สวัสดีครับ ปีก่อน... ผมไปเที่ยวญี่ปุ่นแถบภูมิภาคคันโต (Niigata - Yamanashi - Nagano - Tokyo) ตามลิงค์นี้เด้อ https://ppantip.com/topic/36261686 แต่สำหรับปีนี้ผมจะพาไปเที่ยวแถบ Kansai + Hokuriku ตามความฝันที่อยากเห็นหมู่บ้านกลางหุบเขาที่มีหิมะปกคลุมสักครั้งในชีวิต


ซึ่งโปรแกรมจัดทัวร์ช่วงพีคหิมะตกในเดือน ธันวาคม - กุมภาพันธ์ เดินทางไปที่ Shirakawa-go อาจมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 5x,xxx.- บาทขึ้นไป ซึ่งแน่นอนเดินทางด้วยตัวเองหากมีการวางแผนอย่างดีย่อมมีค่าใช้จ่ายต่อทริปน้อยกว่ามาก อีกทั้งสามารถเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากได้ไปได้ตามใจ ไม่มีใครคอยกำหนดเวลาให้เที่ยวในสถานที่ต่างๆ เหนืออื่นใดได้สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในเมือง และนอกเมืองได้แบบ 4D (ประมาณว่ารถไฟคนเยอะเบียดแน่นเราก็จะเบียดแน่นไม่ทิ้งกัน) ซึ่งทั้งหมดสรุปค่าใช้จ่ายในทริป ไว้ดังนี้

ค่าเครื่องบิน (Flight Ticket)
Airasia X ไป-กลับ [กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) – โอซาก้า (คันไซ )] = 7,160.-
ซื้อโหลดเพิ่มสัมภาระเพิ่มขากลับ Baggage (after initial booking) International (up to 20kg) = 1,100.-
Total = 8,260 .-

- ค่าที่พัก (Hostel)
Bakpak Kyoto 2-7 Feb 23,175 ¥ = 6,779.-
APA Hotel Takaoka - Marunouchi 4-5 Feb 9,000 ¥ = 2,611.-
Total 32,175 ¥ = 9,390.-
(หาร3) 3,130.-/คน

- ค่าเดินทาง (Transportation) /คน
JR Kansai Wide Area Pass 9,000 ¥ = 2,611.-
JR Hokuriku Area Pass 5,000 ¥ = 1,451.-
Osaka & Kyoto Sightseeing Pass | Keihan Electric Railway 2 Days 1,200 ¥ = 349.-
ICOCA Card [ใช้ได้แค่ 1,500 ¥ มัดจำบัตร 500 ¥ (ได้คืน)] 2,000 ¥ = 581.-
Chair lift & Monorail Car | Amanohashidate Round trip 850 ¥ = 247.-
Johana Station > Shirakawago | Kaetsuno Bus 500 ¥ = 145.-
Shirakawago > Takaoka Station | Kaetsuno Bus 1,800 ¥ = 523.-
Shirakawago > Observatory (View Point) | Shuttle Bus Round trip 400 ¥ = 116.-
Kibuneguchi Station > Kibune Shrine | Bus No.33 Round trip 320 ¥ = 93.-
Kyoto > Kansai Airport | LTD.EXP Huruka (ICOCA discount ticket) 1,600 ¥ = 465.-
Taxi (7 Days) 3,000 ¥ = 870.-
Total 25,280 ¥ = 7,451.-

- ค่าเข้าชมสถานที่ (Entrance fees)/คน
Kinkaku-ji Temple (The Golden Pavilion) 400 ¥ = 116.-
Himeji Castle 1,000 ¥ = 290.-
Wargo Kyoto Kimono Rental (Evening campaign [14.00 – 18.30] discount fee) 2,819 ¥ = 818.-
Total 4,219 ¥ = 1,224.-

ค่าอาหาร ขนม เครื่องดื่ม (Food & Drink)/คน
ค่าอาหาร 2 มื้อ [กลางวัน + เย็น ] อาหารชุด 500 - 700 ¥*2 = 1,400 ¥ /วัน *7 Days 9,800 ¥ = 2,845.-
ค่าเครื่องดื่ม + ค่าขนม 1,000 ¥/วัน*7 Days 7,000 ¥ = 2,032.-
Total 16,800 ¥ = 4,877.-

- ค่าประกันเดินทาง และค่าเช่าอุปกรณ์กระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ต (Insurance Services & Pocket Wi-fi)
ค่าประกันเดินทางต่างประเทศ MSIG = 515.- /คน
ค่าเช่าอุปกรณ์กระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ต Tripizee 7 Days + ประกันอุปกรณ์ (300.-) = 1,000.- (หาร 3 คน = 334.-)
Total = 849.-

**รวมค่าใช้จ่ายในทริป ( 7 วัน 6 คืน)***
Flight ticket (Round trip) [Baggage 20 Kg] 8,260 + Hostel 3,130 + Transportation 7,451 + Entrance fees 1,224 + Food & Drink 4,877 + Insurance Services & Pocket Wi-fi 849 *** = 25,791.- บาท/คน

*** Rate นี้คิดไว้ในขณะค่าเงินเยน 100 ¥ = 29.02

เตรียมตัวก่อนเดินทาง
1. วางแผนการเดินทางระยะไกล (นอกเมือง) + เช็คพยากรณ์อากาศให้เหมาะสมกับสถานที่ท่องเที่ยวที่เราไปถ่ายภาพ ซึ่งก่อนไปผมคำนวณไว้หลายแพลน เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายแล้ว สุดท้ายเหลือสองแพลนให้เลือกระหว่างลงใต้ไป Hiroshima กับขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือไป Shirakawago แม้ต้องเพิ่มเงินนิดหน่อยก็คุ้มค่าที่จะไปเจอหิมะฟูๆ + My dream destinetion No.7 : Shirakawa-go Village


