[CR] รีวิว:: ทำตาสองชั้นกับการตัดสินใจใน 1 วัน

ขอเกริ่นก่อนเลยว่าเป็นคนที่ไม่ได้รักสวยรักงามอะไรมาก ไม่เคยมีแพลนหรือคิดที่จะศัลยกรรมเลย
แต่น้องสาวสุดที่รัก ตาหมวยนี่คะมาก เลยมาเร้ารือ ปรึกษาว่าอยากทำตา ช่วยตัดสินใจหน่อยว่าจะทำที่ไหนดี เราเลยช่วยหาคลินิก

เราเลยเริ่มหาคลินิก ให้น้องที่ออฟฟิศติดต่อดรีมคลินิก ดีลเรื่องราคา นู้นนี่นั่น ซึ่งตอนแรกจะสอบถามให้น้อง แต่จังหวะ เวลา วันหยุด วันลาพักร้อน วันพักฟื้นหลังทำตามันของน้องมันไม่ตรงกัน มันจังหวะไม่ได้ มันทำไม่ได้นั่นเอง น้องสาวเราก็เลยไม่ได้ทำ

แล้วที่บอกว่าเราใช้เวลาตัดสินใจแค่วันเดียวเพราะ..หมอลดราคาให้นิดหน่อย แว๊บแรกที่ได้ยินว่าหมอลดราคาให้ เลยมีความคิดเข้ามาในหัวว่า "ไม่แพงนิหน่า อยากทำว่ะ เวลาพักฟื้นก็มี" เพราะเราลาพักร้อนช่วงสิ้นปี 5 วันติด จังหวะมันได้ขนาดนี้ เลยลองโทรไปขอและปรึกษาแฟนว่า เราจะทำตาดีมั้ย?

ตอนแรกแฟนบอกให้ทำช่วงมีนา (ที่ให้ทำช่วงมีนา เพราะอะไรนะหร๊อ เพราะว่าโบนัสที่ออฟฟิศออกเดือนมีนายังไงล่ะ ออกช้าเน้อะ TT)
แต่เราก็บอกเหตุผลสารพัดว่า เนี้ยๆ ทำช่วงนี้จะได้มีเวลาพักฟื้นยาวๆ นะ อ้างทุกเหตุผล บลาๆๆ แฟนเลยเซย์เยส บอกอยากทำก็ทำเลยยยยย

พอแฟนเซย์เยสแล้ว ตอนบ่ายเราเลยแว๊บไปที่ดรีมเพื่อไปปรึกษาคุณหมอ

ขอเล่าเรื่องรูปตาก่อนละกัน ว่าทำไมถึงมีความคิดว่าอยากทำตา

(รูปจะแตกๆหน่อย สมัยตอนเรียนมหาลัย สมัยเมื่อ หก เจ็ด แปด ปีที่แล้วได้ เอิ้กๆ)

ถ้าดูจากรูปตา การแต่งหน้า ทุกสิ่งอย่าง ตาเรา น่าทำตาสองชั้นมากกว่าน้องสาวเราอีก
เวลาเราแต่งหน้า ต้องเขียนอายไลเนอร์หนามากกก และต้องเขียนสองข้างต้องไม่เท่ากันด้วยนะ

วันไหนรีบๆ เขียนอายก็จะไม่เท่ากัน หรือวันไหนไม่รีบก็เขียนไม่เท่ากันอยู่ดี เค้าล้อเล่น

ที่บอกว่าทำไมถึงต้องเขียนอายไลเนอร์ไม่เท่ากัน เพราะ..

