เที่ยวญี่ปุ่น 10 วัน โตเกียว - ซัปโปโร ไม่ง้อทัวร์ ฉบับมือใหม่หัดเที่ยว

สาวแว่นสวัสดีค่ะเพื่อนๆ เราคือหญิงสาวผู้ใจกว้าง รูปร่างเล็กกว่าไซต์ L แต่ทรงพลังด้วยขาใหญ่ ที่พร้อมจะแบ่งปันประสบการณ์  นานาเดินทางการไปเที่ยวญี่ปุ่น แบบ 10 วัน 10 คืน เรียกได้ว่าไปจน เป็นคนดีที่โลกลืม หรือลืมโลกกันไปเลยค่ะ จากเส้นทาง โตเกียวไปซัปโปโร และกลับมาที่โตเกียว ในราคาที่คุ้มค่ากับเงินทุกบาทที่ต้องเสียไป เน้นนะคะว่าในงบที่พอจะจ่ายไหว ยังไม่ถึงขั้นประหยัดแบบเกลือเรียกพี่คร้า….  เริ่มกันด้วยตั้งแต่ขั้นตอนแรกเลยละกันนะคะ

         กาลครั้งหนึ่ง ซึ่งฉันอาจลืมไปแล้ว 5555 เมื่อต้นปี 2017 เราเล่นอินเตอร์เน็ต แล้วไปเจอ เทศกาลหิมะที่เมืองซัปโปโร ดูแล้วรู้สึกอยากไปมาก อากาศคงหนาวๆ ถ้าเราไปคงได้สัมผัสหิมะที่ตกใหม่ของจริง ไม่ใช่หิมะแบบคุณหลอกดาวที่แดนเนรมิตหรือโลกแห่งความฝันที่ตอนเป็นเด็กหลายๆคนเคยไป  อยากไปที่ที่มีอุณหภูมิหนาวแบบติดลบ เริ่มลำไยเมืองไทย ทีมี 3 ฤดู คือ ร้อน ร้อนมาก และร้อนที่สุด แต่ติดเรื่องเดียวที่เป็นอุปสรรค คือไม่มีตังค่ะ แต่เราก็ไม่ย่อท้อ อดทนและใช้คติ รวมกันเราอยู่ เลยไปหาผู้ร่วมเดินทางมาเป็นเพื่อนอีกคนนึง เพื่อที่จะได้มีกองทุนสะสมทันก่อนเทศกาลหิมะ 2018 จะวนมาอีกรอบ

         10 เดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก เมื่อเดือนตุลาคม 2560ที่ผ่านมา มีโปรโมชั่นสายการบิน Low cost หลายสายมากมาย มาลดกระหนำ่กันจนสติของเราไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เผลอคลิกเข้าไปตามลิงค์ที่เค้าแนบมา ซึ่งแทบทุกสายการบินมันเชื่อมโยงกันกับเว็บไซต์ Expedia ที่หลายๆคนรู้จักกันดีว่าเป็นเว็บไซต์สัญชาติอเมริกัน ที่ให้การบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวออนไลน์ระดับโลก จนเรานี่มือลั่น กดจองไปทันที

        


         ราคา ณ ตอนนั้น ที่ถูกที่สุดคือ สายสีแดง ที่ชาวไทยหลายคนคุ้นเคยและใช้บริการกันบ่อยๆ ซึ่งดิฉันก็เคยใช้บริการมาก่อนค่ะ เลยรู้ว่าเราจะมีบุคลิกภาพที่ดี เนื่องจากพนักพิงตั้งฉาก 90 องศา ทำให้เรานั่งหลังตรงตลอดการเดินทาง เข่าของคุณจะชิดกันกับเก้าอี้ของคนที่อยู่หน้าคุณบ้างในบางครั้งที่ขยับตัว นอกจากนี้ถ้าคุณไม่อยากโหยไส้กิ่วระหว่างบิน 6 ชั่วโมง คุณอาจจะสั่งอาหารออนไลน์ล่วงหน้า หรือจะซื้อบนเครื่อง ซึ่งนั่นแปลว่าคุณต้องจ่ายเงินเพิ่ม เช่นเดียวกันกับนำ้หนักกระเป๋าที่ไม่ได้รวมในราคาตั๋วโดยสารตั้งแต่แรก เมื่อคุณบวกไปบวกมา ราคาอาจจะเท่ากันกับสายการบินอื่นที่รวมทุกอย่างแล้วก็ได้  เพราะ Concept ของสายการบินนี้คือ No frill หรือ You pay what you want ราคาตั๋วจะถูกจริงถ้าคุณตัดสิ่งที่คุณไม่จำเป็นออกไป ราคาขาไป 5,XXX บาท บินตรงค่ะ ขากลับแพงกว่า เลยแวะไปดูสายสีเหลืองบ้าง ราคาแพงกว่าสีแดงนิดหน่อย แม้ที่นั่งจะมีพื้นที่มากกว่าสายสีแดงหน่อย เครื่องบินจะเป็น Boeing 777 Dreamliner  ซึ่งใหม่กว่า บินตรงเช่นกัน แต่ก็บริการคล้ายกันกับสายสีแดง เลยแอบส่องป้าม่วงราคาก็ไม่ลง  เลยขอบาย สุดท้ายเปลี่ยนแนวไปดูสายการบิน 5 ดาว ที่มีบริการแบบ Full Service อย่าง Hongkong Airlines ซึ่งขาไปมีจอดพักเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง 1 ชั่วโมง ราคาไป - กลับ รวมทุกอย่างแล้ว 27,424 บาท หรือตกคนละ 13,712 บาทค่ะ

