สวัสดีค่ะ พอดีมีโอกาสต้องไปทำงานแถวนั้น เลยถือโอกาสขอแวะไปปรากช่วงวีคเอน ก็คือถึงปรากศุกร์เย็นแล้วออกจากปรากบ่ายวันอาทิตย์นะคะ ... แบบมาเร็วไปเร็ว... มาถึงโดยเครื่องบิน แต่กลับออกไปโดยรถไฟ
คือเดินกระจุย เอาแบบเดินเที่ยวเท่าที่ขาจะเดินไหวนะคะ ไม่ได้นั่งรถรางหรือรถไฟเพื่อเที่ยวเลย เป็นทริปแบบประหยัด (หรืองกนั่นเอง)
ที่ตัดสินใจลงรีวิว เพราะพอลองหาข้อมูลดู ไม่ค่อยเห็นมีข้อมูลใหม่ๆปี2017เท่าไหร่ ก็เลยคิดว่าเผื่อจะเป็นประโยชน์บ้าง หรือใครจะอยากตามรอยก็ได้นะ
รีวิวนี้ไม่เน้นรูปนะคะ แต่เน้นวิธีการเดินทาง เดินเที่ยวจุดต่างๆที่ควรไป พร้อมเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆ
ก่อนอื่น จขกท. ขอเรียกแทนตัวเองว่าลอร่า ชื่อดูฝรั่งแต่เป็นคนไทยแท้นะคะ เกิดที่ไทย อยู่ไทยจนวัยกลางคน แล้วมาทำงานในยุโรป อายุไม่น้อยแล้ว แต่แอ๊ปเด็กเป็นครั้งคราวเมื่อจำเป็น อย่างเช่นการมาทริปปรากนี้เป็นต้น
นี่คือสถานที่ๆลอร่าไปมาใน2วันในเดือนตุลา2017 เรียงลำดับตามความน่าจะไป ตามความรู้สึกส่วนตัว รายละเอียดแต่ละที่จะลงแยกในความคิดเห็นนะคะ
1.ปราสาทปราก
2.สะพานชาร์ล
3.Old town square
4.ย่านshopping Mustek และ Museum
5.เกาะกลางน้ำ (hunter's island)
6.Republic square
7.ห้าง Palladium
มาตอบคำถามยอดฮิตก่อนเลยว่า 'ปรากน่าไปไม๊' คำตอบคือ น่าไปที่สุด เมืองนี้สำหรับลอร่าคือ ที่สุดแล้วในเมืองที่ต้องมาเที่ยวในยุโรปเลยค่ะ เมืองมันไม่ใหญ่มาก แต่เดินไปตรงไหนก็สวยไปหมด ถ้าให้เลือกว่าจะมาเดินจูงมือกับใครสักคนระหว่างปารีส เวนิช ปราก ขอบอกว่าปรากชนะเลิศค่ะ นี่คือเหตุผลที่ทำไมทัวร์จีนเยอะมาก รองลงมาคือเกาหลี และชาติอื่นๆในยุโรป มีคนมาถ่ายรูปแต่งงานกันก็เยอะ จะเห็นชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่องให้แอบเหล่ปนอิจฉาเป็นระยะๆ จริงๆแล้วรูปถ่ายมันจะเก็บบรรยากาศจริงได้ไม่หมด มันต้องมาสัมผัสและเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆเท่านั้น แล้วคุณจะว้าวค่ะ ว้าวจริงๆ คือลอร่าพูดกับตัวเองบ่อยมากว่า โห มันสวยมาก เข้าใจแล้วว่าทำไมคนเค้าถึงมากัน
เป็นผู้หญิงแล้วเที่ยวคนเดียว จะอันตรายไม๊ ปลอดภัยรึป่าว ต้องนอนรวมกับใครก็ไม่รู้ แถมเดินคนเดียว กินคนเดียว แล้วต้องเซลฟี่เอง จะสนุกเหรอ จะโดนหลอกไม๊ ให้ลองอ่านดูค่ะ
ลอร่าเริ่มต้นเดินทางบินจากฮัมบรูก์ค่ะ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเดียว มาลง terminal 2 ที่สนามบิน Vaclav Havel Airport มันคือสนามบินเดียวในปรากนี่แหละคะ สนามบินใหญ่โตมาก กว้างขวาง (แต่ถ้ามาจากไทยจะลง terminal 1 นะคะ) ลงจากเครื่องแล้วก็หาป้ายดู หรือไม่ก็เดินตามเค้ามาเอากระเป๋า หลังจากลากกระเป๋าออกมาแล้ว ก็ต้องหาทางเข้าเมืองค่ะ เท่าที่ศึกษามา วิธีที่ถูกที่สุดที่จะเข้าเมือง คือรถเมล์และต่อด้วยรถไฟใต้ดินค่ะ ด้วยราคา32Czk (ขอไม่แปลงค่าเงินนะคะ ให้เช็คอัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบันกันเองดีกว่า) แต่ก่อนอื่นก็ต้องหาทางแลกเงินกันก่อนเพราะเช็คใช้เงินสกุลของตัวเอง ตรงจุดเอากระเป๋าจะมี counter exchange ดักไว้เยอะเลย แต่คาดว่าในสนามบินต้องแพงแน่ๆ (ซึ่งก็จริง) เลยไม่แลกและเสี่ยงเดินออกมาหาเอาข้างนอก มีคนแนะนำว่าให้ไปกดเงินจากตู้ATMตรงระหว่างทางเดินterminal 1 และ 2 ดีกว่า ซึ่งก็ลองกดไปสามตู้ พอตู้ที่สามถูกสุดก็เลยเอาตู้นี้แหละ ตอนกดมันจะขึ้นเรทค่ะ แต่ถ้าเราไม่ตกลงก็กดยกเลิกได้ แล้วแต่ละตู้เรทก็ไม่เท่ากัน (ฮ่วย) ไม่ต้องกดมาเยอะนะคะ เช็ครับบัตรเครดิตแทบทุกร้านเลย แถมบางที่ใช้เงินยูโรได้ด้วย อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1ยูโร = 25เช็คโครนค่ะ พอได้เงินเช็คโครนมาแล้วก็มาซื้อตั๋วค่ะ
จะมีบูทตั้งตรงทางออกterminal2เลยค่ะ สังเกตป้าย ใหญ่โต หรือตามคนอื่นค่ะ เพราะคนก็จะมารุมเข้าคิวซื้อกะป้าแกนี่แหละ บูทขายตั๋ว Czech public transport ตั๋วที่นี่จะจำกัดตามระยะเวลาค่ะ ราคาตามนี้ 90นาที 32Czk, 24ชม. 110Czk, 3วันหรือ 72ชม. 310Czk พอดีลอร่าพักใจกลางเมือง เลยซื้อตั๋วแค่32Czk เดินทางได้สูงสุด90นาที ซึ่งจริงๆใช้แค่35นาทีก็ถึงที่พักแล้ว ซื้อตั๋วเสร็จ ป้าแกยกป้ายบอกให้เดินไปทางขวา ไปทางออก D เดินข้ามถนน ไปครึ่งเดียว เพื่อรอรถเมล์ตรงเกาะกลางนะคะ สังเกตุป้ายรถเมล์เอา อ่อ อย่าลืมขอแผนที่รถรางกะmetro จากป้าแกมาด้วย ฟรี กันเหนียวเผื่อหลงไว้ก่อน ลอร่าขึ้นเบอร์ 119ค่ะ อย่าลืมเอาตั๋วเสียบเข้าไปที่เครื่องปั้มเวลาด้วยนะคะ จะอยู่ตรงทางขึ้นประตูหน้าใกล้กับคบขับค่ะ
นั่งไป7ป้ายหรือสุดสายค่ะจะไปลงสถานีชื่อ Nadrazi Veleslavin อย่าพยายามไปอ่านหรือฟังเลยค่ะ เพราะสำเนียงออกเสียงมันไม่เหมือนภาษาอังกฤษ เอาเป็นว่าให้สังเกตหน้าจอบนรถเมล์แทน แต่ถ้าง่ายก็คือ สุดสาย รถเมล์มันจะตีโค้งมาจอดตรงที่มีรถเมล์คันอื่นเยอะๆ ประมาณเข้าอู่บ้านเราค่ะ ลงเสร็จ หาทางเดินลงรถไฟใต้ดิน สังเกตป้ายสีเขียวลูกศรชี้ลง เราจะขึ้น metro Line A ทางลงเป็นบันไดธรรมดานะคะ ใครกระเป๋าหนักก็ต้องแบกลงหลายขั้นกันหน่อย มีหอบแน่ๆค่ะ วิธีขึ้นรถไฟใต้ดินก็เหมือนบ้านเรา หาสถานีที่ใช่แล้วก็ดูเอาว่าข้างซ้ายหรือขวา ลออร่าลงสถานีชื่อ Staromestska ค่ะ นับไป5ป้าย แต่ละป้ายที่จอดจะมีชื่อสถานีอยู่ที่ผนัง หลังจากลงเสร็จขึ้นบันไดเลื่อน โอแม่เจ้า มันสูงชันและยาวมาก อย่าลืมยืนชิดขวาไว้นะคะ เผื่อคนรีบเค้าจะได้เดินแซงซ้าย ขึ้นมาเจอสองทางออกซ้ายขวากับป้ายชื่อถนน ซึ่งอ่านไม่ออกไม่รู้จัก เอาขวาไว้ก่อน โผล่ขึ้นมาค่อยว่ากัน อันนี้ก็ต้องแบกกระเป๋าขึ้นบันไดธรรมดาอีกเช่นกัน โผล่ขึ้นมาเจอตึกกำลังก่อสร้าง/ปรับปรุง งงค่ะไปต่อไม่ถูก ไม่รู้จะเดินซ้ายหรือขวา เปิด maps me หาKFCว่าอยู่ทางไหน เพราะที่พักอยู่ตรงข้ามกับKFC โอเค เดินตามมันไป ศึกษามาจากกูเกิ้ลบอกว่าแค่300เมตรจากสถานีรถไฟ แต่ทางเดินในปราก(และถนนส่วนใหญ่ในยุโรป)เป็นก้อนหินก้อนๆเรียงต่อๆกัน หมายความว่ามันไม่เรียบค่ะ ลากกระเป๋าก็จะเป็นคลื่นขุรขระหน่อย และมีเสียงดัง แค่300เมตรก็อาจจะดูไกลได้
