ก่อนจะสอบถามท่านผู้รู้ ผมขอท้าวความ ก่อนนะครับ
1. ผู้เช่าชื้อ ได้เช่าซื้อรถยนต์ ราคา 983,640 ในปี 2554 โดยมีผู้ค้ำประกัน 2 คน ผ่อนเดือนละ 11, 710 บาท 84 งวด ในราวประมาณปี 2557 มีการเพิ่มผู้ค้ำปะกันอีก 1 คน (ภรรยาของผู้เช่าซื้อ แต่ตอนนี่หย่าร้างกันตามกฏหมายแล้ว) รวมผู้ค้ำ 3 คน ผ่อนเดือนละ 8,321 บาท แต่คงไว้ 84 งวดเท่าเดิม (ไม่แน่นใจว่าเรียกว่ารีไฟแนนซ์หรือไม่) ซึ่งการเพิ่มผู้ค้ำประกับและลดค่างวดลงในแต่ละเดือน ผมและผู้ค้ำประกันอีกคน ไม่ทราบมาก่อน เพราะไม่ได้ไปเซนต์เอกสารอะไรเพิ่มอีกเลย มาทราบก็ตอนมีหนังสือแจ้งทวงนี้ มาที่ เราและ จึงได้อ่านรายละเอียดถึงได้ทราบ
2. เมื่อราวเดือนพฤศจิกายน 2560 ผมได้รับแจ้งจากทาง ไฟแนนซ์ ว่าผู้เช่าซื้อ ค้างค่างวด 12 งวด เป็นเงิน ประมาณ 120,000 บาท และกำลังจะดำเนินการเตรียมส่งฟ้อง ขอให้ผู่ค้ำประกันติดตามผู้เช่า มาจ่ายเงินค่างวด
3. ตลอดระยะเวลา 3- 4 เดือนที่ ผ่าน ผมในฐานผู้ค้ำประกัน และผู้ค้ำประกันอีก 1 คน ติดตาม ไปหาผู้เช่าซื้อหลายรอบ ไปเจรจา ทุกวิถีทาง แจ้งผู้เช่าซื้อแม้กระทั้งว่าจะร้องเรียนผู้บังคับบัญชาหาไม่ไปจ่ายเงิน ( เนื้องจากผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกันทุกคนเป็นข้าราชการครับ) ก็ไม่มีผลคืบหน้าแต่อย่างใด มีเพียงคำตอบว่า ไม่มีเงิน ไม่มีปัญญา ไม่รับโทรศัพท์จากใครทั้งสิ้นรวมจากไฟแนนซ์ด้วย และที่สำคัญอีกอย่างคือรถยนต์คันที่เช่าซื้อไม่อยู่แล้ว หาไม่เจอ (คาดว่าภรรยาเขาที่หย่าร้างกันตามกฏหมาย เอาไปจำนำ ) ผมเดานะครับ เพราะไม่ตอบคำถามว่าอยู่ไหน บอกเพียงว่าไม่อยู่แล้ว และไม่สามารถหากลับมาได้อีก
4. ผู้ประกันที่เหลือรวมผมด้วยจำนวน 2 คน เกิดความเครียด เป็นอย่างมาก ทุกข์ใจ พลอยทำให้สุภาพร่างกายย่ำแย่ตามไปด้วย ไม่อยากให้มีการฟ้องไม่อยากให้มีการบังคับคดี (ในฐานะที่เราทั้ง 2 ตกเป็นจำเลย )จึงได้ปรึกษาท่านผู้รู้หลายทาง เช่น เว็บพันทิป แห่งนี้ ทนาย และหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านกฏหมายกับประชาชน
5. ได้ข้อสรุปว่า ในเมื่อรถก็ไม่สามารถหามาคืนได้ ผู้เช่าซื้อกับผู้ประกันอีกรายก็นิ่งเฉย จึงแนะว่าให้ผู้ประกันทั้ง 2 คน ร่วมกันจ่ายเงินให้กับไฟแนนซ์แบบปิดบัญชีไปเลย แล้วไปฟ้องร้องเอาในภายหลัง (เนื้องจากผู้เช่าซื้อยังเป็นข้าราชการและเหลือเวลารับราชการเกือบ 20 ปี) เรามีความหวังว่า เงินอันพึงมีพึงได้ (ยกเว้นเงินเดือน) จากรัฐ ทรัพย์สินที่พอมี ของผู้เช่าซื้อ น่าจะขอให้ศาลท่านออกหมายอายัดให้ได้ (จะได้คืนมากกี่ปีก็ช่าง 6 , 7 ปี ) เราก็ยอม ขอให้เราได้คืนมากบ้าง ตามสมควร
6. จากข้อ 5 เราผู้ค้ำประกันที่เหลือ (2 คน) ยินดีทำตาม (เพื่อแลกกับความสะบายใจและสุขภาพกายสุขภาพจิต) โดยได้คุยกับทางไฟแนนซ์ ทางโทรศัพท์ ได้ข้อสรุปว่าให้เวลา ต่อจากนี้ อีก 2 เดือน ในการปิดบัญชีและให้ส่วนลดจากยอดหนี้ ราวๆ 10,000 บาท
7. หากดำเนินการตามข้อ 6 แล้ว จริงหรือ ที่ผู้เช่าซื้อจะตกเป็นลูกหนีเราตามกฏหมาย?
