เริ่มเรื่องเลยแล้วกันค่ะ ไม่ได้แวะเข้ามาทำรีวิวนานมาก นี่เป็นกระทู้ที่ 2 ของเราเอง
เราเป็นคนนึงที่มีรถแหละ โดยส่วนใหญ่เราก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องการดูแลรักษารถซักเท่าไร รู้ว่าเปื้อนก็ล้าง ถึงเวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก็เข้าศูนย์ รถชนก็ต้องเรียกประกัน มีปัญหาอะไรคือโทรหาเซลล์ก่อน แค่นั้นละค่ะคือการดูแลรถที่เราทำได้
ซึ่งตอนที่เราซื้อรถมาทางศูนย์รถเป็นคนดูแลจัดการเรื่องของการเคลือบแก้วให้ทั้งหมด (ศูนย์รถเรียกแบบนี้นะคะ) ทางเซลล์บอกว่าแถมให้ ๆ ( ที่จำได้คือ น้ำยาญี่ปุ่น มูลค่า 60,000 บาท ตามที่เซลล์บอก เมื่อทางเซลล์บอกว่าแถมเราก็ไม่ปฏิเสธค่ะ)
รถเราเป็นรถที่ใช้ทางไกล ไป - กลับ กรุงเทพ - ต่างจังหวัด ประมาณ 400 Km. เกือบทุกอาทิตย์ค่ะ พอถึงปีนี้คือปีที่ 3 ของรถคือหมดการบำรุงรักษาเคลือบแก้ว มันถึงรอบที่ต้องจ่ายเงินเคลือบอีกครั้ง แต่เราคิดว่าที่บำรุงรักษาเคลือบแก้วที่เดิมที่ทำมาเรื่อย ๆ รถเราก็ไม่ค่อยเงาเท่าไร ตอนแรกคุย ๆ กับที่บ้านว่าจะกลับไปทำที่เดิม แต่ก็จากราคาที่เซลล์เคยบอกว่า 60,000 บาท (เราว่าราคาก็แรงอยู่นะ) บวกกับไม่ค่อยประทับใจเรื่องความเงาของรถที่ได้มา เลยต้องพยายามศึกษาเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง กับความรู้งู ๆ ปลา ที่รู้แค่ว่า อืม.... มันถึงเวลาเคลือบแล้วล่ะ แต่... ไปที่ไหนดี (ไม่ใช่คนกรุงเทพ ก็ยากในเรื่องการหาร้านอีก)
เหมือนได้ความรู้มาเพิ่มจากเพื่อนว่า แบบพ่นดีกว่าแบบทา บางคนก็บอกว่าแบบทาดีกว่าพ่น เราก็ยิ่งงงไปกันใหญ่ (ชีวิตการหาที่เคลือบแก้วของเราทำไมยากเย็นแบบนี้) เราเลยมานั่ง Search Google ก่อน คือได้ใจความว่าใน Pantip นี่แหละว่า เคลือบแก้วกับเคลือบ Ceramic มันไม่ต่างกันเพราะมันมาจา Si เหมือนกัน (อันนี้ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกมั๊ย ตอนนี้วิชาเคมีนี่นั่งหน้าแต่หลับเสมอ -*-) พอทำความเข้าใจได้เล็กน้อย ก็หาต่อ .... เปิดอ่านไปเรื่อย ๆ เริ่มไปอ่านเรื่องน้ำยา น้ำยาญี่ปุ่น (อันนี้เคยเคลือบมาแล้ว) น้ำยายุโรป น้ำยาอเมริกา สุดท้ายก็ยังตัดสินใจเลือกไม่ได้ซักที (คิดเยอะ) เลยลองถามเพื่อน เพื่อนบอกว่าเคยไปล้างรถร้าน Wash A Matter ให้ลองไปดูรายละเอียดก่อนก็ได้
