คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
จริงๆ ผมว่าจะตั้งกระทู้แยกแต่บังเอิญความขี้เกียจเข้าครอบงำ เลย Post ในนี้ละกัน
อธิบาย JFin coin ผ่านคำถาม-คำตอบ
1. JFin coin คืออะไร
JFin coin คือ Utility Token บน Platform Ethereum ที่ถูกสร้างขึ้นตามมาตรฐาน ERC20 ของ Platform Ethereum โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบในกระบวนการ Proof of Stake consensus ที่ใช้ในการ Validate ธุรกรรมบน Blockchain ซึ่ง จุเป้าหมายของ JMart บริษัทแม่ของ JVentures ในการออก Initial Coin Offering หรือ ICO สำหรับ JFin coin นั้น ก็เพื่อทำการระดมทุน ค่าใช้จ่ายในการพัฒนา Platform Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) ของตนเอง
2. ข้อมูลและนโยบายเบื้องต้นของ JFin coin มีอะไรบ้าง
- JFin Token ทั้งหมดจะถูกสร้างขึ้น 300,000,000 Token ในรูปแบบของการ pre-mined (ภาษาชาวบ้านแปลว่าขุดไม่ได้)
- โดย Token 100,000,000 หน่วยจะถูกนำมาขายใน ICO รอบแรก Public & Presale นี้ (วันที่ 18 มีนา 2018) เพื่อระดมทุนเงินทั้งหมด 700 ล้านบาท โดย เงินที่ระดมทุนมานี้ 75% จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนา platform, 20% จะถูกนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหาร และ การตลาด, 5% สำรองจ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายในด้านกฎหมายและอื่นๆ
- Token ที่เหลืออีก 200 ล้านหน่วยนั้น ถูกคาดว่าจะนำไปใช้ในการทำ ICO รอบถัดๆไปเพื่อเป็นทุนเพิ่มเติมในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนา โดย 90ล้านหน่วยนั้นจะไม่สามารถถูกนำออกมาใช้ได้จนกระทั่งวันที่ 1 ตุลาคม 2019, 40ล้านหน่วย จะถูกนำไปจัดสรรให้ บุคลากรภายในองค์กร, หุ้นส่วน, และที่ปรึกษา อีก 70ล้านหน่วยที่เหลือจะถูกนำไปขายให้กับบริษัทในเครือ JMart โดย 20ล้านหน่วยแรกจะไม่สามารถถูกนำมาใช้ได้จนกระทั่ง วันที่ 1 ตุลาคม 2018 และ 50ล้านหน่วยที่เหลือนี้จะถูกเก็บไว้จนกระทั่งวันที่ 1 ตุลาคม 2019
*อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
3. ผู้ซื้อ/ถือ JFin coin จะได้ประโยชน์อย่างไร
ผู้ถือ JFin coin จะได้รับประโยชน์จากการทำตัวเป็น Validator บน Block Chain โดยจะได้รับค่าตอบแทนในรูปแบบของ JFin coin ซึ่งตัว JFin coin นี้จะสามารถนำกลับไปแลกเป็นเงินบาทได้ผ่าน Crypto Exchange ต่างๆ เช่น BX.in.th หรือ TDAX และรวมถึง Exchange อื่นในต่างประเทศใน อนาคต
4. DDLP หรือ Decentralized Digital Lending Platform คืออะไร
DDLP นั้นถูกหมายมั่นปั้นมือจากทาง JVenture ให้เป็น Platform การกู้ยืมเงินที่สามารถทำทุกอย่างผ่าน Digital/Online Channel (น่าจะยกเว้นแต่การติดตามหนี้ที่น่าจะยังคงต้องทำแบบปรกติ) โดยหากไม่มีการติดขัดทางข้อกฏหมาย การกู้ยืมเงินจะไม่ได้อยู่ในรูปแบบ ปรกติที่มีคนกลางอย่างธนาคารอีกต่อไป ธุรกรรมของผู้กู้และผู้ให้กู้นั้น อาจจะอยู่ในรูปแบบของ ผู้ให้กู้เลือกรายชื่อผู้กู้แล้วคุยกันโดยตรง หรือผู้กู้ที่ผ่านการประเมินความเสี่ยง/หลักประกันในเบื้องต้น เลือกกู้จากรายชื่อผู้ให้กู้ที่ดอกเบี้ยต่ำที่สุด หรือแม้กระทั่งผู้ให้กู้หลายสิบหรือหลายร้อยรายปล่อยกู้ให้ ผู้กู้เพียงรายเดียว โดยข้อมูลเกือบทุกอย่าง (ถ้าเป็นไปได้ทั้งหมด) จะถูกเก็บและประมวลผลแบบ Decentralized บน Blockchain
