สมัย financial crisis รอบก่อน ตอน lehman ล้มละลายน่ะ ผมยังทำงานอยู่ในห้องค้าเงิน เหตุการณ์มันแนวๆ เดียวกันเลยน่ะ
คือพวก financial market ที่พวกแบงค์กับสถาบันเล่นกันน่ะ มันส่งสัญญาณออกมาก่อน โดยตลาดหุ้นจะรับรู้เรื่องช้าที่สุด
ประมาณว่าเงินจริงหนีออกไปหลบหาที่ปลอดภัยหมดแล้ว แต่ยังปั่นหุ้นขึ้นกันต่อหน้าตาเฉยน่ะ
แต่สุดท้ายความจริงก็จะปรากฎ ซึ่งนักลงทุนรายย่อย(คนวงนอก) ก็จะรู้ตัวเป็นคนท้ายๆ
มันคือสถานการณ์ตอนนี้เลยน่ะ ตลาด us treasury ร่วงหนัก เงินหนีจาก us กระจายเข้าหลายประเทศ (รวมทั้งเข้า safe heaven อย่างทอง) แต่ยังมาปั่น DJI ขึ้นต่อกันอีก
ปล. us treasury ร่วง คือ ราคาลง แต่ yield ขึ้นน่ะ
สำหรับหุ้นบ้านเรามัน impact ทั้ง positive และ negative
positive คือ เงินหนีจาก us ส่วนนึงก็ต้องมาเข้าบ้านเรา ถ้าดูช่วงนี้บาทกลับมาแข็ง
negative คือ ถ้าหุ้นเมการ่วง หุ้นทั้งโลกก็ร่วงตาม
ไม่รู้ factor ไหนจะ impact มากกว่ากัน ของบ้านเราเลยเดายาก
ปล 2. เป็นบทวิเคราะห์จากนักลงทุนรายย่อยคนนึงครับ อาจจะมองสถานการณ์ผิดก็ได้
พายุกำลังจะมา financial crisis กำลังจะเกิด
สมัย financial crisis รอบก่อน ตอน lehman ล้มละลายน่ะ ผมยังทำงานอยู่ในห้องค้าเงิน เหตุการณ์มันแนวๆ เดียวกันเลยน่ะ
คือพวก financial market ที่พวกแบงค์กับสถาบันเล่นกันน่ะ มันส่งสัญญาณออกมาก่อน โดยตลาดหุ้นจะรับรู้เรื่องช้าที่สุด
ประมาณว่าเงินจริงหนีออกไปหลบหาที่ปลอดภัยหมดแล้ว แต่ยังปั่นหุ้นขึ้นกันต่อหน้าตาเฉยน่ะ
แต่สุดท้ายความจริงก็จะปรากฎ ซึ่งนักลงทุนรายย่อย(คนวงนอก) ก็จะรู้ตัวเป็นคนท้ายๆ
มันคือสถานการณ์ตอนนี้เลยน่ะ ตลาด us treasury ร่วงหนัก เงินหนีจาก us กระจายเข้าหลายประเทศ (รวมทั้งเข้า safe heaven อย่างทอง) แต่ยังมาปั่น DJI ขึ้นต่อกันอีก
ปล. us treasury ร่วง คือ ราคาลง แต่ yield ขึ้นน่ะ
สำหรับหุ้นบ้านเรามัน impact ทั้ง positive และ negative
positive คือ เงินหนีจาก us ส่วนนึงก็ต้องมาเข้าบ้านเรา ถ้าดูช่วงนี้บาทกลับมาแข็ง
negative คือ ถ้าหุ้นเมการ่วง หุ้นทั้งโลกก็ร่วงตาม
ไม่รู้ factor ไหนจะ impact มากกว่ากัน ของบ้านเราเลยเดายาก
ปล 2. เป็นบทวิเคราะห์จากนักลงทุนรายย่อยคนนึงครับ อาจจะมองสถานการณ์ผิดก็ได้