สวัสดีค่ะทุกคน
มีเรื่องการอกหักหรือการรอคอยที่ทรมานมาเล่าให้ฟังค่ะ
เราเพียงอยากได้กำลังใจ หรือคำอธิบายใดๆที่ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น
ดิฉันอายุ 25 ปี และแฟนอายุ 28 ปีโดยเป็นชาวต่างชาติ
ดิฉันเติบโตด้วยศาสนาพุทธ ซึ่งยิ่งโตยิ่งเสื่อมคลาย จนดิฉันเป็นคนไม่ศาสนา
ในขณะที่แฟนถูกเลี้ยงมาโดยคริสต์โปร์แตสเตนท์ และเป็นครอบครัวที่เคร่งอีกด้วย แต่เมื่อเขามาประทศไทย เขาก็ค่อนข้างไม่เคร่ง
แต่ก็มีการไปโบสถ์บ้าง เพื่อพบเพื่อน และรับฟังพระธรรมในการดำเนินชีวิต
เราคบกันมา 3 ปี ซึ่งผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมาก เราปรับตัวกันเรื่องความต่างของวัฒนธรรม เราช่วยเหลือกันในเรื่องการงาน
และเป็นคนที่เรารู้ว่าศีลเสมอกันจริงๆ ฐานะ ปัญญา แนวทางชีวิต ฯลฯ
วันหนึ่ง แฟนเริ่มเผชิญปัญหาในชีวิต ความสับสนที่พรั่งพรูเข้ามา
เขาเริ่มนึกถึงเรื่องอนาคต ในแง่ของงาน เงิน การเรียนต่อ การอยู่ต่อในประเทศไทย เพื่อน ฯลฯ
และมันทำให้พระเจ้าเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเขา และทำให้เขาตัดสินใจอะไรหลายๆอย่างได้ง่ายขึ้น
จากนั้นเขามาบอกเราว่า ตอนนี้เขาเปลี่ยนไป เขาไม่ใช่คนเดิมหมือนที่เราเจอเขาตอนแรก
เขาอยากเป็นคริสเตียนที่ดี และมีอนาคตแบบแผนตามคริสเตียน ซึ่งเป็นคุณค่าหลักในชีวิตของเขา
ซึ่งเรื่องนี้มันประณีประณอมไม่ได้ มันคงปรับเข้าหากันไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากให้เราเปลี่ยนเพื่อเขา
เขาอยากมีมีคู่ชีวิตที่คุยกันเรื่องความเชื่อเดียวกันได้ และมีครอบครัวเป็นคริสเตียน แต่ตอนนี้เขาไม่เห็นเราในอนาคต
ระหว่างที่อยู่ในภาวะสับสันของทั้งคู่ เราพยายามทำตัวหวานยิ่งขึ้นเพื่อให้เค้ารู้ว่าความรักของเราที่ผ่านมามันยิ่งใหญ่ และมันควรปรับได้สิ
เราลองไปโบสถ์เพื่อเขาอีกครั้ง และใช่ค่ะ เขาบอกเราว่าอย่ารับพระเจ้าเพราะเขา เพราะเราไม่คิดจะเปลี่ยนด้วยตัวเองจริงๆ
เขาเลยคิดว่าในระยะยาวการแยกทางเดินมันจะดีที่สุด เพราะทุกคนได้เป็นตัวของตัวเอง และพบกับคุณค่าหลักในชีวิต
สุดท้าย เราบอกลากัน เราจูบกัน เรากอดกัน เราต่างรับรู้ถึงความรู้สึกอันเต็มเปี่ยมของความรัก ความห่วงใย และความผูกพันธ์
เราเดินออกมาด้วยความเจ็บปวด เขายังคงอยู่ในภาวะช็อคกับการตัดสินใจจึงทำให้เขายังเข้มแข็งได้อยู่
ในวันนี้เราเข้มแข็งขึ้น เราเชื่อในสิ่งที่อยากเชื่อที่ทำให้ลดทอนความเจ็บปวดนี้ได้