2. วางแผนการเดินทางระยะใกล้ (ในเมือง) ซึ่งจะได้เห็นภาพกว้างๆ ว่าแต่ละสถานที่ท่องเที่ยวมีระยะทางห่างกันแค่ไหน และวันนึงสามารถไปได้กี่ที จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในหนึ่งวันสามารถไปได้ 2 – 3 ที่ก็ถือว่าเต็มที่แล้ว มากกว่านี้โปรแกรมจะแน่นและรีบเร่งเกินไป


3. วางแผนการใช้ Pass เดินทาง ** ข้อนี้สำคัญมาก ค่าใช้จ่ายจะมากจะน้อย หรือเกินงบประมาณก็ขึ้นอยู่กับการใช้ Pass ที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด ซึ่งการเดินทางที่ญี่ปุ่นหากนั่ง Limited Express หรือรถไฟด่วนพิเศษ และ Super Express (Shinkansen) หรือรถไฟความเร็วสูง เมื่อรวม Fare + Seat fee จะมีราคาสูงมาก



4. การทำประกันเดินทาง และเช่า Pocket Wi-fi การเดินทางไปเที่ยวในช่วงหิมะตก ถนนจะลื่นมากอาจเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้ ดังนั้นควรทำประกันเดินทางไว้จะได้มีวงเงินคุ้มครองหากเจ็บป่วยในขณะพำนักที่ญี่ปุ่น และอินเตอร์เน็ตไว้สำหรับเช็ครอบรถไฟจากเว็บ Hyperdia ซึ่งมีทั้งระยะทาง และเวลาที่แน่นอน อีกทั้งยังหาข้อมูลได้สำหรับแพลนสำรองได้ตลอดเวลาอีกด้วย


Day 1 : Kansai Airport - Kyoto


เมื่อเตรียมตัวก่อนเดินทาง ทั้ง 4 ขั้นตอนพร้อมแล้วได้วันเวลาก็ไปลุย Japan กันเลย แนะนำให้มาถึงสนามบินก่อนสัก 2-3 ชั่วโมงนะครับเพราะคนมา Check in เยอะมาก อย่างที่เห็นแถวหางยาวจนเห็น Counter Airasia X ลิบๆ

และแล้วก็ถึงสนามบินคันไซ กัปตันแจ้งว่าอากาศภาคพื้นอยู่ที่ 2 องศา หลังจากผ่าน ตม. เรียบร้อย ให้เดินตามป้าย Railways ไปเลยครับ ถ้าเจออาคาร Kansai Airport Station แปลว่าไม่หลงแล้ว เนื่องจากผมได้ซื้อ JR Kansai Wide Area Pass (ได้ Pass ตัวจริงเลย เหลือแค่เปิดใช้งาน) และ JR Hokuriku Area Pass (ได้เป็น voucher มา) เราต้องเข้าไปแลก JR Hokuriku Area Pass และซื้อ ICOCA Card ด้านใน JR Ticket Office เสียก่อน




ถึงแล้ว JR Ticket Office หากใครยังไม่มี Pass เดินทาง สามารถซื้อที่นี่ได้เลย อาจมีราคาแพงกว่าจองที่ไทยเล็กน้อย เรียบร้อยแล้วให้มองหาช่อง Gate A จะมีสัญลักษณ์ JR ใครมี Pass แล้วยื่นให้ จนท.ดู แล้วผ่านไปหล่อๆได้เลย



ข้างๆ มี Nankai Ticket Information ด้วย หากใครต้องการใช้บริการรถไฟเอกชนเข้าเมือง ก็ซื้อตั๋วได้ที่นี่ ใครมีตั๋วแล้วให้มองหาช่อง Nankai Line แล้วลุยเข้าไปเลย



รอรถไฟ Haruka สักพักกำลังเข้าชานชาลาแล้ว




นั่งชมวิวสักประมาณ 85 นาที ก็ถึง Kyoto Station แล้วครับ มองหาป้าย Central Exit แล้วเดินตามป้ายนี้ไปเลยครับ เจอทางออกชิดทาง JR Office แล้วยื่น Pass ให้ จนท. ดูเหมือนเดิม







Kyoto Station ดูอลังการสวยมาก ปกติผมชอบสถานีรถไฟ และรถไฟเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว






ใครต้องการเดินทางด้วย Taxi ในญี่ปุ่นสามารถใช้แอป Taxideco คำนวณระยะ + ค่าใช้จ่ายก่อนได้ ทริปนี้แม่ผมมาด้วยคงต้องใช้บริการบ่อยหน่อย ระยะทาง 2 - 3 km อยู่ที่ 300 - 500 บาทนะครับ ( ผมพักอยู่แถว Gion - Shijo Station ไม่ไกลจาก Kyoto Station เดินทางกันหลายคนก็สะดวกสบายคุ้มค่าอยู่แหละ)








เดี๋ยวเก็บกระเป๋าไว้ในที่พัก ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย เราจะไปใส่ชุดกิโมโนกัน อยากใส่ตั้งแต่ที่ทริป Tokyo แล้ว แต่สถานที่มันไม่อิน 5 55 เราจะใส่ชุดกิโมโนไป ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ หรือ Fushimi Inari Shrine กันครับ อย่าลืมติดตามอ่านต่อนะครับ