เรียนมัธยมต่างประเทศ(นิวซีแลนด์)หรือมัธยมที่ไทยดี

ตอนนี้ตัวหนูอยู่นิวซีแลนด์มาสองปีแล้ว มาอยู่ตั้งแต่year9(สิบสองขวบ) ตอนนี้กำลังเรียนyear11(สิบสี่ขวบ)อยู่ค่ะ
ต้องท้าวความก่อนว่าตอนหนูอยู่ไทย หนูอยู่รรสาธิตที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ตอนหนูอยู่ ม.1 รรหนูมีโครงการให้สมัครไปนิวซีแลนด์1ปี(ไม่มีทุน) หนูก็ขอพ่อไปเรียนเพราะอยากฝึกภาษาอังกฤษ(เน้นว่าอยากไปเองไม่มีใครบังคับ) พ่อก็อนุณาตให้ไป

หนูไปนิวพร้อมกับเพื่อนอีกสองสามคน ไปเรียนม.2ที่นิว แล้วอยู่กับโฮสแฟมิลี่(คนละโฮสกับเพื่อนซึ่งหนูจะเรียกเขาว่าเอละกัน) ไปอยู่คือโฮสไม่ดีเลยคือเขาไม่ดูแลอะไรหนูเลย ไม่ได้ทำกิจกรรมอย่างอื่นเลย(ปกติอยู่ไทยหนูจะมีเรียนเทนนิสแล้วก็เปียโน) อาหารก็ไม่ครบห้าหมู่ ตอนเราป่วยก็ไม่ดูแลปล่อยให้นอนโทรมอยู่ในห้อง คือด้วยความที่เขามีลูกเล็กสี่คนแล้วพ่อแม่เด็กก็ยังค่อนข้างวัยรุ่นก็อาจจะยุ่ง(เห็นเขาบ่นๆด้วยว่านายจ้างจะเลิกจ้างเขาแล้ว)

ก็คือตอนแรกที่ไปอยู่เหมือนได้แค่ภาษาอังกฤษอย่างเดียวแต่อย่างอื่นเสียไปหมดเลย เช่น กิจกรรมเสริม กิจกรรมกลุ่ม ออกร้าน ทำซุ้มเกม บ้านผีสิง กีฬาสี เข้าแคมป์ เป็นพี่เลี้ยงในแคมป์ ความสนุก/สุขของชีวิตวัยเด็ก(เพราะยังพูดอังกฤษไม่ค่อยได้เลยไม่มีเพื่อน) การได้อยู่กับครอบครัว ผลการเรียนก้ยังไม่ค่อยดี(เพราะภาษายังไม่แข็งแรง)(ตอนอยู่ไทยหนูค่อนข้างเรียนดี ได้เกียรติบัตรทุกปีม เป็นตัวแทนแข่งวิทย์ แข่งศิลปะให้รร) อารมณ์เหมือนอยู่ที่ไทยเป็นดาวรุ่งอยู่ที่นิวเป็นดาวร่วง.

ช่วงนั้นหนูรู้สึกเลยว่า มันไม่คุ้ม แลกทุกอย่างเพื่อภาษาอังกฤษมันไม่คุ้ม ตอนนั้นประมาณเทอมสองต้นๆ(มีสี่เทอม)หนูก็เลยโทรไปบอกแม่กับพ่อว่า อยู่นิวซีแลนด์อย่างนี้มันไม่คุ้ม อยากกลับแล้ว สิ้นปีนี้จะกลับนะ อะไรประมาณนี้ พ่อกับแม่ก็บอกว่าลองเปลี่ยนโฮสดูมั้ยเผื่อจะดีขึ้น หนูก็บอกว่าเปลี่ยนโฮสไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเพราะเพื่อนหนูได้โฮสแย่กว่าหนูอีกแล้วถึงจะเปลี่ยนโฮส สิ่งที่หนูต้องการก็ไม่ใช่หน้าที่โฮสอยู่ดี แล้วหนูก้บอกพ่อ(พ่อเป็นคนตัดสินใจเรื่องใช้เงินในบ้าน)ว่า ถ้าอยากให้อยู่ต่อก็ส่งแม่มาอยู่กับหนูด้วย ไม่งั้นก็จะกลับ เพราะหนูจะไม่ยอมมีชีวิตวัยเด็ก/วัยรุ่นที่อาจจะมาเสียดายทีหลังได้ แล้วก็เหมือนกับว่าไม่ได้ใช้ชีวิตเต็มที่ พ่อหนูก็อึ้งๆไปนิดนึงแล้วก็บอกว่าเดี๋ยวจะเก็บไปคิด พอเวลาผ่านไป คะแนนหนูก็เริ่มดีขึ้น ไม่ใช่เริ่มหรอก ดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด เช่น วิทย์ จากตอนแรกได้แค่ผ่าน ตอนนี้ได้ยอดเยี่ยม(excellence) เพราะภาษาเริ่มแข็งแรงขึ้นแล้ว แต่ภาษาของหนูยังไม่ได้ดีเท่าที่หนูต้องการ