         

        
         จบเรื่องการจองตั๋วเครื่องบินเสร็จ ก็หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไป, กิจกรรมที่อยากทำ, ราคาค่าเข้าสถานที่ต่างๆ, จัดทำ Itinerary, การจองโรงแรมให้เหมาะสม, รวมไปถึงการเตรียมเอกสารต่างๆให้พร้อม ซึ่งใจอยากไปทั้งเทศกาลหิมะที่ซัปโปโร ระหว่างทางลงมาโตเกียวก็อยากเที่ยว แต่ด้วยงบที่จำกัด ประมวลผลออกมาแล้ว ทั้งไปและกลับคือ ใช้สนามบินนาริตะ หลังจากนั้นใช้ตั๋วรถไฟ Japan Rail Pass แบบ 7 วัน แล้วค่อยซื้อ Pass หรือตั๋วอื่นๆเพิ่มค่ะ

เอกสาร และ สิ่งที่จะต้องเตรียมมีดังนี้

1. Passport ตรวจสอบว่าวันที่ยังไม่ใกล้หมดอายุ

2. ใบขับขี่สากล (ในแผนที่เราวางไว้มีขับรถด้วย) ซึ่งไปทำด้วยตัวเองไม่ยากเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้

2.1 สำเนาบัตรประชาชน
2.2 สำเนาพาสปอร์ต
2.3 สำเนาใบขับขี่รถยนต์ประเภท 5 ปี (ที่ยังไม่หมดอายุ)
ข้อ 2.1 - 2.3 จำนวนอย่างละ 1 ใบ โดยทุกใบต้องเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องและเซ็นชื่อเราด้วยนะคะ
2.4 รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป
2.5 เงินสด 505 บาทค่ะ เมื่อเตรียมเอกสารทุกอย่างครบแล้วก็เดินทางไปที่สำนักงานขนส่งเขตจตุจักร อาคาร 4 ชั้น 1 ซ้ายมือ ไม่เกิน 10 นาที ก็ได้ใบขับขี่สากลมาอยู่ในกำมือเราค่ะ ใบขับขี่ประเภทนี้มีอายุการใช้งาน 1 ปีหลังจากที่ทำนะคะ ดังนั้นวางแผนให้ดีๆค่ะ