ตาซ้ายจะเป็นตาสองชั้น แต่ชั้นไม่ได้ชัดสักเท่าไหร่
ส่วนตาขวาเป็นตาชั้นเดียว หลบในแบบมว๊ากมวก (ข้างนี้แหละที่ต้องเขียนอายหนาสุดๆ)

ถามว่าชีวิตที่ผ่านมา ใช้อายไลเนอร์หมดไปกี่แท่งแล้ว บอกเลยว่านับไม่ถ้วน เดือนนึงใช้เยอะมาก
แล้วเวลาแต่งหน้าไม่เขียนอายไลเนอร์ก็ไม่ได้นะ เพราะหน้าจะดูป่วย ดูโทรม ดูร้องไห้ ดูนอนน้อย สรุปเลยคือดูแย่

ยิ่งตอนโกรธ อารมณ์บ่จอย โมโห เหวี่ยง ยิ่งจะมองเห็นตาเราหลบในแบบน่าเกลียดสุดๆ
กลายเป็นคนตาเหล่ ดูตาโตข้างนึง ตาตี๋ข้างนึง
บอกตามตรงว่าไม่ชอบมองหน้าตัวเองในกระจก เวลาไม่แต่งหน้า เพราะรู้สึกมีปม ที่ตาไม่เท่ากัน ตาหลบในแบบไม่ควรให้อภัย

อ่อ..ลืมบอกอีกอย่างคือ ตำแหน่งตาซ้าย กะตาขวาเราก็ไม่เท่ากัน ตาซ้ายจะอยู่ต่ำกว่าตาขวา
อันนี้ไม่ได้สังเกตเห็นเอง แต่หมอกายภาพเป็นคนบอก เคยถามหมอว่ามีวิธีแก้มั้ย หมอบอกไม่มี
แต่การที่ตำแหน่งตาไม่เท่ากัน จะทำให้เราปวดหัวบ่อย จะมีวิธีคลายปวดหัว ก็คือการนวด กดจุด หมอก็สอนมาว่าต้องทำอะไรบ้าง (บอกเลยว่าจำไม่ได้ และไม่ได้นวดตามที่หมอบอกเลย) ก็คงต้องปวดหัวต่อไปปปป

คุณหมอให้เราเลือกว่าจะกรีดตาสองชั้นแบบเปิดหัวตาหรือไม่เปิดหัวตา ก็อธิบายว่าถ้าเปิดหัวตาจะทำให้ชั้นตาชัดตั้งแต่หัวตา
เราก็บอกความต้องการของเราไป ว่าเราต้องการชั้นธรรมชาติ อยากได้สองชั้นแบบข้างซ้าย คือพึงพอใจกับตาตัวเองข้างซ้ายมาก อยากให้ตาข้างขวาไม่หลบใน อะไรประมาณนั้น

หมอเลยแนะนำให้กรีดไม่เปิดหัวตา เราก็ไม่ได้เตรียมตัวหรือหาข้อมูลอะไรมา หมอบอกอย่างไร ก็เออออตามอย่างนั้น
ปรึกษาหมอวันศุกร์ เรานัดทำตาวันอาทิตย์ จะได้มีเวลาทำใจ 1 วัน (เรามีเวลาทำแค่วันอาทิตย์ เพราะวันจันทร์เราจะเดินทางไปต่างจังหวัดเป็นสิบวันเลย เลยต้องนัดเร็ว กะทันหันหน่อย)

ตกเย็นวันศุกร์ ที่คลินิกโทรมาบอกขอเลื่อนเป็นทำวันเสาร์ได้มั้ย ห๊า วันเสาร์ วันเสาร์คือพรุ่งนี้ ปากเราก็ตอบไปว่าได้ๆ
แต่พอวางสายไปเท่านั้นแหละ หน้าชานิดๆ บอกเห้ย เราต้องทำตาพรุ่งนี้หรอ ก็เตรียมตัวเตรียมใจตั้งแต่คืนนี้เลยจ๊ะ

มาถึงคลินิกก็วัดความดัน รอเวลาขึ้นเขียง ซึ่งบอกเลยว่ารอนานพอสมควร หรือเวลาเราเดินช้าเพราตื่นเต้นก็ไม่รู้
พอถึงเวลาก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ถ่ายรูป before ก่อนทำ ขึ้นเตียง ให้หมอวาดตา ขีดๆ ชั้นตา ซึ่งขั้นตอนนี้เราไม่เห็นอะไรเลย หมอไม่ได้ให้ดูชั้นตาที่หมอวาดไว้ คือตามใจหมอเลยค่ะ ตาจะออกมาสวยไม่สวยก็ขึ้นอยู่กับมือหมอนี่แหละค่ะ

