“บิทคอยน์” อยู่ให้ห่าง หรือ...ซื้อไปเลย ตอนที่ 1

คอลัมน์:  คุยให้... “คิด”
หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์  
“บิทคอยน์”  อยู่ให้ห่าง หรือ...ซื้อไปเลย  ตอนที่ 1
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม  มหาวิทยาลัยรังสิต
www.CsiSociety.com
Add Line:  @CsiSociety

ผมเองเป็นอาจารย์ที่ชอบสอนเรื่องบิทคอยน์ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า จะมีทั้งลูกศิษย์ลูกหาและนักลงทุนทั่วไปที่มักจะถามผมว่า “บิทคอยน์ อยู่ให้ห่าง หรือ...ซื้อไปเลยดีกว่า”  วันนี้ผมจึงขอรวบรวมข้อเท็จจริงและความคิดเห็นของผมเองที่เกี่ยวกับบิทคอยน์มาคุยให้คุณผู้อ่านได้คิดตาม ดังนี้ครับ

หนึ่ง  การยอมรับ “บิทคอยน์” ของประเทศต่างๆ
ญี่ปุ่น เป็นประเทศแรกๆที่ยอมรับบิทคอยน์ให้เป็นการชำระเงินประเภทหนึ่ง (ไม่ได้ยอมรับเป็นเงินสกุลหนึ่ง) เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากนั้นมาบรรดาห้างร้านทั่วญี่ปุ่นก็ติดป้ายบิทคอยน์ต้อนรับลูกค้าจากทั่วโลก สอดคล้องกับนโยบายอาเบะโนมิกส์ที่สนับสนุนการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ต่อมารัสเซียก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ประกาศออกมาว่าจะยอมรับบิทคอยน์เป็นการชำระเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายในปีหน้าด้วย ขณะที่ฟิลิปปินส์หนึ่งในประเทศที่มีการโอนเงินกลับประเทศสูงที่สุดในโลก เพราะคนฟิลิปปินส์กระจายไปทำงานทั่วโลกและส่งเงินกลับประเทศ ทุกวันนี้พวกเขาจะโอนกันเป็นบิทคอยน์...เพราะค่าโอนถูกและสะดวก...ไม่มีต้องบัญชีธนาคาร ดังนั้นธนาคารกลางฟิลิปปินส์จึงออกกฎหมายมาในลักษณะเดียวกัน
ส่วนประเทศที่โจมตีบิทคอยน์รุนแรงที่สุดในโลกคงหนีไม่พ้นประเทศจีน จีนออกกฎหมายสั่งห้ามการระดมทุนของเงินสกุลดิจิตอลใหม่ๆทั้งหมด และประกาศปิดเว็บไซต์แลกเปลี่ยนบิทคอยน์ทั่วประเทศไปแล้ว แต่นักลงทุนจีนก็ยังแห่ไปซื้อบิทคอยน์กันที่ฮ่องกงแทน อีกประเทศหนึ่งที่จ้องจะเล่นงานบิทคอยน์อย่างรุนแรงก็คือ เกาหลีใต้  ทางการเกาหลีใต้ออกกฎห้ามระดมทุนเงินสกุลดิจิตอลเช่นเดียวกับจีน ออกกฎให้ต้องขอใบอนุญาตการซื้อขายเสมือนการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แต่ดีกว่าจีนหน่อยตรงที่ เกาหลีใต้ยังไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้ซื้อขายบิทคอยน์
มาดูประเทศใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกากันบ้าง ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เคยทวีตข้อความเกี่ยวกับบิทคอยน์ไว้ว่า “ความล้มเหลวของระบบการเงินได้สร้างความอับอายให้แก่ชาวอเมริกันมาเป็นเวลาหลายปี นั่นคือเหตุผลที่ผมควรจะสนับสนุนบิทคอยน์ ผมคือ ซาโตชิ นากาโมโต (ผู้ให้กำเนิดบิทคอยน์) ผมก็จะเปลี่ยนกฎหมายการเงินต่างๆเพื่อเอื้อต่อบิทคอยน์” นอกจากนั้นยังเป็นที่ทราบกันดีว่า ทั้งทรัมป์และพรรครีพับลิกันมักจะมีนโยบายผ่อนปรนกฎระเบียบต่างๆเสมอมา ดังนั้นบิทคอยน์จึงมีโอกาสที่จะได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือทางการเงินในวอลล์สตรีท ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วก็แสดงว่า นักลงทุนขาใหญ่ก็จะเข้ามาลงทุนในบิทคอยน์ได้ และนั่นจะนำมาซึ่งเงินจำนวนมหาศาลที่จะมาเพิ่มสภาพคล่องของบิทคอยน์ขึ้นไปอีก

