มือถือในปัจจุบันนี้แทบจะเป็นปัจจัยที่ 5 ของเราไปแล้วก็ว่าได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ จึงหันมามุ่งเน้นการพัฒนา และให้บริการผ่านระบบมือถือกันมาก การใช้ QR CODE เพื่อชำระเงินก็นับเป็นเทคโนโลยีแบบหนึ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตประจำวันในการใช้จ่าย
วันนี้
K-Expert จึงอยากจะมาช่วยสรุปทำความเข้าใจกันก่อนที่จะเริ่มสแกนกันนะครับ โดยระบบการจ่ายเงินด้วย QR CODE ที่กำลังฮิตกันก็คือ การสร้างสัญลักษณ์เป็นตัวแทนข้อมูลต่างๆ ที่ใช้ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยข้อมูลที่ว่าก็คือเลขบัญชีของเรานั่นเองไม่ว่าจะเป็นผู้รับหรือผู้ที่จ่าย โดยจะมาในรูปแบบบาร์โค้ด 2 มิติดังเช่น น้องแมวกวักด้านล่าง (เฉพาะสี่เหลี่ยมที่ท้องเท่านั้นนะ)
สิ่งที่จะต้องเจอแน่ๆ สำหรับลูกค้าทั่วไปอย่างเราก็คือ
- ความสับสนในการใช้งาน เช่น บางคนอาจจะไม่รู้ว่าจะสร้าง QR CODE ได้ยังไง สร้างที่ตรงไหน หรือการจ่ายด้วย QR CODE ต้องใช้แอปไหน กล้องถ่ายรูปเลยใช่ไหม
- ความไม่เคยชินในการจ่าย หรือบางสถานการณ์เช่น การไปจ่ายตามศูนย์อาหารที่คนเยอะๆ แล้วต้องมานั้งเปิดแอป ถ่ายรูป ใส่ยอด บางคนเน็ตไม่แรงก็อาจจะสร้างความหงุดหงิดให้กับแม่ค้า หรือคิวด้านหลังได้
- การใช้จ่ายที่สะดวกมากจนอาจทำให้เกิดการใช้เกินตัว หรือใช้มากจนเกินจำเป็นกลับมาดูบัญชีอีกทีอาจจะสายไป
- โปรโมชั่นจากผู้ให้บริการต่างๆ เช่นส่วนลดจากร้านค้าเมื่อจ่ายผ่าน QR CODE รับสิทธิตั๋วหนังราคาพิเศษ หรือจ่ายแล้วได้เงินคืนเช่น ทุกการจ่ายที่ 300 บาทจะได้เงินคืน 50 บาท
ส่วนของร้านค้าที่ต้องเจอ
- ความงงของลูกค้าจนอาจทำให้แม่ค้า หรือพ่อค้า ต้องกลายเป็นอาจารย์แบบจำเป็นในการสอนการชำระเงินกันด้วย
- การจัดการรายได้ในแต่ละวันทางบัญชีในการสรุปยอด นอกเหนือจากที่ต้องรวมเงินสด บัตรเครดิต แล้วอาจจะต้องเข้าไปเช็กที่บัญชีที่ได้ผูกไว้
- ความสับสนของป้าย QR CODE เพราะมีความคล้ายกันไปหมดหากเลือกใช้ QR CODE แบบ Dynamic (QR CODE ที่มาพร้อมจำนวนเงิน) เพราะต้องทำ QR CODE ให้กับสินค้าแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน
การใช้ QR CODE คงทำให้ ลูกค้า และผู้ขายสับสนได้บ้างในช่วงแรกๆ เนื่องจากยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ พอมีการใช้งานที่มากขึ้นจะทำให้เกิดความเคยชิน ก็อาจจะเปรียบได้กับตู้ ATM ที่เข้ามาใหม่ๆ ที่ยังคงไม่มีใครกล้าใช้แน่ พอนานไปทุกคนก็ใช้งานแทบทุกคน
การใช้ QR CODE เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
- หากจ่ายเงินทุกครั้งต้องแน่ใจว่าผู้รับเงินนั้นคือ ร้านค้าที่เราต้องการจริงๆ เพราะเคยมีเหตุการณ์ว่ามีมิจฉาชีพแอบเอา QR CODE ของตนเองมาสวมทับ ทำให้จ่ายเงินผิดบัญชี พอเราเอาไปยื่นว่าชำระแล้วกับเจ้าของร้าน เจ้าของร้านแจ้งว่าไม่ใช่บัญชีตนเองทำให้เราอาจจะเสียเงินไปฟรีๆ
