ก่อนจะมาเป็นทริปนี้ต้องบอกก่อนว่า ทริปจังหวัดเชียงรายนี้ เป็นทริปที่โดนเพื่อนป้ายยามา มีคนทักมาในไลน์แก๊งว่าจะรวมทีมไปเที่ยวเชียงรายและให้รีบจองตั๋วโดยด่วน แต่สุดท้ายก็เหลือกันอยู่ 3 หน่อ แถมแยกกันบินไปอีกต่างหาก แต่ไม่เป็นไรในเมื่อทริปเกิดขึ้นแล้ว เรามีหน้าที่เดินหน้าลุยอย่างเดียวเท่านั้นก็พอจ้า

CHIANG RAI VARIETY
15 – 19 OCTOBER 2017

เนื่องจากเดอะแก๊งกับเรามีความไม่ลงตัวในแผนการเดินทางนิดหน่อย เพราะเดอะแก๊งจะไปดอยอ่างขาง แต่เรามีนัดเจอเพื่อน(อีกแก๊ง)ที่ตัวเมืองเชียงรายในคืนที่ 2 เลยขอแยกตัวออกมาจากเดอะแก๊ง ทำให้ทริปนี้จะเป็นการตะลุยเดี่ยวก่อนแล้วจึงไปรวมตัวในช่วงกลางทริป

เช้าวันที่ 15 ตุลาคม เริ่มต้นการเดินทางอันแสนสนุกของเราที่สนามบินดอนเมือง แวะไปทักทายนิดหน่อยก่อนที่เดอะแก๊งและผู้ติดตามเขาบินไปเชียงรายก่อน โดยสายการบินหางแดง ส่วนเรานะหรอ บินตามไปทีหลังด้วยสายการบินพี่สิงห์ เที่ยวบินที่ SL 532 (เอาไปแทงหวยได้ ไม่หวง)


เมื่อมาถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงราย ก็มีกลุ่มเด็กน้อยมาเต้น เพลง โพะ เอา แค เหราะ มา ฝ่ะ (เด็กดอยใจดี) โชว์ขั้นเวลาระหว่างรอสัมภารกวิ่งออกมาบนสายพานลำเลียง ทันทีที่กระเป๋าออกมาก็ได้เวลาหอบหิ้วไปโบกแท็กซี่ให้ไปส่งที่สถานี บขส. เชียงราย เพื่อเดินทางต่อไปยังเชียงแสน


เดชะบุญ(หรือบาป) ที่เรามาเร็วกว่าเวลาของรถตู้ และด้วยความใจร้อนและโหยหาความลึกซึ่ง ตามสโลแกนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เลยตัดสินใจเปลี่ยนจากรถตู้มาเป็นรถเมล์คันเขียวๆ ตามในรูปคันนี้แทน


จะเร็วหรือช้ากว่ารถตู้ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าได้บรรยากาศแบบนักเดินทางจริง และแล้วในที่สุดก็มาถึง ...
รถเมล์เขียวพาเรามาถึงวงเวียนที่มีอนุสาวรีย์ช้างงูสามเศียร ก็จะเจอป้าย "เมืองเชียงแสน" สีแดงๆ ต้อนรับเราอยู่
ถัดจากนั้นเราจะต้องผ่านกำแพงเมืองเชียงแสน  และสุดท้ายจะมาจอดสุดสายที่กลางเมืองเชียงแสน ตรงข้ามตลาดสินสมบูรณ์

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อำเภอเชียงแสน เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงราย ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบ มีซากโบราณสถานของเมืองเชียงแสนเก่าอยู่ในบริเวณตัวอำเภอ เดิมเรียกว่าเวียงเชียงแสน ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวและท่าเรือขนส่งสินค้าที่สำคัญในภาคเหนือ นอกจากนี้เชียงแสนมีพื้นที่ซึ่งเรียกว่า สามเหลี่ยมทองคำ ในพื้นที่หมู่ที่ 1 บ้านสบรวก ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย อันเป็นบริเวณที่บรรจบกันของชายแดนสามประเทศ คือ ไทย ลาว และพม่า

