เรื่องสั้น
สิ่งที่ปรารถนา
“
เพทาย”
เขายืนพิงเสาไฟฟ้าหน้าปากตรอกแคบ ๆ ที่เป็นทางเข้าไปสู่หมู่บ้านเก่าแก่ ที่มีแต่บ้านไม้ชั้นเดียวและสองชั้นเป็นส่วนใหญ่ จะมีที่เป็นตึกบ้างก็คือหอพักที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ ในยุคหลังนี้เท่านั้น เขาสวมกางเกงขายาวสีเทาขะมุกขะมอม จนจะกลายเป็นสีดำไปแล้ว และสวมเสื้อสีน้ำเงินอ่อนมีลายตามยาวซึ่งอับชื้น และมีขี้เกลือขึ้นที่แผ่นหลัง เพราะเปียกเหงื่อมาหลายเวลาแล้ว
ขณะนั้นเป็นเวลาหัวค่ำของคืนที่ร้อนที่สุดในเดือนนี้ เสาไฟฟ้าต้นที่เขายืนพิงอยู่ บังเอิญหลอดไฟเสีย บริเวณนั้นจึงค่อนข้างมืด แทบจะไม่มีใครที่ผ่านไปมาจะสังเกตว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไร นอกจากจะเห็นแต่หนวดเคราที่รกครึ้ม และผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงเพราะไม่ได้เจอหวีมานาน ถ้าจะเดาอายุก็คงจะเลยวัยฉกรรจ์ไปแล้วไม่นานนัก
เขาเพิ่งลุกขึ้นจากศาลาพักผู้โดยสารรถประจำทาง หลังที่อยู่ใกล้ ๆ นั้น เมื่อหลายนาทีก่อนหลังจากที่นั่งเหม่อลอยอยู่ตั้งแต่เย็น ซึ่งทำให้คนที่จะมารอขึ้นรถประจำทาง ต้องถอยห่าง ไม่มีผู้ใดเข้ามานั่งใกล้ชิดติดกับเขา แม้ว่าเขาจะนั่งสงบเสงี่ยม ไม่ได้รบกวนใครไม่ได้แบมือขอเงินใคร ก็ตาม
รถเมล์หลายสายแล่นเข้ามาจอด แล้วก็ออกไปรอไฟสัญญาณจราจรที่อยู่ไม่ไกล สายแล้วสายเล่า ผู้คนส่วนใหญ่ที่ยืนรอก็ผลัดกันขึ้นลงชุดแล้วชุดเล่า ไม่มีใครสนใจไยดีเขา มากไปกว่ามองผ่าน แล้วก็จากไปตามทิศทางของแต่ละคน
เขาเพิ่งลุกขึ้นมายืนที่เสาไฟฟ้าต้นนี้ เมื่อได้ยินเสียงครางจ๊อก ๆ ในกระเพาะของเขา จนกลัวว่าคนที่อยู่ใกล้เคียงจะได้ยิน
ความจริงเขาก็ไม่ได้หิวโหยอะไร เพราะได้กินข้าวอย่างอิ่มแปล้มาเมื่อตอนกลางวัน หลังจากที่พระฉันเพลเรียบร้อยแล้ว เขาอาศัยอยู่ในวัดใดวัดหนึ่งในสามวัดที่อยู่ใกล้เคียงกัน โดยไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของภิกษุรูปใด ในวัดทั้งสามนั้น แต่เขาก็สามารถจะผลัดเปลี่ยน เข้าไปช่วยเด็กวัด ล้างจานชามและบาตร แล้วก็ขออาศัยกินข้าวก้นบาตรพร้อมกับลูกศิษย์ที่รู้จักเขาดีได้เสมอ โดยเขาจะกินข้าวเพียงมื้อกลางวันมื้อเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็จะแอบนอนหลับอยู่ใต้ร่มไม้ในวัด จนกระทั่งถึงเวลาเย็น จึงจะออกมาเดินเล่นนอกถนน
เขากำลังคอยโอกาสอะไรสักอย่างหนึ่งที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา และเขากำลังจะพบแล้ว
มีชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางและการแต่งกาย บ่งบอกว่าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย ที่อยู่ไม่ไกลนัก ได้เดินผ่านเขาไปโดยไม่ได้สนใจเขาเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ชายหนุ่มผู้นั้นคาบบุหรี่อยู่ที่ริมฝีปาก แล้วก็พ่นควันออกมาเป็นทางยาว เขารีบสาวเท้าตามไปทันที นักศึกษาผู้นั้นเดินเข้าซอยไปได้ไม่ไกลก็แวะที่ประตูรั้วหน้าบ้านหลังหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเข้าไปถึงตัว ชายหนุ่มดึงบุหรี่ออกจากปาก โยนทิ้งลงบนพื้น เอาเท้าเหยียบ แล้วก็เปิดประตูรั้วก้าวเข้าไปในบ้านนั้น
เขาชะงักอยู่พริบตาเดียว ก็ก้าวไปหยุดอยู่หน้าประตูที่ปิดสนิทแล้วนั้น ก้มลงหยิบก้นบุหรี่ที่เหลวแหลกอยู่บนพื้นถนนขึ้นมาดู พร้อมกับพึมพำด้วยความผิดหวัง ใบหน้าอันหมองคล้ำของเขาดูเหมือนจะระบายด้วยความปวดร้าวยิ่งกว่าเดิม
ความปรารถนาของเขา ที่รอคอยมาเป็นเวลานาน ได้พังทลายยับเยินไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่สามารถจะแก้ไขทัน...............อนิจจา......อนิจจัง.