สักพักก็ได้กินยาถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นไอบูโปรเฟน และฉีดยาชาที่เปลือกตาข้างขวา
บอกเลยว่าการฉีดยาชาเป็นอะไรที่เจ็บมากกกก ใครบอกว่าเจ็บนิดเดียว อย่าไปเชื่อ เชื่อถือไม่ได้ ถ้ามีคนบอกว่าไม่เจ็บ แปลว่าโกหก ตอนโดนฉีดยาชา ในใจก็งอนทุกคนที่บอกว่าไม่เจ็บ มันไม่เจ็บตรงไหน มันเจ็บแบบสุดๆ

พอยาชาปุ๊บก็ถึงเวลาขึ้นเขียงกรีดตา ขั้นตอนตรงนี้ขอข้ามไปเลย มันทรมานมาก เจ็บทุกขณะจิต รู้สึกตัวตลอดว่ากรีดเปลือกตา จี้ไขมัน เย็บ มีความเสียว ความเจ็บ ความปวด
ระหว่างที่ทำ นี่นับถือใจคนที่ศัลยกรรมเยอะๆนะ ว่าทนความเจ็บปวดนี้ไปได้ยังไง นับถือจริงๆ

หลังจากทำเสร็จ คุณหมอก็ให้นอนพักสักแปปนึง แล้วก็ใช้เจลประคบตา ประมาณ 20 นาที
ก่อนกลับได้ยาทาแผล น่าจะเป็นขี้ผึ้ง ยาพารา ยาแก้อักเสบ และไอบูโพรเฟน

น้องๆที่ดรีมน่ารัก เค้าจะเรียกแกร๊บแท็กซี่ให้ แต่เราไหว เราโอเค ไม่ได้เจ็บอะไรมาก เลยขอเรียกเองละกัน

หลังผ่าตัดตาสองชั้น ตาก็จะแดงก่ำๆ บวมๆหน่อย

ความรู้สึกแรกหลังทำตา
- รู้สึกตึงๆที่ตา
- ไม่สามารถกรอกลูกตาไปมาได้
- ไม่สามารถเหลือกตาได้ ถ้าจะมองด้านข้างคือต้องหันหน้าขวาสุด ซ้ายสุด
- เริ่มปวดนิดๆ

กลับมาถึงคอนโดปุ๊บ ก็โทรบอกแฟนให้ซื้อเจลประคบเย็นให้ หลังจากนั้นก็กินยา ประคบเย็นตลอดเวลา

วันที่ 2

วันที่ 3

วันที่ 4

วันที่ 5-6

แสงในแต่ละวันไม่เท่ากันนะจ๊ะ บางวันจะดูหมองๆ เพราะไม่ได้ล้างหน้า เช็ดหน้าด้วยน้ำเกลืออย่างเดียว
จริงๆแล้วล้างได้ แต่หมอบอกไม่ควรให้น้ำโดนแผล เราเลยเข้าใจผิดคิดว่าไม่ให้ล้างหน้า เลยเช็ดอย่างเดียว

แล้ววันที่ตัดไหมเราก็โดนหมอบ่นๆนิดนึง ว่าไม่ได้ทำความสะอาดแผลหรอ
เราทำความสะอาดทุกกกกกวัน วันละ 3-4 ครั้ง
เช็ดฝุ่นออก ทายา เช็ดฝุ่น ทายา อยู่อย่างนี้ตลอด 10 วันเลย

แต่ก็ไม่ได้ล้างหน้าไง ไม่ได้เช็ดแรงด้วย เลือดที่แห้งก็ติดอยู่ที่แผล เลยโดนบ่นเลยยยย