8. หากตกเป็นลูกหนี้เราแล้ว ใครบ้างที่เป็นลูกหนี้ ผู้คำประกันที่ไม่ได้ร่วมจ่ายเงินด้วย จะเป็นลูกหนี้เราด้วยหรือไม่?
9. หากเราจ่ายเเงินแทนผู้เช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อจะตกเป็นลูกหนี้เราเลยอัตโนมัติหรือไม่ หรือว่า ต้องให้ผู้เช่าซื้อเซนต์เอกสารต่างๆ ก่อน (เพราะคาดว่าอยากมากหากต้องให้เซนต์ชื่อครับ)
10. หากเป็นไปตา ข้อ 6 เรายินยอมจ่าย ในระหว่างนี้ ในช่วงการดำเนินการจ่ายเงิน รวมทั้งการดำเนิน ต่างๆ เกี่ยวกับ การปิดบัญชี ผมต้องเก็บหลักฐานหรือขอหลักฐานอะไรบ้าง เพื่อเป็นหลักฐานว่าเรา (2 คน) ได้จ่ายเงินให้แล้ว เพื่อเรียนเงินคืน (อาจต้องฟ้อง) ในภายหลังครับ
11. การดำเนินการต่าง ๆ ระหว่างจัดการเรื่องปิดบัญชี รวมทั้งเอกสารหลักฐาน การปิดบัญนี้ ในช่วงนี้ ผมจำเป็นต้องมีทนาย (ในฐานที่ปรึกษาด้วยหรือไม่)
ผมถามยาวมากเลยคับ เนื้องจากปัญหาผมดูใหญ่มาก เครียดมากครับ วอนท่านผู้รู้ทุกท่านได้กรุณาให้คำชี้แนะด้วยนะครับ
การจ่ายเงินค่าค้างงวดเช่าซื้อรถยนต์ (ในฐานะผู้คำประกัน) แทนผู้เช่าซื้อ
1. ผู้เช่าชื้อ ได้เช่าซื้อรถยนต์ ราคา 983,640 ในปี 2554 โดยมีผู้ค้ำประกัน 2 คน ผ่อนเดือนละ 11, 710 บาท 84 งวด ในราวประมาณปี 2557 มีการเพิ่มผู้ค้ำปะกันอีก 1 คน (ภรรยาของผู้เช่าซื้อ แต่ตอนนี่หย่าร้างกันตามกฏหมายแล้ว) รวมผู้ค้ำ 3 คน ผ่อนเดือนละ 8,321 บาท แต่คงไว้ 84 งวดเท่าเดิม (ไม่แน่นใจว่าเรียกว่ารีไฟแนนซ์หรือไม่) ซึ่งการเพิ่มผู้ค้ำประกับและลดค่างวดลงในแต่ละเดือน ผมและผู้ค้ำประกันอีกคน ไม่ทราบมาก่อน เพราะไม่ได้ไปเซนต์เอกสารอะไรเพิ่มอีกเลย มาทราบก็ตอนมีหนังสือแจ้งทวงนี้ มาที่ เราและ จึงได้อ่านรายละเอียดถึงได้ทราบ
2. เมื่อราวเดือนพฤศจิกายน 2560 ผมได้รับแจ้งจากทาง ไฟแนนซ์ ว่าผู้เช่าซื้อ ค้างค่างวด 12 งวด เป็นเงิน ประมาณ 120,000 บาท และกำลังจะดำเนินการเตรียมส่งฟ้อง ขอให้ผู่ค้ำประกันติดตามผู้เช่า มาจ่ายเงินค่างวด
3. ตลอดระยะเวลา 3- 4 เดือนที่ ผ่าน ผมในฐานผู้ค้ำประกัน และผู้ค้ำประกันอีก 1 คน ติดตาม ไปหาผู้เช่าซื้อหลายรอบ ไปเจรจา ทุกวิถีทาง แจ้งผู้เช่าซื้อแม้กระทั้งว่าจะร้องเรียนผู้บังคับบัญชาหาไม่ไปจ่ายเงิน ( เนื้องจากผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกันทุกคนเป็นข้าราชการครับ) ก็ไม่มีผลคืบหน้าแต่อย่างใด มีเพียงคำตอบว่า ไม่มีเงิน ไม่มีปัญญา ไม่รับโทรศัพท์จากใครทั้งสิ้นรวมจากไฟแนนซ์ด้วย และที่สำคัญอีกอย่างคือรถยนต์คันที่เช่าซื้อไม่อยู่แล้ว หาไม่เจอ (คาดว่าภรรยาเขาที่หย่าร้างกันตามกฏหมาย เอาไปจำนำ ) ผมเดานะครับ เพราะไม่ตอบคำถามว่าอยู่ไหน บอกเพียงว่าไม่อยู่แล้ว และไม่สามารถหากลับมาได้อีก