เราเชื่อในแบบพุทธ ความรักที่เสียสละ ไม่ทำตัวเป็นบ่วงต่อกัน และเมตตาไปให้เขาพบกับความสุขในแบบของเขา
แต่เราก็พยายามเปิดใจ และทำให้เราเชื่อว่าบางทีอาจเป็นแผนของพระเจ้าที่อยากทำให้เราเปิดใจหรือเปล่า ตอนนี้เราตั้งำถามกับตัวเอง แล้วบอกกับตัวเองว่า พระเจ้าจะตัดสินใจให้เราเอง เราจะวางใจให้พระเจ้าเลือกทางเดินของเรา และเราอธิษฐานให้เราดูและตัวเอง ให้เรานอนหลับ กินข้าวได้
เราบอกเขาว่าเหมือนพระเจ้าจะเริ่มอยู่ในความรู้สึกเรา เราขอให้เขาช่วย อาจจะแนะนะให้เรารู้จักพระเจ้ามากขึ้น
ในวันนี้เขายังตอบกลับมาว่า เขายังสับสน และยังไม่รู้ทางออก แต่ยังไม่ให้คำตอบในเรื่องของเรา
ในส่วนของเรา เราปล่อยวาง ดูแลตัวเองให้เข้มแข็ง เปิดโอกาสให้ตัวเอง และซื่อสัตย์กับตัวเอง
ตอนนี้เราจะคาดหวังให้น้อยที่สุด หากเขาเรื่องทางเดินที่ไม่มีเรา และเราะยินดีกับเขา ที่เขาได้ปลดล็อคชีวิตที่เขาสับสนนี้ได้
รัก กับ ศรัทธา เป็นความยาก และศรัทธาบางครั้งเหตุผลมันอธิบายไม่ได้ และเราจะเคารพเขาค่ะ
สุดท้ายนี้ ใครมีคำแนะนำ คำปลอบใจ กำลังใจ
โปรดช่วยกอดผู้หญิงคนนี้หน่อยนะคะ
ด้วยรัก
<3
เราจบความสัมพันธ์เพราะเขามีความศรัทธาในศาสนา
มีเรื่องการอกหักหรือการรอคอยที่ทรมานมาเล่าให้ฟังค่ะ
เราเพียงอยากได้กำลังใจ หรือคำอธิบายใดๆที่ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น
ดิฉันอายุ 25 ปี และแฟนอายุ 28 ปีโดยเป็นชาวต่างชาติ
ดิฉันเติบโตด้วยศาสนาพุทธ ซึ่งยิ่งโตยิ่งเสื่อมคลาย จนดิฉันเป็นคนไม่ศาสนา
ในขณะที่แฟนถูกเลี้ยงมาโดยคริสต์โปร์แตสเตนท์ และเป็นครอบครัวที่เคร่งอีกด้วย แต่เมื่อเขามาประทศไทย เขาก็ค่อนข้างไม่เคร่ง
แต่ก็มีการไปโบสถ์บ้าง เพื่อพบเพื่อน และรับฟังพระธรรมในการดำเนินชีวิต
เราคบกันมา 3 ปี ซึ่งผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมาก เราปรับตัวกันเรื่องความต่างของวัฒนธรรม เราช่วยเหลือกันในเรื่องการงาน
และเป็นคนที่เรารู้ว่าศีลเสมอกันจริงๆ ฐานะ ปัญญา แนวทางชีวิต ฯลฯ
วันหนึ่ง แฟนเริ่มเผชิญปัญหาในชีวิต ความสับสนที่พรั่งพรูเข้ามา
เขาเริ่มนึกถึงเรื่องอนาคต ในแง่ของงาน เงิน การเรียนต่อ การอยู่ต่อในประเทศไทย เพื่อน ฯลฯ
และมันทำให้พระเจ้าเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเขา และทำให้เขาตัดสินใจอะไรหลายๆอย่างได้ง่ายขึ้น
