มือใหม่หัดตั้งกระทู้ครับ เป็นกระทู้แรกเลย หากพิมพ์ตกหล่น หรือย่อหน้าผิดแปลก ต้องขออภัย
สมัครเข้ามาเพราะอยากฟังความเห็น หรือมุมมองจากท่านอื่นๆ
เรื่องเริ่มต้นที่ ผมกับแฟน เราคบกันมากว่า 10 ปี พ่อแม่ของเราทั้งสองฝ่ายรับทราบว่าเราคบกัน
เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีอะไร นั่งรถประจำทาง หอพักไซส์รูหนู
กินอาหารข้างทางทั่วไป กินหรูหราบ้างบางมื้อ ตามที่หาเงินมาได้ เราอยู่กันอย่างมีความสุขดี
เราคุยกันทุกวัน เริ่มตั้งแต่โทรศัพท์ จนถึงการส่องกล้อง พัฒนาไปตามเทคโนโลยี ทุกครั้งที่แฟนผมไปไหน จะบอกผมเสมอ ทำอะไร เธอก็จะบอก
มันทำให้ผมไว้ใจและมั่นใจในตัวเธอ
ด้วยผมอายุมากกว่าแฟน 2 ปี จึงเริ่มทำงานก่อน งานแรกของผมเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วไป กะว่าทำไประหว่างที่รอแฟนเรียนจบ
แล้วอาจจะหาสมัครงานใหม่ที่ได้ทำที่เดียวกัน สภาพชีวิตจึงเป็นลักษณะทำงานไปวันๆ เงินเดือนผมต้องแบ่งใช้รวมกับแฟน
เพราะที่บ้านแฟนให้เงินมาใช้ค่อนข้างจำกัด
หลังจากแฟนเรียนจบ เธอจึงเดินตามความฝัน คือสมัครเข้าคัดเลือกเป็นพนักงานต้อนรับสายการบินหนึ่ง
และแน่นอน ด้วยบุคลิกที่ดี และความสามารถด้านภาษา ทำให้เธอผ่านการคัดเลือก ได้เป็นพนักงานต้อนรับของสายการบิน
ตัดภาพมาทางฝั่งผม ที่ตอนนั้นเริ่มมองอนาคต อยากจะดูแลพ่อแม่ตอนท่านแก่ชรา วางแผนจะแต่งงานและอยากให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้
ด้วยเพื่อนๆที่น่ารัก ที่มักจะเป่าหูผม ว่าเป็นแอร์โฮสเตส เดี๋ยวต้องคู่กับนักบิน
และพอดีกับที่ช่วงนั้น ทางสายการบินเปิดรับสมัครเข้าคัดเลือกเป็นศิษย์การบิน ผมจึงตัดสินใจใช้โอกาสตรงนี้ เพื่ออนาคตของเรา
จากคนที่ไม่เคยสนใจอะไรเกี่ยวกับการบิน ผมเริ่มหาข้อมูล แนวข้อสอบ การสัมภาษณ์ ศึกษาด้วยตัวเอง
ในระหว่างทุกขั้นตอนการสอบ ผมคุยกับแฟนผมเสมอ ว่าผมอยากผ่านให้ได้ เพื่ออนาคตของเรา และแฟนผม คอยอยู่เคียงข้างให้กำลังใจมาโดยตลอด
สุดท้ายผมผ่านการคัดเลือก และได้เป็นศิษย์การบิน ในสายการบินเดียวกับแฟนผม (สมพรปากเพื่อนๆทุกคน ที่ว่าเดี๋ยวแอร์โฮสเตสก็ได้กับนักบิน)
ผมรีบแจ้งข่าวดีให้กับพ่อแม่ และแฟนผม ทุกคนดีใจกับผลสอบนี้ แต่ถ้าชีวิตมีแต่เรื่องดีๆ มันคงขาดรสชาด
ปัญหาจึงบังเกิด
