[MotoGP] News Update: อัพเดทข่าวสารโมโตจีพีช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์กับการเปิดตัวโปรเจค MotoE™ World Cup

# เริ่มจากข่าวการเปิดตัวการแข่งขันรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทางเรียบชิงแชมป์โลกหรือ FIM Enel MotoE™ World Cup ที่ได้ Enel ดีลเลอร์ผู้จัดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารายใหญ่จากอิตาลีมาเป็นผู้สนับสนุนหลัก โดยงานจัดขึ้นในกรุงโรมเมื่อวานนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามกระแสของโลกที่เทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าได้บุกเข้ามาในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างรวดเร็ว ด้วยจุดเด่นของมลภาวะที่น้อยกว่า รวมไปถึงรองรับทิศทางการพัฒนาของพลังงานโลกที่กำลังมุ่งหน้าไปทางนี้



การแข่งขัน MotoE นั้นจะเข้ามาส่วนหนึ่งในการแข่งขัน FIM MotoGP™ World Championship โดยถือเป็นอีก 1 รุ่นต่อเนื่องจาก MotoGP, Moto2 และ Moto3 ซึ่งการแข่งขันจะจัดขึ้นครั้งแรกในฤดูกาล 2019 หรือปีหน้า โดยจะเริ่มต้นจาก 5 สนามในยุโรปในปีแรก (ยังไม่มีการกำหนดรายชื่อสนามออกมา)

รูปแบบการแข่งขันก็จะคล้ายๆกับรุ่นอื่นคือมีการฝึกซ้อมในวันศุกร์ ควอลิไฟท์ในวันเสาร์และแข่งในวันอาทิตย์ โดยจะแข่งกันทั้งหมด 10 รอบสนาม โดยการทดสอบรถอย่างเป็นทางการครั้งแรกจะจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 ที่สนามเฆเรส ประเทศสเปน



ในส่วนของทีมแข่งนั้น จะประกอบไปด้วยรถทั้งหมด 18 คันจาก 9 ทีม (ทีมละ 2 คัน) ซึ่ง 7 ทีมแข่งอิสระในรุ่น MotoGP จะได้รับสิทธิ์ร่วมลงแข่งทั้งหมด (Gresini Racing ที่อยู่กับ Aprilia ถือเป็น 1 ในทีมอิสระ) ส่วนอีก 2 ทีมที่เหลือนั้น จะเชิญทีมที่มีความพร้อมในรุ่น Moto2 และ Moto3 เข้ามาร่วมรุ่นละทีม  ซึ่งนักแข่งนั้นจะต้องเคยลงแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบในระดับนานาชาติมาก่อน

ประเด็นเรื่องของเสียง ที่ดูว่าอาจจะเป็นจุดด้อยของทั้งรถ Formula E และ MotoE ถ้าเปรียบเทียบกับรถ F1 และ MotoGP แน่นอนว่าเสียงที่ออกมานั้นจะเงียบกว่า อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำใจยอมรับและปรับตัวกันไป แต่แม้รถจะเสียงไม่ดังมากแต่มันก็จะมีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ถูกปล่อยออกมาจากเครื่องยนต์ไฟฟ้าด้วยรอบเครื่องที่สูงคล้ายๆกับรถ Formula E คือไม่ได้เงียบขนาดว่าไม่รู้ว่ารถมาแล้วอะไรแบบนั้น



ในส่วนของตัวรถก็อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ว่าเบื้องต้นจะใช้รถสปอร์ตไบค์ของ Energica รุ่น EgoGP เป็นรถยี่ห้อเดียวไปก่อนในช่วงแรก ซึ่ง Enel จะรับหน้าที่เกี่ยวกับระบบชาร์ทไฟทั้งหมด ซึ่งระบบ Quick Charge ของ Enel นั้นสามารถชาร์ทแบตเตอร์รี่เต็มได้ภายในระยะเวลา 30 นาที Michelin รับหน้าเสื่อเป็นผู้ผลิตยางให้ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ลงตัวเพราะเป็นยางที่ใช้ในโมโตจีพีอยู่แล้ว