สอง  นักลงทุนมองบิทคอยน์กันอย่างไร?
แจมมี ไดมอน ซีอีโอของธนาคารใหญ่ระดับโลก JP Morgan Chase เกลียดบิทคอยน์เป็นอย่างมาก เขาสนับสนุนให้ทุกรัฐบาลออกกฎหมายปราบปรามผู้ค้าและผู้ทำเหมืองบิทคอยน์ โดยให้โทษทั้งปรับทั้งจำกันไปเลย ซึ่งถือว่าเป็นนักลงทุนที่พูดถึงบิทคอยน์รุนแรงที่สุด  อีกคนหนึ่งคือ แพททริก คอนนอลลี จากบริษัทที่ปรึกษาการเงิน Chase de Vere พูดถึงบรรดานักลงทุนขาใหญ่ที่ยังไม่กล้าลงทุนในบิทคอยน์ “มันเป็นความเสี่ยงที่สูงมาก มันเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน และมันยากที่จะเข้าใจ และผมก็ไม่คิดว่า จะมีที่ปรึกษาคนใดจะใช้มันหรือจะแนะนำมัน”  
เรามาคุยกันเกี่ยวกับนักลงทุนขาใหญ่ที่ได้ลงทุนแล้วในบิทคอยน์ พี่น้องฝาแฝดตระกูลวิงเกิลวอสส์ ที่เคยมีส่วนร่วมในการก่อตั้งเฟสบุ๊ค ฝาแฝดคู่นี้เป็นนักลงทุนรายใหญ่ในบิทคอยน์ แล้วเขาต้องการที่จะจัดตั้งกองทุนที่ลงทุนในบิทคอยน์ในวอลล์สตรีทให้ได้ แต่ติดปัญหาที่หน่วยงานรัฐยังไม่สนันสนุน ไทเลอร์ วิงเกิลวอสส์ พูดถึงบิทคอยน์ไว้ว่า “เราได้เห็นความสามารถของบิทคอยน์ที่เกิดจากโซเชียลเน็ทเวอร์คแล้ว และมันจะเป็นโซเชียลเน็ทเวอร์คที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”  นักลงทุนเชื้อสายศรีลังกาชื่อดังอีกคนหนึ่ง ชามาธ พาลีหพิทยา ผู้ลงทุนในเฟสบุ๊คและเจ้าของทีมบาสเก็ตบอล Golden State Warriors กล่าวถึงบิทคอยน์ไว้ว่า “ผมจะชอบย้ำความเชื่อของผมอยู่บ่อยๆเกี่ยวกับบิทคอยน์ว่า มันเป็นการประกันภัยที่ดีที่สุด เพราะมันสามารถป้องกันความเสียหายจากลดค่าของเงินสกุลต่างๆได้ทุกรูปแบบ”

