สวัสดีค่ะ นี่เป็นการรีวิวการไปเที่ยวในพันทิพครั้งแรกของเจ้าของกระทู้ หลังจากเคยตั้งใจจะรีวิวที่ที่ตัวเองไปเที่ยวหลายครั้งแล้วแต่ไม่สำเร็จ ครั้งนี้เราได้มีโอกาสไปที่ญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนมกราคมต้นกุมภาพันธ์ (31 มกราคม- 4 กุมภาพันธ์ 2561) ซึ่งเป็นการไปเที่ยวที่ไกลที่สุดเท่าเราเคยไปมาเลยก็ว่าได้ รูปไม่ครบขาดหายไปบ้างไม่ว่ากันน่า บอกเลยว่าตื่นเต้นสุดๆ
การวางแผนไปเที่ยวของเรานะคะ เราตั้งใจจะไป Shirakawa-Go กัน โดยการเที่ยวครั้งนี้เรามีเวลาเพียง 5 วันไม่รวมวันเดินทางนะคะ โดยการเดินทางของเราจะเริ่มต้นจากสนามบินนาริตะไปจบที่สนามบินคันไซ
เริ่มจากการวางแผนเตรียมตัวก่อนเดินทางกันนะคะ เราวางแผนตั้งใจจะไป Shirakawa-Go ซึ่งต้องนั่งรถ Nohi Bus ไป เราจึงได้มานั่งคิดว่าเราจะเดินทางไปเมืองไหนดี ระหว่าง Takayama กับ Kanazawa เพื่อไป Shirakawa-Go คิดไปคิดมาเวลาเที่ยวของเราก็น้อย เราเลยเลือกไปทางเมือง Kanazawa เพื่อลดระยะเวลาในการเดินทาง
ตัวนี้เป็นแพลนเที่ยวของเรานะคะ เผื่อได้เป็นแนวทางการไปเที่ยวของเพื่อนๆ
การเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ของเรา เราเลือกใช้ พาส Hokurihu Arch Pass ในการเดินทาง ซึ่งพาสครอบคลุมสถานที่ที่เราจะไปเที่ยวได้เกือบทั้งหมดจาก Tokyo-Osaka
เราซื้อ Hokurihu Arch Pass จาก KKday ในราคา 24000 เยน (6899.17 บาท) แล้วทาง KKday ก็จะส่งตั๋วเดินทางชั่วคราว (Exchange Order) มาให้แบบนี้ค่ะเพื่อไปใช้แลกตั๋วเดินทางตัวจริงที่ JR Office
ต่อจากนั้นเราก็จองโรงแรมผ่าน Booking ซื้อตั๋วเข้า Universal Studio Japan สุดท้ายคือจอง รถ Nohi Bus เพื่อไป Shirakawa-Go ซึ่งสามารถจองได้ก่อน 1 เดือน แนะนำว่าควรโทรไปจองก่อนนะคะ เพราะให้เพื่อนของพี่ที่อยู่ญี่ปุ่นโทรไปจองให้ยังได้รอบที่เร็วที่สุดคือ 12.40 (ทั้งที่ตั้งใจจะไปรอบเช้าๆ) กลับรอบสุดท้าย 17.30 แนะนำเลยค่ะว่าให้โทรจองล่วงหน้าอย่าทำแบบเราเพราะเราให้พี่จองก่อนเดินทาง 2 อาทิตย์ รอบเช้าๆ เต็มหมดค่ะ ตอนโทรไปจองเจ้าหน้าที่จะให้รหัสการจองมา ตอนจองเราก็แจ้งเวลาที่เราต้องการไปนะคะ
Day 0 วันแรกของการเดินทางนะคะ เลิกงานปุ๊บรีบอาบน้ำ เก็บของ เช็คความเรียบร้อยแล้วตรงดิ่งมาสนามบินเลย โดยเริ่มต้นจากบ้านเกิดของตัวเองก่อนเลย สนามบินนานาชาติจังหวัดอุบลราชธานีไปที่สนามบินนานาชาติดอนเมืองนะคะเราบิน Fight เวลา 19.50-20.50 ใช้ชีวิตสุ่มเสี่ยงมากถ้าเครื่องดีเลย์นิเสี่ยงตกเครื่องสุดๆ จากนั้นจับกระเป๋าได้ก็รีบวิ่งไป Terminal 1 ไปโหลดกระเป๋าก่อนเลยแถวยากมากดีนะที่เราเช็คอินมาก่อนเลยใช้เวลาไม่นานมาก จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางไปญี่ปุ่นแล้ว เราบิน Fight 23.45-08.00 Air Asia ให้เค้าหน่อย เพราะโปร 0 บาท ตั้งแต่ ขาอุบล-ดอนเมือง ยันขากลับ
