สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นครั้งที่ 3 ใน Mission "4 SEASON IN JAPAN" รอบนี้เป็นการรีวิวภาพความทรงจำ
ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีครับ [14-21 พฤศจิกายน 2560] เป็นฤดูที่ 3 แล้วในรอบ 2 ปี ทริปนี้เป็นการวางแพลนไม่ถึง 8 เดือน
ปกติวางแพลนทีเป็นปี มีแพลนหลุดบ้าง แพลนล่มบ้างเป็นเรื่องธรรมดา อีกทั้งยังเป็นครั้งแรก ในการเที่ยวโตเกียว
ยังไงก็ลองติดตามกันนะครับ รูปภาพอาจจะไม่ค่อยสวยนะครับ ...แหะๆๆ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
ฤดูใบไม้ร่วง ในประเทศญี่ปุ่นจะเริ่มในช่วง เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ของทุกๆปี แต่ละภาค ใบไม้จะเปลี่ยนสีต่างกันนะครับ
แต่โตเกียว ช่วงพีคๆนี่ เดือน พฤศจิกายน เลยครับ จะแดงแบบฉ่ำปอดที่สุด อากาศไม่หนาวมาก 10-15 องศา
แล้วแต่สภาพอากาศ ทำให้เราสามารถชิลล์ ชิม ช้อปได้แบบสบายๆ
ทริปญี่ปุ่นทริปนี้ เป็นการเที่ยวระยะเวลา 8 วัน 7 คืน ผมเลือกที่จะนั่งโซนเงียบหรือ Quiet Zone เพื่อเป็นการเซฟร่างกายได้
เพราะจะได้นอนยาวๆไปถึงนาริตะ โซนนี้เป็นโซนปลอดเด็ก และจะหรี่ไฟตลอดการเดินทาง เพื่อการพักผ่อนที่เต็มที่
อีกอย่าง โซนนี้ไกลห้องน้ำมาก ได้อาหารก่อน แนวคิดนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับหลายๆคน นะครับ...
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ถือเป็นช่วง Hight Season ของญี่ปุ่น ดังนั้นไม่ว่าจะที่ไหนๆ ก็มีแต่คนทั้งนั้น ข้อสำคัญคือ ถ้าเจอทัวร์จีนลง
อาจจะทำให้แพลนท่านล่มไม่เป็นท่าได้ในทันที ยังไงถ้าเจอก็เลี่ยงๆทัวร์จีนเยอะๆเลยนะครับ
ทัวร์มาทีไร บดบังวิวที่ธรรมชาติเอามากๆเลย
รีวิวนี้ ข้อมูลอาจจะไม่เป้ะมาก ของกินหรูๆน้อยมาก ช้อปปิ้งนี่ตัดทิ้งไปได้เลย ที่เน้นๆคือถ่ายรูปความทรงจำล้วนๆครับ ^-^=
กระทู้เก่าๆที่เคยรีวิวครับ
[CR]เที่ยวสิงคโปร์ 2016
>>>
https://ppantip.com/topic/35058741
[CR]เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน 2017
>>>
https://ppantip.com/topic/35433892
[CR]เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว 2017
>>>
https://ppantip.com/topic/36215620
[CR]เที่ยวญี่ปุ่นหน้าใบไม้เปลี่ยนสี 2017
>>>
https://ppantip.com/topic/38866590
[CR]เที่ยวบาหลี 2018
>>>
https://ppantip.com/topic/37966476
[CR]เที่ยวญี่ปุ่นหน้าซากุระ 2019
>>>
https://ppantip.com/topic/37966476
วันที่ 1 DMK-NRT
เมื่อเช็คอิน ขึ้นเครื่องแล้ว บินได้สักพักพี่แอร์สวยสวยจะเดินมาแจกใบ ตม. และใบศุลกากรครับ

ได้มาแล้วก็กรอกให้เสร็จ ถ้าใครกลัวเขียนไม่ถูกแนะนำให้เซฟใส่โทรศัพท์แล้วค่อยมาเปิดดูบนเครื่อง หรือถ้าลืมจริงๆบนเครื่องมีให้ครับ