1 อาทิตย์หลังทราบผลสอบ ผมบังเอิญจับได้ ว่าแฟนผมแอบแชทคุยกับคนอื่น ซึ่งคือพนักงานต้อนรับที่เทรนมาด้วยกัน
วินาทีแรก ผมแทบไม่เชื่อสิ่งที่เห็น แต่ยิ่งอ่านข้อความที่ทั้งสองคุยกัน มันยิ่งยืนยันว่าทั้งสองคนคงคิดกันมากกว่าเพื่อน
มีทั้งการขอกอด หรือฝ่ายชายพูดจาถึงขั้นที่จะไปนอนค้างด้วย เวลาที่แฟนผมไปค้างตามที่ต่างๆ ที่สายการบินจัดตาราง
แต่ผมค่อนข้างแน่ใจว่า ยังไม่ถึงขั้นนอนด้วยกัน เพราะทุกครั้งที่แฟนผมไปค้าง เราจะส่องกล้องหากันตลอด แม้กระทั่งเวลานอน
เราทะเลาะกันรุนแรง ผมเสียใจมาก ได้แต่ร้องไห้ และอ้อนวอนให้เธออย่าทิ้งผมไป
เรื่องจบลงที่เธอขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป และสัญญาว่าจะเลิกติดต่อกัน
พร้อมทั้งให้ผมล็อคอินรหัสไลน์ของเธอไว้ในไอแพดของผม เพื่อกู้คืนความเชื่อใจกลับมา
เรื่องผ่านไปได้สองอาทิตย์ เธอมีค้างที่ต่างประเทศเป็นเวลา 1 คืน และเธอได้นำรายชื่อคนที่ไปค้างให้ผมดู
เพื่อให้สบายใจว่า ไม่มีโจทย์คนนั้นไปด้วย แต่เธอขอใช้ไอแพดไปเล่นระหว่างค้าง เพื่อใช้ดูซีรีย์
เมื่อเธอกลับมา ทุกสิ่งกลับยิ่งเลวร้ายหนักกว่าเดิม เมื่อผมจับได้ว่าทั้งสองคนยังแอบคุยกัน
และที่แย่กว่านั้น ไฟลท์ล่าสุดที่ไปค้าง ทั้งคู่ไปด้วยกัน (เธอทำรายชื่อมาหลอกผม)
เธอบอกแค่ว่ามันเป็นไฟลท์ต่างประเทศไฟลท์แรกที่เธอได้ไป เธออยากไปเที่ยวมาก จึงต้องโกหกผมเพื่อได้ไปไฟลท์นั้น
และเช่นเดิม แฟนผมขอโทษและขอโอกาสอีกครั้ง
ผมตั้งใจจะเลิก แต่แฟนผมขอร้องให้อยู่ เพราะสำนึกในสิ่งที่ทำไป และตัวผมเองที่ยังรักแฟนอยู่ จึงไม่เข้มแข็งพอที่จะตัดใจเดินออกมา
ทุกวันนี้ ผมอยู่อย่างระแวง และหมดหวัง รู้สึกเหมือนทุกสิ่งที่พยายามสร้างมามันพังทลายทั้งหมด
ใจนึงผมอยากจะเดินออกมา และสร้างอนาคตที่ดีกับคนที่ใช่ แต่มันยากในการตัดสินใจ เพราะผมรู้สึกว่าความผิดของเธอยังพอให้อภัยได้
และมุมที่ดีๆของเธอที่ทำให้ผมหลงรัก ยังมีอีกเยอะ
แต่อีกใจนึง สิ่งที่เธอทำ เป็นสิ่งที่ทำตามสัญชาตญาณ มนุษย์ส่วนใหญ่คงเลือกตัดสินใจจากความสุขส่วนตัว มาอันดับแรก
ดังเช่น ที่โกหกผม เพื่อจะได้ไปเที่ยว และกลัวว่าต่อไป คงเกิดเรื่องแนวเดิมๆขึ้นมาอีก
ผมจึงอยากอ่านข้อเสนอแนะจากท่านอื่นๆ เพื่อเป็นแนวทาง หรือร่วมแชร์ประสบการณ์กัน
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะครับ
ความรัก กับการให้อภัย ???
