ซีรี่ส์มีความยาว 10 ตอน ชื่อ Altered Carbon ดัดแปลงจากนิยายไซเบอร์พังค์ของ ริชาร์ด เค. มอร์แกน เดินเรื่องแบบสืบสวน แอคชั่นไซไฟ และ เสียดสี คล้าย Black Miror ใน Netflix เจ้าเดียวกัน แต่เรื่องนี้โดดเด่นที่หนังอยากให้เราลืมสิ่งที่เห็น สิ่งที่เชื่อมาทั้งหมดในชีวิตแล้วนั่งลงดูว่าโลกในอีก 300 ปีข้างหน้าในจินตนาการของผู้เขียนเป็นอย่างไร
ซึ่งแกนหลักของหนังคือการเล่นกับของบางอย่างที่มนุษย์ถวิลหามาตลอดท่ีในสมัยนี้มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถซื้อได้ นั่นก็คือชีวิตที่กึ่งจะเป็นอมตะ เราสามารถลืมเรื่องสุขภาพไปได้ เพราะเลยถ้าร่างกายที่ในหนังเรียกว่า เปลือก มันเน่าเสียบาดเจ็บก็เปลี่ยนใหม่ ด้วยวิธีนี้เองจึงทำให้มนุษย์เดินทางข้ามเวลานานๆเป็นปีแสงได้และมีประโยชน์อีกนับนานๆประการ แต่ไม่มีอะไรที่จะมีแค่ด้านเดียวหนังเสียดสีและแสดงให้เห็นถึงภัยร้ายที่ตามมากับระบบนี้ซึ่งมีทังอาชญากรรมและระบบทุนนิยม ที่คนรวยสามารถนำจิตมาประกอบกับร่างกี่ร่างแบบไหนก็ได้ตามแต่งเงินที่มีในกระเป๋าจะเอาสวยหล่อแข็งแรงเด็กแก่หรือจะข้ามเพศ แม้แต่จะโคลนนิ่งตัวเองขึ้นมา แต่กระนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรผู้มีอิทธิพลหรือมีเงินได้ คล้ายๆกับคำว่ามีเงินพันล้านก็ซื้อเมื่อวานกลับมาไม่ได้แต่ถ้ามีเงินพันล้านเรื่องเมื่อวานก็ช่าง
เหอะ
จริงๆแล้วความคิดเรื่องย้ายจิตและความทรงจำ การเคลื่อนย้ายจิตเนี่ยมันเหมือนเรื่องความเชื่อในความตายของหลายๆศาสนา ซึ่ง ร่างกายไม่ใช่ของเรา แต่จิตต่างหากที่เป็นของเรา เราสามารถเคลื่อนย้ายไปได้เรื่อยๆ ตราบใดที่จิตยังไม่ถูกทำลาย ซึ่งบางศาสนาก็มองเป็นเหมือนลูกศรที่พุ่งตรงมี่ที่สิ้นสุดบางศาสนาก็มองเป็นกรงล้อหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ไม่จบสิ้น
ด้วยความที่มนุษย์มักแสวงหาอะไรใหม่ใหม่ตลอดๆเหมือนสมัยก่อนที่ยังไม่เคยเห็นมหาสมุทรก็ออกไปหา หรือการพยายามออกไปนอกโลก หนังชี้ให้เห็นว่าแม้เราจะข้ามไปได้ไกลขนาดไหนไปจนถึงสุดขอบจักรวาล แต่จิตวิญญาณสัตว์และสันดานดิบที่เลวร้ายก็ยังเป็นสิ่งที่มนุษย์นำติดตัวไปด้วยอยู่ดี ความสงบกับมนุษย์มันไม่เคยอยู่ด้วยกันได้นานเพราะมันขัดกับธรรมชาติของเรามันก็แค่เปลือกที่หุ้มผิวเราไว้ ซึ่งสิ่งที่เราทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังจดจำก็คือ สงคราม