5. จาก White Paper ค่า Fees ในระบบถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ JFin Decentralized Network fee และ JFin DDLP Platform fee ทั้ง 2 อย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร
- JFin Decentralized Network fee
ค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ สามารถมองได้ว่าเป็นค่าธรรมเนียมที่ใช้ในการเก็บรักษาข้อมูล ซึ่งจะจ่ายให้กับ ผู้ถือ JFin Token ในรูปของ JFin Token (ในกรณีที่ใช้ Consensus แบบ Proof of Stake) ผู้ที่เข้ามาใช้ Blockchain นี้ (ผมคาดว่าปรกติแล้วจะเป็นผู้กู้เงิน แต่ในบางสถานการณ์อาจจะเป็นให้ผู้ให้กู้เป็นผู้จ่ายค่าธรรมเนียมก็ได้, ผู้ที่โอน Token ไปมา หรืออาจจะเป็นผู้ที่เข้ามาใช้/แก้ไขข้อมูลใน Block Chain)
- JFin DDLP Platform fee
ค่าธรรมเนียมส่วนนี้ เปรียบเสมือนกับค่าธรรมเนียมในการเข้ามาใช้ Platform ซึ่งผมคาดว่า ค่าธรรมเนียมตรงนี้จะถูกจ่ายให้กับ JVenture โดยตรง โดยอาจอยู่ในรูปของ Arranging fee ที่อาจจะเก็บจากทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้สำหรับในรูปแบบ P2P หรือ Upfront fee ในกรณีของ Digital Lending (บริษัทในเครือ Jmart เป็นผู้ปล่อยเงินกู้เอง)
จริงๆ ผมลอง "เดา" รายได้ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในอนาคตแล้ว ใช้ DCF model ลองคำนวณ PV ดูเอาจริงๆ ถ้าMonentum Crypto มุมมองโดยรวมเป็นเชิงบวก
ผมว่าราคาก็ไม่น่าเกลียด มาก แต่การคำนวณผมนั้น Based on สมมติฐานที่ว่าการพัฒนาประสบความสำเร็จและมีผู้ใช้งานนะครับ ซึ่งความเสี่ยงตรงนี้มันเยอะมากๆ
อธิบาย JFin coin ผ่านคำถาม-คำตอบ
1. JFin coin คืออะไร
JFin coin คือ Utility Token บน Platform Ethereum ที่ถูกสร้างขึ้นตามมาตรฐาน ERC20 ของ Platform Ethereum โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบในกระบวนการ Proof of Stake consensus ที่ใช้ในการ Validate ธุรกรรมบน Blockchain ซึ่ง จุเป้าหมายของ JMart บริษัทแม่ของ JVentures ในการออก Initial Coin Offering หรือ ICO สำหรับ JFin coin นั้น ก็เพื่อทำการระดมทุน ค่าใช้จ่ายในการพัฒนา Platform Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) ของตนเอง
2. ข้อมูลและนโยบายเบื้องต้นของ JFin coin มีอะไรบ้าง
- JFin Token ทั้งหมดจะถูกสร้างขึ้น 300,000,000 Token ในรูปแบบของการ pre-mined (ภาษาชาวบ้านแปลว่าขุดไม่ได้)
- โดย Token 100,000,000 หน่วยจะถูกนำมาขายใน ICO รอบแรก Public & Presale นี้ (วันที่ 18 มีนา 2018) เพื่อระดมทุนเงินทั้งหมด 700 ล้านบาท โดย เงินที่ระดมทุนมานี้ 75% จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนา platform, 20% จะถูกนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหาร และ การตลาด, 5% สำรองจ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายในด้านกฎหมายและอื่นๆ
- Token ที่เหลืออีก 200 ล้านหน่วยนั้น ถูกคาดว่าจะนำไปใช้ในการทำ ICO รอบถัดๆไปเพื่อเป็นทุนเพิ่มเติมในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนา โดย 90ล้านหน่วยนั้นจะไม่สามารถถูกนำออกมาใช้ได้จนกระทั่งวันที่ 1 ตุลาคม 2019, 40ล้านหน่วย จะถูกนำไปจัดสรรให้ บุคลากรภายในองค์กร, หุ้นส่วน, และที่ปรึกษา อีก 70ล้านหน่วยที่เหลือจะถูกนำไปขายให้กับบริษัทในเครือ JMart โดย 20ล้านหน่วยแรกจะไม่สามารถถูกนำมาใช้ได้จนกระทั่ง วันที่ 1 ตุลาคม 2018 และ 50ล้านหน่วยที่เหลือนี้จะถูกเก็บไว้จนกระทั่งวันที่ 1 ตุลาคม 2019
*อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
3. ผู้ซื้อ/ถือ JFin coin จะได้ประโยชน์อย่างไร
ผู้ถือ JFin coin จะได้รับประโยชน์จากการทำตัวเป็น Validator บน Block Chain โดยจะได้รับค่าตอบแทนในรูปแบบของ JFin coin ซึ่งตัว JFin coin นี้จะสามารถนำกลับไปแลกเป็นเงินบาทได้ผ่าน Crypto Exchange ต่างๆ เช่น BX.in.th หรือ TDAX และรวมถึง Exchange อื่นในต่างประเทศใน อนาคต
4. DDLP หรือ Decentralized Digital Lending Platform คืออะไร
DDLP นั้นถูกหมายมั่นปั้นมือจากทาง JVenture ให้เป็น Platform การกู้ยืมเงินที่สามารถทำทุกอย่างผ่าน Digital/Online Channel (น่าจะยกเว้นแต่การติดตามหนี้ที่น่าจะยังคงต้องทำแบบปรกติ) โดยหากไม่มีการติดขัดทางข้อกฏหมาย การกู้ยืมเงินจะไม่ได้อยู่ในรูปแบบ ปรกติที่มีคนกลางอย่างธนาคารอีกต่อไป ธุรกรรมของผู้กู้และผู้ให้กู้นั้น อาจจะอยู่ในรูปแบบของ ผู้ให้กู้เลือกรายชื่อผู้กู้แล้วคุยกันโดยตรง หรือผู้กู้ที่ผ่านการประเมินความเสี่ยง/หลักประกันในเบื้องต้น เลือกกู้จากรายชื่อผู้ให้กู้ที่ดอกเบี้ยต่ำที่สุด หรือแม้กระทั่งผู้ให้กู้หลายสิบหรือหลายร้อยรายปล่อยกู้ให้ ผู้กู้เพียงรายเดียว โดยข้อมูลเกือบทุกอย่าง (ถ้าเป็นไปได้ทั้งหมด) จะถูกเก็บและประมวลผลแบบ Decentralized บน Blockchain
5. จาก White Paper ค่า Fees ในระบบถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ JFin Decentralized Network fee และ JFin DDLP Platform fee ทั้ง 2 อย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร
- JFin Decentralized Network fee
ค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ สามารถมองได้ว่าเป็นค่าธรรมเนียมที่ใช้ในการเก็บรักษาข้อมูล ซึ่งจะจ่ายให้กับ ผู้ถือ JFin Token ในรูปของ JFin Token (ในกรณีที่ใช้ Consensus แบบ Proof of Stake) ผู้ที่เข้ามาใช้ Blockchain นี้ (ผมคาดว่าปรกติแล้วจะเป็นผู้กู้เงิน แต่ในบางสถานการณ์อาจจะเป็นให้ผู้ให้กู้เป็นผู้จ่ายค่าธรรมเนียมก็ได้, ผู้ที่โอน Token ไปมา หรืออาจจะเป็นผู้ที่เข้ามาใช้/แก้ไขข้อมูลใน Block Chain)
- JFin DDLP Platform fee
ค่าธรรมเนียมส่วนนี้ เปรียบเสมือนกับค่าธรรมเนียมในการเข้ามาใช้ Platform ซึ่งผมคาดว่า ค่าธรรมเนียมตรงนี้จะถูกจ่ายให้กับ JVenture โดยตรง โดยอาจอยู่ในรูปของ Arranging fee ที่อาจจะเก็บจากทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้สำหรับในรูปแบบ P2P หรือ Upfront fee ในกรณีของ Digital Lending (บริษัทในเครือ Jmart เป็นผู้ปล่อยเงินกู้เอง)
จริงๆ ผมลอง "เดา" รายได้ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในอนาคตแล้ว ใช้ DCF model ลองคำนวณ PV ดูเอาจริงๆ ถ้าMonentum Crypto มุมมองโดยรวมเป็นเชิงบวก
ผมว่าราคาก็ไม่น่าเกลียด มาก แต่การคำนวณผมนั้น Based on สมมติฐานที่ว่าการพัฒนาประสบความสำเร็จและมีผู้ใช้งานนะครับ ซึ่งความเสี่ยงตรงนี้มันเยอะมากๆ
แสดงความคิดเห็น
JFin coin : มีใครจะซื้อบ้างไหมครับ
ส่วนตัวอยากซื้อนะครับ
แต่กลัวว่าจะกลายเป็นไม่มีมูลค่า อะไรเลย