ตอนนี้เล่าถึงตอนอยู่ year9 term 2 ต้นๆ นะคะ พอคะแนนดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด หนูก็ไปคุยกับพ่ออย่างจริงจังว่า จะอยู่ต่อจนจบปีแล้วดูว่าภาษาจะได้ดีเท่าที่ต้องการมั้ย ถ้าภาษาดีพอแล้วก็จะกลับ แต่ถ้าภาษายังไม่ดีเท่าที่ต้องการก็จะอยู่ต่อ แต่ขอให้แม่มาอยู่ด้วยได้ไหม เพราะ ณ จุด จุด นั้นมันรู้สึกไม่มีพลังชีวิตแล้ว คะแนนก็ดี แต่เหมือนอยู่เพื่อหายใจทิ้งไปวันๆเพื่อนก็ไม่ค่อยมี เพื่อนที่ไทยก็เวลาไม่ตรงกัน ตอนนั้นอารมณ์เหมือนเป็นโรคซึมเศร้า ร้องให้ด้วย เวลาคุยโทรศัพท์ พ่อก็ตกลง สรุปว่าแม่กับน้องสาวมาอยู่นิวซีแลนด์ด้วยตั้งแต่เทอม3 year9

พอแม่มาอยู่ด้วยก็ได้ทำกิจกรรมมากขึ้น อาหารดีต่อสุขภาพมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีพลังชีวิตเหมือนเดิม พอเรียนจบyear9 ก้ได้เกียรติบัตร distinction in art มาแต่ภาษาก็ยังไม่ดีเท่าทีต้องการ แถมยังถูกเชิญให้ไปเรียนวิทย์กับคณิตห้องท็อปของชั้น. คือใจนึงก็อยากเรียนที่นิวต่อเพราะได้ภาษา, หลักสูตรการเรียนของเขาดีกว่าที่ไทย(ในเน็ตบอก พ่อแม่คนรอบข้างก็บอก) แถมยังอุตส่าถูกเชิญให้ไปเรียนวิทย์กับคณิตห้องท็อปของชั้น มันก็เสียดายโอกาส แล้วเราก็เรียกแม่ให้มาอยู่ด้วยแล้ว คือ ให้แม่กับมาอยู่แค่สี่เดือนแล้วก็กลับไทย (แค่เรียกให้แม่มาอยู่ด้วยคนรอบข้าง(ยกเว้นพ่อแม่)ก็ไม่เห็นด้วยจะแย่แล้ว ยิ่งคุณย่า ตอนกลับไปก็โดนเหน็บว่าพ่อแม่ตามใจจนเสียคน แต่คือหนูไม่ไหวจริงๆแล้วตอนนั้น) ถ้าจะกลับไปอยู่ไทยตอนสิ้นปีคงโดนคนอื่นเขานินทากันมันปากเลยแหละ55555(แบบเศร้าๆ) หนู(ยำ้ว่าหนูตัดสินใจเอง แม่ที่มาอยู่ด้วยเห็นสภาพหนูแล้วก็บอก กลับได้นะ แม่เข้าใจ) เลยตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ เอาจริงๆคือใจหนูอยากกลับเมืองไทยมาก แต่เหมือนสมองหนูมันสั่งให้อยู่ต่ออ่ะ แบบเพื่ออนาคตที่ดีขึ้น คนอื่นไม่ได้มีโอกาศแบบเรา ได้โอกาสก็ต้องรีบคว้าเอาไว้สิ อะไรแบบนี้ คือหนูอยากกลับ แต่ไม่กลับ จะอยู่ต่v
ด้วยความที่พ่อหนูตอนเด็กๆยากจนมากแต่ตั้งใจเรียนจนได้ดี พี่น้องพ่อก็เรียนดีจนตอนนี้เป็นอาจารย์หมอศิริราชแล้ว พ่อก็เลยเห็นความสำคัญของการศึกษามากๆ ถึงมากที่สุด พ่อเคยเล่าด้วยว่าพ่อเคยไปสมัครงาน แต่เขาไม่รับพ่อ เขาไปรับคนที่ภาษาอังกฤษดี ทั้งๆที่พ่อเรียนมหาลัยดีกว่า พ่อก็เลยเหมือนฝังใจว่า ต้องภาษาอังกฤษเก่ง

