ข้อมูลทั้งหมดแปลจาก :
http://chinafilminsider.com/foreign-films-in-china-how-does-it-work/
หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง 9 ศาสตรา ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ที่ตัวเลขราว 100 ล้านทั่วประเทศ แม้ว่าจะห่างไกลจากคำว่ากำไร แต่แฟนๆ คาดหวังว่า หนังดังกล่าวจะสามารถถอนทุนคืนได้ที่ต่างประเทศ โดยเล็งเป้าหมายที่ประเทศจีน ซึ่งมีฐานเศรษฐกิจระดับใหญ่
แต่เมื่อพิจารณาจากระบบการนำเข้าภาพยนตร์ต่างประเทศมาฉายที่จีนแล้ว พบว่าไม่ง่ายแน่นอน เนื่องจากมีระบบที่ค่อนข้างซับซ้อน สามแบบ ดังนี้
1. หนังโควต้านำเข้า (Import Quota)
เป็นระบบที่หนังนำเข้าจากต่างประเทศ ล่าสุดกำหนดไว้ที่ 36 เรื่องต่อปี อย่างไรก็ตามบางปีมีการยืดหยุ่น โดยปี 2016 มีหนังโควต้านำเข้า 39 เรื่อง ทั้งหมดจะผูกขาดเป็นหนังของยักษ์ใหญ่ทั้ง 6 แห่งฮอลลีวูด (Walt Disney, Warner Bros, Paramount, Fox, Sony, และ Universal)
โดยหนังในระบบนี้ จะใช้วิธีคิดแบบแบ่งเปอร์เซ็น ล่าสุดทาง MPAA หรือสมาคมภาพยนตร์อเมริกัน ได้ตกลงกับกลุ่มผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ว่าจะแบ่งกำไรให้เข้าของหนัง 25% และกำไรแก่ผู้จัดจำหน่ายที่จีน 75% โดยในอนาคตตัวเลขดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากทาง MPAA พยายามเจรจาขอส่วนแบ่งที่มากขึ้น
2. หนังซื้อขาด (Flat fee/Buy-out)
นอกเหนือจากข้างบนแล้ว หนังต่างประเทศที่นำเข้า จะใช้ระบบซื้อขาดจากโปรดิวเซอร์หนังเอง โดยทางจีนจะแบ่งรับความเสี่ยง (ที่แทบไม่มีเนื่องจากราคาที่ซื้อค่อนข้างถูก)
ราคาของหนังประเภทนี้ค่อนข้างซื้อเข้ามาถูกมาก โดยมีตัวเลขสถิติที่คาดว่าราคาสูงสุดคือ Resident Evil: The Final Chapter อยู่ที่ 7 ล้านดอลลาร์ ≈ 220 ล้านบาท
นอกจากนี้ ตัวอย่างหนังนำเข้าประเภทนี้มักเป็นหนังของผู้ผลิตระดับกลาง หนังรางวัลออสการ์ที่ไม่เข้าโควต้าข้อแรก หรือเป็นหนังประเทศต่างๆ นอกจากอเมริกา เช่น รัสเซีบ (I Am Dragon), เกาหลีใต้ (Assassination), ญี่ปุ่น (Your Name), ฝรั่งเศส (The Little Prince) โดยฉลาดเกมส์โกงอยู่ในหนังประเภทนี้เช่นกัน
3. หนังซื้อขาดผสมแบ่งเปอร์เซ็น (Flat fee/Revenue Share Hybrid)
เป็นรูปแบบล่าสุด คือการซื้อขาดหนัง และหากตัวเลข Box Office ถึงจุดที่ตกลงกันไว้ ผู้นำเข้าจะอนุญาตให้เจ้าของหนังแบ่งเปอร์เซ็นได้ ตัวอย่างของหนังในระบบนี้ได้แก่ Resident Evil: The Final Chapter ที่สามารถทำเงินเกินกว่า 500 ล้านหยวนได้ในสัปดาห์ ทำให้กำไรเกินกว่านั้นจะแบ่งเปอร์เซ็นให้เจ้าของหนัง
สำหรับ 9 ศาสตรา ยังต้องติดตามต่อถึงความคืบหน้าของหนังที่ฉายในจีนต่อไป
