ถ้าพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวเมืองเก่าในกรุงเทพแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นย่านพระนครที่มีทั้งที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมเยอะมาก กระทู้นี้ผมจะชวนทุกคนไปค้นหามุมมองใหม่ๆที่ย่านพระนคร ตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นจนไปถึงหลังพระอาทิตย์ตกกันครับ ซึ่งโปรแกรมที่แพลนไว้แต่ละที่ก็จะมีทั้งแลนด์มาร์คคลาสสิคอย่างวัดโพธิ์ วัดพระแก้ว ไปถึงแหล่งที่เที่ยวใหม่ของสายชิลอย่างท่ามหาราช และจบที่โซนแฮงค์เอาท์ยามค่ำที่ถนนข้าวสาร ซึ่งแต่ละที่หลายคนคงคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่อย่างที่เกริ่นไปแล้ววันนี้ผมจะมาหามุมมองใหม่ๆในสายตาของผมผ่านกล้อง Canon M100 และ M6 ซึ่งเป็นกล้อง Mirrorless ขนาดเล็กพกพาติดกระเป๋าสะพายง่ายทั้งคู่ ซึ่งกล้องทั้งสองตัวก็มี Character ไม่เหมือนกัน
จากหน้าตาภายนอกแล้ว Canon M100 จะเป็นกล้องขนาดเล็กเบา มีวงแหวนเพื่อปรับ โหมดหรือตั้งค่าไม่กี่ปุ่มก็สามารถใช้งานหรือควบคุมกล้องได้หมด ลูกเล่นเยอะ ส่วนตัวผมว่าตัวนี้น่าจะเหมาะกับสาวๆ ที่ชอบกล้องที่พกพาง่ายจับถนัดมือ หยิบใช้งานได้ง่ายและยังมีโหมด Creative Assist ไว้เพื่อใส่ฟิลเตอร์ต่างๆได้ด้วย ส่วนของ Canon M6 นั้น รูปร่างภายนอกจะดูเท่ขึ้นมา แต่ก็พกพาง่ายไม่แพ้กัน ตัวนี้มีวงแหวนให้ปรับค่าต่างๆของกล้องเพิ่มขึ้น แต่ก็ใช้งานหรือตั้งค่าได้เช่นกัน
ส่วนฟังก์ชั่นด้านในนั้นได้ รับมาจากกล้อง DSLR เต็มๆ เรียกได้ว่าถ้าอยากได้กล้องที่ใช้งานได้ในระดับ DSLR แต่ไม่ชอบที่จะพกกล้องใหญ่ Canon M6 ถือว่าตอบโจทย์ได้มากที่สุด โดยเลนส์ที่ผมใช้ในวันนี้ คือ 11-22mm / 22mm / 55-200mm และผมได้เตรียม adapter เปลี่ยนเลนส์กล้อง Mirrorless ให้สามารถใช้เลนส์ของ DSLR เพื่อใช้เลนส์ Canon 24-70L ได้ซึ่งในเมื่อมีกล้องติดตัวมาถึง 2 ตัว ผมเลือกที่จะใช้ Canon M100 ในตอนเช้าจนไปถึงก่อนพระอาทิตย์ตก หลังจากนั้นก็ถึงคิว Canon M6 ถ่ายภาพยามค่ำคืนครับ เริ่มกันตั้งแต่เช้าตรู่
เริ่มจากวัดโพธิ์ซึ่งถือเป็นวัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจะมีเจดีย์ที่เรียงติด ๆ กันหลายองค์ หลากหลายระยะ ผมเลยใช้เลนส์ระยะกว้างเพื่อเก็บภาพเจดีย์ให้ได้ทั้งหมด
สำหรับเลนส์ fix ระยะ 22mm ที่ f2 ก็สามารถทำให้ได้ภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ดีมาก วัดโพธิ์ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตชาวต่างชาติมากมาย สังเกตุได้จากวันนี้ผมมาเช้ามาก แต่นักท่องเที่ยวก็เริ่มหนาตากันแล้ว
