เป็นเรื่องที่เรารู้สึกเสียดายมาก ๆ เพราะในระหว่างดูหนังได้แต่ร้อง โอ๊ยยยยย ทำไมเราไม่ดูตั้งแต่พฤหัสที่แล้วในรอบ sneak preview ดันมัวแต่งกเพราะไม่อยากจ่ายค่าตั๋วราคาเต็ม #แบบว่ามันใช้โปรโมชั่นไม่ได้อะนะ ^^’ หนังเรื่องนี้ทำให้เราชอบได้มากถึงมาก ๆ ๆ จริง เพียงแค่ 15 นาทีแรกของหนังก็ทำให้เรารู้สึกว่า เราต้องชอบหนังเรื่องนี้มากแน่ ๆ และหนังก็ไม่ทำให้เราผิดหวังเลย..

หนังเล่าเรื่องราวชีวิตของ ทอนย่า ฮาร์ดิ้ง ได้ดีมาก เป็นเรื่องราวของอดีตนักไอซ์สเก็ตในยุค 90 ที่โด่งดังทั้งในด้านฝีมือและด้านความอื้อฉาว และด้วยบ้าระห่ำของตัวแม่นางเอง ทำให้เป็น I, Tonya เป็นหนังอิงชีวประวัติบุคคลที่ไม่น่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย และชวนให้ไม่อยากละสายตาจากหนังตลอด 2 ชั่วโมงได้เลย ดูแล้วน่าติดตามมาก ๆ ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ

เนื้อเรื่องเริ่มตั้งแต่ ทอนย่า ( รับบทโดย : มาร์โกต์ ร็อบบี้ ) ยังเป็นเด็กน้อยวัยละอ่อน ลากยาวมาจนถึงวัยแตกเนื้อสาว โตมาเป็นสาวรำวง มาใส่กระโปรงวับ ๆ แวม ๆ #ไม่ใช่!! หนังเล่าเรื่องตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่น ให้ดูพัฒนาการของทอนย่า ว่าถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร ฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมาบ้างกว่าจะทำให้เธอโด่งดังขนาดนี้ได้


หนังสะท้อนภาพการเลี้ยงลูกในสังคมได้ดี จากบทคุณแม่สุดร้ายอย่าง คุณแม่ลาโวน่า ( รับบทโดย : อัลลิสัน เจนนีย์ ) ที่ดุและเข้มงวดกับทอนย่ามาก แต่ก็แอบแฝงให้เห็นในความรัก และความห่วงใยในตัวลูกสาวคนนี้อย่างหาที่สุดมิได้เช่นกัน เหมือนในสังคมเราเองก็มีแม่หลาย ๆ คน ที่คิดว่าการด่าทอเด็กเป็นการการกระตุ้นที่ดีที่สุด ส่วนการชื่นชมเด็กมักจะทำให้เด็กเหลิงและไม่พัฒนาศักยภาพเท่าที่ควร แต่หนังเองก็ไม่ได้ชี้ช่องว่าเราอะไรถูกหรือผิด เพียงแต่นำเรื่องราวเหล่านั้นมาเราให้เราคิดเองว่า เรื่องไหนเหมาะสมหรือไม่

อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นภาพของคู่สามี-ภรรยา ที่อยู่กินกัน รักกันปานจะกลืนกิน แต่ก็ตบตีกันแทบจะทุกวันอีกด้วย ซึ่งเราจะเห็นได้เยอะมาก ๆ ในทุกสังคมทุกชนชั้นเลยก็ว่าได้ โดยหนังก็ได้นักแสดงที่มีเคมีความเข้ากันกับ มาร์โกต์ ร็อบบี้ มารับบทสามีสุดโหดในเรื่องนี้อย่าง เจฟฟ์  ( รับบทโดย : เซบาสเตียน สแตน ) ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับบท วินเทอร์ โซลเยอร์ ในกัปตันอเมริกา ยิ่งทำให้หนังออกมาดูลงตัวและมีมิติมากขึ้น