Day 1 เดินทางถึงสนามบิน Narita International Airport เวลา 07.00 เวลาท้องถิ่นนะคะ ถึงก่อนเวลาที่กำหนดไว้ 1 ชั่วโมง
จากนั่นเราก็ไปแลกตั๋วที่เราซื้อไปแลกที่ JR Office นะคะ หน้าตาก็จะประมาณนี้ ตั๋ว Hokuriku Arch Pass กับตั๋ว N'EX นะคะ
เราออกจากสนามบินนาริตะด้วย Narita Express หรือ N’EX นั่นเอง ไปลงที่ สถานี Tokyo ใช้เวลา 56 นาที ค่อยต่อรถไฟไป สถานี Ueno ที่พักของเราเอง ตอนแรกเราว่าจะนั่ง Kaisei Skyliner ไปลงที่ Kaisei Ueno แต่มาเปลี่ยนใจ เพราะว่าพาสที่เราใช้มันคลุมอยู่แล้วจะมาเสียเงินเพิ่มอีกทำไมเก็บเงินไว้ซื้อขนมดีกว่า (เพราะความขี้เกียจยกกระเป๋าล้วนๆเลยมีความคิดนี้ขึ้นมา)
หลังจากหาที่พักเจอ(จากการงงๆของเราจนต้องถามคนญี่ปุ่น สุดท้ายเค้าเปิด GPRS เดินไปส่งเราจนถึง Hostel) หลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จก็ได้เวลาลัลลาแล้ว
จากการใช้เวลาเกือบๆครึ่งวัน ไปแล้ว เราเริ่มต้นกันที่วัดอาซากุซะ หรือวัดโคมแดง หรือจะเรียกวัด Senso-ji Temple เรานั่ง Sabway นะคะจาก สถานี Ueno ไปลง สถานี Asakusa Ginza line Exit 1 นะคะ เดินตามกันไปเลย คนลงสถานีเยอะมากไม่หลงแน่นอน เป้าหมายคือมาวัดเหมือนเราแน่ๆ
บรรยากาศวัดคนก็จะเยอะหน่อยๆ
ระหว่างทางเดินเข้าวัด ถนนนากามิเซะ(Nakamise)
ขนมปังเมล่อนต้องจัดซักหน่อย
สะพานแดง ตึกฟองเบียร์ โตเกียวสกายทรี เห็นโตเกียวสกายทรีละไม่ไปต่อละ
หลังจากเดินเล่นที่วัด Sensoji เสร็จแล้วเราก็ตั้งใจว่าจะไม่ไปโตเกียวสกายทรีแล้ว เราจะไป Shibuya กันต่อ โดยเรานั่ง subway เหมือนเดิม จากสถานี Asakusa ไปที่ สถานี Shibuya Ginza line เหมือนเดิมคะ นั่งสุดสายกันเลยทีเดียว ใช้เวลา 32 นาที เราจะไป ห้าแยกกัน Exit 6-8 นะคะ แต่ตอนนั่นเราจำไม่ได้ว่าเราออกทางไหนมั่วมากเลยเดินหลงอยู่พักหนึ่ง
เจอแล้วหลังจากที่เราเดินงงๆอยู่จนต้องถามอีกแล้วคร๊าทุกคน
ห้าแยกที่ถ่ายรูปไม่ได้ 555555 ขออภัยด้วยนะคะทุกคน
เจ้าหมา Hachiko อยู่แถวห้าแยกเลยคะหาไม่ยากแน่นอน
JR Shibuya ก็มาจร๊า
หลังจากเดินเล่นที่ Shibuya สักพัก เราก็ไปต่อที่ Harajuku กันต่อค่ะ รอบนี้เราจะ นั่ง JR กันนะคะ จากสถานี JR Shibuya ไป สถานี JR Harajuku นั่ง JR Yamanote Line โชว์พาสแล้วเดินสวยๆไปเลยคะ