3. Sim net เหตุผลเพราะเคยใช้ pocket wifi แล้วบางเมืองที่ไปไม่มีสัญญาณ นอกจากนี้ต้องคอยชาตแบตเตอรี่ pocket wifi ไม่ให้แบตหมดด้วย ซึ่งอากาศที่หนาวแบตเตอรี่มือถือก็จะหมดไวอยู่แล้ว ไหนจะเรื่องนำ้หนักของ pocket wifi อีก แม้มันจะไม่ได้หนักมาก แต่ก็อาจจะเป็นภาระสำหรับเราได้ถ้าต้องเดินทางไกล เราจึงตัดสินใจซื้อ ซิม 2 Fly จำนวน 2 อัน ซึ่งซิม 1 อัน เมื่อเปิดใช้งานแล้วจะมีอายุใช้งานได้แค่ 8 วันเท่านั้น แต่..แต่...แต่...เราไปญี่ปุ่น 10 วัน ดังนั้นคติเดิมเลยจร้า... รวมกันเราอยู่  เราเปิดวันที่ 1 แล้วแชร์เน็ตให้ใช้ด้วยกัน พอถึงวันที่ 3 อีกคนค่อยเปิดซิมอีกอันต่างคนต่างใช้ ไม่ต้องแชร์แล้ว พอวันที่ 9 เน็ตเราหมดค่อยไปขอส่วนบุญจากการแชร์เน็ตของเค้าใช้สลับกันไป ข้อดีของ ซิม 2 Fly คือ ราคาเบาๆ สบายกระเป๋า 399 บาท/อัน สามารถใช้ที่ประเทศอื่นได้ด้วย เช่น เกาหลีใต้, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ลาว, อินเดีย, ไต้หวัน, มาเก๊า, ฟิลิปปินส์, กัมพูชา, พม่า, ออสเตรเลีย ซึ่งตอนเรารอเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงเราก็ใช้ได้ด้วย ข้อเสีย ตอนเราอยู่ที่ญี่ปุ่นช่วงที่นั่งรถไฟชินกันเซ็นกำลังลอดอุโมงค์ สัญญาณจะไม่มี แต่พอออกจากอุโมงค์สัญญาณดี ปกติไม่มีปัญหาไรค่ะ ปล.เวลาไปซิ้อซิมอย่าลืมนำบัตรประชาชนตัวจริงไปด้วยนะคะ



4. การสำรองที่พัก ซึ่งส่วนใหญ่เราจะจองผ่านเว็บไซต์ของ Booking ด้วยความน่าเชื่อถือ, ราคาที่ถูกกว่าและความสบายใจว่าไม่มีหมกเม็ดพวกค่าใช้แอบแฝงแน่นอน ซึ่งสามารถเลือกจ่ายเป็นเงินสดในวันที่เข้าพักได้หรือจะจ่ายผ่านบัตรเครดิตล่วงหน้าก็แล้วแต่เราสะดวกเลย ซึ่งตอนที่เราสำรองห้องพักออนไลน์จะมีการให้กรอกหมายเลขบัตรเครดิตของเราเฉยๆ ไม่ได้มีการเก็บเงินเราล่วงหน้าแต่อย่างใด แต่ถ้าเป็น Agoda ขนาดเราเลือกว่าจ่ายทีหลัง ยังมาตัดเงินในบัตรเครดิตก่อนวันที่เราจะไปถึงซะอีก ก็แค่คืนเดียวเท่านั้นที่จองกับ Agoda เพราะราคาถูกกว่า จากนั้นเราก็พิมพ์ใบจองห้องพักทุกโรงแรมทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษเผื่อไว้ให้ตม.ดูและใช้เวลา check in ตามโรงแรมค่ะ



5. การประสานกับสถานที่ที่จะเข้าชม ซึ่งบางที่ไม่อนุญาตให้ walk in ได้  จึงจำเป็นต้องทำการจอง สำรองล่วงหน้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต เช่น Snowmobile Land Sapporo เราก็ได้สื่อสารผ่านทางอีเมลล์ english.info@snowmobileland.jp เป็นภาษาอังกฤษที่เรามั่นหน้าว่าเราเก่งเพราะฝึกมาตั้งแต่อนุบาลว่าThank you teacher!  I am fine. Thank you and you ?  แล้วก็ผ่านไปด้วยดีจร้า...