ไปถึงร้านคือ...รถเยอะมาก ในวันที่เราไปคือวันอังคาร มีรถทั่วไป, Big Bike รถมันก็จะแน่น ๆ หน่อย กลัวเดินไปชน Big Bike คนอื่นล้มมากกว่า ไหน ๆ ก็มาดูรายละเอียด ก็ขอล้างซักหน่อยขอดูเรื่องการล้างก่อน ถ้าไม่สะอาดก็จะไม่ทำร้านนี้ วันนั้นเราคุยกับเจ้าของร้านที่ใส่เสื้อบอลและกางเกงบอลลงมาคุยด้วยจ้า (อ่อ นี่เจ้าของร้านมีแนวเป็นของตัวเองมาก) อะไรที่อยากรู้เราก็ถามหมด พวกเรื่องการเคลือบ เรื่องรายละเอียดของน้ำยา (ความรู้ไม่มีถามไปก็ อ๋อ เออ อืม ค่ะ ไม่เข้าใจอยู่ดีจะพยายามเข้าใจ) เรื่องการบำรุงรักษาที่นี่ให้ทุก 4 เดือน ระยะเวลา 5 ปี (สำหรับตัวที่เราสนใจ) ลดราคาให้อีก (นั่งทำตาปริบ ๆ ขอต่อราคา) แต่ที่เราตัดสินใจทำเลยคือ เจ้าของร้านบอกเราว่า "ถ้าทำแล้วไม่ถูกใจไม่คิดเงินครับ" (อ๋อ เราคงถามเยอะ ลังเล และเรื่องมากไปรึเปล่า คือเราอยากรู้จริง ๆ เลยถามเยอะ ๆ ) สรุปคือ เราก็ทำนั่นล่ะ เพราะเจ้าของร้านก็พยายามทำความเข้าใจกับความไม่รู้ของเรา และพยายามอธิบาย (แต่เราไม่สามารถอธิบายใครต่อได้เพราะน่าจะงงมากกว่าเดิม 555+) ที่จับใจความได้คือ ที่นี่ใช้น้ำยาของ Opti-Coat ของอเมริกาแบบพ่นและทา ที่เจ้าของร้านได้ไปอบรมมาเพิ่มจากอเมริกาเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้วมีใบ Cer อะไรซักอย่าง (อันนี้เจ้าของร้านเล่าให้ฟัง ว่าได้ ใบ Cer อะไรไม่รู้ คือ ไม่รู้จัก 555+ ) เพื่อให้น้ำยามันทั่วถึงและคงทนน่าจะประมาณนี้ ราคาที่ได้เราเลือกตัว Top สุด ก็ราคาเหมาะสม (หลังจากต่อราคามาสักพัก แถมวันนั้นได้รับกาแฟฟรี 1 แก้ว สงสัยเจ้าของร้านสงสาร)
มาพูดถึงสภาพรถเรา คือ ...... ตอนไปก็จะมีรอยบ้าง มีขนแมวบ้าง มีรอยหิน เจ้าของร้านบอกว่า เข้าใจครับว่ารถผู้หญิงบางทีขับทางไกลไม่รุว่าหินจะมาทางไหน (เอ่อ ขับทางไกลหลบหินนี่ยากมากเลยนะ หลบหลุมได้ก็เก่งแล้วค่ะ) เราก็นัดวันทำเรียบร้อยช่วงกลางเดือนมกราคม 61 ถึงวันที่มาเคลือบก็เอารถมาตั้งแต่ 10 โมงเช้า และก็ทางร้านก็เอาน้ำยามาให้ดูว่าใช้ตัวไหนอะไรประมาณนี้ (สร้างความั่นใจให้เรา) ระยะเวลาที่เคลือบก็ประมาณ 10 ชั่วโมง จอดทิ้งไว้แล้วมาเอารถกลับบ้านได้ ตอนค่ำ ๆ เรามาเอารถ อยากจะบอกว่า ความเงาเหมือนได้รถคันใหม่กลับมา (รอยหินยังคงอยู่) รอยอื่น ๆ หายวับไปกับตา เดินวนรอบรถ ขับออกมาแล้วเดินวนอีกรอบ เจ้าของร้านบอกว่าอีก 3 - 7 วัน ก็ล้างรถซักครั้ง (อันนี้ลืมถามว่าทำไมต้อง 3-7วัน เกิน 7 วันไม่ได้เหรอ แต่ก็ทำตามที่บอกนั่นล่ะค่ะ)
ปล. วันมาล้างกับวันมาเคลือบ Ceramic เจ้าของร้านยังคงใส่เสื้อบอลกางเกงบอลมาเจอเราเหมือนเดิม และเราได้กาแฟฟรีเหมือนเดิม (กาแฟที่นี่อร่อยนะ เราชอบ 55+ )
รถเราหลังเคลือบ Ceramic ที่ Wash A Matter ภาพที่เราถ่ายคือภาพหลังจากที่เราเคลือบไปแล้วประมาณ 7 วัน (เราวนกลับมาล้างรถเลยขอถ่ายรูปทำรีวิวซักหน่อย เราว่ามันเงา เงากว่าตอนที่เราเคลือบตอนเราซื้อรถซะอีก)