ลงเครื่องเเล้ว ผ่านตม. รับกระเป๋า ผ่านศุลกากร นั่งรถไฟเข้าเมือง เช็คอินโรงแรม แล้วตัดภาพมาที่ของกินเลยละกันครับ มื้อแรกที่โตเกียว
วันที่ 2 Shibuya ,Statue of Omura Masujiro ,Tokyo Metropolitan Government Building ,Yodobashi ,ตึกม่วง
ตื่นเช้ามา ผมตรงไปชิบูย่า เพื่อไปดูสถานที่ขึ้นรถบัสวันพรุ่งนี้ ไปทะเลสาปคาวากุจิโกะ บางคนจะไปขึ้นที่ชินจูกุ
แต่ผมแนะนำขึ้นที่ชิบูย่าเพราะคนน้อยดีครับ

ลงรถไฟแล้วก็เดินตามป้ายไปตึก Mark City Shibuya จะมีทางเชื่อมตึกมา เดินมาเรื่อยๆจะเห็น 5 แยกชิบูย่า คนเยอะสมคำล่ำลือ

ว่าแล้วก็แว๊ปลงไปแชะ
รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ(Hachiko) สุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่รอคอยเจ้านายอยู่หน้าสถานีชิบูย่าแม้ว่าเจ้านายของมันจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่มันก็ยังคงมานั่งรออยู่ตลอด จึงเป็นเรื่องราวที่โด่งดัง รูปปั้นนี้จึงถูกสร้างขึ้นหลังจากที่เจ้าฮาจิโกะตายลง เพื่อเป็นสิ่งที่แสดงถึงความรัก,ความซื่อสัตว์และจงรักภักดีที่มันมีให้กับเจ้านาย ปัจจุบันบริเวณรูปปั้นนี้เป็นจุดนัดพบที่นิยมและเป็นเหมือนสัญลักษ์ของสถานีชิบูย่า

เดินๆไปท้องร้อง เลยแวะเข้าแฟมิลี่มาร์ท หาอะไรลองท้อง แฟมิลี่มาร์ทที่นี่ใหญ่มากครับ มีที่นั่งเอาไว้บริการลูกค้าด้วย
Statue of Omura Masujiro ใบแปะก๊วยเหลืองกำลังดีเลยครับ เส้นทางเปิดได้จาก Google Map

การถ่ายภาพมุมอื่นที่แปลกตา ทำให้ได้รูปที่ไม่เหมือนใครดี 5555
อาคารศาลาว่าการกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building) อาคารแฝดสูงตระหง่านใจกลางย่านศูนย์กลางธุรกิจ
ของเขตชินจูกุ ออกแบบโดยสถาปนิกญี่ปุ่นชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก เคนโซ ทันเกะ (Kenza Tange) ผู้ออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกเมืองโตเกียว (ปีค.ศ.1962) และอาคารอนุสรณ์สันติภาพญี่ปุ่นเมืองฮิโรชิม่า อาคารมีความสูง 243 เมตร เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีค.ศ.1991 โดยมีความตั้งใจเพื่อให้เป็นแลนด์มาร์คอาคารสูงแห่งใหม่ของเขตชินจูกุ และเพื่อผลักดันให้เขตตะวันตก
ของชินจูกุเป็นย่านอาคารสำนักงานระฟ้าแห่งใหม่ อาคารถูกออกแบบให้เหมือนกันเป็นลักษณะสมมาตร มีลานกว้างอยู่ทั้งฝั่งทิศตะวันออก
และทิศตะวันตกของอาคาร โดยมีจุดชมวิวเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีที่ชั้น 45 ของอาคารทั้งอาคารทิศเหนือและทิศใต้


ลืมบอก ก่อนเข้าลิฟต์ในตัวอาคารศาลาว่าการกรุงโตเกียว จะมีเจ้าหน้าที่มาสแกนกระเป๋าก่อนขึ้นชมนะครับ

วันนี้มีฝนตกปรอยๆ หมอกลงเยอะ ทำให้ไม่เห็นวิวอะไรมาก เห็นแต่เมฆครับ แอบเสียดาย

ถ้าอากาศดีๆ อาจจะได้เห็นยอดฟูจิ ด้วยนะครับ

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ทางม้าลายเอาไว้ข้ามจริงๆครับ ดูสิ รถจอดได้พอดีเส้นขาวเลย

