เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา
คนชอบเขียน
"เพทาย"
ความที่ผมรักการอ่านการเขียนมาตั้งแต่เด็ก ผมจึงชอบอ่านหนังสือทุกชนิด ตั้งแต่หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร ทุกชนิด รวมทั้งหนังสือพระ หนังสือแจกงานศพ ตลอดจนหนังสือโป๊ ที่ต้องแอบขายแอบอ่าน และใบปลิวทุกชนิด อ่านแม้กระทั่งข้อความที่ เมื่อก่อนแอบเขียนกันตามกำแพงวัด ในซอกมุมที่มืด ๆ หรือในส้วมสาธารณะ ซึ่งต่อมาได้ลุกลามออกมาในที่เปิดเผย ตามรั้วและกำแพงบ้าน ซึ่งไม่มีศิลปะในการเรียบเรียง ไม่เป็นการเคารพและให้เกียรติ แก่ภาษาไทยของเราเลย
ข้อสำคัญก็คือการทำลายหรือทำความเสียหาย ให้แก่เจ้าของพื้นที่ซึ่งใช้รองรับข้อเขียนนั้น อย่างรั้วหรือกำแพงที่เขาอุตส่าห์ทาสีเสียสวยงาม ก็มีข้อเขียนสีดำบ้างสีขาวบ้าง เปรอะเลอะเทอะไปหมด แม้จะมีผู้มาช่วยลบข้อความเหล่านั้น ด้วยสีขาวหม่น ๆ ซึ่งได้ทาเพื่อจะทับตัวอักษรเหล่านั้นเป็นปื้น ๆ ก็ดูเหมือนจะเกิดความน่าเกลียดเท่าเดิม ยิ่งเป็นตู้ไปรษณีย์ หรือตู้เชื่อมสายโทรศัพท์ ตัวอักษรหรือสีที่ป้ายทับ ก็จะยิ่งทำลายข้อความหรือตัวเลข ที่เป็นเครื่องหมายของตู้นั้น ให้ลบเลือนหรืออ่านไม่ออกไปเสีย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ป้ายแนะนำหรือคำสั่งห้าม ของเจ้าหน้าที่จัดการจราจร ป้ายบอกเส้นทาง บอกชื่อตำบล ตามสี่แยกในเมือง หรือบอกระยะทางเป็นกิโลเมตรริมทางหลวง ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะที่ไม่คุ้นเคยกับเส้นทางนั้น เมื่อได้ถูกตัวอักษรอันไร้สาระเหล่านั้นบดบังเสียแล้ว ประโยชน์ที่ประชาชนผู้ซึ่งสัญจรไปมาจะได้รับ ก็จะสูญเสียไปจนหมดสิ้น และจะต้องเสียงบประมาณของแผ่นดิน ในการแก้ไขซ่อมแซม อย่างน่าเสียดายอีกด้วย
ผมจึงชอบข้อเขียน ที่เดิมจะอยู่ตามท้ายรถบรรทุกสิบล้อ แต่เดี๋ยวนี้ได้กลายเป็นสติ๊กเกอร์ แปะตามกระจกรถเมล์เล็กและรถโดยสารประจำทางทั่วไป เพราะคล้องจองเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย และเป็นคำที่มีความหมายในทางขบขัน บางชิ้นอาจจะมีความหมายไปในทางหยาบคายบ้าง ก็น้อยเต็มที