เดินผ่านร้านเค้กร้านกาแฟร้านอาหารร้านขายของมาหลายร้าน ไม่ถึงซะที เห็นป้ายKFCอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้ว แต่พยายามหาบ้านเลขที่ก็หาไม่เจอ ที่พักชั้นอยู่ไหนเนี่ย ใจตุ้มๆต่อมๆจะโดนหลอกป่าวเนี่ย ตอนจองก็ว่าอ่านรีวิวดีแล้วนะ เดินลากกระเป๋าไปเรื่อยๆ แล้วก็ผ่าง ป้ายชื่อHostel Franz Kafkaสีดำปรากฎอยู่ตรงหน้า เป็นประตูทางเข้าตึกอารมณ์ประมาณออฟฟิตสำนักงาน มีป้ายชื่อบริษัทหรืออะไรก็ไม่รู้ อ่านไม่ออก แล้วมีป้ายhostelแปะไว้ให้กดเบอร์ 504แล้วenter หน้าจอบอกcalling แต่ไม่มีคนรับ เอาละสิ หกโมงครึ่งแล้ว ฟ้าเริ่มมืด แล้วอยู่ดีๆก็มีหนุ่มน้อย แต่งตัวหล่อเชียว เดินออกมาเปิดประตู น้ำหอมฟุ้งมาเลย ป้าไม่รอช้า กระโจนเข้าใส่ ไม่ใช่! ป้ารีบถามว่า ขอชั้นเข้าไปได้ไม๊ หนุ่มน้อยตอบ yes ยูกำลังหาทางไปhostelอยู่ใช่ไม๊ กดลิฟด้านในสุดขวามือชั้นสี่เลย พร้อมส่งยิ้มหวานให้ก่อนจากไป กรี๊ดมีลิฟต์ ออกจากลิฟต์มา มองซ้ายขวา เจอป้ายhostel แล้วมีลูกศรที่ผนังว่าreception (ไชโย ถึงซะที) หลังจากเช็คอิน ได้กุญแจ(หลายดอกมาก) หนุ่มเคราแพะตรงเคาเตอร์ต้อนรับแบกกระเป๋าลงมาส่งที่ห้องพักชั้นสาม พร้อมอธิบายกุญแจแต่ละสีว่าไขอะไรบ้าง
ห้องพักเป็นแบบ4 beds female หญิงล้วนสี่4เตียงเดี่ยวแบบตั้งปลายเตียงชนกันคนละฝั่ง แต่ไม่อึดอัด (ไม่ใช่เตียง2ชั้นด้วยนะ) มีตู้เก็บของพร้อมกุญแจล็อคให้คนละตู้ หลังคาสูงตามสไตล์ตึกเก่าในยุโรป หน้าต่างบานใหญ่ แสงส่องสว่างทั่วถึง มีโต๊ะและเก้าอี้นั่งเล่นด้วยสองตัว สรุปคือ น่าอยู่กว่าที่คาดไว้ กับราคา20ยูโรต่อคืน (ช่วงอื่นอาจะถูกกว่านี้ พอดีช่วงที่ลอร่าไปมันเป็นช่วงวันหยุดยาวพอดี) ที่สำคัญคือที่ตั้ง ซึ่งอยู่ใจกลางมากๆ รูมเมทเป็นสองสาวน้อยอายุประมาณ20 กับคนรัสเซียน่าจะซัก 35ได้ hostelนี้มีสามชั้นค่ะ ชั้นสามคือห้องพัก/ห้องอาบน้ำ/ห้องน้ำ ชั้นสี่คือห้องพัก/เคาเตอร์ต้อนรับ/ที่ฝากกระเป๋า/ห้องน้ำ ชั้นห้าคือห้องพักห้องครัว/ ห้องน้ำ/ห้องอาบน้ำ โดยรวมแล้วโอเคเลยค่ะ เตียงนอนสบาย สะอาด ปลอดภัย น้ำอุ่นไหลแรง wifi ฟรี
ห้องพักลอร่สอยู่ชั้นสามเบอร์ 35 เดินเข้าห้องพักเรียบร้อย ก็ออกไปสำรวจเมืองกันเลยค่ะ
ว่าแต่จะเดินไปไหน รู้แต่ว่า ริมน้ำตอนค่ำต้องสวย เพราะฉะนั้น หาทางไปริมน้ำให้ได้ค่ะถ้ากลัวหลงยังไง แนะนำว่าให้ไปตั้งหลักริมน้ำก่อนค่ะ ออกมาจากประตูhostelเลี้ยวขวา เดินไปเรื่อยๆ โอ้ เห็นตึกอะไรใหญ่ๆมีไฟสาด สวยงาม แล้วก็เห็นผู้คนข้ามถนน ตามเค้าไปค่ะ ทางไหน ไม่ค่อยสว่าง ไม่ต้องไปเดินค่ะ เน้นเดินตามคนกลุ่มใหญ่ ทำเนียนๆเดินตามหลังเค้าไป เที่ยวคนเดียวต้องอาศัยความแอบแฝงค่ะ เลี้ยวขวาเดินเลียบถนนใหญ่ไปสักพักเจอผู้คนยืนกันเต็มไปหมด มีหอคอยสูงและรูปปั้น ใช่แล้วนี่คือทางขึ้นสะพานชาร์ลค่ะ เจอพี่เกาหลีกะจีนมาถ่ายรูปกันเยอะมาก คือสะพานนี้ถึงจะมืด ก็ยังมีผู้คนเดินกันเต็มไปหมด เห็นไฟส่องที่ตัวปราสาทตอนกลางคืน บรรยากาศโรแมนติก วิวสวยงามมาก ลอร่าเดินข้ามสะพานไปรอบนึง สำรวจเส้นทางคร่าวๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยมาวิ่งสำรวจพร้อมออกกำลังกายไปด้วยในตัว ขากลับแวะซื้อน้ำขวดใหญ่ อ่านก็ไม่ออก เลือกแบบมีรสส้มมา ก็แปลกดีน้ำใสๆนี่แหละ แต่หอมกลิ่นส้ม จ่ายไป 25Czk ขวดเล็กจะแพงเกือบเท่าขวดใหญ่เลย ก็ซื้อใหญ่ไปเลยดีกว่า พอดีลอร่ามีขวดน้ำเล็กๆพกติดกระเป๋าประจำอยู่แล้ว เลยเอาไว้กรอกค่ะ กลับถึงที่พัก หมดสภาพ ขออาบน้ำ เล่นเฟสแล้วก็นอน เพราะพรุ่งนี้จะได้ตื่นมาวิ่งแต่เช้า พอดีหลับก่อนคนแรกเลยค่ะ สองสาวกลับมาตอนนั่งเล่นเฟสอยู่ ส่วนรูมเมทคนที่สามกลับมาตอนตีห้า ให้ตายเถอะ นางเปิดล็อคเกอร์เปิดกระเป๋า เสียงมันเลยดัง นี่คือข้อเสียของการนอนรวมกัน แต่ข้อดีก็คือรู้สึกว่าเราปลอดภัยแน่ๆ เพราะห้องข้างๆก็เป็นชายล้วนสี่เตียงเดี่ยวเหมือนกัน เกิดไรขึ้น คนอื่นก็ต้องตื่นเหมือนกัน จริงๆเค้าก็เตือนไว้ตรงประตูห้องไว้ด้วยว่า ให้ล็อคประตูด้วยนะจ๊ะ เพื่อความปลอดภัยของตัวยูเอง
ลอร่า ตื่นเจ็ดโมงค่ะ ไขล็อคเกอร์เสียงดังเช่นกัน แต่รีบเปลี่ยนชุดวิ่ง หน้าไม่แต่งเลย เพราะมันยังไม่สว่างมาก ทาครีมกันแดดไปอย่างเดียวพอ พกโทรศัพท์ไปเครื่องเดียว ออกมาหนาวกว่าที่คิดเยอะเลย ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นอยู่ที่แค่10องศา ลอร่าดันใส่แค่เสื้อวอร์มตัวเดียว ขี้เกียจขึ้นไปเปลี่ยนแถมรบกวนเพื่อนร่วมห้องอีก วิ่งไปเดี๋ยวก็คงอุ่นเอง คราวนี้วิ่งตรงไปยังริมน้ำเลยค่ะ เจอคนวิ่งสวนไปบ้าง ฟ้าเริ่มสว่าง โอ้ว้าวสุดๆ วิวดีมากกกกก ภาพที่เห็นยังกะรูปถ่าย คือมันสวย สงบ และทำให้เรายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว วิ่งข้ามสะพานอีกอันเพื่อไปวนกลับมาที่สะพานชาร์ลค่ะ ไม่ได้ศึกษาเส้นทางอะไรมาก เน้นวิ่งเลียบแม่น้ำไปแล้ววนกลับมาที่เดิมให้ได้ พอสว่างแล้วง่ายหน่อยค่ะ เห็นทางชัดเจน เจอคนเมานอนสลบอยู่ในสวนสาธารณะบ้าง แต่ไม่ต้องไปสนใจค่ะ อาจจะมีคนเหล่มองเราบ้าง มั่นหน้า วิ่งไปค่ะ ใครตะโกนถาม หรือเรียกอะไร ไม่ต้องหยุดไม่ต้องเหลียวค่ะ ใส่หูฟัง วิ่งไปค่ะ บรรยากาศตอนเช้าดีมากกกกกก คนก็ไม่เยอะมาก ผ่านstarbuck เลยแวะซื้อสักแก้ว นั่งพักให้หายเหนื่อยแล้วเดินกลับที่พักค่ะ อาจจะงงๆทางหน่อย ใช้maps.me นำเลยค่ะ กลับถึงห้องอยู่กันครบ ทุกคนกำลังแต่งตัว ดีเลย เพราะชั้นจะได้ใช้ห้องน้ำ อาบน้ำอย่างสบายใจ
ภารกิจวันนี้คือเดินสำรวจเมือง ช้อปปิ้ง และหาที่กินข้าวค่ะ
ปรากเป็นเมืองไม่เล็กไม่ใหญ่ เดินเท้าได้ทั่วแต่เหนื่อยหน่อย ที่พักเลยสำคัญ ถ้าจะเน้นช้อปปิ้ง นอนใกล้แหล่งไปเลยค่ะ แต่ถ้าจะเน้นปราสาทก็นอนแถวสะพานหรือจะเลยขึ้นไปตรงปราสาทเลยก็ได้ เพราะถ้าจะเข้าเมืองแล้วจะขึ้นรถรางหรือรถไฟ ก็ใช้ตั๋วเดียวกัน ระบบขนส่งสาธารณะสะดวกมากค่ะ แต่ลอร่าไม่ได้ใช้นะ