สาม  การทำนายของ Tommy Lee และ ทฤษฎีของ Metcalfe
ทอมมี ลี ผู้ก่อตั้งกองทุน Fundstrat ได้เคยทำนายราคาของบิทคอยน์ไว้ว่า จะขึ้นไปแตะ 6,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ในปีนี้ และมันก็เป็นความจริงไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา เขายังทำนายต่อไปอีกว่า ราคาของบิทคอยน์จะสูงขึ้นไปถึง 25,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ในปี 2565  
ลี ได้กล่าวถึงการทำนายของเขาว่า มาจากกฎของ Metcalfe ซึ่งนายโรเบิร์ต เม็ทคาล์ฟ ได้นำเสนอไว้ตั้งแต่ปี 2523 โดยกล่าวไว้ว่า “ระบบเครือข่ายโทรคมนาคมนั้น จะขยายตัวเป็นสัดส่วนของจำนวนหน่วยยกกำลังสอง” ตัวอย่างเช่น ถ้าในเครือข่ายมีโทรศัพท์อยู่ 5 เครื่อง ระบบเน็ทเวอร์คก็จะมีการติดต่อสื่อสารกันได้เท่ากับ 5 ยกกำลังสอง เท่ากับ 25 วิธี  แต่ถ้ามีโทรศัพท์อยู่ 10 เครื่อง ระบบเน็ทเวอร์คก็จะมีการติดต่อสื่อสารกันได้เท่ากับ 10 ยกกำลังสอง เท่ากับ 100 วิธีทีเดียว  ลีเชื่อว่า บิทคอยน์ เป็นเงินสกุลดิจิตอลที่เป็นโซเชียลเน็ทเวอร์ค และผู้คนที่ได้เคยเป็นเจ้าของบิทคอยน์ไปแล้วก็จะบอกต่อๆกันไป เขายังเชื่อมั่นอีกว่า พอถึงสิ้นปีนี้จำนวนผู้ใช้บิทคอยน์ก็จะเพิ่มขึ้นอีก 50 เปอร์เซนต์ทีเดียว

ลียังมองถึงเหตุการณ์ใหญ่ๆที่จะเป็นตัวเร่งจำนวนผู้ใช้และราคาของบิทคอยน์อยู่ 2 เหตุการณ์ด้วยกันคือ  หนึ่ง สถาบันการเงินเข้ามาลงทุน เมื่อใดก็ตามที่สถาบันการเงินเริ่มเข้ามาลงทุน เม็ดเงินจำนวนมหาศาลตามเข้ามาด้วยอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นจะเป็นตัวเร่งให้ผู้คนยอมรับบิทคอยน์ในวงกว้าง  และสองคือ บิทคอยน์ได้รับการยอมรับให้เป็นเงินสำรองระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับทองคำ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง มูลค่าของบิทคอยน์จะวิ่งไปอีกไกลแสนไกล  
พบกับบทความเรื่อง “บิทคอยน์”  อยู่ให้ห่าง หรือ...ซื้อไปเลย  ตอนจบ  ได้ในวันพรุ่งนี้ แล้วพบกันนะครับ
หาอ่านบทความ และความรู้ด้านการลงทุนของผู้เขียนได้เพิ่มเติมได้ที่  www.doctorwe.com
บทความ… เงิน 1,000 บาท กับการลงทุนใน “บิทคอยน์”   เชิญอ่านได้ที่ลิงก์นี้
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20171215/6809

บทความ...“บิทคอยน์” กับ “คนรุ่นใหม่” ตอนที่ 1
http://www.doctorwe.com/posttoday/20180125/6836

“บิทคอยน์” กับ “คนรุ่นใหม่” ตอนจบ
http://www.doctorwe.com/posttoday/20180126/6843

บทความ… “บิทคอยน์” สร้าง…ความร่ำรวย ได้หรือไม่?   เชิญอ่านได้ที่ลิงก์นี้
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20170922/6815

บทความ...“บิทคอยน์” เรื่องราวของ…คนกลัวตกรถ…คนติดดอย
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20171117/6820

บทความ... “บิทคอยน์” ความเชื่อ vs. ความจริง
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20180112/6826

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่