4. ผู้ประกันที่เหลือรวมผมด้วยจำนวน 2 คน เกิดความเครียด เป็นอย่างมาก ทุกข์ใจ พลอยทำให้สุภาพร่างกายย่ำแย่ตามไปด้วย ไม่อยากให้มีการฟ้องไม่อยากให้มีการบังคับคดี (ในฐานะที่เราทั้ง 2 ตกเป็นจำเลย )จึงได้ปรึกษาท่านผู้รู้หลายทาง เช่น เว็บพันทิป แห่งนี้ ทนาย และหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านกฏหมายกับประชาชน
5. ได้ข้อสรุปว่า ในเมื่อรถก็ไม่สามารถหามาคืนได้ ผู้เช่าซื้อกับผู้ประกันอีกรายก็นิ่งเฉย จึงแนะว่าให้ผู้ประกันทั้ง 2 คน ร่วมกันจ่ายเงินให้กับไฟแนนซ์แบบปิดบัญชีไปเลย แล้วไปฟ้องร้องเอาในภายหลัง (เนื้องจากผู้เช่าซื้อยังเป็นข้าราชการและเหลือเวลารับราชการเกือบ 20 ปี) เรามีความหวังว่า เงินอันพึงมีพึงได้ (ยกเว้นเงินเดือน) จากรัฐ ทรัพย์สินที่พอมี ของผู้เช่าซื้อ น่าจะขอให้ศาลท่านออกหมายอายัดให้ได้ (จะได้คืนมากกี่ปีก็ช่าง 6 , 7 ปี ) เราก็ยอม ขอให้เราได้คืนมากบ้าง ตามสมควร
6. จากข้อ 5 เราผู้ค้ำประกันที่เหลือ (2 คน) ยินดีทำตาม (เพื่อแลกกับความสะบายใจและสุขภาพกายสุขภาพจิต) โดยได้คุยกับทางไฟแนนซ์ ทางโทรศัพท์ ได้ข้อสรุปว่าให้เวลา ต่อจากนี้ อีก 2 เดือน ในการปิดบัญชีและให้ส่วนลดจากยอดหนี้ ราวๆ 10,000 บาท
7. หากดำเนินการตามข้อ 6 แล้ว จริงหรือ ที่ผู้เช่าซื้อจะตกเป็นลูกหนีเราตามกฏหมาย?
8. หากตกเป็นลูกหนี้เราแล้ว ใครบ้างที่เป็นลูกหนี้ ผู้คำประกันที่ไม่ได้ร่วมจ่ายเงินด้วย จะเป็นลูกหนี้เราด้วยหรือไม่?
9. หากเราจ่ายเเงินแทนผู้เช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อจะตกเป็นลูกหนี้เราเลยอัตโนมัติหรือไม่ หรือว่า ต้องให้ผู้เช่าซื้อเซนต์เอกสารต่างๆ ก่อน (เพราะคาดว่าอยากมากหากต้องให้เซนต์ชื่อครับ)
10. หากเป็นไปตา ข้อ 6 เรายินยอมจ่าย ในระหว่างนี้ ในช่วงการดำเนินการจ่ายเงิน รวมทั้งการดำเนิน ต่างๆ เกี่ยวกับ การปิดบัญชี ผมต้องเก็บหลักฐานหรือขอหลักฐานอะไรบ้าง เพื่อเป็นหลักฐานว่าเรา (2 คน) ได้จ่ายเงินให้แล้ว เพื่อเรียนเงินคืน (อาจต้องฟ้อง) ในภายหลังครับ
11. การดำเนินการต่าง ๆ ระหว่างจัดการเรื่องปิดบัญชี รวมทั้งเอกสารหลักฐาน การปิดบัญนี้ ในช่วงนี้ ผมจำเป็นต้องมีทนาย (ในฐานที่ปรึกษาด้วยหรือไม่)
ผมถามยาวมากเลยคับ เนื้องจากปัญหาผมดูใหญ่มาก เครียดมากครับ วอนท่านผู้รู้ทุกท่านได้กรุณาให้คำชี้แนะด้วยนะครับ