[CR] รีวิว กรุงปราก แบบผู้หญิงเที่ยวคนเดียวค่ะ (2วัน2คืน นอนHostel เน้นเดินกระจุย ถ่ายรูปกระจาย)
คือเดินกระจุย เอาแบบเดินเที่ยวเท่าที่ขาจะเดินไหวนะคะ ไม่ได้นั่งรถรางหรือรถไฟเพื่อเที่ยวเลย เป็นทริปแบบประหยัด (หรืองกนั่นเอง)
ที่ตัดสินใจลงรีวิว เพราะพอลองหาข้อมูลดู ไม่ค่อยเห็นมีข้อมูลใหม่ๆปี2017เท่าไหร่ ก็เลยคิดว่าเผื่อจะเป็นประโยชน์บ้าง หรือใครจะอยากตามรอยก็ได้นะ
รีวิวนี้ไม่เน้นรูปนะคะ แต่เน้นวิธีการเดินทาง เดินเที่ยวจุดต่างๆที่ควรไป พร้อมเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆ
ก่อนอื่น จขกท. ขอเรียกแทนตัวเองว่าลอร่า ชื่อดูฝรั่งแต่เป็นคนไทยแท้นะคะ เกิดที่ไทย อยู่ไทยจนวัยกลางคน แล้วมาทำงานในยุโรป อายุไม่น้อยแล้ว แต่แอ๊ปเด็กเป็นครั้งคราวเมื่อจำเป็น อย่างเช่นการมาทริปปรากนี้เป็นต้น
นี่คือสถานที่ๆลอร่าไปมาใน2วันในเดือนตุลา2017 เรียงลำดับตามความน่าจะไป ตามความรู้สึกส่วนตัว รายละเอียดแต่ละที่จะลงแยกในความคิดเห็นนะคะ
1.ปราสาทปราก
2.สะพานชาร์ล
3.Old town square
4.ย่านshopping Mustek และ Museum
5.เกาะกลางน้ำ (hunter's island)
6.Republic square
7.ห้าง Palladium
มาตอบคำถามยอดฮิตก่อนเลยว่า 'ปรากน่าไปไม๊' คำตอบคือ น่าไปที่สุด เมืองนี้สำหรับลอร่าคือ ที่สุดแล้วในเมืองที่ต้องมาเที่ยวในยุโรปเลยค่ะ เมืองมันไม่ใหญ่มาก แต่เดินไปตรงไหนก็สวยไปหมด ถ้าให้เลือกว่าจะมาเดินจูงมือกับใครสักคนระหว่างปารีส เวนิช ปราก ขอบอกว่าปรากชนะเลิศค่ะ นี่คือเหตุผลที่ทำไมทัวร์จีนเยอะมาก รองลงมาคือเกาหลี และชาติอื่นๆในยุโรป มีคนมาถ่ายรูปแต่งงานกันก็เยอะ จะเห็นชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่องให้แอบเหล่ปนอิจฉาเป็นระยะๆ จริงๆแล้วรูปถ่ายมันจะเก็บบรรยากาศจริงได้ไม่หมด มันต้องมาสัมผัสและเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆเท่านั้น แล้วคุณจะว้าวค่ะ ว้าวจริงๆ คือลอร่าพูดกับตัวเองบ่อยมากว่า โห มันสวยมาก เข้าใจแล้วว่าทำไมคนเค้าถึงมากัน
เป็นผู้หญิงแล้วเที่ยวคนเดียว จะอันตรายไม๊ ปลอดภัยรึป่าว ต้องนอนรวมกับใครก็ไม่รู้ แถมเดินคนเดียว กินคนเดียว แล้วต้องเซลฟี่เอง จะสนุกเหรอ จะโดนหลอกไม๊ ให้ลองอ่านดูค่ะ
ลอร่าเริ่มต้นเดินทางบินจากฮัมบรูก์ค่ะ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเดียว มาลง terminal 2 ที่สนามบิน Vaclav Havel Airport มันคือสนามบินเดียวในปรากนี่แหละคะ สนามบินใหญ่โตมาก กว้างขวาง (แต่ถ้ามาจากไทยจะลง terminal 1 นะคะ) ลงจากเครื่องแล้วก็หาป้ายดู หรือไม่ก็เดินตามเค้ามาเอากระเป๋า หลังจากลากกระเป๋าออกมาแล้ว ก็ต้องหาทางเข้าเมืองค่ะ เท่าที่ศึกษามา วิธีที่ถูกที่สุดที่จะเข้าเมือง คือรถเมล์และต่อด้วยรถไฟใต้ดินค่ะ ด้วยราคา32Czk (ขอไม่แปลงค่าเงินนะคะ ให้เช็คอัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบันกันเองดีกว่า) แต่ก่อนอื่นก็ต้องหาทางแลกเงินกันก่อนเพราะเช็คใช้เงินสกุลของตัวเอง ตรงจุดเอากระเป๋าจะมี counter exchange ดักไว้เยอะเลย แต่คาดว่าในสนามบินต้องแพงแน่ๆ (ซึ่งก็จริง) เลยไม่แลกและเสี่ยงเดินออกมาหาเอาข้างนอก มีคนแนะนำว่าให้ไปกดเงินจากตู้ATMตรงระหว่างทางเดินterminal 1 และ 2 ดีกว่า ซึ่งก็ลองกดไปสามตู้ พอตู้ที่สามถูกสุดก็เลยเอาตู้นี้แหละ ตอนกดมันจะขึ้นเรทค่ะ แต่ถ้าเราไม่ตกลงก็กดยกเลิกได้ แล้วแต่ละตู้เรทก็ไม่เท่ากัน (ฮ่วย) ไม่ต้องกดมาเยอะนะคะ เช็ครับบัตรเครดิตแทบทุกร้านเลย แถมบางที่ใช้เงินยูโรได้ด้วย อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1ยูโร = 25เช็คโครนค่ะ พอได้เงินเช็คโครนมาแล้วก็มาซื้อตั๋วค่ะ
จะมีบูทตั้งตรงทางออกterminal2เลยค่ะ สังเกตป้าย ใหญ่โต หรือตามคนอื่นค่ะ เพราะคนก็จะมารุมเข้าคิวซื้อกะป้าแกนี่แหละ บูทขายตั๋ว Czech public transport ตั๋วที่นี่จะจำกัดตามระยะเวลาค่ะ ราคาตามนี้ 90นาที 32Czk, 24ชม. 110Czk, 3วันหรือ 72ชม. 310Czk พอดีลอร่าพักใจกลางเมือง เลยซื้อตั๋วแค่32Czk เดินทางได้สูงสุด90นาที ซึ่งจริงๆใช้แค่35นาทีก็ถึงที่พักแล้ว ซื้อตั๋วเสร็จ ป้าแกยกป้ายบอกให้เดินไปทางขวา ไปทางออก D เดินข้ามถนน ไปครึ่งเดียว เพื่อรอรถเมล์ตรงเกาะกลางนะคะ สังเกตุป้ายรถเมล์เอา อ่อ อย่าลืมขอแผนที่รถรางกะmetro จากป้าแกมาด้วย ฟรี กันเหนียวเผื่อหลงไว้ก่อน ลอร่าขึ้นเบอร์ 119ค่ะ อย่าลืมเอาตั๋วเสียบเข้าไปที่เครื่องปั้มเวลาด้วยนะคะ จะอยู่ตรงทางขึ้นประตูหน้าใกล้กับคบขับค่ะ
นั่งไป7ป้ายหรือสุดสายค่ะจะไปลงสถานีชื่อ Nadrazi Veleslavin อย่าพยายามไปอ่านหรือฟังเลยค่ะ เพราะสำเนียงออกเสียงมันไม่เหมือนภาษาอังกฤษ เอาเป็นว่าให้สังเกตหน้าจอบนรถเมล์แทน แต่ถ้าง่ายก็คือ สุดสาย รถเมล์มันจะตีโค้งมาจอดตรงที่มีรถเมล์คันอื่นเยอะๆ ประมาณเข้าอู่บ้านเราค่ะ ลงเสร็จ หาทางเดินลงรถไฟใต้ดิน สังเกตป้ายสีเขียวลูกศรชี้ลง เราจะขึ้น metro Line A ทางลงเป็นบันไดธรรมดานะคะ ใครกระเป๋าหนักก็ต้องแบกลงหลายขั้นกันหน่อย มีหอบแน่ๆค่ะ วิธีขึ้นรถไฟใต้ดินก็เหมือนบ้านเรา หาสถานีที่ใช่แล้วก็ดูเอาว่าข้างซ้ายหรือขวา ลออร่าลงสถานีชื่อ Staromestska ค่ะ นับไป5ป้าย แต่ละป้ายที่จอดจะมีชื่อสถานีอยู่ที่ผนัง หลังจากลงเสร็จขึ้นบันไดเลื่อน โอแม่เจ้า มันสูงชันและยาวมาก อย่าลืมยืนชิดขวาไว้นะคะ เผื่อคนรีบเค้าจะได้เดินแซงซ้าย ขึ้นมาเจอสองทางออกซ้ายขวากับป้ายชื่อถนน ซึ่งอ่านไม่ออกไม่รู้จัก เอาขวาไว้ก่อน โผล่ขึ้นมาค่อยว่ากัน อันนี้ก็ต้องแบกกระเป๋าขึ้นบันไดธรรมดาอีกเช่นกัน โผล่ขึ้นมาเจอตึกกำลังก่อสร้าง/ปรับปรุง งงค่ะไปต่อไม่ถูก ไม่รู้จะเดินซ้ายหรือขวา เปิด maps me หาKFCว่าอยู่ทางไหน เพราะที่พักอยู่ตรงข้ามกับKFC โอเค เดินตามมันไป ศึกษามาจากกูเกิ้ลบอกว่าแค่300เมตรจากสถานีรถไฟ แต่ทางเดินในปราก(และถนนส่วนใหญ่ในยุโรป)เป็นก้อนหินก้อนๆเรียงต่อๆกัน หมายความว่ามันไม่เรียบค่ะ ลากกระเป๋าก็จะเป็นคลื่นขุรขระหน่อย และมีเสียงดัง แค่300เมตรก็อาจจะดูไกลได้