9 ศาสตรา ไม่ง่ายบุกจีน! เหตุมักซื้อขาดหนังราคาถูก มาดูกันว่าการนำเข้าภาพยนตร์ของจีนเป็นอย่างไร
หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง 9 ศาสตรา ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ที่ตัวเลขราว 100 ล้านทั่วประเทศ แม้ว่าจะห่างไกลจากคำว่ากำไร แต่แฟนๆ คาดหวังว่า หนังดังกล่าวจะสามารถถอนทุนคืนได้ที่ต่างประเทศ โดยเล็งเป้าหมายที่ประเทศจีน ซึ่งมีฐานเศรษฐกิจระดับใหญ่
แต่เมื่อพิจารณาจากระบบการนำเข้าภาพยนตร์ต่างประเทศมาฉายที่จีนแล้ว พบว่าไม่ง่ายแน่นอน เนื่องจากมีระบบที่ค่อนข้างซับซ้อน สามแบบ ดังนี้
1. หนังโควต้านำเข้า (Import Quota)
เป็นระบบที่หนังนำเข้าจากต่างประเทศ ล่าสุดกำหนดไว้ที่ 36 เรื่องต่อปี อย่างไรก็ตามบางปีมีการยืดหยุ่น โดยปี 2016 มีหนังโควต้านำเข้า 39 เรื่อง ทั้งหมดจะผูกขาดเป็นหนังของยักษ์ใหญ่ทั้ง 6 แห่งฮอลลีวูด (Walt Disney, Warner Bros, Paramount, Fox, Sony, และ Universal)
โดยหนังในระบบนี้ จะใช้วิธีคิดแบบแบ่งเปอร์เซ็น ล่าสุดทาง MPAA หรือสมาคมภาพยนตร์อเมริกัน ได้ตกลงกับกลุ่มผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ว่าจะแบ่งกำไรให้เข้าของหนัง 25% และกำไรแก่ผู้จัดจำหน่ายที่จีน 75% โดยในอนาคตตัวเลขดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากทาง MPAA พยายามเจรจาขอส่วนแบ่งที่มากขึ้น
2. หนังซื้อขาด (Flat fee/Buy-out)
นอกเหนือจากข้างบนแล้ว หนังต่างประเทศที่นำเข้า จะใช้ระบบซื้อขาดจากโปรดิวเซอร์หนังเอง โดยทางจีนจะแบ่งรับความเสี่ยง (ที่แทบไม่มีเนื่องจากราคาที่ซื้อค่อนข้างถูก)
ราคาของหนังประเภทนี้ค่อนข้างซื้อเข้ามาถูกมาก โดยมีตัวเลขสถิติที่คาดว่าราคาสูงสุดคือ Resident Evil: The Final Chapter อยู่ที่ 7 ล้านดอลลาร์ ≈ 220 ล้านบาท
นอกจากนี้ ตัวอย่างหนังนำเข้าประเภทนี้มักเป็นหนังของผู้ผลิตระดับกลาง หนังรางวัลออสการ์ที่ไม่เข้าโควต้าข้อแรก หรือเป็นหนังประเทศต่างๆ นอกจากอเมริกา เช่น รัสเซีบ (I Am Dragon), เกาหลีใต้ (Assassination), ญี่ปุ่น (Your Name), ฝรั่งเศส (The Little Prince) โดยฉลาดเกมส์โกงอยู่ในหนังประเภทนี้เช่นกัน
3. หนังซื้อขาดผสมแบ่งเปอร์เซ็น (Flat fee/Revenue Share Hybrid)
เป็นรูปแบบล่าสุด คือการซื้อขาดหนัง และหากตัวเลข Box Office ถึงจุดที่ตกลงกันไว้ ผู้นำเข้าจะอนุญาตให้เจ้าของหนังแบ่งเปอร์เซ็นได้ ตัวอย่างของหนังในระบบนี้ได้แก่ Resident Evil: The Final Chapter ที่สามารถทำเงินเกินกว่า 500 ล้านหยวนได้ในสัปดาห์ ทำให้กำไรเกินกว่านั้นจะแบ่งเปอร์เซ็นให้เจ้าของหนัง
สำหรับ 9 ศาสตรา ยังต้องติดตามต่อถึงความคืบหน้าของหนังที่ฉายในจีนต่อไป