[CR] เคลือบ Ceramic ที่ Wash A Matter แบบผู้หญิงที่ไม่มีความรู้เรื่องของรถมากนัก
เราเป็นคนนึงที่มีรถแหละ โดยส่วนใหญ่เราก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องการดูแลรักษารถซักเท่าไร รู้ว่าเปื้อนก็ล้าง ถึงเวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก็เข้าศูนย์ รถชนก็ต้องเรียกประกัน มีปัญหาอะไรคือโทรหาเซลล์ก่อน แค่นั้นละค่ะคือการดูแลรถที่เราทำได้
ซึ่งตอนที่เราซื้อรถมาทางศูนย์รถเป็นคนดูแลจัดการเรื่องของการเคลือบแก้วให้ทั้งหมด (ศูนย์รถเรียกแบบนี้นะคะ) ทางเซลล์บอกว่าแถมให้ ๆ ( ที่จำได้คือ น้ำยาญี่ปุ่น มูลค่า 60,000 บาท ตามที่เซลล์บอก เมื่อทางเซลล์บอกว่าแถมเราก็ไม่ปฏิเสธค่ะ)
รถเราเป็นรถที่ใช้ทางไกล ไป - กลับ กรุงเทพ - ต่างจังหวัด ประมาณ 400 Km. เกือบทุกอาทิตย์ค่ะ พอถึงปีนี้คือปีที่ 3 ของรถคือหมดการบำรุงรักษาเคลือบแก้ว มันถึงรอบที่ต้องจ่ายเงินเคลือบอีกครั้ง แต่เราคิดว่าที่บำรุงรักษาเคลือบแก้วที่เดิมที่ทำมาเรื่อย ๆ รถเราก็ไม่ค่อยเงาเท่าไร ตอนแรกคุย ๆ กับที่บ้านว่าจะกลับไปทำที่เดิม แต่ก็จากราคาที่เซลล์เคยบอกว่า 60,000 บาท (เราว่าราคาก็แรงอยู่นะ) บวกกับไม่ค่อยประทับใจเรื่องความเงาของรถที่ได้มา เลยต้องพยายามศึกษาเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง กับความรู้งู ๆ ปลา ที่รู้แค่ว่า อืม.... มันถึงเวลาเคลือบแล้วล่ะ แต่... ไปที่ไหนดี (ไม่ใช่คนกรุงเทพ ก็ยากในเรื่องการหาร้านอีก)
เหมือนได้ความรู้มาเพิ่มจากเพื่อนว่า แบบพ่นดีกว่าแบบทา บางคนก็บอกว่าแบบทาดีกว่าพ่น เราก็ยิ่งงงไปกันใหญ่ (ชีวิตการหาที่เคลือบแก้วของเราทำไมยากเย็นแบบนี้) เราเลยมานั่ง Search Google ก่อน คือได้ใจความว่าใน Pantip นี่แหละว่า เคลือบแก้วกับเคลือบ Ceramic มันไม่ต่างกันเพราะมันมาจา Si เหมือนกัน (อันนี้ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกมั๊ย ตอนนี้วิชาเคมีนี่นั่งหน้าแต่หลับเสมอ -*-) พอทำความเข้าใจได้เล็กน้อย ก็หาต่อ .... เปิดอ่านไปเรื่อย ๆ เริ่มไปอ่านเรื่องน้ำยา น้ำยาญี่ปุ่น (อันนี้เคยเคลือบมาแล้ว) น้ำยายุโรป น้ำยาอเมริกา สุดท้ายก็ยังตัดสินใจเลือกไม่ได้ซักที (คิดเยอะ) เลยลองถามเพื่อน เพื่อนบอกว่าเคยไปล้างรถร้าน Wash A Matter ให้ลองไปดูรายละเอียดก่อนก็ได้