เดินผ่านร้านเค้กร้านกาแฟร้านอาหารร้านขายของมาหลายร้าน ไม่ถึงซะที เห็นป้ายKFCอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้ว แต่พยายามหาบ้านเลขที่ก็หาไม่เจอ ที่พักชั้นอยู่ไหนเนี่ย ใจตุ้มๆต่อมๆจะโดนหลอกป่าวเนี่ย ตอนจองก็ว่าอ่านรีวิวดีแล้วนะ เดินลากกระเป๋าไปเรื่อยๆ แล้วก็ผ่าง ป้ายชื่อHostel Franz Kafkaสีดำปรากฎอยู่ตรงหน้า เป็นประตูทางเข้าตึกอารมณ์ประมาณออฟฟิตสำนักงาน มีป้ายชื่อบริษัทหรืออะไรก็ไม่รู้ อ่านไม่ออก แล้วมีป้ายhostelแปะไว้ให้กดเบอร์ 504แล้วenter หน้าจอบอกcalling แต่ไม่มีคนรับ เอาละสิ หกโมงครึ่งแล้ว ฟ้าเริ่มมืด แล้วอยู่ดีๆก็มีหนุ่มน้อย แต่งตัวหล่อเชียว เดินออกมาเปิดประตู น้ำหอมฟุ้งมาเลย ป้าไม่รอช้า กระโจนเข้าใส่ ไม่ใช่! ป้ารีบถามว่า ขอชั้นเข้าไปได้ไม๊ หนุ่มน้อยตอบ yes ยูกำลังหาทางไปhostelอยู่ใช่ไม๊ กดลิฟด้านในสุดขวามือชั้นสี่เลย พร้อมส่งยิ้มหวานให้ก่อนจากไป กรี๊ดมีลิฟต์ ออกจากลิฟต์มา มองซ้ายขวา เจอป้ายhostel แล้วมีลูกศรที่ผนังว่าreception (ไชโย ถึงซะที) หลังจากเช็คอิน ได้กุญแจ(หลายดอกมาก) หนุ่มเคราแพะตรงเคาเตอร์ต้อนรับแบกกระเป๋าลงมาส่งที่ห้องพักชั้นสาม พร้อมอธิบายกุญแจแต่ละสีว่าไขอะไรบ้าง
ห้องพักเป็นแบบ4 beds female หญิงล้วนสี่4เตียงเดี่ยวแบบตั้งปลายเตียงชนกันคนละฝั่ง แต่ไม่อึดอัด (ไม่ใช่เตียง2ชั้นด้วยนะ) มีตู้เก็บของพร้อมกุญแจล็อคให้คนละตู้ หลังคาสูงตามสไตล์ตึกเก่าในยุโรป หน้าต่างบานใหญ่ แสงส่องสว่างทั่วถึง มีโต๊ะและเก้าอี้นั่งเล่นด้วยสองตัว สรุปคือ น่าอยู่กว่าที่คาดไว้ กับราคา20ยูโรต่อคืน (ช่วงอื่นอาจะถูกกว่านี้ พอดีช่วงที่ลอร่าไปมันเป็นช่วงวันหยุดยาวพอดี) ที่สำคัญคือที่ตั้ง ซึ่งอยู่ใจกลางมากๆ รูมเมทเป็นสองสาวน้อยอายุประมาณ20 กับคนรัสเซียน่าจะซัก 35ได้ hostelนี้มีสามชั้นค่ะ ชั้นสามคือห้องพัก/ห้องอาบน้ำ/ห้องน้ำ ชั้นสี่คือห้องพัก/เคาเตอร์ต้อนรับ/ที่ฝากกระเป๋า/ห้องน้ำ ชั้นห้าคือห้องพักห้องครัว/ ห้องน้ำ/ห้องอาบน้ำ โดยรวมแล้วโอเคเลยค่ะ เตียงนอนสบาย สะอาด ปลอดภัย น้ำอุ่นไหลแรง wifi ฟรี
ห้องพักลอร่สอยู่ชั้นสามเบอร์ 35 เดินเข้าห้องพักเรียบร้อย ก็ออกไปสำรวจเมืองกันเลยค่ะ
ว่าแต่จะเดินไปไหน รู้แต่ว่า ริมน้ำตอนค่ำต้องสวย เพราะฉะนั้น หาทางไปริมน้ำให้ได้ค่ะถ้ากลัวหลงยังไง แนะนำว่าให้ไปตั้งหลักริมน้ำก่อนค่ะ ออกมาจากประตูhostelเลี้ยวขวา เดินไปเรื่อยๆ โอ้ เห็นตึกอะไรใหญ่ๆมีไฟสาด สวยงาม แล้วก็เห็นผู้คนข้ามถนน ตามเค้าไปค่ะ ทางไหน ไม่ค่อยสว่าง ไม่ต้องไปเดินค่ะ เน้นเดินตามคนกลุ่มใหญ่ ทำเนียนๆเดินตามหลังเค้าไป เที่ยวคนเดียวต้องอาศัยความแอบแฝงค่ะ เลี้ยวขวาเดินเลียบถนนใหญ่ไปสักพักเจอผู้คนยืนกันเต็มไปหมด มีหอคอยสูงและรูปปั้น ใช่แล้วนี่คือทางขึ้นสะพานชาร์ลค่ะ เจอพี่เกาหลีกะจีนมาถ่ายรูปกันเยอะมาก