- การจ่ายเงินบางแห่งก็มีให้เลือกแบบจ่ายทันที หรือจ่ายแบบใส่รหัสใส่ยอดเงินอีกครั้งหลังสแกน ทั้งนี้ก็คงขึ้นอยู่กับความสะดวกในการใช้งานของแต่ละคน แต่ก็อย่าลืมจำกัดวงเงินในการใช้แต่ละวันกันไว้ด้วย
- หากเราเป็นคนรับเงิน หรือก็คือคนออก QR CODE บางแห่งก็มีให้เลือก QR CODE แบบ Static (QR CODE ที่มาเพียงเลขที่บัญชี) หรือ QR CODE แบบ Dynamic (QR CODE ที่เราสามารถกำหนดจำนวนเงินที่ต้องชำระได้) จริงๆ อย่างหลังนี่จะสะดวกกับร้านค้าที่มีสินค้าไม่เยอะ คนที่มีลูกหนี้เยอะๆ คนเล่นแชร์ หรือคนที่เป็นเหรัญญิกกลุ่ม ต่างๆ ที่ต้องเรียกเก็บเงินสมาชิกแต่ละคนไม่เหมือนกัน
- สำหรับคนที่รับเงินต้องเช็กให้ดีว่า เงินที่ผู้ซื้อจ่ายมานั้นเข้าบัญชีของเราหรือยัง หรืออาจจะเช็กจากการแจ้งเตือนของบางผู้ให้บริการได้ ทั้งนี้เอาให้ชัวร์ดูในบัญชีจะดีที่สุด เช่น แม่ค้าขายอาหาร ถ้าลูกค้าเยอะบางทีลูกค้ายังไม่กดยืนยันชำระเลยแต่เราไม่เช็กให้ดีๆ เมื่อยื่นให้เราดูแล้วอาจจะกดย้อนกลับแบบไม่ชำระเงินก็เป็นได้นะจ้ะ
ทั้งนี้เงื่อนไขหรือรูปแบบการให้บริการของแต่ละที่ไม่เหมือนกัน หากต้องการใช้ก็อย่าลืมเข้าไปศึกษาเพิ่มเติม เพื่อความถูกต้องยิ่งขึ้นกันด้วยนะ
จ่ายเงินด้วย QR CODE อย่างไรให้ปลอดภัย ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
มือถือในปัจจุบันนี้แทบจะเป็นปัจจัยที่ 5 ของเราไปแล้วก็ว่าได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ จึงหันมามุ่งเน้นการพัฒนา และให้บริการผ่านระบบมือถือกันมาก การใช้ QR CODE เพื่อชำระเงินก็นับเป็นเทคโนโลยีแบบหนึ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตประจำวันในการใช้จ่าย
วันนี้ K-Expert จึงอยากจะมาช่วยสรุปทำความเข้าใจกันก่อนที่จะเริ่มสแกนกันนะครับ โดยระบบการจ่ายเงินด้วย QR CODE ที่กำลังฮิตกันก็คือ การสร้างสัญลักษณ์เป็นตัวแทนข้อมูลต่างๆ ที่ใช้ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยข้อมูลที่ว่าก็คือเลขบัญชีของเรานั่นเองไม่ว่าจะเป็นผู้รับหรือผู้ที่จ่าย โดยจะมาในรูปแบบบาร์โค้ด 2 มิติดังเช่น น้องแมวกวักด้านล่าง (เฉพาะสี่เหลี่ยมที่ท้องเท่านั้นนะ)
สิ่งที่จะต้องเจอแน่ๆ สำหรับลูกค้าทั่วไปอย่างเราก็คือ
- ความสับสนในการใช้งาน เช่น บางคนอาจจะไม่รู้ว่าจะสร้าง QR CODE ได้ยังไง สร้างที่ตรงไหน หรือการจ่ายด้วย QR CODE ต้องใช้แอปไหน กล้องถ่ายรูปเลยใช่ไหม
- ความไม่เคยชินในการจ่าย หรือบางสถานการณ์เช่น การไปจ่ายตามศูนย์อาหารที่คนเยอะๆ แล้วต้องมานั้งเปิดแอป ถ่ายรูป ใส่ยอด บางคนเน็ตไม่แรงก็อาจจะสร้างความหงุดหงิดให้กับแม่ค้า หรือคิวด้านหลังได้