ก็นะ ณ ตอนนี้มันเป็นเพียงก้าวแรก อนาคตยังบอกไม่ได้ว่าเทคโนโลยีและการแข่งขันรถซีรี่ย์นี้มันจะสดใสหรือร่วง แต่ในเบื้องต้นก็ต้องบอกว่าทาง Dorna นั้นปรับตัวได้ดีและไม่ขวางทางลม การชิงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตั้งแต่เริ่มแรก ถ้าเกิดซีรี่ย์นี้มันโตขึ้นเรื่อยๆในอนาคต ก็ไม่มีอะไรต้องเสีย แค่เพิ่มรถฝั่งไฟฟ้าและค่อยๆลดบทบาทของรถฝั่งเชื้อเพลิงลง เหมือนแค่เป็นการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยีเท่านั้น แต่รายได้ยังคงเดิม แถมระหว่างนี้ก็แชร์ระบบการถ่ายทอดสดของ MotoGP ที่ทำได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้วไปใช้ได้เลย โดยที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่ม ซึ่งนี่ถือเป็นค่าใช้จ่ายหลักของการสร้างซีรี่ย์การแข่งขันอะไรขึ้นมาใหม่เลยก็ว่าได้

ซึ่งถ้าเราดูจากทิศทางของ Formula E ก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ค่ายรถยนต์ใหญ่ๆของโลกล้วนแต่หันลงมาร่วมพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ากันที่นั่น  แถมรถแข่ง Gen2 ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาล่าสุดนี้ ถือว่าน่าสนใจมากๆ สวยและดูล้ำ ขนาดที่ว่าฝั่ง Formula 1 เองก็ต้องเริ่มหันซ้ายและขวาแล้วเหมือนกัน ซึ่งก็ไม่แน่ว่าในอนาคต โรงงานที่เราคุ้นเคยใน MotoGP ก็จะเข็นรถไฟฟ้าของตัวเองเข้ามาร่วมกันแข่งขันเคี่ยงคู่กับรถ MotoGP ในปัจุบันก็เป็นได้

# 7 สนามแรกที่ใช้เวลาในการแข่งขันยาวที่สุดในปฏิทินการแข่งขัน เตรียมจะถูกลดจำนวนรอบการแข่งขันลงตั้งแต่ฤดูกาลนี้เป็นต้นไป ซึ่งประกอบด้วย
ออสติน(21) - 1 = 20 รอบ
เลอร์มอง(28) - 1 = 27 รอบ
บาร์เซโลน่า(25) - 1 = 24 รอบ
เบอร์โน่(22) - 1 = 21 รอบ
มิซาโน่(28) - 1 = 27 รอบ
เฆเรส(27) - 2 = 25 รอบ
บาเลนเซีย(30) - 3 = 27 รอบ

จากกฏใหม่ที่ยกเลิกการกำหนดระยะทางรวมของการแข่งขันจะต้องอยู่ระหว่าง 95km ถึง 130km ออกไป โดยให้การกำหนดจำนวนรอบของการแข่งขันนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะกรรมจาก FIM และ Dorna แทน สนามทั้งหมดที่ถูกเลือกมานี้ ใช้เวลาการแข่งขันอยู่ประมาณ 40-42 นาทีทั้งหมด ยกเว้นที่บาร์เซโลน่าที่ลากไปถึง 43 นาทีกว่าๆ ซึ่งจากการคำนวณ เวลาที่ลดลงมาได้จะมีตั้งแต่ 1 นาทีครึ่งไปจนถึง 4 นาทีครึ่ง (ที่บาเลนเซีย)

การปรับเปลี่ยนตรงนี้เนื่องจากทาง Dorna ต้องการลดเวลาลงบางส่วนเพื่อให้การจัดการเรื่องการถ่ายทอดสดทำได้ง่ายขึ้น ทั้งในการแข่งขันปกติหรือว่ามีเหตุที่ทำให้การแข่งขันต้องเลื่อนออกไป เพื่อให้คู่ค้าที่เป็นช่องทีวีต่างๆสามารถจัดการโปรแกรมได้ง่ายขึ้น ซึ่งการลดเวลานั้นเริ่มทำมาอย่างต่อเนื่อง อย่างการให้สัมภาษณ์ของนักแข่งก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเรื่อยๆ เพื่อให้อยู่ในระยะเวลาถ่ายทอดสดที่กำหนดไว้

ซึ่งข่าวนี้ก็จะสอดคล้องกับข่าวข้างบนที่ตั้งแต่ฤดูกาลหน้า จะมีช่วงเวลาของการแข่ง MotoE แทรกเข้ามาราวๆ 20 นาที ซึ่งตรงนี้ ทางคณะทำงานก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนตารางเวลาขนานใหญ่กันอีกรอบ แต่โดยรวมแล้วสำหรับผู้ชมก็ต้องถือว่าไม่กระทบอะไรมาก