คือสะพานนี้ถึงจะมืด ก็ยังมีผู้คนเดินกันเต็มไปหมด เห็นไฟส่องที่ตัวปราสาทตอนกลางคืน บรรยากาศโรแมนติก วิวสวยงามมาก ลอร่าเดินข้ามสะพานไปรอบนึง สำรวจเส้นทางคร่าวๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยมาวิ่งสำรวจพร้อมออกกำลังกายไปด้วยในตัว ขากลับแวะซื้อน้ำขวดใหญ่ อ่านก็ไม่ออก เลือกแบบมีรสส้มมา ก็แปลกดีน้ำใสๆนี่แหละ แต่หอมกลิ่นส้ม จ่ายไป 25Czk ขวดเล็กจะแพงเกือบเท่าขวดใหญ่เลย ก็ซื้อใหญ่ไปเลยดีกว่า พอดีลอร่ามีขวดน้ำเล็กๆพกติดกระเป๋าประจำอยู่แล้ว เลยเอาไว้กรอกค่ะ กลับถึงที่พัก หมดสภาพ ขออาบน้ำ เล่นเฟสแล้วก็นอน เพราะพรุ่งนี้จะได้ตื่นมาวิ่งแต่เช้า พอดีหลับก่อนคนแรกเลยค่ะ สองสาวกลับมาตอนนั่งเล่นเฟสอยู่ ส่วนรูมเมทคนที่สามกลับมาตอนตีห้า ให้ตายเถอะ นางเปิดล็อคเกอร์เปิดกระเป๋า เสียงมันเลยดัง นี่คือข้อเสียของการนอนรวมกัน แต่ข้อดีก็คือรู้สึกว่าเราปลอดภัยแน่ๆ เพราะห้องข้างๆก็เป็นชายล้วนสี่เตียงเดี่ยวเหมือนกัน เกิดไรขึ้น คนอื่นก็ต้องตื่นเหมือนกัน จริงๆเค้าก็เตือนไว้ตรงประตูห้องไว้ด้วยว่า ให้ล็อคประตูด้วยนะจ๊ะ เพื่อความปลอดภัยของตัวยูเอง
ลอร่า ตื่นเจ็ดโมงค่ะ ไขล็อคเกอร์เสียงดังเช่นกัน แต่รีบเปลี่ยนชุดวิ่ง หน้าไม่แต่งเลย เพราะมันยังไม่สว่างมาก ทาครีมกันแดดไปอย่างเดียวพอ พกโทรศัพท์ไปเครื่องเดียว ออกมาหนาวกว่าที่คิดเยอะเลย ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นอยู่ที่แค่10องศา ลอร่าดันใส่แค่เสื้อวอร์มตัวเดียว ขี้เกียจขึ้นไปเปลี่ยนแถมรบกวนเพื่อนร่วมห้องอีก วิ่งไปเดี๋ยวก็คงอุ่นเอง คราวนี้วิ่งตรงไปยังริมน้ำเลยค่ะ เจอคนวิ่งสวนไปบ้าง ฟ้าเริ่มสว่าง โอ้ว้าวสุดๆ วิวดีมากกกกก ภาพที่เห็นยังกะรูปถ่าย คือมันสวย สงบ และทำให้เรายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว วิ่งข้ามสะพานอีกอันเพื่อไปวนกลับมาที่สะพานชาร์ลค่ะ ไม่ได้ศึกษาเส้นทางอะไรมาก เน้นวิ่งเลียบแม่น้ำไปแล้ววนกลับมาที่เดิมให้ได้ พอสว่างแล้วง่ายหน่อยค่ะ เห็นทางชัดเจน เจอคนเมานอนสลบอยู่ในสวนสาธารณะบ้าง แต่ไม่ต้องไปสนใจค่ะ อาจจะมีคนเหล่มองเราบ้าง มั่นหน้า วิ่งไปค่ะ ใครตะโกนถาม หรือเรียกอะไร ไม่ต้องหยุดไม่ต้องเหลียวค่ะ ใส่หูฟัง วิ่งไปค่ะ บรรยากาศตอนเช้าดีมากกกกกก คนก็ไม่เยอะมาก ผ่านstarbuck เลยแวะซื้อสักแก้ว นั่งพักให้หายเหนื่อยแล้วเดินกลับที่พักค่ะ อาจจะงงๆทางหน่อย ใช้maps.me นำเลยค่ะ กลับถึงห้องอยู่กันครบ ทุกคนกำลังแต่งตัว ดีเลย เพราะชั้นจะได้ใช้ห้องน้ำ อาบน้ำอย่างสบายใจ
ภารกิจวันนี้คือเดินสำรวจเมือง ช้อปปิ้ง และหาที่กินข้าวค่ะ
ปรากเป็นเมืองไม่เล็กไม่ใหญ่ เดินเท้าได้ทั่วแต่เหนื่อยหน่อย ที่พักเลยสำคัญ ถ้าจะเน้นช้อปปิ้ง นอนใกล้แหล่งไปเลยค่ะ แต่ถ้าจะเน้นปราสาทก็นอนแถวสะพานหรือจะเลยขึ้นไปตรงปราสาทเลยก็ได้ เพราะถ้าจะเข้าเมืองแล้วจะขึ้นรถรางหรือรถไฟ ก็ใช้ตั๋วเดียวกัน ระบบขนส่งสาธารณะสะดวกมากค่ะ แต่ลอร่าไม่ได้ใช้นะ