แวะมาซื้อขอองที่ Yodobashi จบทริปของวันนี้ครับ ต้องขอตัวรีบกลับไปนอนเก็บแรงไว้ดูฟูจิซังครับ
วันที่ 3 Lake Kawaguchiko ,Shibuya
เช้าวันที่สองของการเที่ยว วันนี้เราจะไปดูฟูจิซังกันครับ รอรถไฟรอบตี 5 (มันเช้ามากqq เวลาไทย ตี 3)

เนื่องจากเมื่อวานเราได้มาเดินเซอเวร์ที่ขึ้นรถบัส เช้านี้เลยเดินฉลุยเลยครับ

เดินผ่าน 5 แยกชิบูย่าตอนตี 5 มันแตกต่างกับเวลากลางวันมากเลยครับ

พอมาถีงหน้าลิฟต์ อ้าววว ลิฟต์กดไม่ลง ผทเลยเดินไปถามนายสถานีแถวๆนั้น

เขาบอกว่า ประตูนี้เปิดใช้ตอน 06.30 น. ให้เราเดินอ้อมไปขึ้นลิฟต์อีกฟากของตึก เดินตามลูกศรในรูปเลยครับ

เดินมาตามลูกศรเรื่อยๆเลยนะครับ ลิฟต์ที่ใช้ได้ จะอยู่กึ่งชั้นใต้ดิน ตามรูปครับ ลิฟต์จะอยู่ทางซ้ายมือ

ลายประตูลิฟต์จะคล้ายๆหินแกรนิตแบบนี้นะครับ

หน้าลิฟต์จะมีป้ายบอกว่าไปชั้นไหน

กดขึ้นไปชั้น 5 ได้เลยครับ

ถึงละครับ ประตูทางออกเพื่อไปที่รอรถบัสไปฟูจิ

ที่รอขึ้นรถบัสมีห้องสำหรับนั่งรอ เพราะถ้ารอข้างนอกเเข็งตายแน่ครับ

สำหรับคนที่คิดจะ Walk In เข้ามาซื้อตั๋ว เคาท์เตอร์เปิดตอน 6.30 ครับ แต่แนะนำจองมาเลยดีกว่า เพราะช่วงเทศกาล ส่วนใหญ่ที่นั่งจะเต็ม

ไกล้ๆห้องรอรถบัสมีห้องน้ำนะครับ เผื่อใครปวดท้องกระทันหัน แต่ไม่สะอาดมากนะครับ
อาจจะเป็นเพราะยังเช้าอยู่ เเม่บ้านยังไม่ได้ทำความสะอาด

สำหรับคนที่จองมาจากไทย เขาจะส่งใบสีเหลืองแบบนี้เข้าเมล์ เพื่อเอาไว้ใช้ขึ้นรถ หรือบางคนจะปริ้นเป็นกระดาษมาก็ได้ครับ

เมื่อถึงเวลา รถบัสจะมาที่ชานชลาครับ รถบัสจะมาก่อนเวลา 5-10 นาทีนะครับ ถ้าเป็นรอบเวลาเรา โชว์ตั๋วในโทรศัพท์ หรือกระดาษให้คนขับดู เเล้วก็ขึ้นไปนั่งที่ที่เราจองไว้ครับ ผมแนะนำ จองที่นั่งฝั่งซ้ายนะครับ จะได้เห็นฟูจิตั้งแต่ต้นเลย แต่เรื่องสำคัญคือ รถจะไม่รอผู้โดยสารที่ไม่ตรงเวลานะครับ ควรเผื่อเวลามาด้วยนะครับ เพราะถึงเวลาเเล้วรถจะออกทันที ไม่มีมีเรทแม้แต่วินาทีเดียวครับ

บนรถบัสมี Wifi Free นะครับ เร็วพอดูยูทูปได้แบบไม่กระตุกเลยครับ

ผมจองที่นั่งไว้ท้ายสุด ติดห้องน้ำ จะเห็นว่ารถโล่งมากครับ รถจะวิ่งไปรับคนอีก 2-3 จุด แล้วก็จะตรงเข้าทะเลสาบคาวาเลย ระยะเวลาเดินทาง 2.30 ชั่วโมงครับ หลับยาวๆเลย