ซึ่งมนุษย์เรานั้นทำสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเมื่อสงครามจบลงหลังจากการเข่นฆ่ากวาดล้างในสนามรบแล้วสิ่งที่ผู้ฉันชนะจะทำก็คือการเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ซึ่งประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ที่เขียนก็เป็นการเข่นฆ่าความทรงจำและความรู้สึกของแพ้มาโดยตลอด ในส่วนอื่นๆเช่นภาพมุมกล้อง CG ทำได้ OK สอบผ่าน อย่างเช่นCkdเมืองสวยดีมีความล้ำอยู่ในความเก่ายังโทรมแต่หรูหราผสมผสานกันอย่างลงตัว อย่างฉากที่เจาะเข้าไปในระบบจิตของสแตก เสมือนคล้ายๆ เรากินยา ซับสแตนดี ในเรื่อง สแกนเนอร์ ดาร์คลี่ ฉันใดฉันนั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ยังมีส่วนประกอบอื่นๆที่ทำให้เราสนุกไปกับหนังและเดาได้ยากว่าตัวละครจะมาไม้ไหนอย่างเทคโนโลยีเช่น เครื่องติดตามฝั่งในตัว ระบบเอไอที่เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองเริ่มคิดที่จะใช้ประโยชน์จากมนุษย์ทำธุรกิจกับมนุษย์ไม่ใช่แค่ถูกมนุษย์ใช้งาน การใส่ไมโครชิฟในดวงตาจึงทำให้ ทำให้เกิดของเถื่อนบางอย่างที่มีคุณค่ามีราคาขึ้นมาเช่นภาพความทรงจำวัยเด็กของเชื้อพระวงศ์จากดาวต่างๆ หรือคลิปดาราที่กำลังมีเซ็กส์ ระบบทรมานคนเพื่อเค้นความจริงจากโปรแกรมโลกเสมือนซึ่งจะทรมานจนตายกี่รอบก็ได้ การซ่อมแซมจิต หรือ ยาเสพติดที่ล้ำสมัย หรือทางด้านสังคมเช่น การเถียงกันเรื่องกฏหมายที่ให้ปลุกคนตายมาให้การในศาลเพื่อนหาคนผิดในคดีฆาตกรรมว่าควรจะมีหรือยกเลิก หรือฉากใน รพ. ที่คนจนไม่มีเงินรักษาแม้จะใกล้ตายก็ต้องรอ ฉากผ่าศพชำแหละเครื่องในมาเพื่อใช้เปลี่ยนถ่ายให้คนรวย ฉากพ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกันแต่ร่างกายแม่กลับเป็นผู้ชายเพราะไม่มีเงินซื้อเปลือกดีๆใส่ ตัวละครบางตัวที่อยู่มาหลายร้อยปีจนแทบจะลืมความเป็นมนุษย์ไปหมดแล้ว โรคระบาดร้ายแรงต่างๆ ที่เสียดสีเรื่องการสร้างภาพของคนรวยแบ่งชั้นวรรณะระหว่างคนรวยคนจน แต่หนังก็ยังมีเรื่องราวความรักในหลายรูปแบบทั้งพี่น้องครอบครัว พรรคพวกเพื่อนฝูง รักโรแมนติกแบบหนุ่มสาว รักฉาบฉวย ความใคร่ แม้แต่ฉากเที่ยวซ่องโสเภณีที่หญิงสาวยอมให้ลูกค้าทำร้ายเธอเอามีดแทงจนตายเพื่อแลกกับเงิน หรือ ผัวเมียที่ต้องต่อสู้กันจนตายไปข้างนึงเพื่อหาเงินเลี้ยงลูกแม้จะกลับบ้านมาในสภาพที่เปลี่ยนเปลือกจนลูกจำหน้าแม่ไม่ได้ เลยทำให้คิดถึงประโยคที่ว่า บางอย่างก็ใช้เงินซื้อไม่ได้และบางทีชีวิตเราก็มีค่ามากกว่าการที่ต้องโดนใครทำร้ายเรา จุดนี้เสียดสีระบบทุนนิยมเก่ง