คนที่โดยสารรถประจำทางเป็นกิจวัตร เพราะไม่มีรถส่วนตัวอย่างผม จึงได้เห็นข้อความเหล่านั้นเสมอ มากมายหลายสิบแบบ ไม่จำเป็นจะต้องยกตัวอย่างท่านผู้อ่านก็คงจะนึกออก แต่ข้อความที่เขียนด้วยปากกาหมึกแห้ง ซึ่งปรากฎอยู่บนพนักพิงด้าน หลังของเก้าอี้ที่อยู่ค่อนไปทางท้าย ๆ ของรถประจำทางระยะไกล ที่วิ่งออกไปยังเมืองบริวารของกรุงเทพนั้น ก็จะมีรูปแบบเช่นเดียวกับที่ชอบเขียนตามกำแพงหรือเสาไปฟ้าต้นใหญ่ ๆ ในเมืองเหมือนกัน ผู้เขียนคงจะมีหลายกลุ่มและเดินทางเป็นประจำ จึงสามารถเขียนตอบโต้กันไปมาอย่างดุเดือดขึ้นทุกที จนเปรอะไปหมดทั้งแผ่นพนักพิงนั้น และมีความคิดในการเปลี่ยนสีของหมึกไม่ให้เหมือนกัน จึงอ่านออกเกือบทุกประโยค
แม้จะไม่ชอบวิธีการ แต่ผมก็ติดใจอยู่บทหนึ่งที่เขียนเป็นสาระ ไม่เหมือนใครเลย บนรถโดยสารประจำทาง ที่แล่นจากสถานีขนส่งสายใต้ ไปจังหวัดนนทบุรี มีความเป็นกลอนแปดว่า
ในนภาท้องฟ้าอันแสนกว้าง
ผมจะสร้างตำนานให้คุณเห็น
พวกเทคนิคเทคโนที่คุณเป็น
คุณจะเห็นผมนี้หรือคือบิดา
ผมอาจจะคัดมาคลาดเคลื่อนก็ได้ เพราะมีเวลาน้อย และลอกอย่างรีบเร่ง บนรถที่แล่นอย่างรวดเร็ว ตามเส้นทางที่ไม่เรียบร้อย แต่ยังคงความหมายอยู่อย่างครบถ้วน เว้นแต่สรรพนามของบุรุษที่หนึ่งและบุรุษที่สองเท่านั้น ที่ผมแก้ให้สุภาพขึ้น เพราะเจ้าของลายมือท่านเขียน ตรงตามภาษาสมัยพ่อขุนเปี๊ยบเลย
ผมคิดว่า น่าจะเป็นคนที่ชอบอ่านชอบเขียนมาตั้งแต่เด็กอย่างผม นะครับ.
##########
คนชอบเขียน ๕ ก.พ.๖๑
คนชอบเขียน
"เพทาย"
ความที่ผมรักการอ่านการเขียนมาตั้งแต่เด็ก ผมจึงชอบอ่านหนังสือทุกชนิด ตั้งแต่หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร ทุกชนิด รวมทั้งหนังสือพระ หนังสือแจกงานศพ ตลอดจนหนังสือโป๊ ที่ต้องแอบขายแอบอ่าน และใบปลิวทุกชนิด อ่านแม้กระทั่งข้อความที่ เมื่อก่อนแอบเขียนกันตามกำแพงวัด ในซอกมุมที่มืด ๆ หรือในส้วมสาธารณะ ซึ่งต่อมาได้ลุกลามออกมาในที่เปิดเผย ตามรั้วและกำแพงบ้าน ซึ่งไม่มีศิลปะในการเรียบเรียง ไม่เป็นการเคารพและให้เกียรติ แก่ภาษาไทยของเราเลย
ข้อสำคัญก็คือการทำลายหรือทำความเสียหาย ให้แก่เจ้าของพื้นที่ซึ่งใช้รองรับข้อเขียนนั้น อย่างรั้วหรือกำแพงที่เขาอุตส่าห์ทาสีเสียสวยงาม ก็มีข้อเขียนสีดำบ้างสีขาวบ้าง เปรอะเลอะเทอะไปหมด แม้จะมีผู้มาช่วยลบข้อความเหล่านั้น ด้วยสีขาวหม่น ๆ ซึ่งได้ทาเพื่อจะทับตัวอักษรเหล่านั้นเป็นปื้น ๆ ก็ดูเหมือนจะเกิดความน่าเกลียดเท่าเดิม ยิ่งเป็นตู้ไปรษณีย์ หรือตู้เชื่อมสายโทรศัพท์ ตัวอักษรหรือสีที่ป้ายทับ ก็จะยิ่งทำลายข้อความหรือตัวเลข ที่เป็นเครื่องหมายของตู้นั้น