สมัครเข้ามาเพราะอยากฟังความเห็น หรือมุมมองจากท่านอื่นๆ
เรื่องเริ่มต้นที่ ผมกับแฟน เราคบกันมากว่า 10 ปี พ่อแม่ของเราทั้งสองฝ่ายรับทราบว่าเราคบกัน
เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีอะไร นั่งรถประจำทาง หอพักไซส์รูหนู
กินอาหารข้างทางทั่วไป กินหรูหราบ้างบางมื้อ ตามที่หาเงินมาได้ เราอยู่กันอย่างมีความสุขดี
เราคุยกันทุกวัน เริ่มตั้งแต่โทรศัพท์ จนถึงการส่องกล้อง พัฒนาไปตามเทคโนโลยี ทุกครั้งที่แฟนผมไปไหน จะบอกผมเสมอ ทำอะไร เธอก็จะบอก
มันทำให้ผมไว้ใจและมั่นใจในตัวเธอ
ด้วยผมอายุมากกว่าแฟน 2 ปี จึงเริ่มทำงานก่อน งานแรกของผมเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วไป กะว่าทำไประหว่างที่รอแฟนเรียนจบ
แล้วอาจจะหาสมัครงานใหม่ที่ได้ทำที่เดียวกัน สภาพชีวิตจึงเป็นลักษณะทำงานไปวันๆ เงินเดือนผมต้องแบ่งใช้รวมกับแฟน
เพราะที่บ้านแฟนให้เงินมาใช้ค่อนข้างจำกัด
หลังจากแฟนเรียนจบ เธอจึงเดินตามความฝัน คือสมัครเข้าคัดเลือกเป็นพนักงานต้อนรับสายการบินหนึ่ง
และแน่นอน ด้วยบุคลิกที่ดี และความสามารถด้านภาษา ทำให้เธอผ่านการคัดเลือก ได้เป็นพนักงานต้อนรับของสายการบิน
ตัดภาพมาทางฝั่งผม ที่ตอนนั้นเริ่มมองอนาคต อยากจะดูแลพ่อแม่ตอนท่านแก่ชรา วางแผนจะแต่งงานและอยากให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้
ด้วยเพื่อนๆที่น่ารัก ที่มักจะเป่าหูผม ว่าเป็นแอร์โฮสเตส เดี๋ยวต้องคู่กับนักบิน
และพอดีกับที่ช่วงนั้น ทางสายการบินเปิดรับสมัครเข้าคัดเลือกเป็นศิษย์การบิน ผมจึงตัดสินใจใช้โอกาสตรงนี้ เพื่ออนาคตของเรา
จากคนที่ไม่เคยสนใจอะไรเกี่ยวกับการบิน ผมเริ่มหาข้อมูล แนวข้อสอบ การสัมภาษณ์ ศึกษาด้วยตัวเอง
ในระหว่างทุกขั้นตอนการสอบ ผมคุยกับแฟนผมเสมอ ว่าผมอยากผ่านให้ได้ เพื่ออนาคตของเรา และแฟนผม คอยอยู่เคียงข้างให้กำลังใจมาโดยตลอด
สุดท้ายผมผ่านการคัดเลือก และได้เป็นศิษย์การบิน ในสายการบินเดียวกับแฟนผม (สมพรปากเพื่อนๆทุกคน ที่ว่าเดี๋ยวแอร์โฮสเตสก็ได้กับนักบิน)
ผมรีบแจ้งข่าวดีให้กับพ่อแม่ และแฟนผม ทุกคนดีใจกับผลสอบนี้ แต่ถ้าชีวิตมีแต่เรื่องดีๆ มันคงขาดรสชาด
ปัญหาจึงบังเกิด
1 อาทิตย์หลังทราบผลสอบ ผมบังเอิญจับได้ ว่าแฟนผมแอบแชทคุยกับคนอื่น ซึ่งคือพนักงานต้อนรับที่เทรนมาด้วยกัน
