รำลึก DUNKIRK อีกครั้ง...ก่อนวันออสการ์

ผมดูหนังเรื่องนี้เมื่อกลางปีที่แล้วพร้อมๆกับกระแสฮือฮาทั่วโซเชียลและกระทู้เต็มพันทิพในตอนนั้น ด้วยความที่เป็นผู้กำกับโนแลน  ทำหนังแอคชั่นมันส์ๆอย่าง TDK และ Inception  ความคาดหวังสูงปี๊ด แต่...กระแสที่ออกมามีทั้งชอบและนั่งหลับ   ตกลงมันดีหรือไม่ดีกันแน่?

ย้อนกลับไปในปี  1992 คริสโตเฟอร์ โนแลนกับแฟน(เมียปัจจุบัน) นั่งเรือไปเที่ยวเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งชื่อ Dunkirk ประเทศฝรั่งเศส  สิ่งที่เขารับรู้ตรงนั้นกลายเป็นแรงบันดาลใจที่จะสร้างหนังยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่งในอีก 25 ปีต่อมา  ไม่รู้ว่าเฮียแกสร้างหนังจากความประทับใจจริงๆโนแคร์รางวัลหรือหมายมั่นปั้นมือส่งเข้าประกวด  ผมแอบเทว่าแกคงหวังและหวังมากด้วยเพราะลงทุนเขียนบทเอง  กำกับเอง  ในแนวทางที่แหวกสุดๆ  ไม่แคร์กลุ่มแมสเพราะเป็นแนว anti-war  ส่งตรงถึงมือกรรมการ

เหล่าแฟนชาติทหารทั้งหลายที่หวังระเบิดระห่ำกระหน่ำไม่ยั้ง  โหดถึงใจแบบ TDK  งงเด้...  หลุดไปหนึ่งกลุ่ม

เหล่าแฟนที่หวังเห็นดราม่าดาร์คๆท่ามกลางฝุ่นตลบที่ไหนสักแห่ง  ไม่มี...หลุดไปอีกหนึ่ง

เหลือแฟนสายรางวัล  โอเค...มันเยี่ยมมากเลยจอร์จ  แต่พอปลายปีหนังรางวัลอื่นๆเริ่มเผยตัว  โดยเฉพาะ The Shape of Water กับ 3 Billboards  ที่ผมกำลังจดจ่อรอดู  มีความเป็นดราม่า  มีสตอรี่ให้คนตามติดมากกว่า สุดท้ายในเทศกาลล่ารางวัลดูเหมือน Dunkirk คงเป็นได้เพียงไม้ประดับแล้วมัง


แต่เอาเถอะ  หนังที่ไม่ตอบโจทย์ความบันเทิงแต่ตอบโจทย์ความเป็นหนัง  มันคงยากปฏิเสธเมื่อเวลาผ่านไปสัก 10-20 ปีแล้วหันกลับมามอง  นี่คือหนึ่งในหนังยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งของวงการเลยทีเดียว  เว่อร์ไปไหมฮะ

หนังสงครามมีออกมามากมายหลายแนวแล้ว เฮียแกคงเอาตรีนก่ายหน้าผากจะสร้างแบบไหนดีหนอไม่ให้เหมือนชาวบ้าน  สุดท้ายเอาฟร่ะจับคนดูไปนั่งตากแดดตากลมกลางชายหาดซะเลยจะได้รู้ว่าสงครามจริงๆเป็นไง  เป็นผู้สังเกตการณ์ทื่อๆตรงๆ  แสง เสียง สีจัดให้เต็ม  

หนังเรื่องนี้ถูกถ่ายทำด้วยกล้อง IMAX กว่า 70% โดยใช้ฟิล์มขนาด 65-70 มม. ฝีมือของคุณหอย  Hoyte Van Hoytema  ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ถ่ายภาพยอดเยี่ยม  พร้อมๆกับ Hans Zimmer ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม  ตามด้วย film editing, sound editing, sound mixing  เอาให้กระหึ่มกันเลยและแน่นอน directing by Nolan ที่กำกับแบบสามไทม์ไลน์ให้คนดูปวดหัวนิดหน่อย

นั่งฟังเสียงตูมตามไปมาทำให้ผมคิดว่าถ้าผมอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นจริงๆผมจะเป็นไง  ในสถานการณ์ที่ทุกอย่างกำลังเพลี่ยงพล้ำ  กัปตันกำลังสั่งถอยหนี  กองกำลังมาถึงจุดอับ ในหัวทุกคนคงมีแค่สองคำ...รอดหรือตาย

แทนที่จะรอความตายชิงลงมือก่อนอย่างทหารคนนั้นลงทะเลไปเลย...จบ  
หรือผมจะสติแตกโวยวายแบบ Cillian Murphy
หรือผมจะได้คิดแบบเจ้าหนูคนนั้นที่รู้สึกว่าชีวิตทุกวันมันเส็งเคร็งพอละ  ทำอะไรเจ๋งๆสักอย่าง  แต่นั่นหละ...สุดท้ายอาจจะสะดุดขาตัวเองหัวคะมำฟาดพื้นตายก่อนก็ได้
หรือผมจะเป็นฮีโร่อย่างคนขับเรือเล็กทั้งหลาย  เท่ห์อย่าง Tom Hardy  ที่รู้สึกว่าความตายเป็นเรื่องเล็ก

ทุกวันนี้เดินห้าง  กินร้านอาหารดีๆ  เข้าโรงดูหนังสักเรื่อง  ผมสงสัยว่าหากผมไปอยู่ที่ประเทศซีเรีย  อัฟกานิสถานหรือแม้แต่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้  เอาแบบไปอยู่จริงๆนะไม่ใช่ไปเที่ยวผมจะป็อดกล้าก้าวขาไปไหนมาไหนไหม  บอกตรงๆ...ผมไม่รู้จริงๆ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่