# นักแข่งจากแดนเสือเหลืองเพื่อนบ้านเรามีโอกาสจะได้ก้าวขึ้นไปแข่งในรุ่นโมโตจีพีในปีนี้ หลังจากที่ Hafizh Syahrin นักแข่งฝีมือดีในรุ่น Moto2 จะได้รับโอกาสให้มาทดสอบรถ MotoGP ที่บุรีรัมย์ในการทดสอบรถอย่างเป็นทางการสุดสัปดาห์หน้า เพื่อดูว่าจะไปไหวกับรถ โมโตจีพีรึเปล่า คือจริงๆแล้วทาง Tech 3 นั้นอยากได้เค้าไปแข่งให้แต่เนื่องจากผลงานที่ผ่านมาอาจจะยังไม่โดดเด่นพอ เลยทำให้ต้องมาทดลองงานกันก่อน

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ทีม SIC Racing Team ที่สนับสนุนโดยสนามเซปังต้นสังกัดของไซยารินได้ตัดสินใจเรียก Zulfahmi Khairuddin หนึ่งในนักแข่งฝีมือดีชาวมาเลย์ที่เคยเกือบจะชนะการแข่งขันในรุ่น Moto3 กลับมาแข่งในรุ่น Moto2 แทน ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คาด มาเลเซียนจีพีปีนี้น่าจะมีแฟนๆชาวเสือเหลืองตีตั๋วเข้ามาชมการแข่งขันเกินกว่า 1 แสนคนอย่างแน่นอน

# ตั้งแต่ฤดูกาล 2018 เป็นต้นไป นักแข่งทุกคนจากทั้ง 3 รุ่นในโมโตจีพีจะต้องทำการตรวจสุขภาพกับทางทีมแพทย์ของ Quirónsalud พาร์ทเนอร์ด้านการแพทย์ของ MotoGP ทั้งหมด โดยทีมแพทย์จะทำการตรวจตามลิสก์ที่กำหนดไว้ใน Appendix B ของ FIM ที่นักแข่งต้องลงนามรวมไปถึงสัญญาต่อต้านการใช้สารกระตุ้น เพื่อให้ทีมแพทย์สามารถตรวจติดตามข้อมูลสุขภาพของนักแข่งได้ และแน่ใจว่านักแข่งอยู่ในสภาพร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์หรือจะไม่มีปัญหาสุขภาพอื่นที่อาจจะกระทบตามมาจากการแข่งขัน



ซึ่งในการทดสอบรถที่เซปังนั้น นักแข่งในรุ่นพรีเมียร์ทุกคนได้ประเดิมงานแรกของทีมแพทย์ไปแล้ว ส่วนรุ่น Moto2 และ Moto3 จะทำการตรวจร่างกายในการทดสอบรถครั้งสุดท้ายที่ Jerez ก่อนเปิดฤดูกาล ก่อนหน้านี้ ถ้าเข้าใจไม่ผิด จะเฉพาะนักแข่งที่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น ที่ต้องการการตรวจเช็คร่างกายว่าฟิตสมบูรณ์พอที่จะกลับมาลงแข่งได้รึยัง

# สนาม Montmeló หรือ Circuit de Barcelona-Catalunya ที่คาตาลันที่เพิ่งจะมีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ ทั้งลาดยางผิวแทรคใหม่ทั้งหมด รวมถึงมีการปรับสแตนด์ใหม่เพื่อให้โมโตจีพีกลับมาใช้โค้ง 12 ได้เหมือนเดิมนั้นได้รับการรับรองจากทั้งทาง FIA และ FIM เป็นที่เรียบร้อยแล้ว



โดย Charlie Whiting จาก FIA ตัวแทนฝั่ง Formula  1 และ Franco Uncini จาก FIM ที่ดูแลเรื่องความปลอยภัยของ MotoGP ได้เข้าไปตรวจสอบเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ซึ่งงานทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ตามที่ออกแบบไว้ ทั้งนี้ นอกจากผิวแทรคแล้ว ยังมีการปรับปรุงสายอากาศของระบบจับเวลา, ปรับปรุงพื้นที่สีเขียว รวมไปถึงการทาสีของเคิร์บและเส้นขาวใหม่ ซึ่งการได้โค้ง 12 กลับมานั้น จะส่งผลให้เวลาต่อรอบลดลงอีกด้วย

บรรดารถ Formula 1 จะมาทดสอบรถที่นี่กันก่อนในช่วงปลายเดือนนี้ (กุมภาพันธ์) ก่อนที่บรรดารถ MotoGP จะได้มาเยือนสนามแห่งนี้เป็นครั้งแรกในการทดสอบปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการทดสอบอย่างเป็นทางการ 2 วัน ก่อนหน้าการแข่งขันรายการ Gran Premi Monster Energy de Catalunya ที่จะแข่งกันที่นี่ 1 เดือน

