone

Black Panther (Ryan Coogler, 2018)
คะแนน B+


By Form Corleone

"เมื่อประเทศมีเครื่องมือและอำนาจพร้อม ผู้นำประเทศจะเลือกปกครองโลกหรือจะแบ่งปันสิ่งเหล่านี้สู่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน" Black Panther ถือเป็นภาพยนตร์ที่หยิบจับประเด็นมาสะท้อนได้ดีมาก แม้ว่าตัวหนังจะตัดสลับภาพรวดเร็วและมีไดอะล็อกที่ไม่แตกต่างจากหนังฮีโร่ทั่วไปของค่ายมาร์เวล อาทิ สถานการณ์สร้างเสียงหัวเราะ และความเท่ห์อย่างสร้างสรรค์ของตัวละคร สิ่งสำคัญคือผลงานเรื่องนี้เป็นเสมือนการสร้างทางเดินให้กับตัวละคร 'Black Panther' ได้ดีมากจนอาจจะเทียบเท่าหรือรองลงจาก 'Iron Man' ได้เลย ด้วยประเด็นต่างๆในความเป็นตัวละครฮีโร่ผิวสีที่สลับสับเปลี่ยนเป็นผู้ทรงปัญญาและความเจริญก้าวหน้าที่สุดในโลก ประเด็นการล่าอาณานิคมหรือประเด็นความเท่าเทียมกันของมนุษย์ การจับคนผิวสีมาเป็นทาส+เชลย+กดขี่แรงงานจากคนผิวขาวในอดีตถูกหยิบมาเป็นวัตถุดิบและสะท้อนให้เห็นประเด็นเหล่านี้ผ่านตัวละครในเรื่อง หนังเลือกเปลี่ยนจากอำนาจของคนขาวกลายเป็นอยู่ในมือคนดำ จนชวนคิดว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะพลิกผันเปลี่ยนด้านหรือไม่ สิ่งที่น่าสนใจคือในบริบทของประเทศ 'วากานดา' เสมือนประเทศมหาอำนาจที่มีพร้อมทุกอย่างในการล่าเมืองขึ้นและปกครองโลกนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น แน่นอนว่าหนังสะท้อนประเด็นการยึดครองโลกผ่านตัวละครตัวร้ายในเรื่องที่โดนกระทำ+ย่ำยีจนตกเป็นคนชนชั้นล่างในประเทศที่เจริญแล้ว ตัวร้ายในเรื่องจึงน่าสงสารและน่าเห็นใจพร้อมยังสะท้อนอะไรหลายอย่างที่ดีมาก ในทางกลับกันตัวเอกในเรื่องยังมีมิติในความเป็นผู้นำในการพาประเทศไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิม และสิ่งที่ควรทำให้ดีกว่าเดิมจากสิ่งที่ดีอยู่แล้วได้อย่างน่าสนใจเช่นกัน


เมื่อมองในบริบทของสังคมประเทศปิดอย่าง 'วากานดา' ที่หนังนำเสนอให้เห็นมุมมองของประชากรประเทศที่มีความคิดเห็นที่หลากหลาย จนไปถึงอำนาจปกครองที่มีอยู่ล้นมือในวัตถุดิบที่จะปกครองโลกได้ทั้งใบ แต่ตัวพระราชาหรือผู้ทรงอำนาจกลับเลือกปกปิดตัวเองเพื่อความปลอดภัยของประเทศหรือของโลก แง่มุมหนึ่งดูเหมือนย้อนแย้งในความคิดเมื่อมีอำนาจกลับไม่ใช้อำนาจที่มี แต่อีกมุมหนึ่งกลับมองเห็นทัศนคติที่ดีในความเคารพซึ่งกันและกัน ประเทศแบบ 'วากานดา' จึงเป็นประเทศในอุดมคติที่น่าดำรงอยู่ในแง่มุมของความรักสันติและนอบน้อมในความสามารถที่ตัวเองมี ประเด็นของ 'Black Panther' จึงสอดคล้องและน่าครุ่นคิดต่อบริบทของประเทศที่เจริญแล้วซึ่งตัวภาพยนตร์นำเสนอประเด็นเหล่านี้ไม่สุดโต่งจนเกินไปและอยู่ในบริบทพื้นฐานที่เข้าใจได้ไม่ยาก นอกจากนี้ การผสมวัฒนธรรมแบบเซาท์แอฟริกาที่ลงตัวและเลือกนักแสดงที่มาสวมบทบาทได้อย่างพอเหมาะพอดี จนทำให้ตัวละครดูดีมีเสน่ห์และโดดเด่นขึ้นมาจากฮีโร่ตัวอื่นของค่ายมาร์เวลผนวกด้วยซาวด์ดนตรีประกอบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ แน่นอนว่าเราคงปฏิเสธไม่ได้ด้วยทรัพยากรที่มีในเรื่องนั้นนำพามาซึ่งความโดดเด่นด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่การเลือกหยิบผสมความโดดเด่นให้ดูกลมกลืนนั้นคือความดีของทีมงานผู้สร้างและงานกำกับภาพ รวมทั้งบทภาพยนตร์ที่มีประเด็นแฝงไว้อย่างดี แม้จะไปไม่สุดด้วยบริบทและสภาพของหนังแนวฮีโร่ก็ตาม


ท้ายสุด 'Black Panther' สำหรับเราแล้วนั้นเป็นผลงานที่น่ายินดีและมีประเด็นให้ขบคิดต่ออำนาจนิยมของประเทศที่เจริญด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีทางอาวุธ แม้ว่าจะเป็นเชิงอุดมคติแต่พื้นฐานของสิ่งที่หนังส่งมอบประเด็นมาให้นั้นมีคุณค่าและน่ายินดีที่ตัวหนังเองผสมข้อความต่างๆเหล่านี้ลงไปได้อย่างสนุกสนานด้วยรูปแบบภาพยนตร์แนวฮีโร่ มิติความเป็นผู้นำหรือพระราชาของ 'Black Panther' จึงดูมีความหมายนัยยะที่น่าสนใจ โดยรวมจึงถือเป็นภาพยนตร์ที่เปิดทางไปสู่จักรวาลมาร์เวลของภาคแยกตัวละครตัวใหม่ที่น่าสนใจไม่แพ้การเปิดตัวของ 'Iron Man' ความดีงานคงต้องยกให้ทีมงานมือเขียนบทภาพยนตร์และผู้กำกับที่ช่วยทำให้งานนี้ไม่ดูถูกคนดูและไม่เอาเปรียบในความโด่งดังจากตัวละครและรักษาคุณภาพของงานไว้ได้อย่างน่าชื่นชมจนน่าติดตาม...


ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ ยิ้ม

ตัวอย่างหนัง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่