เวียงเชียงแสน ก่อนที่จะมาเป็นอาณาจักรล้านนา นับเป็นแคว้นที่สำคัญที่สุดและมีเมืองหลวงอยู่ในอำเภอเชียงแสน ก็คือ แคว้นโยนกนาคพันธุ์ ซึ่งเป็นแคว้นโบราณที่เก่าแก่ที่สุดบนอาณาจักรล้านนา มีอายุประมาณ 2000 ปี ปัจจุบันนี้ก็คือ ทะเลสาบเชียงแสน และรอบๆนั้นอีกแคว้นหนึ่งก็คือ แคว้นหิรัญนครเงินยาง ซึ่งเป็นแคว้นผู้ก่อตั้งเวียงเชียงแสน เป็นแคว้นสืบต่อเนื่องจากแคว้นโยนกนาคพันธุ์ และเป็นถิ่นประสูติของพญามังรายมหาราช

... ถึงแล้ว เมืองเชียงแสน



ที่เชียงแสนเราจองที่พักชื่อว่า “Tararin” ผ่าน booking.com ราคาคืนละ 600 บาท ลักษณะที่พักเป็นห้องพักทั่วไป เรียบๆ ง่ายๆ แต่สะอาด ถือว่าได้มาตรฐานตามราคา

^{รูปจาก Booking.com}

หากคุณไม่ได้ขับรถส่วนตัวมาเอง พาหนะที่สะดวกสบายที่สุดของคุณในเชียงแสนก็ควรจะเป็น “รถจักรยานยนต์” ซึ่งสามารถเช่าได้ที่ร้านตัดผมชาย ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ (บัวหลวง) หาเจอได้ไม่ยากครับ

^{รูปจาก Google Map}

และสถานที่ๆ แรกที่ต้องมา และไม่มาคงไม่ได้ เมื่อมาถึงเชียงแสนแล้ว ....

แม่น้ำโขง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แม่น้ำโขงนั้น มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาหิมาลัย ไหลผ่านบริเวณที่ราบสูงทิเบตและมณฑลชิงไห่ ประเทศจีน ผ่านประเทศจีน เมียนมาร์ ลาว ไทย และกัมพูชา ก่อนจะออกสู่ทะเลจีนใต้ที่ประเทศเวียดนาม มีความยาวทั้งหมด 4,880 กิโลเมตร เมื่อไหลผ่านเข้าเขตประเทศเมียนมาร์และลาว เรียกว่า แม่น้ำของ รวมถึงคำเมืองล้านนาก็เรียก แม่น้ำของ เช่นกัน ส่วนในภาษาไทยเรียกว่า แม่น้ำโขง

ลักษณะสำคัญของแม่น้ำโขงคือ มีตลิ่งที่สูงชันมากทั้งสองฝั่ง กระแสน้ำจะไหลจากทางเหนือลงสู่ทางใต้ตลอดทั้งปี กระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยวกราก ดินในแม่น้ำโขงเป็นดินทราย มีเกาะแก่งน้อยใหญ่กว่าหนึ่งร้อยแห่งเรียงรายตลอดแม่น้ำ การที่แม่น้ำโขงไหลผ่านหลายประเทศเช่นเดียวกับแม่น้ำดานูบในยุโรป ทำให้บางคนเรียกว่าแม่น้ำนานาชาติ และทำให้ได้รับการขนานนามว่าเป็น แม่น้ำดานูบตะวันออก และยังมีความสำคัญทางเศรษฐกิจในแง่ของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการค้ากับประเทศจีน

