วีซ่าแต่งงานตอนนี้มีปัญหาเยอะ
ในทุกๆๆปีมีกฎใหม่ๆออกมาตลอด คนที่แต่งงานใช้ชีวิตด้วยกันจริงๆก็เจอปัญหาในส่วนวีซ่านี้มากเพราะระบบการจัดการในส่วนนี้ 90%ของคนที่จดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติมีการจดทะเบียนสมรสปลอมในประเทศไทย โดยเป้าหมายคือการจดทะเบียนสมรสเพื่อให้ได้อยู่ในประเทศไทยง่ายๆเท่านั้น
ชาวต่างชาติจ้างชาย-หญิงไทยให้จดทะเบียนสมรสเท่านั้นโดยมีค่าตอบแทนเป็นเงินตามแต่ตกลงกัน ไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ
เนื่องด้วยเหตุจาก 90% ที่จดทะเบียนสมรสปลอมๆทำให้ 10% ที่เหลือที่อยู่กินและใช้ชีวิตด้วยกันเกิดปัญหาไปด้วย เป็นผลมาจาก90% ทำให้เกิดเป็นปัญหาที่ ตม. เพิ่มกฎใหม่ๆที่ยุ่งยากขึ้นมาในทุกๆปี
ทำไมสถานที่ที่มีการให้จดทะเบียนสมรสถึงไม่มีการออกกฎที่ครอบคลุมกว่านี้สำหรับชาวต่างชาติที่สมรสกับคนไทย
เช่น ให้มีการสัมภาษบุคคลในครอบครัวคนไทย คือ พ่อ แม่ พี่น้อง หรือผู้ปกครอง เพื่อให้ข้อมูลสำหรับเช็คความเป็นไปได้สำหรับการแต่งงานว่าปลอมหรือไม่และให้ให้มีการแจ้งกับทางครอบครัวไว้เลยว่าหากมีการรับรู้ภายหลังว่าการจดทะเบียนสมรสนี้เกิดจากการว่าจ้างทางครอบครัวจะต้องเป็นผู้รวมรับผิดชอบด้วยซึ่งต้องมีกฎหมายไว้รองรับในจุดนี้ด้วย แล้วภายหลังจดทะเบียนแล้วทำไมถึงไม่ติดตามผลว่าทั้งคู่อยู่กินและใช้ชีวิตด้วยกันหรือไม่
ซึ่งในจุดนี้ต่างประเทศยังออกกฎหมายให้มีการตรวจสอบด้วยเพราะจะลดปัญหาต่อคู่สมรสที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ในส่วนของวีซ่าก็จะได้ไม่เกิดปัญหาเพิ่มขึ้นต่อคู่สมรสที่อยู่กินด้วยกัน
จากประสบการณ์ที่พบเจอ
ตอนที่ได้ไปจดทะเบียนสมรสกับแฟนได้พบเจอด้วยตาและฟังด้วยหูตัวเอง คือมีชาวต่างชาติ 2 ท่าน พาผู้หญิงไทยมาจดทะเบียนสมรสโดยที่ไม่มีพยานหรือผู้ที่การันตีและคนในครอบครัวมาด้วยเลย ตอนนั้นเราเดินออกมาแล้วกำลังยืนพูดคุยกันรอรถกันอยู่ ได้เห็นพวกเขาเดินออกมาแล้วไปคุยกับวินมอเตอไซต์ว่าต้องการให้ไปเป็นพยานให้หน่อยจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงินคนล่ะ 200 บาทเอง ง่ายมาก
จากที่พบเจอแสดงให้เห็นว่าการจดทะเบียนสมรสในประเทศไทยก็เหมือนการซื้อไอศครีมมากินแล้วก็หมดสิ้นเรื่องราว
ดังนั้นจึงชี้ให้เห็นว่าทำไม ตม.ถึงออกกฎให้มีเงินอยู่ในบัญชี 400000 บาทห้ามเอาออก 60 วัน
ถ้าเปรียบกับเมื่อก่อนที่ว่าใครมีใบขออนุญาติทำงานและมีเงินเดือนประมาณ 45,000 บาท ไว้สำหรับดูแลภรรยาและครอบครัวก็สามารถได้วีซ่าแล้ว