ไปถึงร้านคือ...รถเยอะมาก ในวันที่เราไปคือวันอังคาร มีรถทั่วไป, Big Bike รถมันก็จะแน่น ๆ หน่อย กลัวเดินไปชน Big Bike คนอื่นล้มมากกว่า ไหน ๆ ก็มาดูรายละเอียด ก็ขอล้างซักหน่อยขอดูเรื่องการล้างก่อน ถ้าไม่สะอาดก็จะไม่ทำร้านนี้ วันนั้นเราคุยกับเจ้าของร้านที่ใส่เสื้อบอลและกางเกงบอลลงมาคุยด้วยจ้า (อ่อ นี่เจ้าของร้านมีแนวเป็นของตัวเองมาก) อะไรที่อยากรู้เราก็ถามหมด พวกเรื่องการเคลือบ เรื่องรายละเอียดของน้ำยา (ความรู้ไม่มีถามไปก็ อ๋อ เออ อืม ค่ะ ไม่เข้าใจอยู่ดีจะพยายามเข้าใจ) เรื่องการบำรุงรักษาที่นี่ให้ทุก 4 เดือน ระยะเวลา 5 ปี (สำหรับตัวที่เราสนใจ) ลดราคาให้อีก (นั่งทำตาปริบ ๆ ขอต่อราคา) แต่ที่เราตัดสินใจทำเลยคือ เจ้าของร้านบอกเราว่า "ถ้าทำแล้วไม่ถูกใจไม่คิดเงินครับ" (อ๋อ เราคงถามเยอะ ลังเล และเรื่องมากไปรึเปล่า คือเราอยากรู้จริง ๆ เลยถามเยอะ ๆ ) สรุปคือ เราก็ทำนั่นล่ะ เพราะเจ้าของร้านก็พยายามทำความเข้าใจกับความไม่รู้ของเรา และพยายามอธิบาย (แต่เราไม่สามารถอธิบายใครต่อได้เพราะน่าจะงงมากกว่าเดิม 555+) ที่จับใจความได้คือ ที่นี่ใช้น้ำยาของ Opti-Coat ของอเมริกาแบบพ่นและทา ที่เจ้าของร้านได้ไปอบรมมาเพิ่มจากอเมริกาเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้วมีใบ Cer อะไรซักอย่าง (อันนี้เจ้าของร้านเล่าให้ฟัง ว่าได้ ใบ Cer อะไรไม่รู้ คือ ไม่รู้จัก 555+ ) เพื่อให้น้ำยามันทั่วถึงและคงทนน่าจะประมาณนี้ ราคาที่ได้เราเลือกตัว Top สุด ก็ราคาเหมาะสม (หลังจากต่อราคามาสักพัก แถมวันนั้นได้รับกาแฟฟรี 1 แก้ว สงสัยเจ้าของร้านสงสาร)
มาพูดถึงสภาพรถเรา คือ ...... ตอนไปก็จะมีรอยบ้าง มีขนแมวบ้าง มีรอยหิน เจ้าของร้านบอกว่า เข้าใจครับว่ารถผู้หญิงบางทีขับทางไกลไม่รุว่าหินจะมาทางไหน (เอ่อ ขับทางไกลหลบหินนี่ยากมากเลยนะ หลบหลุมได้ก็เก่งแล้วค่ะ) เราก็นัดวันทำเรียบร้อยช่วงกลางเดือนมกราคม 61 ถึงวันที่มาเคลือบก็เอารถมาตั้งแต่ 10 โมงเช้า และก็ทางร้านก็เอาน้ำยามาให้ดูว่าใช้ตัวไหนอะไรประมาณนี้ (สร้างความั่นใจให้เรา) ระยะเวลาที่เคลือบก็ประมาณ 10 ชั่วโมง จอดทิ้งไว้แล้วมาเอารถกลับบ้านได้ ตอนค่ำ ๆ เรามาเอารถ อยากจะบอกว่า ความเงาเหมือนได้รถคันใหม่กลับมา (รอยหินยังคงอยู่) รอยอื่น ๆ หายวับไปกับตา เดินวนรอบรถ ขับออกมาแล้วเดินวนอีกรอบ เจ้าของร้านบอกว่าอีก 3 - 7 วัน ก็ล้างรถซักครั้ง (อันนี้ลืมถามว่าทำไมต้อง 3-7วัน เกิน 7 วันไม่ได้เหรอ แต่ก็ทำตามที่บอกนั่นล่ะค่ะ)
ปล. วันมาล้างกับวันมาเคลือบ Ceramic เจ้าของร้านยังคงใส่เสื้อบอลกางเกงบอลมาเจอเราเหมือนเดิม และเราได้กาแฟฟรีเหมือนเดิม (กาแฟที่นี่อร่อยนะ เราชอบ 55+ )
รถเราหลังเคลือบ Ceramic ที่ Wash A Matter ภาพที่เราถ่ายคือภาพหลังจากที่เราเคลือบไปแล้วประมาณ 7 วัน (เราวนกลับมาล้างรถเลยขอถ่ายรูปทำรีวิวซักหน่อย เราว่ามันเงา เงากว่าตอนที่เราเคลือบตอนเราซื้อรถซะอีก)