"สุดแดนไทยที่ริมโขงเมืองเชียงแสน" เป็นอีกจุดแลนด์มาร์กของแม่น้ำโขงในประเทศไทยที่ได้รับความนิยม ซึ่งช่วงเย็นๆ ริมน้ำโขงจะถูกจับจองที่นั่งด้วยร้านอาหารที่สามารถนั่งรับประทานไป ชมวิวและตากลมเย็นๆ ริมแม่น้ำโขงไปพร้อมๆ กันได้ นอกจากนี้ ถ้ามีโอกาสได้ไปในวันสุดสัปดาห์ก็จะพบกับถนนคนเดินริมโขงให้ได้เลือกซื้อของใช้และของฝากกันด้วย  


เอารูปริมโขงตอนบ่ายโมง ช่วงที่แดดกำลังแรงๆ มาให้ดูกันก่อน เดี๋ยวช่วงเย็นเราจะกลับมาเดินเล่นแถวนี้อีกรอบ



เราสามารถใช้เส้นทางริมแม่น้ำโขงลัดเลาะไปประมาณ 10 km. จากตัวเมืองเชียงแสนก็จะมาถึง “สามเหลี่ยมทองคำ” จุดบรรจบกันของ 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว และเมียนมาร์

^{รูปจาก Google Map}

สามเหลี่ยมทองคำ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สามเหลี่ยมทองคำ คือ พื้นที่รอยต่อชายแดนระหว่างสามประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว และเมียนมาร์ จากฝั่งไทยเมื่อมองไปทางขวาจะเห็นแขวงบ่อแก้วประเทศลาว และเมื่อมองไปทางซ้ายจะเป็นแขวงท่าขี้เหล็ก ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมาร์ ส่วนจุดที่บรรจบกันของแม่น้ำโขงและแม่น้ำรวก จะเรียกว่า “สบรวก”

เดิมสามเหลี่ยมทองคำเคยขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการปลูกฝิ่นเพื่อใช้ในการผลิตยาเสพติด และยังเป็นต้นทางสำคัญในการส่งออกยาเสพติดไปทั่วโลก เนื่องจากสะดวกทั้งทางน้ำและภาคพื้นดิน แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นพื้นที่สำคัญในทางเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากเป็นแหล่งขนถ่ายสินค้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของไทย ไม่ได้เป็นพื้นที่เกี่ยวกับยาเสพติดอีกต่อไปแล้ว

ส่วนที่มาของชื่อ“สามเหลี่ยมทองคำ” นั้น ว่ากันว่ายาเสพติดและฝิ่นจะถูกแลกเปลี่ยนด้วยทองคำในน้ำหนักที่เท่ากัน จึงเป็นที่มาของชื่อ สามเหลี่ยมทองคำ หลายครั้งทองคำที่นำมาใช้แลกฝิ่นนั้นกลับถูกยัดไส้ด้วยของปลอม จึงต้องผ่าพิสูจน์เพื่อความแน่ใจกันก่อนที่จะสามารถตกลงกันได้ และแน่นอนว่าเรื่องราวด้านลบที่เคยเกิดขึ้นนั้น ปัจจุบันได้เลือนหายไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงและถูกแทนที่ด้วยสิ่งใหม่ กระทั่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันมากเรื่องราวและชวนค้นหาไปในที่สุด

มองจากฝั่งไทย ไปยังจุดเชื่อมต่อของแม่น้ำโขง ฝั่งซ้ายมือคือประเทศเมียนมาร์ (พม่า) ส่วนขวามือคือประเทศลาว ถ้าหากมีเวลามากพอแนะนำให้ลองข้ามฝั่งไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน

การข้ามไปลาวนั้นสามารถหาจุดขึ้นเรือได้ใกล้ๆ สามเหลี่ยมทองคำเลย ใช้เพียง Passport ก็ข้ามได้แล้ว หรือหากไม่ได้พก Passport มา จะต้องไปทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว ณ ที่ว่าการอำเภอเชียงแสนก่อน