พอมาถึง Harajuku Exit Takeshitaot เพราะเราตั้งใจจะไปเดิน Takeshita Dori ตามหา Merion crepes ระหว่างทางก็มีร้านค้าขายของน่ารักๆมากมายเสี่ยงต่อการล้มละลายมากๆเลยค่ะ 555
เจอแล้ว Merion crepes
กินเสร็จก็เดินย่อยสักหน่อย ไปเดิน Tokyu Plaza ต่อกัน
หลังจากล้มละลายไปสักพักได้เวลากลับ Ueno กัน โมเมนต์นี้เงินหมดรู้จักทางกลับบ้านกันเลยค่ะคุณ
สถานีไม้ Harajuku ค่ะทุกคนรูปน้องจะมัวไปไหน 5555 กล้องมันไม่โฟกัสคร๊า อะรีบๆถ่ายไปละกันเพราะเราต้องไปต่อ
เราจะไป Ueno ต่อ ก็นั่ง รถไฟ JR นิละค่ะ นั่ง JR Yamanote Line (อยากเล่าค่ะทุกคนตอนขาที่เรากลับมา Ueno มันเป็นช่วงที่เค้าเลิกงานกันหรืออย่างไรเราไม่ทราบรถไฟแน่นมากแน่นเยี่ยงปลากระป๋องค่ะทุกคนเรานินึกว่าจะเอาตัวไม่รอดละ 5555 ประสบการณ์ชีวิตล้วนๆ) ไปลงที่สถานี JR Ueno Exit Central
เราใจจะไปตึกม่วงที่ Ueno แต่ว่าตึกมันปิด สองทุ่ม จบข่าวสิค่ะ 555555
ไหนๆแล้วก็แวะซื้อกันดั้มไปฝากพี่ชายสักตัวละกันที่ร้านขายของเล่น Yamashiroya สังเกตง่ายเลยหน้าร้านมีตู้กดกาชาปองเรียงอยู่หน้าร้านเต็มไปหมด
สุดท้ายเลยได้เดินเล่นที่ถนน Ameyoko
ปิดท้ายของวันที่ Tokyo ด้วยตลาด Ameyoko ที่กำลังจะวายกับภาพที่มัวอีกเช่นเคย 555
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาลงต่อนะคะทุกคน
[CR] Japan 2018 Tokyo Kanazawa Shirakawa-go Osaka Kyoto เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกด้วยตัวเองใครๆก็ทำได้ (5 วัน 4 คืน)
การวางแผนไปเที่ยวของเรานะคะ เราตั้งใจจะไป Shirakawa-Go กัน โดยการเที่ยวครั้งนี้เรามีเวลาเพียง 5 วันไม่รวมวันเดินทางนะคะ โดยการเดินทางของเราจะเริ่มต้นจากสนามบินนาริตะไปจบที่สนามบินคันไซ
เริ่มจากการวางแผนเตรียมตัวก่อนเดินทางกันนะคะ เราวางแผนตั้งใจจะไป Shirakawa-Go ซึ่งต้องนั่งรถ Nohi Bus ไป เราจึงได้มานั่งคิดว่าเราจะเดินทางไปเมืองไหนดี ระหว่าง Takayama กับ Kanazawa เพื่อไป Shirakawa-Go คิดไปคิดมาเวลาเที่ยวของเราก็น้อย เราเลยเลือกไปทางเมือง Kanazawa เพื่อลดระยะเวลาในการเดินทาง
ตัวนี้เป็นแพลนเที่ยวของเรานะคะ เผื่อได้เป็นแนวทางการไปเที่ยวของเพื่อนๆ
การเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ของเรา เราเลือกใช้ พาส Hokurihu Arch Pass ในการเดินทาง ซึ่งพาสครอบคลุมสถานที่ที่เราจะไปเที่ยวได้เกือบทั้งหมดจาก Tokyo-Osaka
เราซื้อ Hokurihu Arch Pass จาก KKday ในราคา 24000 เยน (6899.17 บาท) แล้วทาง KKday ก็จะส่งตั๋วเดินทางชั่วคราว (Exchange Order) มาให้แบบนี้ค่ะเพื่อไปใช้แลกตั๋วเดินทางตัวจริงที่ JR Office