- การใช้จ่ายที่สะดวกมากจนอาจทำให้เกิดการใช้เกินตัว หรือใช้มากจนเกินจำเป็นกลับมาดูบัญชีอีกทีอาจจะสายไป
- โปรโมชั่นจากผู้ให้บริการต่างๆ เช่นส่วนลดจากร้านค้าเมื่อจ่ายผ่าน QR CODE รับสิทธิตั๋วหนังราคาพิเศษ หรือจ่ายแล้วได้เงินคืนเช่น ทุกการจ่ายที่ 300 บาทจะได้เงินคืน 50 บาท
ส่วนของร้านค้าที่ต้องเจอ
- ความงงของลูกค้าจนอาจทำให้แม่ค้า หรือพ่อค้า ต้องกลายเป็นอาจารย์แบบจำเป็นในการสอนการชำระเงินกันด้วย
- การจัดการรายได้ในแต่ละวันทางบัญชีในการสรุปยอด นอกเหนือจากที่ต้องรวมเงินสด บัตรเครดิต แล้วอาจจะต้องเข้าไปเช็กที่บัญชีที่ได้ผูกไว้
- ความสับสนของป้าย QR CODE เพราะมีความคล้ายกันไปหมดหากเลือกใช้ QR CODE แบบ Dynamic (QR CODE ที่มาพร้อมจำนวนเงิน) เพราะต้องทำ QR CODE ให้กับสินค้าแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน
การใช้ QR CODE คงทำให้ ลูกค้า และผู้ขายสับสนได้บ้างในช่วงแรกๆ เนื่องจากยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ พอมีการใช้งานที่มากขึ้นจะทำให้เกิดความเคยชิน ก็อาจจะเปรียบได้กับตู้ ATM ที่เข้ามาใหม่ๆ ที่ยังคงไม่มีใครกล้าใช้แน่ พอนานไปทุกคนก็ใช้งานแทบทุกคน
การใช้ QR CODE เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
- หากจ่ายเงินทุกครั้งต้องแน่ใจว่าผู้รับเงินนั้นคือ ร้านค้าที่เราต้องการจริงๆ เพราะเคยมีเหตุการณ์ว่ามีมิจฉาชีพแอบเอา QR CODE ของตนเองมาสวมทับ ทำให้จ่ายเงินผิดบัญชี พอเราเอาไปยื่นว่าชำระแล้วกับเจ้าของร้าน เจ้าของร้านแจ้งว่าไม่ใช่บัญชีตนเองทำให้เราอาจจะเสียเงินไปฟรีๆ
- การจ่ายเงินบางแห่งก็มีให้เลือกแบบจ่ายทันที หรือจ่ายแบบใส่รหัสใส่ยอดเงินอีกครั้งหลังสแกน ทั้งนี้ก็คงขึ้นอยู่กับความสะดวกในการใช้งานของแต่ละคน แต่ก็อย่าลืมจำกัดวงเงินในการใช้แต่ละวันกันไว้ด้วย
- หากเราเป็นคนรับเงิน หรือก็คือคนออก QR CODE บางแห่งก็มีให้เลือก QR CODE แบบ Static (QR CODE ที่มาเพียงเลขที่บัญชี) หรือ QR CODE แบบ Dynamic (QR CODE ที่เราสามารถกำหนดจำนวนเงินที่ต้องชำระได้) จริงๆ อย่างหลังนี่จะสะดวกกับร้านค้าที่มีสินค้าไม่เยอะ คนที่มีลูกหนี้เยอะๆ คนเล่นแชร์ หรือคนที่เป็นเหรัญญิกกลุ่ม ต่างๆ ที่ต้องเรียกเก็บเงินสมาชิกแต่ละคนไม่เหมือนกัน
- สำหรับคนที่รับเงินต้องเช็กให้ดีว่า เงินที่ผู้ซื้อจ่ายมานั้นเข้าบัญชีของเราหรือยัง หรืออาจจะเช็กจากการแจ้งเตือนของบางผู้ให้บริการได้ ทั้งนี้เอาให้ชัวร์ดูในบัญชีจะดีที่สุด เช่น แม่ค้าขายอาหาร ถ้าลูกค้าเยอะบางทีลูกค้ายังไม่กดยืนยันชำระเลยแต่เราไม่เช็กให้ดีๆ เมื่อยื่นให้เราดูแล้วอาจจะกดย้อนกลับแบบไม่ชำระเงินก็เป็นได้นะจ้ะ
ทั้งนี้เงื่อนไขหรือรูปแบบการให้บริการของแต่ละที่ไม่เหมือนกัน หากต้องการใช้ก็อย่าลืมเข้าไปศึกษาเพิ่มเติม เพื่อความถูกต้องยิ่งขึ้นกันด้วยนะ