ให้ลบเลือนหรืออ่านไม่ออกไปเสีย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ป้ายแนะนำหรือคำสั่งห้าม ของเจ้าหน้าที่จัดการจราจร ป้ายบอกเส้นทาง บอกชื่อตำบล ตามสี่แยกในเมือง หรือบอกระยะทางเป็นกิโลเมตรริมทางหลวง ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะที่ไม่คุ้นเคยกับเส้นทางนั้น เมื่อได้ถูกตัวอักษรอันไร้สาระเหล่านั้นบดบังเสียแล้ว ประโยชน์ที่ประชาชนผู้ซึ่งสัญจรไปมาจะได้รับ ก็จะสูญเสียไปจนหมดสิ้น และจะต้องเสียงบประมาณของแผ่นดิน ในการแก้ไขซ่อมแซม อย่างน่าเสียดายอีกด้วย
ผมจึงชอบข้อเขียน ที่เดิมจะอยู่ตามท้ายรถบรรทุกสิบล้อ แต่เดี๋ยวนี้ได้กลายเป็นสติ๊กเกอร์ แปะตามกระจกรถเมล์เล็กและรถโดยสารประจำทางทั่วไป เพราะคล้องจองเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย และเป็นคำที่มีความหมายในทางขบขัน บางชิ้นอาจจะมีความหมายไปในทางหยาบคายบ้าง ก็น้อยเต็มที
คนที่โดยสารรถประจำทางเป็นกิจวัตร เพราะไม่มีรถส่วนตัวอย่างผม จึงได้เห็นข้อความเหล่านั้นเสมอ มากมายหลายสิบแบบ ไม่จำเป็นจะต้องยกตัวอย่างท่านผู้อ่านก็คงจะนึกออก แต่ข้อความที่เขียนด้วยปากกาหมึกแห้ง ซึ่งปรากฎอยู่บนพนักพิงด้าน หลังของเก้าอี้ที่อยู่ค่อนไปทางท้าย ๆ ของรถประจำทางระยะไกล ที่วิ่งออกไปยังเมืองบริวารของกรุงเทพนั้น ก็จะมีรูปแบบเช่นเดียวกับที่ชอบเขียนตามกำแพงหรือเสาไปฟ้าต้นใหญ่ ๆ ในเมืองเหมือนกัน ผู้เขียนคงจะมีหลายกลุ่มและเดินทางเป็นประจำ จึงสามารถเขียนตอบโต้กันไปมาอย่างดุเดือดขึ้นทุกที จนเปรอะไปหมดทั้งแผ่นพนักพิงนั้น และมีความคิดในการเปลี่ยนสีของหมึกไม่ให้เหมือนกัน จึงอ่านออกเกือบทุกประโยค
แม้จะไม่ชอบวิธีการ แต่ผมก็ติดใจอยู่บทหนึ่งที่เขียนเป็นสาระ ไม่เหมือนใครเลย บนรถโดยสารประจำทาง ที่แล่นจากสถานีขนส่งสายใต้ ไปจังหวัดนนทบุรี มีความเป็นกลอนแปดว่า
ในนภาท้องฟ้าอันแสนกว้าง
ผมจะสร้างตำนานให้คุณเห็น
พวกเทคนิคเทคโนที่คุณเป็น
คุณจะเห็นผมนี้หรือคือบิดา
ผมอาจจะคัดมาคลาดเคลื่อนก็ได้ เพราะมีเวลาน้อย และลอกอย่างรีบเร่ง บนรถที่แล่นอย่างรวดเร็ว ตามเส้นทางที่ไม่เรียบร้อย แต่ยังคงความหมายอยู่อย่างครบถ้วน เว้นแต่สรรพนามของบุรุษที่หนึ่งและบุรุษที่สองเท่านั้น ที่ผมแก้ให้สุภาพขึ้น เพราะเจ้าของลายมือท่านเขียน ตรงตามภาษาสมัยพ่อขุนเปี๊ยบเลย
ผมคิดว่า น่าจะเป็นคนที่ชอบอ่านชอบเขียนมาตั้งแต่เด็กอย่างผม นะครับ.
##########