ระหว่างทางจะเห็นฟูจิเเบบจังๆ ยังไงก็เช็คพยากรอากาศให้ดีนะครับ
[CR] เทียวญี่ปุ่นใบไม้เปลี่ยนสี โตเกียว 2017
รีวิวนี้ ข้อมูลอาจจะไม่เป้ะมาก ของกินหรูๆน้อยมาก ช้อปปิ้งนี่ตัดทิ้งไปได้เลย ที่เน้นๆคือถ่ายรูปความทรงจำล้วนๆครับ ^-^=
กระทู้เก่าๆที่เคยรีวิวครับ
[CR]เที่ยวสิงคโปร์ 2016
>>>https://ppantip.com/topic/35058741
[CR]เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน 2017
>>>https://ppantip.com/topic/35433892
[CR]เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว 2017
>>>https://ppantip.com/topic/36215620
[CR]เที่ยวญี่ปุ่นหน้าใบไม้เปลี่ยนสี 2017
>>>https://ppantip.com/topic/38866590
[CR]เที่ยวบาหลี 2018
>>>https://ppantip.com/topic/37966476
[CR]เที่ยวญี่ปุ่นหน้าซากุระ 2019
>>>https://ppantip.com/topic/37966476
วันที่ 1 DMK-NRT
เมื่อเช็คอิน ขึ้นเครื่องแล้ว บินได้สักพักพี่แอร์สวยสวยจะเดินมาแจกใบ ตม. และใบศุลกากรครับ
ได้มาแล้วก็กรอกให้เสร็จ ถ้าใครกลัวเขียนไม่ถูกแนะนำให้เซฟใส่โทรศัพท์แล้วค่อยมาเปิดดูบนเครื่อง หรือถ้าลืมจริงๆบนเครื่องมีให้ครับ
ลงเครื่องเเล้ว ผ่านตม. รับกระเป๋า ผ่านศุลกากร นั่งรถไฟเข้าเมือง เช็คอินโรงแรม แล้วตัดภาพมาที่ของกินเลยละกันครับ มื้อแรกที่โตเกียว
วันที่ 2 Shibuya ,Statue of Omura Masujiro ,Tokyo Metropolitan Government Building ,Yodobashi ,ตึกม่วง
ตื่นเช้ามา ผมตรงไปชิบูย่า เพื่อไปดูสถานที่ขึ้นรถบัสวันพรุ่งนี้ ไปทะเลสาปคาวากุจิโกะ บางคนจะไปขึ้นที่ชินจูกุ
แต่ผมแนะนำขึ้นที่ชิบูย่าเพราะคนน้อยดีครับ
ลงรถไฟแล้วก็เดินตามป้ายไปตึก Mark City Shibuya จะมีทางเชื่อมตึกมา เดินมาเรื่อยๆจะเห็น 5 แยกชิบูย่า คนเยอะสมคำล่ำลือ
ว่าแล้วก็แว๊ปลงไปแชะ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ(Hachiko) สุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่รอคอยเจ้านายอยู่หน้าสถานีชิบูย่าแม้ว่าเจ้านายของมันจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่มันก็ยังคงมานั่งรออยู่ตลอด จึงเป็นเรื่องราวที่โด่งดัง รูปปั้นนี้จึงถูกสร้างขึ้นหลังจากที่เจ้าฮาจิโกะตายลง เพื่อเป็นสิ่งที่แสดงถึงความรัก,ความซื่อสัตว์และจงรักภักดีที่มันมีให้กับเจ้านาย ปัจจุบันบริเวณรูปปั้นนี้เป็นจุดนัดพบที่นิยมและเป็นเหมือนสัญลักษ์ของสถานีชิบูย่า
เดินๆไปท้องร้อง เลยแวะเข้าแฟมิลี่มาร์ท หาอะไรลองท้อง แฟมิลี่มาร์ทที่นี่ใหญ่มากครับ มีที่นั่งเอาไว้บริการลูกค้าด้วย
Statue of Omura Masujiro ใบแปะก๊วยเหลืองกำลังดีเลยครับ เส้นทางเปิดได้จาก Google Map
การถ่ายภาพมุมอื่นที่แปลกตา ทำให้ได้รูปที่ไม่เหมือนใครดี 5555