จากนั้นเขามาบอกเราว่า ตอนนี้เขาเปลี่ยนไป เขาไม่ใช่คนเดิมหมือนที่เราเจอเขาตอนแรก
เขาอยากเป็นคริสเตียนที่ดี และมีอนาคตแบบแผนตามคริสเตียน ซึ่งเป็นคุณค่าหลักในชีวิตของเขา
ซึ่งเรื่องนี้มันประณีประณอมไม่ได้ มันคงปรับเข้าหากันไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากให้เราเปลี่ยนเพื่อเขา
เขาอยากมีมีคู่ชีวิตที่คุยกันเรื่องความเชื่อเดียวกันได้ และมีครอบครัวเป็นคริสเตียน แต่ตอนนี้เขาไม่เห็นเราในอนาคต
ระหว่างที่อยู่ในภาวะสับสันของทั้งคู่ เราพยายามทำตัวหวานยิ่งขึ้นเพื่อให้เค้ารู้ว่าความรักของเราที่ผ่านมามันยิ่งใหญ่ และมันควรปรับได้สิ
เราลองไปโบสถ์เพื่อเขาอีกครั้ง และใช่ค่ะ เขาบอกเราว่าอย่ารับพระเจ้าเพราะเขา เพราะเราไม่คิดจะเปลี่ยนด้วยตัวเองจริงๆ
เขาเลยคิดว่าในระยะยาวการแยกทางเดินมันจะดีที่สุด เพราะทุกคนได้เป็นตัวของตัวเอง และพบกับคุณค่าหลักในชีวิต
สุดท้าย เราบอกลากัน เราจูบกัน เรากอดกัน เราต่างรับรู้ถึงความรู้สึกอันเต็มเปี่ยมของความรัก ความห่วงใย และความผูกพันธ์
เราเดินออกมาด้วยความเจ็บปวด เขายังคงอยู่ในภาวะช็อคกับการตัดสินใจจึงทำให้เขายังเข้มแข็งได้อยู่
ในวันนี้เราเข้มแข็งขึ้น เราเชื่อในสิ่งที่อยากเชื่อที่ทำให้ลดทอนความเจ็บปวดนี้ได้
เราเชื่อในแบบพุทธ ความรักที่เสียสละ ไม่ทำตัวเป็นบ่วงต่อกัน และเมตตาไปให้เขาพบกับความสุขในแบบของเขา
แต่เราก็พยายามเปิดใจ และทำให้เราเชื่อว่าบางทีอาจเป็นแผนของพระเจ้าที่อยากทำให้เราเปิดใจหรือเปล่า ตอนนี้เราตั้งำถามกับตัวเอง แล้วบอกกับตัวเองว่า พระเจ้าจะตัดสินใจให้เราเอง เราจะวางใจให้พระเจ้าเลือกทางเดินของเรา และเราอธิษฐานให้เราดูและตัวเอง ให้เรานอนหลับ กินข้าวได้
เราบอกเขาว่าเหมือนพระเจ้าจะเริ่มอยู่ในความรู้สึกเรา เราขอให้เขาช่วย อาจจะแนะนะให้เรารู้จักพระเจ้ามากขึ้น
ในวันนี้เขายังตอบกลับมาว่า เขายังสับสน และยังไม่รู้ทางออก แต่ยังไม่ให้คำตอบในเรื่องของเรา
ในส่วนของเรา เราปล่อยวาง ดูแลตัวเองให้เข้มแข็ง เปิดโอกาสให้ตัวเอง และซื่อสัตย์กับตัวเอง
ตอนนี้เราจะคาดหวังให้น้อยที่สุด หากเขาเรื่องทางเดินที่ไม่มีเรา และเราะยินดีกับเขา ที่เขาได้ปลดล็อคชีวิตที่เขาสับสนนี้ได้
รัก กับ ศรัทธา เป็นความยาก และศรัทธาบางครั้งเหตุผลมันอธิบายไม่ได้ และเราจะเคารพเขาค่ะ
สุดท้ายนี้ ใครมีคำแนะนำ คำปลอบใจ กำลังใจ
โปรดช่วยกอดผู้หญิงคนนี้หน่อยนะคะ
ด้วยรัก
<3