หลังจากดูจบคนเหงาก็มีคำถามที่อยากจะถามแฟนๆที่ดูคลิปนี้เพราะเรายังอยู่ในยุคที่เรียกว่ามนุษย์ยุคเก่ามีความกล้าจริงๆความเสี่ยงจริงๆความรู้สึกจริงๆหรือแม้กระทั่งตายจริงๆ แต่ถ้าเราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีวิวัฒนาการไปไกลเกินกว่าที่วิทยาศาสตร์ทุกวันนี้จะให้คำตอบได้มันในเมื่อพระเจ้าของเราไม่เคยมีใครแสดงว่าสามารถไปสู่หนทางสว่างให้เราเห็นกับตาจริงๆสักที แต่กับกลายเป็นว่าเราเห็นกับตาตัวเองว่าคนที่มีเงินเหลือล้นฟ้าทำได้ทุกอย่างมีชีวิตที่สุขสบายและเป็นอมตะเหมือนอยู่บนสวรรค์โดยที่เราเห็นและสัมผัสได้จริงๆ ศาสนาหรือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจยังจำเป็นอยู่รึเปล่า และคนเหล่านี้เขาควรจะเป็นพระเจ้ามากกว่าพระเจ้าที่เรารู้จักมาตลอดทั้งชีวิตหรือไม่
ส่วนตัวข้าพเจ้าชอบ !!
ยังไงฝากติดตามเพจและ แชแนลยูทูปของ คนเหงาเล่าหนัง ด้วยนะครับที่
https://www.facebook.com/lonelyboyspoilmovie/
คนเหงาเล่าหนัง - Altered Carbon
ซีรี่ส์มีความยาว 10 ตอน ชื่อ Altered Carbon ดัดแปลงจากนิยายไซเบอร์พังค์ของ ริชาร์ด เค. มอร์แกน เดินเรื่องแบบสืบสวน แอคชั่นไซไฟ และ เสียดสี คล้าย Black Miror ใน Netflix เจ้าเดียวกัน แต่เรื่องนี้โดดเด่นที่หนังอยากให้เราลืมสิ่งที่เห็น สิ่งที่เชื่อมาทั้งหมดในชีวิตแล้วนั่งลงดูว่าโลกในอีก 300 ปีข้างหน้าในจินตนาการของผู้เขียนเป็นอย่างไร
ซึ่งแกนหลักของหนังคือการเล่นกับของบางอย่างที่มนุษย์ถวิลหามาตลอดท่ีในสมัยนี้มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถซื้อได้ นั่นก็คือชีวิตที่กึ่งจะเป็นอมตะ เราสามารถลืมเรื่องสุขภาพไปได้ เพราะเลยถ้าร่างกายที่ในหนังเรียกว่า เปลือก มันเน่าเสียบาดเจ็บก็เปลี่ยนใหม่ ด้วยวิธีนี้เองจึงทำให้มนุษย์เดินทางข้ามเวลานานๆเป็นปีแสงได้และมีประโยชน์อีกนับนานๆประการ แต่ไม่มีอะไรที่จะมีแค่ด้านเดียวหนังเสียดสีและแสดงให้เห็นถึงภัยร้ายที่ตามมากับระบบนี้ซึ่งมีทังอาชญากรรมและระบบทุนนิยม ที่คนรวยสามารถนำจิตมาประกอบกับร่างกี่ร่างแบบไหนก็ได้ตามแต่งเงินที่มีในกระเป๋าจะเอาสวยหล่อแข็งแรงเด็กแก่หรือจะข้ามเพศ แม้แต่จะโคลนนิ่งตัวเองขึ้นมา แต่กระนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรผู้มีอิทธิพลหรือมีเงินได้ คล้ายๆกับคำว่ามีเงินพันล้านก็ซื้อเมื่อวานกลับมาไม่ได้แต่ถ้ามีเงินพันล้านเรื่องเมื่อวานก็ช่างเหอะ