# Forward Racing ได้เปิดตัวโปรเจค Moto2 ในปี 2018 ที่กรุงมิลาน พร้อมกับผู้สนับสนุนใหม่หลายราย เรียกได้ว่า Forward Racing เป็นทีมแข่งที่มีสีสันมากที่สุดทีมหนึ่งในแพดด็อคโดยเฉพาะข่าวด้านลบ ที่ออกมีมาอย่างต่อเนื่อง ฮ่าๆ จากความที่เป็นบรุษสีเทาเข้มๆของเจ้าของทีมอย่าง Giovanni Cuzari และแม้ว่าทีมจะประสบปัญหาทางด้านการเงินมาแล้วหลายครั้งหลายครา แต่ก็ยังอยู่รอดปลอดภัยมาได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ เอากับแกสิ  



สำหรับรถที่จะใช้แข่งนั้นเป็นเฟรม Suter แต่ว่าจะไม่มีโลโก้ของซูเตอร์แปะอยู่ เพราะลุงคูราซี่กำลังพยายามจะลาก MV Agusta เข้ามาใน GP ให้ได้ ซึ่งเค้าต้องการส่งชื่อรถลงแข่งในนาม MV แต่ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ คือพยายามมา 2-3 ปีแล้วล่ะ แต่ยังไม่สำเร็จซักที 555 แต่ดูแล้วก็คงเหนื่อย เพราะ MV Agusta ใน WSBK ก็ยังต้องแบบว่าเอาให้อยู่รอดเป็นปีๆไป



ทางด้านนักแข่งนั้นนำทัพด้วย Stefano Manzi เด็กจาก VR46 Academy ที่ปีที่แล้วแข่งในรุ่น Moto2 กับทีม Sky VR46 แต่ทำผลงานได้ไม่ดี เลยต้องเปิดทางให้กับเพื่อนคนอื่น ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับทีมฟอร์เวิร์ด ในขณะที่อีกคนคือ Eric Granado แชมป์จากรายการย่อย European Moto2™ Championship เมื่อปีที่แล้ว

# ถัดไปประเทศบ้านใกล้เรือนเคือง ทีม Swiss CGBM Evolution อีก 1 ในบรรดาทีมชั้นนำในรุ่น Moto2 จากสวิสเซอร์แลนด์ ที่จะใช้รถ KTM ในการลุยศึก Moto2 ปีหน้า ได้เปิดรถใหม่ ซึ่งในปีนี้ผู้สนับสนุนหลักได้เปลี่ยนเป็น Olivier Métraux ที่ก็อยู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 2010 ทำให้ลายของรถมีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างเยอะ จากแต่ก่อนที่เราจะเคยชินกับสีของ Interwetten ที่เพิ่งถอนตัวออกไปเนื่องจากในตอนนี้ไม่มีนักแข่งจากสวิสเซอร์แลนด์เหลืออยู่ในทีมแล้ว หลังจากที่โทมัส ลูธินั้นขยับขึ้นไปแข่งรุ่นใหญ่ ส่วนอาเกอเตอร์ก็ย้ายทีม



ต้องบอกว่าสถานะทางการเงินของทีมในฤดูกาลนี้ไม่ค่อยสดใสมากนัก เนื่องจากเสียผู้สนับสนุนเก่าแก่ไปหลายราย ก็ต้องรอดูกันว่าอดีตทีมชั้นนำจะยังไปได้ดีกับคู่นักแข่งใหม่อย่าง Sam Lowes หรือ Iker Lecuona ได้รึเปล่า

Carmelo Ezpeleta ซีอีโอของดอร์น่า ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ I Casco de Oro หรือหมวกกันน็อคทองคำจาก งานกาล่าของ Spanish motorcycle association (RFME) ในฐานะที่อุทิศตนและมีส่วนสำคัญในการพัฒนาวงการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ ซึ่งลุงคาร์เมโล่บอกว่า ภูมิใจกับรางวัลนี้มาก จริงๆแล้วตนเหมือนเป็นตัวแทนของทีมงานจาก Dorna ทุกคนเท่านั้น



ทั้งนี้ความสำเร็จทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าหากไม่ได้รับความความร่วมมือและการสนับสนุนจากทั้งทาง RFME และ FIM เรียกได้ว่าลุงแกอยู่เป็น หยอดคำหวานได้เยี่ยมเลย

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก MotoGP.com, motomatters.com, Crash.net รวมถึงจากเว็บอื่นๆที่ไม่ได้เอ่ยถึงครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่