จากนั้นก็เดินออกมาทางท่าเตียน ระหว่างทางก็เห็นร้านกาแฟริมทางเยอะมาก เลยเข้ามาแวะดื่มกาแฟพักยกที่ร้าน Blue Whale Café ร้านนี้มีจุดขายคือนอกจากตัวร้านจะเน้นโทนสีฟ้าแล้ว เครื่องดื่มก็ยังมีสีฟ้าจากดอกอัญชัญด้วย ใครเป็นสายถ่ายร้านกาแฟ ถ่ายภาพอาหาร ร้านนี้ไม่ควรพลาด ต้องจัด
หลังจากพักดื่มกาแฟเรียบร้อย ก็ถึงเวลาเดินต่อไปที่ถนนมหาราช โดยระหว่างทาง ก็เดินไปถ่ายข้างทางไปด้วย
ทั้งร้านค้า นักท่องเที่ยว พ่อค้าผลไม้ คนขับสามล้อ ผมเลยเลือกใช้เลนส์ระยะ 55-200mm ในการ snap ภาพแนวสตรีท
ระบบโฟกัสของ M100 ต้องชมเลยว่าเร็วและแม่นยำมาก ซึ่งเป็นจุดที่ผมชอบมาก
เดิน snap ได้ตลอดเส้นทางโดยไม่พลาดจังหวะต่างๆที่ ผมต้องการเก็บภาพเลย
เมื่อเดินออกมาจากท่ามหาราช ผมก็เดินย้อนไปที่วัดพระแก้ว ผมต้องการเก็บภาพบรรยากาศผู้คนบริเวณนั้นจากด้านนอก แต่เหมือนอากาศตอนนั้นไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่ แดดร้อนมาก และไม่มีเมฆเลย คนส่วนใหญ่เลยพยายามเดินหลบแดดหมด แต่ดูชาวต่างชาติก็ไม่กลัวแดดกันเหมือนคนไทย
จากอากาศที่ร้อนมากผมเลยนั่งแท็กซี่ไปที่ป้อมพระสุเมรุซึ่งเป็นโบราณสถานที่มีสวนสารธารณะอยู่ติดกับแม่น้าเจ้าพระยา ตอนที่ไปถึงพระอาทิตย์ ใกล้จะตกแล้ว ผมเลยรีบเดินเก็บบรรยากาศริมแม่น้ำซึ่งจะเห็นสะพานพระราม8 ชัดมาก แล้วหลังจากนั้นก็เดินกลับไปถ่ายพระอาทิตย์ตกดินที่ท่าเตียนที่แรกที่เราเริ่มต้น
เรามาต่อที่ โรงแรมศาลารัตนโกสินทร์ ไปถึงที่ร้านเวลา ประมาณเกือบจะหกโมง พระอาทิตย์ก็เริ่มที่จะตกแล้ว รร.ศาลารัตนสิทธิ์ อยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตำแหน่งของร้านนี้ฟินมากครับ อยู่ฝั่งตรงข้ามพระปรางค์วัดอรุณ โดยชั้นบนสุดเป็น Rooftop เราจะสามารถเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบ พาโนราม่า กันเลยทีเดียว
ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องถ่ายวิวพระปรางค์วัดอรุณ ถ้ามาช่วงค่ำจะเปิดไฟสวยไปอีกแบบครับ ต่อจากนี้ผมเลยเปลี่ยนมาใช้ Canon M6 ในการถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดินจนไปถึงมืดนะครับ กล้อง Canon M6 จะต่างจาก M100 พอสมควรในเรื่องหน้าตา ซึ่งขนาดอาจจะใกล้เคียงกันแต่ Canon M6 จะมีปุ่มวงแหวนปรับค่า ต่างๆได้ครบครันมากกว่า สามารถปรับค่าเบสิคต่างๆได้รวดเร็วมากกว่า
ซึ่งเมื่อพระอาทิตย์เริ่มจะตกดิน ผมลองใช้โหมด Creative Assist ซึ่งโหมดนี้จะปรับแสง สี หรือ Filter ต่าง ๆ ลงไปในภาพได้เลย ทำให้สะดวกขึ้นมากมาก แทบไม่ต้องใช้แอพแต่งภาพเลย ว่าแล้วก็เทียบความแตกต่างระหว่างใช้ Creative Assist กับไม่ใช้กัน โดยรูปแรกตั้งค่ากล้องแสงปกติ ส่วนรูปที่สองใช้ Creative Assist จะเห็นได้ว่าจะภาพได้ฟีลแตกต่างกัน
ช่วงที่รอฟ้ามืดเราก็หาแก้วแถวนั้นมาเป็นพรอพวางไว้เป็น Foreground
โดยใช้เลนส์ที่มีค่า f ต่ำ เพื่อให้ได้โบเก้แม่น้ำสะท้อนพระอาทิตย์ที่กำลังตกอย่างเพอร์เฟ็คท์
นักท่องเที่ยวต่างชาติก็นิยมมาที่ร้านนี้เพื่อนั่งชมความงามของพระปรางค์วัดอรุณในช่วงพระอาทิตย์ตก
เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ผมเลยตั้งค่ากล้องโดยเทคนิค Long Exposure แต่ไม่อำนวยให้ใช้ขาตั้งกล้องที่ร้านได้
ผมเลยวางไว้กับขอบโต๊ะ โดยเปิดชัตเตอร์ไว้ที่ 30 วินาที
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
มาดูกันต่อเลยว่า M6 จะสามารถจัดการ noise ได้ดีแค่ไหน
ผมออกมาจากร้านและมุ่งหน้าต่อไปที่ถนนข้าวสาร สำหรับถ่ายตอนกลางคืนผมตั้งค่า iso ที่ 1600 ภาพที่ออกมาถือว่า M6 ทำได้ดีมากในระดับ Mirrorless ยังมี noise ให้เห็นอยู่ บ้าง แต่โดยรวมแล้วถือว่าสอบผ่านมากทั้งในการโฟกัสช่วงแสงน้อย ระบบโฟกัสเร็วและแม่นยำเหมือนปกติ สามารถเก็บภาพแสงไฟยามค่ำคืนได้จัดว่าดีงามเลย
หลังจากเราเดินถ่ายรูปย่านพระนครตั้งแต่เช้าถึงค่ำแล้ว มาดูข้อสรุปการใช้งานกล้อง Canon M100 กับ Canon M6 กันเลยครับ Canon M100 ที่ผมใช้ตอนเช้าถึงถึงเย็น ๆ เป็นกล้องที่ใช้งานได้ง่ายเข้าใจปุ่มต่างๆหรือปรับค่ากล้องต่างๆไม่ยาก เรียกว่าจับใช้งานไม่นานก็สามารถใช้งานได้คล่อง เหมาะสำหรับสาวๆ ที่กำลังหากล้อง Mirrorless ขนาดเล็กพกพาง่ายใช้งานไม่ยุ่งยากได้ภาพที่คมชัดโฟกัสเร็ว มีโหมด ต่างๆ ในการถ่ายภาพหลากหลาย หน้าจอทัชสกรีน และสามารปรับหน้าจอ 180 องศา เพื่อ Selfie ได้ หยิบจับถนัดมือ เหมาะกับคุณสาว ๆ ครับ สำหรับคุณผู้ชายก็สามารถใช้ได้นะครับ แต่ถ้าเป็นคนมือใหญ่หน่อยอาจจะจับไม่ค่อยถนัดมือบ้าง ใครมือเล็กก็ไม่มีปัญหา
Canon M6 หน้าตาภายนอกดีไซน์ออกแนววินเทจนิดๆ ผมว่าเท่ดีนะ ระบบฟังก์ชั่นต่างๆ ให้เต็มสิบเลย การเชื่อมต่อผ่าน Application Camera Connect รวมเร็วทันใจ ระบบโฟกัสและกันสั่น ถือว่าทำได้ดีมาก ทำให้ถ่ายภาพตอนแสงน้อยได้อย่างหมดห่วงผมว่าอันนี้คือจุดเด่น วงแหวนปุ่มปรับค่าต่างๆมีครบมากกว่าทำใช้ปรับค่าต่างๆได้ง่าย หน้าจอทัชสกรีน เร็ว ไม่ค้าง อันนี้ปลื้มสุด ๆ (M100 ก็เช่นกัน) จอดิสเพลย์ สามารถปรับขึ้นมาถ่าย Selfie ได้ 180 องศาเช่นกัน โดยรวมแล้วเหมาะสำหรับคนตั้งแต่มือใหม่เริ่มเล่นกล้องจนไปถึงกึ่งโปรก็สามารถใช้กล้องตัวนี้ได้
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณที่มาเลื่อนดูการเดินทางของผมในย่านพระนคร1วันเต็มๆ ขอบคุณ Canon Thailand ที่ให้กล้องและเลนส์มายืมเล่นด้วย ครับ ผิดพลาดหรือตกหล่นตรงไหนขออภัยเป็นอย่างสูงครับ
[SR] Before Sunset กับ Canon EOS M100, Before Sunrise กับ Canon EOS M6 ณ ท่าเตียน
จากหน้าตาภายนอกแล้ว Canon M100 จะเป็นกล้องขนาดเล็กเบา มีวงแหวนเพื่อปรับ โหมดหรือตั้งค่าไม่กี่ปุ่มก็สามารถใช้งานหรือควบคุมกล้องได้หมด ลูกเล่นเยอะ ส่วนตัวผมว่าตัวนี้น่าจะเหมาะกับสาวๆ ที่ชอบกล้องที่พกพาง่ายจับถนัดมือ หยิบใช้งานได้ง่ายและยังมีโหมด Creative Assist ไว้เพื่อใส่ฟิลเตอร์ต่างๆได้ด้วย ส่วนของ Canon M6 นั้น รูปร่างภายนอกจะดูเท่ขึ้นมา แต่ก็พกพาง่ายไม่แพ้กัน ตัวนี้มีวงแหวนให้ปรับค่าต่างๆของกล้องเพิ่มขึ้น แต่ก็ใช้งานหรือตั้งค่าได้เช่นกัน
ส่วนฟังก์ชั่นด้านในนั้นได้ รับมาจากกล้อง DSLR เต็มๆ เรียกได้ว่าถ้าอยากได้กล้องที่ใช้งานได้ในระดับ DSLR แต่ไม่ชอบที่จะพกกล้องใหญ่ Canon M6 ถือว่าตอบโจทย์ได้มากที่สุด โดยเลนส์ที่ผมใช้ในวันนี้ คือ 11-22mm / 22mm / 55-200mm และผมได้เตรียม adapter เปลี่ยนเลนส์กล้อง Mirrorless ให้สามารถใช้เลนส์ของ DSLR เพื่อใช้เลนส์ Canon 24-70L ได้ซึ่งในเมื่อมีกล้องติดตัวมาถึง 2 ตัว ผมเลือกที่จะใช้ Canon M100 ในตอนเช้าจนไปถึงก่อนพระอาทิตย์ตก หลังจากนั้นก็ถึงคิว Canon M6 ถ่ายภาพยามค่ำคืนครับ เริ่มกันตั้งแต่เช้าตรู่
เริ่มจากวัดโพธิ์ซึ่งถือเป็นวัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจะมีเจดีย์ที่เรียงติด ๆ กันหลายองค์ หลากหลายระยะ ผมเลยใช้เลนส์ระยะกว้างเพื่อเก็บภาพเจดีย์ให้ได้ทั้งหมด
สำหรับเลนส์ fix ระยะ 22mm ที่ f2 ก็สามารถทำให้ได้ภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ดีมาก วัดโพธิ์ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตชาวต่างชาติมากมาย สังเกตุได้จากวันนี้ผมมาเช้ามาก แต่นักท่องเที่ยวก็เริ่มหนาตากันแล้ว
จากนั้นก็เดินออกมาทางท่าเตียน ระหว่างทางก็เห็นร้านกาแฟริมทางเยอะมาก เลยเข้ามาแวะดื่มกาแฟพักยกที่ร้าน Blue Whale Café ร้านนี้มีจุดขายคือนอกจากตัวร้านจะเน้นโทนสีฟ้าแล้ว เครื่องดื่มก็ยังมีสีฟ้าจากดอกอัญชัญด้วย ใครเป็นสายถ่ายร้านกาแฟ ถ่ายภาพอาหาร ร้านนี้ไม่ควรพลาด ต้องจัด
หลังจากพักดื่มกาแฟเรียบร้อย ก็ถึงเวลาเดินต่อไปที่ถนนมหาราช โดยระหว่างทาง ก็เดินไปถ่ายข้างทางไปด้วย
ทั้งร้านค้า นักท่องเที่ยว พ่อค้าผลไม้ คนขับสามล้อ ผมเลยเลือกใช้เลนส์ระยะ 55-200mm ในการ snap ภาพแนวสตรีท
ระบบโฟกัสของ M100 ต้องชมเลยว่าเร็วและแม่นยำมาก ซึ่งเป็นจุดที่ผมชอบมาก
เดิน snap ได้ตลอดเส้นทางโดยไม่พลาดจังหวะต่างๆที่ ผมต้องการเก็บภาพเลย
เมื่อเดินออกมาจากท่ามหาราช ผมก็เดินย้อนไปที่วัดพระแก้ว ผมต้องการเก็บภาพบรรยากาศผู้คนบริเวณนั้นจากด้านนอก แต่เหมือนอากาศตอนนั้นไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่ แดดร้อนมาก และไม่มีเมฆเลย คนส่วนใหญ่เลยพยายามเดินหลบแดดหมด แต่ดูชาวต่างชาติก็ไม่กลัวแดดกันเหมือนคนไทย
จากอากาศที่ร้อนมากผมเลยนั่งแท็กซี่ไปที่ป้อมพระสุเมรุซึ่งเป็นโบราณสถานที่มีสวนสารธารณะอยู่ติดกับแม่น้าเจ้าพระยา ตอนที่ไปถึงพระอาทิตย์ ใกล้จะตกแล้ว ผมเลยรีบเดินเก็บบรรยากาศริมแม่น้ำซึ่งจะเห็นสะพานพระราม8 ชัดมาก แล้วหลังจากนั้นก็เดินกลับไปถ่ายพระอาทิตย์ตกดินที่ท่าเตียนที่แรกที่เราเริ่มต้น
เรามาต่อที่ โรงแรมศาลารัตนโกสินทร์ ไปถึงที่ร้านเวลา ประมาณเกือบจะหกโมง พระอาทิตย์ก็เริ่มที่จะตกแล้ว รร.ศาลารัตนสิทธิ์ อยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตำแหน่งของร้านนี้ฟินมากครับ อยู่ฝั่งตรงข้ามพระปรางค์วัดอรุณ โดยชั้นบนสุดเป็น Rooftop เราจะสามารถเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบ พาโนราม่า กันเลยทีเดียว
ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องถ่ายวิวพระปรางค์วัดอรุณ ถ้ามาช่วงค่ำจะเปิดไฟสวยไปอีกแบบครับ ต่อจากนี้ผมเลยเปลี่ยนมาใช้ Canon M6 ในการถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดินจนไปถึงมืดนะครับ กล้อง Canon M6 จะต่างจาก M100 พอสมควรในเรื่องหน้าตา ซึ่งขนาดอาจจะใกล้เคียงกันแต่ Canon M6 จะมีปุ่มวงแหวนปรับค่า ต่างๆได้ครบครันมากกว่า สามารถปรับค่าเบสิคต่างๆได้รวดเร็วมากกว่า
ซึ่งเมื่อพระอาทิตย์เริ่มจะตกดิน ผมลองใช้โหมด Creative Assist ซึ่งโหมดนี้จะปรับแสง สี หรือ Filter ต่าง ๆ ลงไปในภาพได้เลย ทำให้สะดวกขึ้นมากมาก แทบไม่ต้องใช้แอพแต่งภาพเลย ว่าแล้วก็เทียบความแตกต่างระหว่างใช้ Creative Assist กับไม่ใช้กัน โดยรูปแรกตั้งค่ากล้องแสงปกติ ส่วนรูปที่สองใช้ Creative Assist จะเห็นได้ว่าจะภาพได้ฟีลแตกต่างกัน
ช่วงที่รอฟ้ามืดเราก็หาแก้วแถวนั้นมาเป็นพรอพวางไว้เป็น Foreground
โดยใช้เลนส์ที่มีค่า f ต่ำ เพื่อให้ได้โบเก้แม่น้ำสะท้อนพระอาทิตย์ที่กำลังตกอย่างเพอร์เฟ็คท์
นักท่องเที่ยวต่างชาติก็นิยมมาที่ร้านนี้เพื่อนั่งชมความงามของพระปรางค์วัดอรุณในช่วงพระอาทิตย์ตก
เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ผมเลยตั้งค่ากล้องโดยเทคนิค Long Exposure แต่ไม่อำนวยให้ใช้ขาตั้งกล้องที่ร้านได้
ผมเลยวางไว้กับขอบโต๊ะ โดยเปิดชัตเตอร์ไว้ที่ 30 วินาที
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
มาดูกันต่อเลยว่า M6 จะสามารถจัดการ noise ได้ดีแค่ไหน
ผมออกมาจากร้านและมุ่งหน้าต่อไปที่ถนนข้าวสาร สำหรับถ่ายตอนกลางคืนผมตั้งค่า iso ที่ 1600 ภาพที่ออกมาถือว่า M6 ทำได้ดีมากในระดับ Mirrorless ยังมี noise ให้เห็นอยู่ บ้าง แต่โดยรวมแล้วถือว่าสอบผ่านมากทั้งในการโฟกัสช่วงแสงน้อย ระบบโฟกัสเร็วและแม่นยำเหมือนปกติ สามารถเก็บภาพแสงไฟยามค่ำคืนได้จัดว่าดีงามเลย
หลังจากเราเดินถ่ายรูปย่านพระนครตั้งแต่เช้าถึงค่ำแล้ว มาดูข้อสรุปการใช้งานกล้อง Canon M100 กับ Canon M6 กันเลยครับ Canon M100 ที่ผมใช้ตอนเช้าถึงถึงเย็น ๆ เป็นกล้องที่ใช้งานได้ง่ายเข้าใจปุ่มต่างๆหรือปรับค่ากล้องต่างๆไม่ยาก เรียกว่าจับใช้งานไม่นานก็สามารถใช้งานได้คล่อง เหมาะสำหรับสาวๆ ที่กำลังหากล้อง Mirrorless ขนาดเล็กพกพาง่ายใช้งานไม่ยุ่งยากได้ภาพที่คมชัดโฟกัสเร็ว มีโหมด ต่างๆ ในการถ่ายภาพหลากหลาย หน้าจอทัชสกรีน และสามารปรับหน้าจอ 180 องศา เพื่อ Selfie ได้ หยิบจับถนัดมือ เหมาะกับคุณสาว ๆ ครับ สำหรับคุณผู้ชายก็สามารถใช้ได้นะครับ แต่ถ้าเป็นคนมือใหญ่หน่อยอาจจะจับไม่ค่อยถนัดมือบ้าง ใครมือเล็กก็ไม่มีปัญหา
Canon M6 หน้าตาภายนอกดีไซน์ออกแนววินเทจนิดๆ ผมว่าเท่ดีนะ ระบบฟังก์ชั่นต่างๆ ให้เต็มสิบเลย การเชื่อมต่อผ่าน Application Camera Connect รวมเร็วทันใจ ระบบโฟกัสและกันสั่น ถือว่าทำได้ดีมาก ทำให้ถ่ายภาพตอนแสงน้อยได้อย่างหมดห่วงผมว่าอันนี้คือจุดเด่น วงแหวนปุ่มปรับค่าต่างๆมีครบมากกว่าทำใช้ปรับค่าต่างๆได้ง่าย หน้าจอทัชสกรีน เร็ว ไม่ค้าง อันนี้ปลื้มสุด ๆ (M100 ก็เช่นกัน) จอดิสเพลย์ สามารถปรับขึ้นมาถ่าย Selfie ได้ 180 องศาเช่นกัน โดยรวมแล้วเหมาะสำหรับคนตั้งแต่มือใหม่เริ่มเล่นกล้องจนไปถึงกึ่งโปรก็สามารถใช้กล้องตัวนี้ได้
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณที่มาเลื่อนดูการเดินทางของผมในย่านพระนคร1วันเต็มๆ ขอบคุณ Canon Thailand ที่ให้กล้องและเลนส์มายืมเล่นด้วย ครับ ผิดพลาดหรือตกหล่นตรงไหนขออภัยเป็นอย่างสูงครับ