เรามาตัดไหม หลังจากทำตาประมาณ 10 วัน ซึ่งนานมากกกก ปกติ 7 วันก็ควรมาตัดไหมได้แล้ว
ก่อนทำก็ถามหมอแล้วว่า 10 วันมาตัดได้มั้ย หมอบอกได้!! แต่จะตึงๆแผล และเจ็บหน่อยนะ

เจ็บอีกแล้วหร๊อ แล้วมันก็เจ็บจริงๆ (หรือเราอ่อนแอเกินไป นิดหน่อยๆ ก็เจ็บแล้ว TT อ่อนแอหรือสำออย เอาดีๆ)

มาดูรูปวันตัดไหมกันดีกว่า

ไม่ได้แต่งหน้าเขียนคิ้วมาประมาณ 10 วัน ถือเป็นวันที่ได้พักหน้านานที่สุดเลยก็ว่าได้
หลังจากตัดไหม คุณหมอก็ให้ทายาลบรอยแผลเป็น ทาเรื่อยๆ ทาทั้งวัน
น้องๆ ที่ดรีม แนะนำให้ใช้ dermatix ultra แต่เราซื้อ scagel มาตั้งแต่วันที่ไปผ่าตัดตาแล้ว

ซึ่งแน่นอนค่ะ ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้ว ก็ซื้อใหม่ได้ค่ะ เพื่อแผลเป็นที่สวยงาม เราเลยต้องซื้อใหม่จนได้

น้องที่ดรีมบอกว่า ถ้าทา dermatix ultra ตอนเช้า แนะนำให้ใส่แว่นกันแดดด้วย เพราะว่าตัวยาจะไวต่อแสง กลัวแผลเป็นจะเป็นรอยดำ
เราก็เป็นพวกวิตกกังวล เกิดความกลัว ก็เลยใช้ scagel ตอนเช้า และใช้ dermatix ultra ตอนกลางคืนแทน
(ถามว่าแล้ว scagel ไม่ไวต่อแสงหรอ ตอบเลยว่าไม่รู้ค่ะ 5555555555555555)

สัปดาห์ที่ 3

สัปดาห์ที่ 4

ครบ 1 เดือน ก็ไปหาคุณหมอ คุณหมอบอกว่าดีขึ้นนะ แต่ยังบวมๆ อยู่ ชั้นตาจะลงกว่านี้อีกเยอะเลย
คุณหมอบอกอีก 3 เดือน ค่อยเจอกันใหม่ ถึงตอนนั้นเราจะลืมนัดมั้ยนะ มันนานเหลือเกิน

แอบถามคุณหมอด้วยว่าแต่งตาได้รึยัง คุณหมอบอกว่าแต่งได้ตั้งนานแล้ว นี่ยังไม่แต่งหรอ ทำไมยังไม่แต่งล่ะ
คือแอบกลัวตอนเช็ดเครื่องสำอาง กลัวจะไปถูโดนแผล คุณหมอบอกว่าก็เช็ดเบาๆ สิ๊ เนี้ย แต่งได้นานแล้ว แต่งสิ

สัปดาห์ที่ 6

สารภาพตามตรง ตาสองชั้นแล้วแต่งตาไม่เป็นเลยค่ะ ตอนนี้ก็ลองแต่งประมาณนี้ไปก่อน
ปกติจะเขียนอายหนาๆ ตอนนี้เขียนหนาไม่ได้ เพราะตายังบวมๆ ปูดๆ อยู่เลย

ถามว่าพอใจกับชั้นตามั้ย ก็...พอใจจจจจจจจจจจจจจนะ ตาไม่หลบชั้น ไม่ต้องแต่งตาออกจากบ้านก็ได้
แค่จะเหมือนคนนอนน้อย ตาบวมๆ อยู่

แต่รวมๆ แล้วชอบ ทำให้มั่นใจขึ้นมาอีกนิดนึง
ชื่อสินค้า:   ศัลยกรรม ทำตาสองชั้น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่