วินาทีแรก ผมแทบไม่เชื่อสิ่งที่เห็น แต่ยิ่งอ่านข้อความที่ทั้งสองคุยกัน มันยิ่งยืนยันว่าทั้งสองคนคงคิดกันมากกว่าเพื่อน
มีทั้งการขอกอด หรือฝ่ายชายพูดจาถึงขั้นที่จะไปนอนค้างด้วย เวลาที่แฟนผมไปค้างตามที่ต่างๆ ที่สายการบินจัดตาราง
แต่ผมค่อนข้างแน่ใจว่า ยังไม่ถึงขั้นนอนด้วยกัน เพราะทุกครั้งที่แฟนผมไปค้าง เราจะส่องกล้องหากันตลอด แม้กระทั่งเวลานอน
เราทะเลาะกันรุนแรง ผมเสียใจมาก ได้แต่ร้องไห้ และอ้อนวอนให้เธออย่าทิ้งผมไป
เรื่องจบลงที่เธอขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป และสัญญาว่าจะเลิกติดต่อกัน
พร้อมทั้งให้ผมล็อคอินรหัสไลน์ของเธอไว้ในไอแพดของผม เพื่อกู้คืนความเชื่อใจกลับมา
เรื่องผ่านไปได้สองอาทิตย์ เธอมีค้างที่ต่างประเทศเป็นเวลา 1 คืน และเธอได้นำรายชื่อคนที่ไปค้างให้ผมดู
เพื่อให้สบายใจว่า ไม่มีโจทย์คนนั้นไปด้วย แต่เธอขอใช้ไอแพดไปเล่นระหว่างค้าง เพื่อใช้ดูซีรีย์
เมื่อเธอกลับมา ทุกสิ่งกลับยิ่งเลวร้ายหนักกว่าเดิม เมื่อผมจับได้ว่าทั้งสองคนยังแอบคุยกัน
และที่แย่กว่านั้น ไฟลท์ล่าสุดที่ไปค้าง ทั้งคู่ไปด้วยกัน (เธอทำรายชื่อมาหลอกผม)
เธอบอกแค่ว่ามันเป็นไฟลท์ต่างประเทศไฟลท์แรกที่เธอได้ไป เธออยากไปเที่ยวมาก จึงต้องโกหกผมเพื่อได้ไปไฟลท์นั้น
และเช่นเดิม แฟนผมขอโทษและขอโอกาสอีกครั้ง
ผมตั้งใจจะเลิก แต่แฟนผมขอร้องให้อยู่ เพราะสำนึกในสิ่งที่ทำไป และตัวผมเองที่ยังรักแฟนอยู่ จึงไม่เข้มแข็งพอที่จะตัดใจเดินออกมา
ทุกวันนี้ ผมอยู่อย่างระแวง และหมดหวัง รู้สึกเหมือนทุกสิ่งที่พยายามสร้างมามันพังทลายทั้งหมด
ใจนึงผมอยากจะเดินออกมา และสร้างอนาคตที่ดีกับคนที่ใช่ แต่มันยากในการตัดสินใจ เพราะผมรู้สึกว่าความผิดของเธอยังพอให้อภัยได้
และมุมที่ดีๆของเธอที่ทำให้ผมหลงรัก ยังมีอีกเยอะ
แต่อีกใจนึง สิ่งที่เธอทำ เป็นสิ่งที่ทำตามสัญชาตญาณ มนุษย์ส่วนใหญ่คงเลือกตัดสินใจจากความสุขส่วนตัว มาอันดับแรก
ดังเช่น ที่โกหกผม เพื่อจะได้ไปเที่ยว และกลัวว่าต่อไป คงเกิดเรื่องแนวเดิมๆขึ้นมาอีก
ผมจึงอยากอ่านข้อเสนอแนะจากท่านอื่นๆ เพื่อเป็นแนวทาง หรือร่วมแชร์ประสบการณ์กัน
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะครับ