ขอแชร์ประสบการณ์การปฎิบัติตัว ที่เป็นสะเก็ดเงินของตัวเองให้เพื่อน ๆ ฟังนะคะ
ดิฉันเป็นสะเก็ดเงินได้ประมาณเกือบ 3 ปี ที่บริเวณตาตุ่มและข้อเท้า เมื่อตอนเริ่มแรกที่เริ่มเป็นแผลขาว ๆ ขึ้นมาไม่ใหญ่เลย แต่คงเหมือนทุกคนคือชอบแกะ นั่งดูหนัง นั่งว่าง ๆ นั่งเล่นมือถือ อีกมือก็แกะไป จนมันเริ่มเป็นสะเก็ดน้ำตาลเหมือนจะหายก็ยิ่งแกะ มันแทนที่จะหายก็เริ่มขยายวงกว้างขึ้น ครั้งแรกก็คิดว่าเป็นโรคผิวหนังจึงไปหาหมอที่คลินิก หมอก็ทำแผลให้และให้ยาตลับเล็ก ๆ มาทา แต่ก็ไม่หาย ตอนหลังเลยไปซื้อยาจากเภสัชเป็นยาแก้ผิวหนังอักเสบแบบแพงสุด ซึ่งตอนนั้นแผลก็เริ่มใหญ่ขึ้นขนาดไข่ไก่ได้ ทาช่วงแรกก็ดีขึ้น ผิวหนังเริ่มปกติเหมือนหาย แต่พอใช้จนหมดหลอด มันก็กลับมาอีก เลยรู้ว่ายานั่นไม่ใช่คำตอบของการรักษา
ดิฉันเลยหาความรู้จากทางเน็ต ปรากฎว่าแผนปัจจุบันโดยส่วนใหญ่บอกว่า โรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายได้ ดิฉันเลยทำใจปล่อยมันไปตามยถากรรม ซึ่งตอนนั้นแผลก็เริ่มขยายขึ้นมีแผลทั้งสองข้าง และเพิ่มแผลที่ข้อเท้าด้วย (ยังไม่หยุดแกะ เพราะมันเพลินดี)
อยู่มาวันหนึ่ง ดิฉันไปเดินเที่ยวห้างแห่งหนึ่ง พบเครื่องหยอดเหรียญนวดเท้า เลยคิดว่าถ้าเราใช้เครื่องนี้อาจทำให้ผ่อนคลายเท้า โรคนี้อาจจะดีได้ (ความหวังเล็ก ๆ) แต่ปรากฎว่าเมื่อดิฉันนั่งให้เจ้าเครื่องนี้นวด (ซึ่งมันไม่ได้นวดอะไรหรอก มันแค่มีปุ่ม ๆ ที่บนแผ่นวางเท้า และทั้งแผ่นก็สั่น) มันเริ่มสั่นแรงขึ้น แรงขึ้น และดิฉันก็เริ่มสังเกตเห็นบนเท้าเริ่มมีจุดแดง ๆ ปื้น ๆ เป็นย่อม ๆ แต่ไม่มากนัก เกิดขึ้น ดิฉันเลยรู้เลยว่านั่นคือจุดที่จะเกิดแผลอันใหม่แน่เพราะเหมือนกับตอนเริ่มเกิดของแผลเก่า ถ้าเราไปแกะมันต้องเป็นเพิ่มแน่นอน ดิฉันจึงตัดสินใจหยุดใช้เครื่องนวดนั้นก่อนที่หมดเวลา และไม่แกะจุดปื้น ๆ นั้นเลยรอดูมันอยู่เป็นอาทิตย์ๆ มันก็เริ่มจางลงและหายไป ทำให้ดิฉันรู้เลยว่า สะเก็ดเงินต้องเกี่ยวกับเลือดและน้ำเหลืองในเท้าแน่ ทายาแก้ผิวหนังมันจึงไม่หาย
ที่ผ่านมา ดิฉันไม่ค่อยไปสนใจมัน จนบางครั้งมันก็เริ่มเป็นวงใหญ่มาก กว้างประมาณอุ้งมือได้ มีปื้นหนา ๆ แข็ง ๆ จนถึงมีน้ำใส ๆ ออกมา ช่วงตาตุ่ม และบวม ตอนนอนส่วนที่บวมก็จะแตะพื้นก่อนเวลาเราพลิกเท้าทำให้น้ำใสๆนั้น เลอะที่นอน ดิฉันกลุ้มใจแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ดิฉันได้เจอความรู้จากธรรมชาติบำบัดหลายแขนงในเน็ต นำมาปฏิบัติตัว จึงเริ่มสังเกตว่า แผลเริ่มหายเองเป็นผิวธรรมดาเกือบ 50% เพียงแค่ปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง ไม่ต้องเสียเงินอะไร
ดิฉันมีวิธีปฏิบัติโดยมีหลักใหญ่ ๆ อยู่ ดังนี้
1. ดีท็อกลำไส้
(ยาระบายสมุนไพรทั่วไป ถ่ายกากจนหมด จนเป็นน้ำ จนหายเหม็น) ผลคือผิวหายกลายเป็นผิวธรรมดา ประมาณ 30-40% อันนี้ดิฉันทำครั้งเดียว ครั้งแรกก็เห็นผล
2. อย่าอดนอน อย่าเข้านอนเกิน 4 ทุ่มครึ่ง
3. จดการทานอาหารเป็น diary ทุกมื้อทุกวัน
แล้วสังเกตแผล ถ้าแห้ง ไม่คันไม่กำเริบ แสดงว่าอาหารนั้นไม่มีผลกับสะเก็ดเงินของเรา ให้เราทานอาหารแบบนั้นต่อไปได้ แต่ถ้ามีอาการคัน บวม มีน้ำใสๆ ไหล (ก็คือน้ำเหลือง) หรือแผลมีสะเก็ดมากขึ้น แสดงว่าอาหารที่เราเพิ่งกินไปมันแสลงแผลสำหรับเราห้ามกินอีกเด็ดขาด (ทุกคนอาจแพ้อาหารไม่เหมือนกัน ต้องสังเกตของใครของมัน)
4. ออกกำลังกาย
อย่างน้อยวันละครั้ง 20-30 นาทีแล้วแต่โอกาส เพื่อกระตุ้นให้น้ำเหลืองไม่อยู่นิ่ง ๆ มันจะไม่เสีย (ของดิฉันใช้วิธีวิ่งตอนเช้า กับพวกหมา ๆ เพราะเป็นที่เท้า มันมีต่อมน้ำเหลืองที่เท้าอยู่ จะได้กระแทกให้มันไม่อยู่กับที่ และได้ข้อ 5 ไปด้วย)
5 ตากแดด
พยายามให้แผลโดนแดด เพราะไอ้เจ้าสะเก็ดเงินนี่มันก็แพ้แดดเสียด้วย แผลก็เลยค่อย ๆ หาย ดีขึ้นค่ะ
เ
พิ่มเติมนะคะ ตรงส่วนที่มันหนาอาจต้องใช้เวลามากกว่า มันจะค่อย ๆ บางลง อาจขยายส่วนบางออกไป ไม่เป็นไร ส่วนที่บางจะหายก่อน และข้อสำคัญ "ห้ามแกะ" "ห้ามเกา" เวลาผิวแห้งดิฉันจะใช้โลชั่นทาผิวเด็ก มาทาให้ชุ่มชื้นค่ะ
ยังไงเพื่อนๆ ก็ลองนำเอาวิธีของดิฉันไปใช้ดูนะคะ ขอเน้นอาหารที่เราค้นพบด้วยตัวเองว่าแพ้กับโรคนี้ ต้องตัดใจอย่ากลับไปกินมันเด็ดขาด ไม่งั้นมันก็ไม่หายค่ะ ขอให้คนที่เป็นอยู่หายวันหายคืนนะคะ สู้ไปด้วยกันค่ะ!!
ขอแถมอีกข้อนะคะ ข้อ 6 สำคัญค่ะ คือ ทำใจให้สบาย ๆ ร่าเริงเข้าไว้ ห้ามเครียดค่ะ
**เพิ่มเติม** ที่บอกว่ามีน้ำใส ๆ ออกมานั่น ไม่ใช่มันออกมาเองหรอกนะคะ ทุกครั้งที่ดิฉันไปแกะแผลเท่านั้น แต่ตอนนี้แผลดีขึ้นหลังจากปฏิบัติตามด้านบน
เน้นนะคะว่าดีขึ้น ยังไม่หายทีเดียว มีบางส่วนเป็นผิวปกติ ส่วนที่เป็น แผลจะแห้งมีขุยขาวอยู่แต่ไม่มากถ้าเราไม่ไปรบกวนเขา
แต่ถ้าใครไม่เชื่อ ไม่ต้องทำตามก็ได้นะคะ ดิฉันไม่ได้บังคับค่ะ เพียงแต่อยากแบ่งปันเพราะรู้ว่าโรคนี้เป็นแล้วมันทรมานทางใจมากค่ะ
สะเก็ดเงิน รักษาด้วยตัวเอง แล้วดีขึ้น
ดิฉันเป็นสะเก็ดเงินได้ประมาณเกือบ 3 ปี ที่บริเวณตาตุ่มและข้อเท้า เมื่อตอนเริ่มแรกที่เริ่มเป็นแผลขาว ๆ ขึ้นมาไม่ใหญ่เลย แต่คงเหมือนทุกคนคือชอบแกะ นั่งดูหนัง นั่งว่าง ๆ นั่งเล่นมือถือ อีกมือก็แกะไป จนมันเริ่มเป็นสะเก็ดน้ำตาลเหมือนจะหายก็ยิ่งแกะ มันแทนที่จะหายก็เริ่มขยายวงกว้างขึ้น ครั้งแรกก็คิดว่าเป็นโรคผิวหนังจึงไปหาหมอที่คลินิก หมอก็ทำแผลให้และให้ยาตลับเล็ก ๆ มาทา แต่ก็ไม่หาย ตอนหลังเลยไปซื้อยาจากเภสัชเป็นยาแก้ผิวหนังอักเสบแบบแพงสุด ซึ่งตอนนั้นแผลก็เริ่มใหญ่ขึ้นขนาดไข่ไก่ได้ ทาช่วงแรกก็ดีขึ้น ผิวหนังเริ่มปกติเหมือนหาย แต่พอใช้จนหมดหลอด มันก็กลับมาอีก เลยรู้ว่ายานั่นไม่ใช่คำตอบของการรักษา
ดิฉันเลยหาความรู้จากทางเน็ต ปรากฎว่าแผนปัจจุบันโดยส่วนใหญ่บอกว่า โรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายได้ ดิฉันเลยทำใจปล่อยมันไปตามยถากรรม ซึ่งตอนนั้นแผลก็เริ่มขยายขึ้นมีแผลทั้งสองข้าง และเพิ่มแผลที่ข้อเท้าด้วย (ยังไม่หยุดแกะ เพราะมันเพลินดี)
อยู่มาวันหนึ่ง ดิฉันไปเดินเที่ยวห้างแห่งหนึ่ง พบเครื่องหยอดเหรียญนวดเท้า เลยคิดว่าถ้าเราใช้เครื่องนี้อาจทำให้ผ่อนคลายเท้า โรคนี้อาจจะดีได้ (ความหวังเล็ก ๆ) แต่ปรากฎว่าเมื่อดิฉันนั่งให้เจ้าเครื่องนี้นวด (ซึ่งมันไม่ได้นวดอะไรหรอก มันแค่มีปุ่ม ๆ ที่บนแผ่นวางเท้า และทั้งแผ่นก็สั่น) มันเริ่มสั่นแรงขึ้น แรงขึ้น และดิฉันก็เริ่มสังเกตเห็นบนเท้าเริ่มมีจุดแดง ๆ ปื้น ๆ เป็นย่อม ๆ แต่ไม่มากนัก เกิดขึ้น ดิฉันเลยรู้เลยว่านั่นคือจุดที่จะเกิดแผลอันใหม่แน่เพราะเหมือนกับตอนเริ่มเกิดของแผลเก่า ถ้าเราไปแกะมันต้องเป็นเพิ่มแน่นอน ดิฉันจึงตัดสินใจหยุดใช้เครื่องนวดนั้นก่อนที่หมดเวลา และไม่แกะจุดปื้น ๆ นั้นเลยรอดูมันอยู่เป็นอาทิตย์ๆ มันก็เริ่มจางลงและหายไป ทำให้ดิฉันรู้เลยว่า สะเก็ดเงินต้องเกี่ยวกับเลือดและน้ำเหลืองในเท้าแน่ ทายาแก้ผิวหนังมันจึงไม่หาย