หนูก็อยู่ต่อyear10อีกปี คราวนี้เพื่อนคนไทยที่มาด้วยกันกลับไปบ้าง เหลืออยู่คนเดียวที่สนิท ก็เรียนๆไป ก็ยังไม่มีเพื่อนต่างชาติ ภาษาเราสื่อสารได้นะ แต่คุยเล่นไม่เป็นแถมฟังไม่ทันด้วย ก็เรียนดีขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่เก่งแค่เลขกับวิทย์(ที่ภาษาไม่ค่อยเกี่ยว) คะแนนสังคมก็ดีขึ้น จากผ่านเป็น merit (ดี) บ้าง excellence(ยอดเยี่ยม)บ้าง สภาพจิตปีนี้ก็......หนักกว่าปีที่แล้ว เหมือนพอเรียนรู้เรื่องขึ้นแล้วก็จริงจังกับการเรียนมากขึ้น เพราะรู้ว่าถ้าพยายามก็ทำได้ แต่ปีที่แล้วรู้สึกเหมือนว่า พยายามยังไงก็ไม่ได้ การเรียนก็จะปล่อยๆหน่อย ไม่ซีเรียสมาก แต่ปีนี้จริงจังมากขึ้นเยอะ เพราะวิทย์กับคณิทห้องท็อปจะมีให้สอบncea level 1ซึ่งปกติจะให้เด็กyear11สอบ แต่อันนี้สอบตั้งแต่year10 แต่จะสอบน้อยกว่าyear11เยอะ ต้องสอบเก็บคะแนนให้ครบเอาไว้ยื่นเข้ามหาลัย  

พอมีสอบก็เริ่มเครียด เคยร้องให้เพราะ ทำเลขไม่ได้(พีชคณิต) คือเข้าใจที่อาจารย์สอนนะ แต่ตีโจทย์ปัญหาไม่ออก แล้วก็ยังเคยไม่รู้เป็นอะไร อยู่ก็ไม่อยากไปรร เหมือนซึมเศร้าโดยไม่มีเหตุผล ไม่ยอมไปรร ขังตัวเองไว้ในห้อง ร้องให้ คือ อยู่ๆก็นึกถึงความทรงจำที่ไทย กับเพื่อนๆ กิจกรรมสนุกๆที่มีที่ไทย พอคิดว่าจะไม่มีสิ่งเหล้านั้นแล้ว น้ำตาก็ไหลออกมาเอง

ปีนี้ก็ยังคงลังเลว่าจะอยู่ต่อดีมั้ยเพราะ เราว่าภาษาเราโอเคแล้ว(ปีนี้ได้ first in subject english1(ภาษาอังกฤษสำหรับคนต่างชาติ ซึ่งต้องแข่งกับเด็กจีน เกาหลี ญี่ปุ่น) เราอยากกลับไทย รรหนูก็ไม่ได้วิชาการจ๋าอะไร เน้นทำกิจกรรมกลุ่ม ฝึกภาวะผู้นำ ความกล้าแสดงออก แล้วก็ไม่มีอาจารย์ไร้เหตุผล บ้าอำนาจ ซึ่งอยู่นิวหนูไม่ได้ฝึกตรงนี้เลย แต่หนูคิดว่ามันสำคัญ อีกอย่างคือ เพื่อนที่จะสนิทกันยาวๆสนิทกันมากๆส่วนใหญ่ก็คือเพื่อนสมัยม.ปลาย ถ้าใช้ชีวิตอยู่ที่นิว พูดก็ยังพูดไม่เก่ง กว่าจะไปสนิทกับคนอื่นเขาก็คงจบการศึกษาไปแล้ว หนูก็มานั่งคิด เอ...เราจะไม่มีเพื่อนเพื่อให้หน้าที่การงานดีกว่า เงินเดือนแพงกว่าคนเรียนไทย(เพราะเรียนเมืองนอก) ซึ่งก้ไม่รู้ว่าจะดีกว่าจริงหรือเปล่า สมมุติว่าได้เงินดีกว่าจริงๆ ได้เงินเยอะ แต่ไม่มีเพื่อน เอาเงินไปซื้อของแพงๆมาอวดคนอื่นไปวันๆ....มันเพื่ออะไร มันจะมีความสุขจริงๆหรอ เพราะหนูก็คิดว่าถ้าหนูเรียนมหาลัยไทย หนูคงสอบเข้าจุฬา ธรรมศาสตร์ได้ ดูจากพันธุกรรมแล้ว(พ่อกะพี่น้องพ่อทั้งหมดเป็นศิษย์เก่าเตรียมอุดมห้องคิง. พี่ชายพ่อสอบเข้าแพทย์ศิริราชได้คะแนนสูงสุดในประเทศตอนม.5, พ่อเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น(เต็มจำนวน+มีเงินเดือน)ที่มหาลัยโตเกียวเทคคณะวิศวะไฟฟ้า, อาสอบเทียบเตรียมตอนอยู่ม.2แล้วเอ็นติดแพทย์ศิริราชตอนม.5)

แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ประเด็นคือ ปีนี้(year11)ได้เรียนฟรีแล้ว พ่อก้ไม่ยอมให้กลับเพราะเสียดาย พ่อบอกกลับไปเพื่อนก็ไม่ยอมเล่นกับวิกกี้แล้ว แถมยังจะออกกันไปหมดด้วยสิ เวลาพูดถึงจะกลับไทยทีไร พ่อก็จะบอก เอาอีกละ ลงเหวอีกละ อย่างนี้น่ะค่ะ หนูก็เลยเสนอพ่อว่า เอางี้มั้ย ดรียนมอปลายที่ไทย แล้วค่อยมาต่อมหาลัยที่นี่อีกที พ่อก็บอกว่า เทอมมันไม่ตรงกัน เพราะมหาลัยนิวเปิดตอนก่อนที่มอหกจะจบ ดังนั้นหนูก็ต้องเสียเวลารอหนึ่งปีเพื่อที่จะเข้ามหาลัยที่นิว พ่อก้เลยบอกว่า ก็เรียนที่ไทยแล้วก็ต่อมหาลัยไทยไปเลย ไม่งั้นก็เรียนที่นี่ถึงyear12แล้วเข้ามหาลัยไทย แต่หนูคิดได้อีกทางเลือกนึง นั่นก้คือ เรียนมอปลายไทยแล้วชิงทุน(แต่มันไม่แน่นอน)
ในความคิดหนู หนูว่ามัธยมมันเรียนที่ไหนก็ไม่ต่างกัน แต่มหาลัยต่างหากที่เป็นตัวบ่งบอกสำคัญในการสมัครเข้าทำงาน
ตอนโตไปอยากจะทำงานในไทยค่ะ ถ้าเรียนมหาลัยเมืองไทยจะช่วยเรื่องคอนเนกชั่นไหมคะ หนูกะเรียน มาเก็ตติ้งไม่ก็นิติค่ะ แต่หนูเป็นคนไม่ค่อยสังคมเท่าไหร่นะค่ะ พ่อเลยบอกว่า ถ้าเราไม่เก่งเรื่องสร้างคอนเนกชั่นก็ต้องทำให้ตัวเราเก่งมากๆจะได้เด่นกว่าคนอื่นเยอะๆ และรุ่งได้โดยไม่พึ่งคอนเน็กชั่น

ปีนี้เพื่อนหนูกลับไปหมดแล้วมีหนูเป็นคนไทยคนเดียวในชั้น อย่างที่หนูบอกน่ะค่ะว่าชีวิตมีครั้งเดียวหนูก็ไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด แต่ก็ไม่อยากเสียดายอะไรทีหลังเหมือนกันค่ะ คือบรรยากาศในห้องเรียนนิว มันไม่เฮฮาเหมือนที่ไทย อยู่ไปแล้วมันไม่มีพลังชีวิตอ่ะะะะ พ่อหนูก็บอกว่าหนูเหมือนคนชักเข้าชักออก ทำอะไรทำไม่สุด พ่อหนูไม่ได้บังคับให้อยู่ต่อแต่พ่อบอกว่า จะกลับไทยก้ได้นะเลือกเอา มันก็ชีวิตเทอเองแต่ไม่มีใครกลับด้วย(แล้วก้แอบพูดเบาๆว่าใฝ่ต่ำตลอด) ต้องไปอยู่หอเอา

หนูก็เลยอยากมาถามความเห็นว่าควรทำยังไงต่อดีน่ะค่ะ เพราะตัวหนูเองอยากกลับไทยมาก

ปล. เขียนกระทู้ครั้งแรกสรรพนามเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา งงๆเล็กน้อย ขออภัย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่