###########
สิ่งที่ปรารถนา ๔ ก.พ.๖๑
สิ่งที่ปรารถนา
“
เพทาย”
เขายืนพิงเสาไฟฟ้าหน้าปากตรอกแคบ ๆ ที่เป็นทางเข้าไปสู่หมู่บ้านเก่าแก่ ที่มีแต่บ้านไม้ชั้นเดียวและสองชั้นเป็นส่วนใหญ่ จะมีที่เป็นตึกบ้างก็คือหอพักที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ ในยุคหลังนี้เท่านั้น เขาสวมกางเกงขายาวสีเทาขะมุกขะมอม จนจะกลายเป็นสีดำไปแล้ว และสวมเสื้อสีน้ำเงินอ่อนมีลายตามยาวซึ่งอับชื้น และมีขี้เกลือขึ้นที่แผ่นหลัง เพราะเปียกเหงื่อมาหลายเวลาแล้ว
ขณะนั้นเป็นเวลาหัวค่ำของคืนที่ร้อนที่สุดในเดือนนี้ เสาไฟฟ้าต้นที่เขายืนพิงอยู่ บังเอิญหลอดไฟเสีย บริเวณนั้นจึงค่อนข้างมืด แทบจะไม่มีใครที่ผ่านไปมาจะสังเกตว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไร นอกจากจะเห็นแต่หนวดเคราที่รกครึ้ม และผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงเพราะไม่ได้เจอหวีมานาน ถ้าจะเดาอายุก็คงจะเลยวัยฉกรรจ์ไปแล้วไม่นานนัก
เขาเพิ่งลุกขึ้นจากศาลาพักผู้โดยสารรถประจำทาง หลังที่อยู่ใกล้ ๆ นั้น เมื่อหลายนาทีก่อนหลังจากที่นั่งเหม่อลอยอยู่ตั้งแต่เย็น ซึ่งทำให้คนที่จะมารอขึ้นรถประจำทาง ต้องถอยห่าง ไม่มีผู้ใดเข้ามานั่งใกล้ชิดติดกับเขา แม้ว่าเขาจะนั่งสงบเสงี่ยม ไม่ได้รบกวนใครไม่ได้แบมือขอเงินใคร ก็ตาม
รถเมล์หลายสายแล่นเข้ามาจอด แล้วก็ออกไปรอไฟสัญญาณจราจรที่อยู่ไม่ไกล สายแล้วสายเล่า ผู้คนส่วนใหญ่ที่ยืนรอก็ผลัดกันขึ้นลงชุดแล้วชุดเล่า ไม่มีใครสนใจไยดีเขา มากไปกว่ามองผ่าน แล้วก็จากไปตามทิศทางของแต่ละคน
เขาเพิ่งลุกขึ้นมายืนที่เสาไฟฟ้าต้นนี้ เมื่อได้ยินเสียงครางจ๊อก ๆ ในกระเพาะของเขา จนกลัวว่าคนที่อยู่ใกล้เคียงจะได้ยิน
ความจริงเขาก็ไม่ได้หิวโหยอะไร เพราะได้กินข้าวอย่างอิ่มแปล้มาเมื่อตอนกลางวัน หลังจากที่พระฉันเพลเรียบร้อยแล้ว เขาอาศัยอยู่ในวัดใดวัดหนึ่งในสามวัดที่อยู่ใกล้เคียงกัน โดยไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของภิกษุรูปใด ในวัดทั้งสามนั้น แต่เขาก็สามารถจะผลัดเปลี่ยน เข้าไปช่วยเด็กวัด ล้างจานชามและบาตร แล้วก็ขออาศัยกินข้าวก้นบาตรพร้อมกับลูกศิษย์ที่รู้จักเขาดีได้เสมอ โดยเขาจะกินข้าวเพียงมื้อกลางวันมื้อเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็จะแอบนอนหลับอยู่ใต้ร่มไม้ในวัด จนกระทั่งถึงเวลาเย็น จึงจะออกมาเดินเล่นนอกถนน
เขากำลังคอยโอกาสอะไรสักอย่างหนึ่งที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา และเขากำลังจะพบแล้ว
มีชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางและการแต่งกาย บ่งบอกว่าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย ที่อยู่ไม่ไกลนัก ได้เดินผ่านเขาไปโดยไม่ได้สนใจเขาเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ชายหนุ่มผู้นั้นคาบบุหรี่อยู่ที่ริมฝีปาก แล้วก็พ่นควันออกมาเป็นทางยาว เขารีบสาวเท้าตามไปทันที นักศึกษาผู้นั้นเดินเข้าซอยไปได้ไม่ไกลก็แวะที่ประตูรั้วหน้าบ้านหลังหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเข้าไปถึงตัว ชายหนุ่มดึงบุหรี่ออกจากปาก โยนทิ้งลงบนพื้น เอาเท้าเหยียบ แล้วก็เปิดประตูรั้วก้าวเข้าไปในบ้านนั้น
เขาชะงักอยู่พริบตาเดียว ก็ก้าวไปหยุดอยู่หน้าประตูที่ปิดสนิทแล้วนั้น ก้มลงหยิบก้นบุหรี่ที่เหลวแหลกอยู่บนพื้นถนนขึ้นมาดู พร้อมกับพึมพำด้วยความผิดหวัง ใบหน้าอันหมองคล้ำของเขาดูเหมือนจะระบายด้วยความปวดร้าวยิ่งกว่าเดิม
ความปรารถนาของเขา ที่รอคอยมาเป็นเวลานาน ได้พังทลายยับเยินไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่สามารถจะแก้ไขทัน...............อนิจจา......อนิจจัง.
###########