ลองคิดกันดูถ้าเขาไม่สามารถหาเงินมาไว้ในบัญชี 400,00 บาท 2เดือน พวกเขาจะทำวีซ่ากันยังไง
เนื่องจากเงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือนก็เอามาหมุนเวียนใช้จ่ายภายในครอบครัวไปเป็นส่วนมากแล้วจะเอาเงินเยอะๆๆไปไว้ในบัญชีตั้ง 2 เดือนได้อย่างไร
ซึ่งเป็นเวลาที่นานและจำนวนไม่น้อยเลยสำหรับครอบครัวพวกเขา บางครอบครัวก็ไม่ได้รวยขนาดเอาเงินไปเก็บไว้ได้นานๆ ถ้าเป็นแบบนั้นทางเดียวคือต้องกลับไปประเทศของพวกเขาเองใช่ไหม และครอบครัวภรรยา ทางฝั่งนี้ล่ะ การไปกลับที่บ้านและกลับมาที่ไทยอีกก็ใช้เงินเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
มาเช็คกันดูนะ
ถ้ามีเงินอยู่ 45,000 บาท/เดือน
1.จ่ายค่าภาษีทุกเดือน
2.จ่ายค่าเช่าห้องหรือบ้านเช่า
3.จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ
4.จ่ายค่าเดินทาง ยานพาหนะ
5.ให้พ่อ แม่
6.ค่าเน็ต โทรศัพท์
7.ค่าอาหารการกิน
8.และจิพาถะอื่นๆๆอีก
นี้แค่ตัวอย่างชี้ให้เห็นซึ่งค่าใช้จ่ายมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละครอบครัวไม่เท่ากัน
การแก้ปัญหาตรงจุดจริงๆแล้วหรือไม
ขอความกรุณาอย่าให้คู่ที่อยู่ใช้ชีวิตด้วยกันต้องมาพบเจอปัญหาจากการปรับเปลี่ยนระบบของคุณได้ไหม
.....กราบขอพระคุณ...
ปัญหาวีซ่า
ในทุกๆๆปีมีกฎใหม่ๆออกมาตลอด คนที่แต่งงานใช้ชีวิตด้วยกันจริงๆก็เจอปัญหาในส่วนวีซ่านี้มากเพราะระบบการจัดการในส่วนนี้ 90%ของคนที่จดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติมีการจดทะเบียนสมรสปลอมในประเทศไทย โดยเป้าหมายคือการจดทะเบียนสมรสเพื่อให้ได้อยู่ในประเทศไทยง่ายๆเท่านั้น
ชาวต่างชาติจ้างชาย-หญิงไทยให้จดทะเบียนสมรสเท่านั้นโดยมีค่าตอบแทนเป็นเงินตามแต่ตกลงกัน ไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ
เนื่องด้วยเหตุจาก 90% ที่จดทะเบียนสมรสปลอมๆทำให้ 10% ที่เหลือที่อยู่กินและใช้ชีวิตด้วยกันเกิดปัญหาไปด้วย เป็นผลมาจาก90% ทำให้เกิดเป็นปัญหาที่ ตม. เพิ่มกฎใหม่ๆที่ยุ่งยากขึ้นมาในทุกๆปี
ทำไมสถานที่ที่มีการให้จดทะเบียนสมรสถึงไม่มีการออกกฎที่ครอบคลุมกว่านี้สำหรับชาวต่างชาติที่สมรสกับคนไทย
เช่น ให้มีการสัมภาษบุคคลในครอบครัวคนไทย คือ พ่อ แม่ พี่น้อง หรือผู้ปกครอง เพื่อให้ข้อมูลสำหรับเช็คความเป็นไปได้สำหรับการแต่งงานว่าปลอมหรือไม่และให้ให้มีการแจ้งกับทางครอบครัวไว้เลยว่าหากมีการรับรู้ภายหลังว่าการจดทะเบียนสมรสนี้เกิดจากการว่าจ้างทางครอบครัวจะต้องเป็นผู้รวมรับผิดชอบด้วยซึ่งต้องมีกฎหมายไว้รองรับในจุดนี้ด้วย แล้วภายหลังจดทะเบียนแล้วทำไมถึงไม่ติดตามผลว่าทั้งคู่อยู่กินและใช้ชีวิตด้วยกันหรือไม่