ที่ผ่านมา ดิฉันไม่ค่อยไปสนใจมัน จนบางครั้งมันก็เริ่มเป็นวงใหญ่มาก กว้างประมาณอุ้งมือได้ มีปื้นหนา ๆ แข็ง ๆ จนถึงมีน้ำใส ๆ ออกมา ช่วงตาตุ่ม และบวม ตอนนอนส่วนที่บวมก็จะแตะพื้นก่อนเวลาเราพลิกเท้าทำให้น้ำใสๆนั้น เลอะที่นอน ดิฉันกลุ้มใจแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ดิฉันได้เจอความรู้จากธรรมชาติบำบัดหลายแขนงในเน็ต นำมาปฏิบัติตัว จึงเริ่มสังเกตว่า แผลเริ่มหายเองเป็นผิวธรรมดาเกือบ 50% เพียงแค่ปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง ไม่ต้องเสียเงินอะไร
ดิฉันมีวิธีปฏิบัติโดยมีหลักใหญ่ ๆ อยู่ ดังนี้
1. ดีท็อกลำไส้
(ยาระบายสมุนไพรทั่วไป ถ่ายกากจนหมด จนเป็นน้ำ จนหายเหม็น) ผลคือผิวหายกลายเป็นผิวธรรมดา ประมาณ 30-40% อันนี้ดิฉันทำครั้งเดียว ครั้งแรกก็เห็นผล
2. อย่าอดนอน อย่าเข้านอนเกิน 4 ทุ่มครึ่ง
3. จดการทานอาหารเป็น diary ทุกมื้อทุกวัน
แล้วสังเกตแผล ถ้าแห้ง ไม่คันไม่กำเริบ แสดงว่าอาหารนั้นไม่มีผลกับสะเก็ดเงินของเรา ให้เราทานอาหารแบบนั้นต่อไปได้ แต่ถ้ามีอาการคัน บวม มีน้ำใสๆ ไหล (ก็คือน้ำเหลือง) หรือแผลมีสะเก็ดมากขึ้น แสดงว่าอาหารที่เราเพิ่งกินไปมันแสลงแผลสำหรับเราห้ามกินอีกเด็ดขาด (ทุกคนอาจแพ้อาหารไม่เหมือนกัน ต้องสังเกตของใครของมัน)
4. ออกกำลังกาย
อย่างน้อยวันละครั้ง 20-30 นาทีแล้วแต่โอกาส เพื่อกระตุ้นให้น้ำเหลืองไม่อยู่นิ่ง ๆ มันจะไม่เสีย (ของดิฉันใช้วิธีวิ่งตอนเช้า กับพวกหมา ๆ เพราะเป็นที่เท้า มันมีต่อมน้ำเหลืองที่เท้าอยู่ จะได้กระแทกให้มันไม่อยู่กับที่ และได้ข้อ 5 ไปด้วย)
5 ตากแดด
พยายามให้แผลโดนแดด เพราะไอ้เจ้าสะเก็ดเงินนี่มันก็แพ้แดดเสียด้วย แผลก็เลยค่อย ๆ หาย ดีขึ้นค่ะ
เพิ่มเติมนะคะ ตรงส่วนที่มันหนาอาจต้องใช้เวลามากกว่า มันจะค่อย ๆ บางลง อาจขยายส่วนบางออกไป ไม่เป็นไร ส่วนที่บางจะหายก่อน และข้อสำคัญ "ห้ามแกะ" "ห้ามเกา" เวลาผิวแห้งดิฉันจะใช้โลชั่นทาผิวเด็ก มาทาให้ชุ่มชื้นค่ะ
ยังไงเพื่อนๆ ก็ลองนำเอาวิธีของดิฉันไปใช้ดูนะคะ ขอเน้นอาหารที่เราค้นพบด้วยตัวเองว่าแพ้กับโรคนี้ ต้องตัดใจอย่ากลับไปกินมันเด็ดขาด ไม่งั้นมันก็ไม่หายค่ะ ขอให้คนที่เป็นอยู่หายวันหายคืนนะคะ สู้ไปด้วยกันค่ะ!!
ขอแถมอีกข้อนะคะ ข้อ 6 สำคัญค่ะ คือ ทำใจให้สบาย ๆ ร่าเริงเข้าไว้ ห้ามเครียดค่ะ
**เพิ่มเติม** ที่บอกว่ามีน้ำใส ๆ ออกมานั่น ไม่ใช่มันออกมาเองหรอกนะคะ ทุกครั้งที่ดิฉันไปแกะแผลเท่านั้น แต่ตอนนี้แผลดีขึ้นหลังจากปฏิบัติตามด้านบน เน้นนะคะว่าดีขึ้น ยังไม่หายทีเดียว มีบางส่วนเป็นผิวปกติ ส่วนที่เป็น แผลจะแห้งมีขุยขาวอยู่แต่ไม่มากถ้าเราไม่ไปรบกวนเขา
แต่ถ้าใครไม่เชื่อ ไม่ต้องทำตามก็ได้นะคะ ดิฉันไม่ได้บังคับค่ะ เพียงแต่อยากแบ่งปันเพราะรู้ว่าโรคนี้เป็นแล้วมันทรมานทางใจมากค่ะ