Fifty Shades Freed - (5/10)
________________________________
.
"เรียบเป็นเส้นตรงซะจนคิดว่าไม่ใช่หนัง..."
.
กลับมากันอีกครั้งสำหรับหนัง Fifty Shades โดยในภาคนี้ก็จะเล่าเป็นบทสรุปของเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง Mr.Grey และ Anastasia /Mrs. Grey ซึ่งบอกเลยว่า จริงๆถ้าไม่ทำภาคนี้ก็ไม่เป็นไรนะ เพราะดูจบแล้วไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เหมือนไปดูหนังตัวอย่างอะไรสักอย่าง เป็นบทสรุปที่จืดชืดมากๆ เรื่องราวที่พยายามยัดเข้ามาให้เนื้อเรื่องดูมีเหตุผลแต่ก็แบบไม่จำเป็นอยู่ดี
.
หนังภาคนี้เรียกได้ว่าเป็นตอนจบที่แย่มากๆสำหรับแฟรนไชส์ หนังดำเนินเรื่องเรียบง่าย อันนี้เข้าใจ แต่แบบมันเรียบซะจนแบบไม่น่าจดจำเอาซะเลย ถ้าพูดถึงความโรแมนติก ก็บอกได้ว่าน่ารักดีสำหรับภาคนี้ แต่ยังไงก็ยังสู้หนังรักเรื่องอื่นๆไม่ได้อยู่ดี ถึงแม้ว่าตอนจบจะทำออกมาได้ค่อนข้างโอเค แต่ส่วนที่เหลือของเรื่องคือเบาบางมากๆ ไม่จำเป็นต้องเอามาทำเป็นหนังเลยก็ได้นะ สิ่งที่ชอบที่สุดในภาคนี้คงเป็นเพลงประกอบที่เพราะมากๆและฉากตอนจบที่ชวนทำให้เราย้อนกลับไประลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งหมด แต่ก็นั่นแหละ ถ้าจะมีแค่นี้ ก็ไม่ต้องทำเป็นหนังฉายโรงก็ได้นะ ดูจากต้นทุนก็ดูใช้ไปเยอะอยู่แต่กำไรจะได้มั้ยนี่ยังไม่รู้เลย
.
Fifty Shades Freed ถือว่าเป็นบทสรุปของไตรภาคที่แย่มากที่สุดเรื่องนึงเลยก้ว่าได้ เป็นหนังที่อาจจะดูได้เรื่อยๆก็จริง แต่คุณภาพ อาจจะด้อยกว่าหนังที่ฉายบน Netflix เลยก็ว่าได้
สามารถติดตามได้ที่เพจ facebook : โต๊ะดราฟตัวนั้น
https://www.facebook.com/TheDraftingTable/
[CR] Fifty Shades Freed (5/10) - เรียบเป็นเส้นตรงซะจนคิดว่าไม่ใช่หนัง..
________________________________
.
"เรียบเป็นเส้นตรงซะจนคิดว่าไม่ใช่หนัง..."
.
กลับมากันอีกครั้งสำหรับหนัง Fifty Shades โดยในภาคนี้ก็จะเล่าเป็นบทสรุปของเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง Mr.Grey และ Anastasia /Mrs. Grey ซึ่งบอกเลยว่า จริงๆถ้าไม่ทำภาคนี้ก็ไม่เป็นไรนะ เพราะดูจบแล้วไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เหมือนไปดูหนังตัวอย่างอะไรสักอย่าง เป็นบทสรุปที่จืดชืดมากๆ เรื่องราวที่พยายามยัดเข้ามาให้เนื้อเรื่องดูมีเหตุผลแต่ก็แบบไม่จำเป็นอยู่ดี
.
หนังภาคนี้เรียกได้ว่าเป็นตอนจบที่แย่มากๆสำหรับแฟรนไชส์ หนังดำเนินเรื่องเรียบง่าย อันนี้เข้าใจ แต่แบบมันเรียบซะจนแบบไม่น่าจดจำเอาซะเลย ถ้าพูดถึงความโรแมนติก ก็บอกได้ว่าน่ารักดีสำหรับภาคนี้ แต่ยังไงก็ยังสู้หนังรักเรื่องอื่นๆไม่ได้อยู่ดี ถึงแม้ว่าตอนจบจะทำออกมาได้ค่อนข้างโอเค แต่ส่วนที่เหลือของเรื่องคือเบาบางมากๆ ไม่จำเป็นต้องเอามาทำเป็นหนังเลยก็ได้นะ สิ่งที่ชอบที่สุดในภาคนี้คงเป็นเพลงประกอบที่เพราะมากๆและฉากตอนจบที่ชวนทำให้เราย้อนกลับไประลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งหมด แต่ก็นั่นแหละ ถ้าจะมีแค่นี้ ก็ไม่ต้องทำเป็นหนังฉายโรงก็ได้นะ ดูจากต้นทุนก็ดูใช้ไปเยอะอยู่แต่กำไรจะได้มั้ยนี่ยังไม่รู้เลย
.
Fifty Shades Freed ถือว่าเป็นบทสรุปของไตรภาคที่แย่มากที่สุดเรื่องนึงเลยก้ว่าได้ เป็นหนังที่อาจจะดูได้เรื่อยๆก็จริง แต่คุณภาพ อาจจะด้อยกว่าหนังที่ฉายบน Netflix เลยก็ว่าได้
สามารถติดตามได้ที่เพจ facebook : โต๊ะดราฟตัวนั้น
https://www.facebook.com/TheDraftingTable/