ซึ่งในจุดนี้ต่างประเทศยังออกกฎหมายให้มีการตรวจสอบด้วยเพราะจะลดปัญหาต่อคู่สมรสที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ในส่วนของวีซ่าก็จะได้ไม่เกิดปัญหาเพิ่มขึ้นต่อคู่สมรสที่อยู่กินด้วยกัน
จากประสบการณ์ที่พบเจอ
ตอนที่ได้ไปจดทะเบียนสมรสกับแฟนได้พบเจอด้วยตาและฟังด้วยหูตัวเอง คือมีชาวต่างชาติ 2 ท่าน พาผู้หญิงไทยมาจดทะเบียนสมรสโดยที่ไม่มีพยานหรือผู้ที่การันตีและคนในครอบครัวมาด้วยเลย ตอนนั้นเราเดินออกมาแล้วกำลังยืนพูดคุยกันรอรถกันอยู่ ได้เห็นพวกเขาเดินออกมาแล้วไปคุยกับวินมอเตอไซต์ว่าต้องการให้ไปเป็นพยานให้หน่อยจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงินคนล่ะ 200 บาทเอง ง่ายมาก
จากที่พบเจอแสดงให้เห็นว่าการจดทะเบียนสมรสในประเทศไทยก็เหมือนการซื้อไอศครีมมากินแล้วก็หมดสิ้นเรื่องราว
ดังนั้นจึงชี้ให้เห็นว่าทำไม ตม.ถึงออกกฎให้มีเงินอยู่ในบัญชี 400000 บาทห้ามเอาออก 60 วัน
ถ้าเปรียบกับเมื่อก่อนที่ว่าใครมีใบขออนุญาติทำงานและมีเงินเดือนประมาณ 45,000 บาท ไว้สำหรับดูแลภรรยาและครอบครัวก็สามารถได้วีซ่าแล้ว
ลองคิดกันดูถ้าเขาไม่สามารถหาเงินมาไว้ในบัญชี 400,00 บาท 2เดือน พวกเขาจะทำวีซ่ากันยังไง
เนื่องจากเงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือนก็เอามาหมุนเวียนใช้จ่ายภายในครอบครัวไปเป็นส่วนมากแล้วจะเอาเงินเยอะๆๆไปไว้ในบัญชีตั้ง 2 เดือนได้อย่างไร
ซึ่งเป็นเวลาที่นานและจำนวนไม่น้อยเลยสำหรับครอบครัวพวกเขา บางครอบครัวก็ไม่ได้รวยขนาดเอาเงินไปเก็บไว้ได้นานๆ ถ้าเป็นแบบนั้นทางเดียวคือต้องกลับไปประเทศของพวกเขาเองใช่ไหม และครอบครัวภรรยา ทางฝั่งนี้ล่ะ การไปกลับที่บ้านและกลับมาที่ไทยอีกก็ใช้เงินเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
มาเช็คกันดูนะ
ถ้ามีเงินอยู่ 45,000 บาท/เดือน
1.จ่ายค่าภาษีทุกเดือน
2.จ่ายค่าเช่าห้องหรือบ้านเช่า
3.จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ
4.จ่ายค่าเดินทาง ยานพาหนะ
5.ให้พ่อ แม่
6.ค่าเน็ต โทรศัพท์
7.ค่าอาหารการกิน
8.และจิพาถะอื่นๆๆอีก
นี้แค่ตัวอย่างชี้ให้เห็นซึ่งค่าใช้จ่ายมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละครอบครัวไม่เท่ากัน
การแก้ปัญหาตรงจุดจริงๆแล้วหรือไม
ขอความกรุณาอย่าให้คู่ที่อยู่ใช้ชีวิตด้วยกันต้องมาพบเจอปัญหาจากการปรับเปลี่ยนระบบของคุณได้ไหม
.....กราบขอพระคุณ...