ขอนอกเรื่องนะคะ แต่คิดว่าน่าจะเกี่ยวกัน

หลายคนมักจะสงสัยปนรำคาญว่า ทำไมต้องทำ EIA หรือผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพราะมันทำให้ทุกอย่างดูจะล่าช้า

แต่ดูจากกรณีนี้เป็นตัวอย่างหรือว่าหลายๆเคสเป็นตัวอย่างได้ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมคือ การศึกษาว่า การดำเนินกิจกรรมหรือโครงการใดๆนั้นอาจสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในพื้นที่ศึกษาอย่างใดบ้าง มีวิธีการลดผลกระทบด้วยวิธีใด หรือถ้ามันจำเป็นและเลี่ยงไม่ได้จริงๆ จะมีวิธีการชดเชย บรรเทาความเสียหาย เดือดร้อนได้อย่างไรบ้าง

ถ้าเราไม่ใช่คนอยู่ในพื้นที่ เราไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เราไม่รู้หรอกค่ะ ต้องเจอกับตัวเองเอง เช่นการขุดเจาะ การระเบิดหิน โอกาสดินเกิดทรุดตัว เพราะโครงสร้างเป็นดินทรายหรือดินตะกอนแบบอ่อน ทำให้บ้านเกิดทรุด มีรอยแตกร้าว ถามว่าคนทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้มามาก ประสบการณ์เยอะ ต้องรู้ไหมคะว่ามันจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ เขารู้ค่ะ เพียงแต่ว่าเขาจะใส่ใจกับมันหรือเปล่าเท่านั้นเอง

ถ้าโครงการไหนมีการทำ EIA ที่ดี ครบถ้วน จะคาดเดาเหตุการณ์ได้ จะมีการแจ้งวิธีการลดผลกระทบ  และถ้าเกิดเหตุขึ้นที่มันหลุดจากการควบคุมมาแล้ว จะมีการบรรเทาความเสียหาย เดือดร้อนได้อย่างไร

เราอยากจะบอกว่า วิธีการให้โครงการผ่านขั้นตอน EIA เร็วที่สุด ไม่ใช่การกดดันให้ NGO หรือผู้ทรงคุณวุฒิที่ดูแลเกี่ยวกับการผ่าน EIA ให้หลับหูหลับตา แต่คือการบอกให้เจ้าของโครงการใหญ่ๆใส่ใจทำ รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้ออกมาดีที่สุดก็พอแล้ว

ฝากว่า ถ้าไม่เจอกับตัวไม่มีทางรู้ซึ้งหรอกค่ะ ลองบ้านเราทรุดจากการตอกเสาเข็มจะร้องไม่ออก

ป.ล. ร้องเรียนด่านแรกให้ร้องไปที่หน่วยงานซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ ถ้าไม่หือไม่อือ ก็ร้องศาลปกครองค่ะ ปัจจุบันการร้องศาลปกครองง่ายนิดเดียว