ต่อจากนั้นเราก็จองโรงแรมผ่าน Booking ซื้อตั๋วเข้า Universal Studio Japan สุดท้ายคือจอง รถ Nohi Bus เพื่อไป Shirakawa-Go ซึ่งสามารถจองได้ก่อน 1 เดือน แนะนำว่าควรโทรไปจองก่อนนะคะ เพราะให้เพื่อนของพี่ที่อยู่ญี่ปุ่นโทรไปจองให้ยังได้รอบที่เร็วที่สุดคือ 12.40 (ทั้งที่ตั้งใจจะไปรอบเช้าๆ) กลับรอบสุดท้าย 17.30 แนะนำเลยค่ะว่าให้โทรจองล่วงหน้าอย่าทำแบบเราเพราะเราให้พี่จองก่อนเดินทาง 2 อาทิตย์ รอบเช้าๆ เต็มหมดค่ะ ตอนโทรไปจองเจ้าหน้าที่จะให้รหัสการจองมา ตอนจองเราก็แจ้งเวลาที่เราต้องการไปนะคะ
Day 0 วันแรกของการเดินทางนะคะ เลิกงานปุ๊บรีบอาบน้ำ เก็บของ เช็คความเรียบร้อยแล้วตรงดิ่งมาสนามบินเลย โดยเริ่มต้นจากบ้านเกิดของตัวเองก่อนเลย สนามบินนานาชาติจังหวัดอุบลราชธานีไปที่สนามบินนานาชาติดอนเมืองนะคะเราบิน Fight เวลา 19.50-20.50 ใช้ชีวิตสุ่มเสี่ยงมากถ้าเครื่องดีเลย์นิเสี่ยงตกเครื่องสุดๆ จากนั้นจับกระเป๋าได้ก็รีบวิ่งไป Terminal 1 ไปโหลดกระเป๋าก่อนเลยแถวยากมากดีนะที่เราเช็คอินมาก่อนเลยใช้เวลาไม่นานมาก จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางไปญี่ปุ่นแล้ว เราบิน Fight 23.45-08.00 Air Asia ให้เค้าหน่อย เพราะโปร 0 บาท ตั้งแต่ ขาอุบล-ดอนเมือง ยันขากลับ
Day 1 เดินทางถึงสนามบิน Narita International Airport เวลา 07.00 เวลาท้องถิ่นนะคะ ถึงก่อนเวลาที่กำหนดไว้ 1 ชั่วโมง
จากนั่นเราก็ไปแลกตั๋วที่เราซื้อไปแลกที่ JR Office นะคะ หน้าตาก็จะประมาณนี้ ตั๋ว Hokuriku Arch Pass กับตั๋ว N'EX นะคะ
เราออกจากสนามบินนาริตะด้วย Narita Express หรือ N’EX นั่นเอง ไปลงที่ สถานี Tokyo ใช้เวลา 56 นาที ค่อยต่อรถไฟไป สถานี Ueno ที่พักของเราเอง ตอนแรกเราว่าจะนั่ง Kaisei Skyliner ไปลงที่ Kaisei Ueno แต่มาเปลี่ยนใจ เพราะว่าพาสที่เราใช้มันคลุมอยู่แล้วจะมาเสียเงินเพิ่มอีกทำไมเก็บเงินไว้ซื้อขนมดีกว่า (เพราะความขี้เกียจยกกระเป๋าล้วนๆเลยมีความคิดนี้ขึ้นมา)
หลังจากหาที่พักเจอ(จากการงงๆของเราจนต้องถามคนญี่ปุ่น สุดท้ายเค้าเปิด GPRS เดินไปส่งเราจนถึง Hostel) หลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จก็ได้เวลาลัลลาแล้ว
จากการใช้เวลาเกือบๆครึ่งวัน ไปแล้ว เราเริ่มต้นกันที่วัดอาซากุซะ หรือวัดโคมแดง หรือจะเรียกวัด Senso-ji Temple เรานั่ง Sabway นะคะจาก สถานี Ueno ไปลง สถานี Asakusa Ginza line Exit 1 นะคะ เดินตามกันไปเลย คนลงสถานีเยอะมากไม่หลงแน่นอน เป้าหมายคือมาวัดเหมือนเราแน่ๆ