จริงๆแล้วความคิดเรื่องย้ายจิตและความทรงจำ การเคลื่อนย้ายจิตเนี่ยมันเหมือนเรื่องความเชื่อในความตายของหลายๆศาสนา ซึ่ง ร่างกายไม่ใช่ของเรา แต่จิตต่างหากที่เป็นของเรา เราสามารถเคลื่อนย้ายไปได้เรื่อยๆ ตราบใดที่จิตยังไม่ถูกทำลาย ซึ่งบางศาสนาก็มองเป็นเหมือนลูกศรที่พุ่งตรงมี่ที่สิ้นสุดบางศาสนาก็มองเป็นกรงล้อหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ไม่จบสิ้น
ด้วยความที่มนุษย์มักแสวงหาอะไรใหม่ใหม่ตลอดๆเหมือนสมัยก่อนที่ยังไม่เคยเห็นมหาสมุทรก็ออกไปหา หรือการพยายามออกไปนอกโลก หนังชี้ให้เห็นว่าแม้เราจะข้ามไปได้ไกลขนาดไหนไปจนถึงสุดขอบจักรวาล แต่จิตวิญญาณสัตว์และสันดานดิบที่เลวร้ายก็ยังเป็นสิ่งที่มนุษย์นำติดตัวไปด้วยอยู่ดี ความสงบกับมนุษย์มันไม่เคยอยู่ด้วยกันได้นานเพราะมันขัดกับธรรมชาติของเรามันก็แค่เปลือกที่หุ้มผิวเราไว้ ซึ่งสิ่งที่เราทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังจดจำก็คือ สงคราม ซึ่งมนุษย์เรานั้นทำสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเมื่อสงครามจบลงหลังจากการเข่นฆ่ากวาดล้างในสนามรบแล้วสิ่งที่ผู้ฉันชนะจะทำก็คือการเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ซึ่งประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ที่เขียนก็เป็นการเข่นฆ่าความทรงจำและความรู้สึกของแพ้มาโดยตลอด ในส่วนอื่นๆเช่นภาพมุมกล้อง CG ทำได้ OK สอบผ่าน อย่างเช่นCkdเมืองสวยดีมีความล้ำอยู่ในความเก่ายังโทรมแต่หรูหราผสมผสานกันอย่างลงตัว อย่างฉากที่เจาะเข้าไปในระบบจิตของสแตก เสมือนคล้ายๆ เรากินยา ซับสแตนดี ในเรื่อง สแกนเนอร์ ดาร์คลี่ ฉันใดฉันนั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากดูจบคนเหงาก็มีคำถามที่อยากจะถามแฟนๆที่ดูคลิปนี้เพราะเรายังอยู่ในยุคที่เรียกว่ามนุษย์ยุคเก่ามีความกล้าจริงๆความเสี่ยงจริงๆความรู้สึกจริงๆหรือแม้กระทั่งตายจริงๆ แต่ถ้าเราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีวิวัฒนาการไปไกลเกินกว่าที่วิทยาศาสตร์ทุกวันนี้จะให้คำตอบได้มันในเมื่อพระเจ้าของเราไม่เคยมีใครแสดงว่าสามารถไปสู่หนทางสว่างให้เราเห็นกับตาจริงๆสักที แต่กับกลายเป็นว่าเราเห็นกับตาตัวเองว่าคนที่มีเงินเหลือล้นฟ้าทำได้ทุกอย่างมีชีวิตที่สุขสบายและเป็นอมตะเหมือนอยู่บนสวรรค์โดยที่เราเห็นและสัมผัสได้จริงๆ ศาสนาหรือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจยังจำเป็นอยู่รึเปล่า และคนเหล่านี้เขาควรจะเป็นพระเจ้ามากกว่าพระเจ้าที่เรารู้จักมาตลอดทั้งชีวิตหรือไม่
ส่วนตัวข้าพเจ้าชอบ !!
ยังไงฝากติดตามเพจและ แชแนลยูทูปของ คนเหงาเล่าหนัง ด้วยนะครับที่ https://www.facebook.com/lonelyboyspoilmovie/