สิ่งที่ทำให้เราชอบในหนังเรื่องนี้มาก ๆ คือนอกจากเนื้อหาเรื่องราวของ ทอนย่า ฮาร์ดิ้ง ที่เป็นวัตถุดิบชั้นดีในการเป็นบทภาพยนตร์แล้ว ยังได้นักแสดงมากฝีมือที่เล่นได้ถึงบทบาทจนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 2018 ถึง 2 รางวัลด้วยกัน และยังเข้าชิงรางวัลตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วย

มาร์โกต์ ร็อบบี้ เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม แบบไม่มีข้อกังขา ด้วยความที่ตัวเราเองนั้นก็เป็นแฟนการแสดงของเธออยู่แล้ว แต่บททอนย่านี้ เรารู้สึกว่าเธอเข้าถึงบทบาทได้ดีมากจริง ๆ ทั้งสลัดคราบหญิงสาวที่ดูดีมีชาติตระกูลอย่าง “เจน” ใน The Legend of Tarzan (2016) และเป็นการนำความบ้าบิ่นในบทของแฟนสาวของโจ๊กเกอร์อย่างบท “ฮาร์ลีย์ ควินน์” จาก Suicide Squad (2016) มาโชว์บนจอเงินแบบไร้เมคอัพใด ๆ

ส่วนอีกคนคือ อัลลิสัน เจนนีย์ กับบทคุณแม่จอมซึน ที่ต้องแสดงบทบาทสุดโหดใส่ลูกสาว แต่ก็ต้องแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยลึก ๆ ข้างในใจด้วย เรียกว่าเป็นการแสดงที่ยากไม่น้อยกับการตีหน้าโหด แต่ต้องมีแววตาที่แอบแสดงความห่วงใยเล็ก ๆ ส่งผลให้ให้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมไป

และด้วยองค์ประกอบที่ลงตัวทั้งบท นักแสดง และการตัดต่อภาพอีกทั้งลีลาการเล่นไอซ์สเก็ตของ มาร์โกต์ ร็อบบี้ ที่ลงทุนฝึกเล่นอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยตนเองจริง ๆ มันยิ่งช่วยขับอารมณ์ทำให้เรารู้สึกหลงใหลในการดูไอซ์สเก็ตไปด้วยเลยทีเดียว


สรุป.. ชอบมาก ๆ ครับ ส่วนตัวไม่มีจุดใดที่ไม่ชอบแบบชัดเจน แต่ว่าที่ให้ 9 คะแนน ไม่ใช่ 10 คะแนนเต็ม เพราะว่ายังแอบรู้สึกว่าหนังขาดอะไรบางอย่างไปที่ทำให้เราไม่ได้รู้สึกเทใจให้แบบ 10 คะแนนเต็ม

เรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่ขาวใส สวยงามเหมือนอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์แต่เป็นหนังสีเทาที่มีด้านมืดของมนุษย์อยู่มากพอสมควร แต่ก็ควรค่าแก่การเข้าไปรับชมในโรงภาพยนตร์มากจริง ๆ ครับ

“รสนิยมการดูหนังแต่ละคน ไม่เหมือนกัน
ถ้าคุณคิดว่าใช่ พิสูจน์ด้วยตาของคุณเองในโรงหนังดีที่สุด
แล้วอย่าลืมกลับมาคุยกันนะครับ ^^”

.
.
.

Facebook : ก็แค่คนชอบดูหนัง

ใครอยากติดตามรีวิวหนังใหม่ ๆ สามารถติดตามได้ทาง GUAWESOME.com อีกช่องทางครับ
ผมพึ่งได้มีโอกาสเขียนให้กับทางเว็บไซต์ ก่อนจะนำมาลง Pantip อีกทีฮะ
ยังไงก็ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยจ้า~
http://bit.ly/2EeB5Wt