6. ตั๋วรถไฟ Japan Rail Pass ต้องซื้อจากเมืองไทยไปนะคะ ที่ญี่ปุ่นหรือสถานีรถไฟบางซื่อไม่มีขายค่ะ ลองหาแหล่งซื้อจากการค้นหาใน google ดูเผื่อมีราคาที่ถูกกว่า เราซื้อแบบ 7 วัน จากเว็บของ Lostrip ราคาใบละ 7,990 บาท  เมื่อซื้อขายโอนเงินค่าตั๋วเสร็จ ไม่เกิน 3 วันจะมีตั๋วมาส่งตามที่อยู่ที่เราแจ้งค่ะ ยำ้นะคะว่าให้ตรวจชื่อ - นามสกุลว่าตรงกันกับชื่อเราในพาสปอร์ตมั้ย ถ้าไม่ตรงให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เราไปซื้อกับเค้าทันทีค่ะ อย่าปล่อยให้ถึงญี่ปุ่นแล้วค่อยนึกได้นะคะ เมื่อนั้นอาจสายเกินแก้ค่ะ แต่โดยส่วนตัวยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ชื่อผิดแต่อย่างใด เป็นคนคิดเยอะนิดนึงค่ะ 5555  อ่อ! ถ้าถึงญี่ปุ่นแล้วตั๋วนี้ยังใช้งานไม่ได้นะคะ เราจะต้องไปติดต่อที่เคาร์เตอร์ของ JR ก่อนค่ะ เพื่อเปลี่ยนเป็นพาสรูปซากุระก่อน กรณีที่ต้องนั่งรถไฟชินคันเซ็น หรือนาริตะเอ็กเพรส จะต้องทำการจองตั๋วก่อนด้วยนะคะ โดยนำ Japan Rail Pass ไปด้วยและแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าจะใช้รอบกี่โมง จากสถานี...ไปยังสถานี… แล้วก็จะได้บัตรสีเขียวอ่อนใบเล็กๆนี้มาค่ะ ซึ่งในบัตรนี้จะบอกรายละเอียดเราในส่วนของ ชื่อและหมายเลขของรถไฟ ตำแหน่งที่เราจองได้รถคันที่เท่าไหร่ ที่นั่งหมายเลขอะไร เวลาออกเดินทาง และเวลาถึงจุดหมาย ข้อดีของ Japan Rail Pass ใช้ได้กับรถไฟทั่วภูมิภาคญี่ปุ่นที่เป็นของ JR ข้อเสียใช้ไม่ได้กับรถไฟเอกชน เช่น สาย Nozomi และ Mizuho ค่ะ




การดูตารางรถไฟล่วงหน้าเพื่อวางแผนการท่องเที่ยว สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ http://www.hyperdia.com/en/ โดยเลือกสถานีต้นทาง สถานีปลายทาง วันที่ เวลาที่ต้องการออกเดินทางหรือเวลาที่ต้องการไปถึง แล้วติ๊กเครื่องหมายถูกที่ช่อง Airplane, Nozomi และ Private Rail way ออกด้วยนะคะ เสร็จแล้วกด Search เพียงเท่านี้ระบบก็จะคำนวนตารางการเดินทางมาให้เราคร้า...



7. ประกันการเดินทาง ยุคนี้ซื้อง่ายมาก ควรซื้ออย่างน้อย 2 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง มีทั้ง K+ ของค่ายกสิกรที่สามารถซื้อผ่านแอบพลิเคชั่นบนมือถือ แต่เราก็ไม่ได้เป็นคนที่เห็นแก่ของกินนะ เราซื้อ MSIG เพราะมีคูปองบัตรกำนัลสตาร์บักแถมให้ นอกจากนี้เข้าไปอ่านความคุ้มครองแล้ว ดูให้สมนำ้สมเนื้ออยู่ เลยซื้อแผน easy 2 มาคร้า ความคุ้มครอง 10 วัน 2 คนจ่ายแค่  2,010 บาท ตกคนละ 1,005 บาท เองค่ะ

8.ภูมิอากาศ เนื่องจากไปหลายเมืองเลยต้องศึกษาภูมิอากาศแต่ละเมืองก่อนจะได้เตรียมชุดได้ถูก ไม่ใช่หิมะตก อุณหภูมิติดลบ แต่เตรียมผ้าซีฟองไปนะจ้ะ สำหรับเราเตรียมเสื้อกันหนาวแบบหนาๆไป  รองเท้าบูธใครเคยมีที่ใช้หนีนำ้ท่วมเมื่อปี 2554 เอาไปด้วยก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องซื้อใหม่ ใช้ชั่วคราวไปก่อนประหยัดเงินได้แล้วใส่ถุงเท้าข้างในหนาๆเอา เสื้อผ้าพวกฮีทเทค ถ้าไม่มีไปซื้อที่ยูนิโคล่ที่ญี่ปุ่นถูกกว่าไทยค่ะ



9. การแลกเปลี่ยนเงินให้พร้อม หากเห็นว่าเงินเยนกำลังลงเป็นที่พอใจ ให้รีบไปแลกเลย อย่ารอให้อีก 3 วันที่จะเดินทางแล้วค่อยไปแลก เพราะคุณอาจจะเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น เงินเยนขาดตลาด พอคุณแลกตามท้องตลาดไม่ได้ ก็ต้องไปแลกที่สนามบิน อันนี้จะรู้สึกหนาวเหน็บเลยเพราะอัตราแลกเปลี่ยนค่อนข้างสูง แต่เราก็เคยได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า แหล่งแลกเงินที่ดีงามนั้นคือ ซุปเปอร์ริสสาขาสีลมค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่