ส่วนการข้ามไปฝั่งเมียนมาร์หรือพม่านั้น จะต้องไปข้ามที่อำเภอแม่สาย - ท่าขี้เหล็ก โดยจะต้องทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว ซึ่งจะอยู่ได้ไม่เกิน 7 วัน หากต้องการจะอยู่นานกว่านั้นต้องขอ VISA ครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การข้ามแดนจากไทยไปเมียนมาร์ หากเดินทางผ่านชายแดนต้องใช้ VISA หรือขอหนังสือผ่านแดนชั่วคราว ถ้ามีแต่ Passport ข้ามไปไม่ได้นะ แต่หากเดินทางไปโดยเครื่องบินจะยกเว้น VISA ให้ ซึ่งกรณีนี้จะพำนักได้ไม่เกิน 14 วัน ถ้าจะอยู่นานกว่านี้ก็ต้องขอ VISA เพิ่มเติมด้วยเช่นกันครับ


รอบๆ จุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำยังมีสถานที่ๆ น่าสนใจหลายจุด เช่น

อนุสาวรีย์พระเจ้าแสนภู

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พระยาแสนภูเป็นพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์มังรายที่ 3 เป็นกษัตริย์ล้านนา ครองราชย์ในปี พ.ศ.1869 ทรงโปรดให้สร้างเมืองเชียงแสนขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1877 และประทับอยู่ที่เชียงแสนตลอดพระชนม์ชีพ


พระเชียงแสนสี่แผ่นดิน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พระเชียงแสนสี่แผ่นดิน หรือ พระพุทธนวล้านตื้อ สร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ฯ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ พระพุทธนวล้านตื้อก็มีตำนานเล่าสืบต่อกันยาวนาน ว่ากันว่าเชียงแสนในยุคก่อนมีเกาะเก่าแก่กลางลำแม่น้ำโขง เป็นที่ตั้งของ วัดพระเจ้าทองทิพย์  อันเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระพทุธรูปสำริดขนาดใหญ่ ซึ่งชาวบ้านกล่าวขานนามว่า “พระเจ้าล้านตื้อ” แปลว่าองค์พระนี้มีขนาดและน้ำหนักมาก สันนิษฐานว่าองค์พระคงจมลงไปพร้อมกับเการะดอนแท่น ซึ่งปัจจุบันคือบริเวณน้ำโขงหน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน  

ต่อมา พ.ศ. 2479 มีผู้พบพระพุทธรูปขนาดใหญ่โพล่ขึ้นมากลางน้ำที่บริเวณลำน้ำโขงของอำเภอเชียงแสน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบโบราณวัตถุทางศาสนาอย่างมากมาย และได้มีความพยายามนำองค์ท่านขึ้นมาหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถนำขึ้นได้สำเร็จจึงกลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวของความศักดิ์สิทธิ์ ณ ดินแดนเชียงแสนแห่งนี้ จึงได้ถือเอาพระพุทธรูปเชียงแสนสี่แผ่นดิน เป็นองค์แทนพระเจ้าล้านตื้อโดยร่วมใจกันถวายนามว่า พระพุทธนวล้านตื้อ เชียงแสนสี่แผ่นดินเฉลิมพระเกียรติฯ


วัดพระธาตุปู่เข้า

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้วัดพระธาตุปู่เข้า หรือวัดพระธาตุภูเข้า ตั้งอยู่ในบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเราสามารถมองวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำโขงลงมาจากบริเวณวัดได้
วัดนี้ถูกสร้างขึ้นบนดอยเชียงเมี่ยง ริมปากน้ำรวก เมื่อ พ.ศ. 1302 ในสมัยพระยาลาวเก้าแก้วมาเมือง กษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งเวียงหิรัญนครเงินยาง โบราณสถานประกอบด้วยพระวิหาร และกลุ่มเจดีย์ที่พังทลาย ก่อด้วยอิฐมีร่องรอยการตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น อายุนับพันปี