อาคารศาลาว่าการกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building) อาคารแฝดสูงตระหง่านใจกลางย่านศูนย์กลางธุรกิจ
ของเขตชินจูกุ ออกแบบโดยสถาปนิกญี่ปุ่นชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก เคนโซ ทันเกะ (Kenza Tange) ผู้ออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกเมืองโตเกียว (ปีค.ศ.1962) และอาคารอนุสรณ์สันติภาพญี่ปุ่นเมืองฮิโรชิม่า อาคารมีความสูง 243 เมตร เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีค.ศ.1991 โดยมีความตั้งใจเพื่อให้เป็นแลนด์มาร์คอาคารสูงแห่งใหม่ของเขตชินจูกุ และเพื่อผลักดันให้เขตตะวันตก
ของชินจูกุเป็นย่านอาคารสำนักงานระฟ้าแห่งใหม่ อาคารถูกออกแบบให้เหมือนกันเป็นลักษณะสมมาตร มีลานกว้างอยู่ทั้งฝั่งทิศตะวันออก
และทิศตะวันตกของอาคาร โดยมีจุดชมวิวเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีที่ชั้น 45 ของอาคารทั้งอาคารทิศเหนือและทิศใต้
ลืมบอก ก่อนเข้าลิฟต์ในตัวอาคารศาลาว่าการกรุงโตเกียว จะมีเจ้าหน้าที่มาสแกนกระเป๋าก่อนขึ้นชมนะครับ
วันนี้มีฝนตกปรอยๆ หมอกลงเยอะ ทำให้ไม่เห็นวิวอะไรมาก เห็นแต่เมฆครับ แอบเสียดาย
ถ้าอากาศดีๆ อาจจะได้เห็นยอดฟูจิ ด้วยนะครับ
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ทางม้าลายเอาไว้ข้ามจริงๆครับ ดูสิ รถจอดได้พอดีเส้นขาวเลย
แวะมาซื้อขอองที่ Yodobashi จบทริปของวันนี้ครับ ต้องขอตัวรีบกลับไปนอนเก็บแรงไว้ดูฟูจิซังครับ
วันที่ 3 Lake Kawaguchiko ,Shibuya
เช้าวันที่สองของการเที่ยว วันนี้เราจะไปดูฟูจิซังกันครับ รอรถไฟรอบตี 5 (มันเช้ามากqq เวลาไทย ตี 3)
เนื่องจากเมื่อวานเราได้มาเดินเซอเวร์ที่ขึ้นรถบัส เช้านี้เลยเดินฉลุยเลยครับ
เดินผ่าน 5 แยกชิบูย่าตอนตี 5 มันแตกต่างกับเวลากลางวันมากเลยครับ
พอมาถีงหน้าลิฟต์ อ้าววว ลิฟต์กดไม่ลง ผทเลยเดินไปถามนายสถานีแถวๆนั้น
เขาบอกว่า ประตูนี้เปิดใช้ตอน 06.30 น. ให้เราเดินอ้อมไปขึ้นลิฟต์อีกฟากของตึก เดินตามลูกศรในรูปเลยครับ
เดินมาตามลูกศรเรื่อยๆเลยนะครับ ลิฟต์ที่ใช้ได้ จะอยู่กึ่งชั้นใต้ดิน ตามรูปครับ ลิฟต์จะอยู่ทางซ้ายมือ
ลายประตูลิฟต์จะคล้ายๆหินแกรนิตแบบนี้นะครับ
หน้าลิฟต์จะมีป้ายบอกว่าไปชั้นไหน
กดขึ้นไปชั้น 5 ได้เลยครับ
ถึงละครับ ประตูทางออกเพื่อไปที่รอรถบัสไปฟูจิ
ที่รอขึ้นรถบัสมีห้องสำหรับนั่งรอ เพราะถ้ารอข้างนอกเเข็งตายแน่ครับ
สำหรับคนที่คิดจะ Walk In เข้ามาซื้อตั๋ว เคาท์เตอร์เปิดตอน 6.30 ครับ แต่แนะนำจองมาเลยดีกว่า เพราะช่วงเทศกาล ส่วนใหญ่ที่นั่งจะเต็ม
ไกล้ๆห้องรอรถบัสมีห้องน้ำนะครับ เผื่อใครปวดท้องกระทันหัน แต่ไม่สะอาดมากนะครับ
อาจจะเป็นเพราะยังเช้าอยู่ เเม่บ้านยังไม่ได้ทำความสะอาด
สำหรับคนที่จองมาจากไทย เขาจะส่งใบสีเหลืองแบบนี้เข้าเมล์ เพื่อเอาไว้ใช้ขึ้นรถ หรือบางคนจะปริ้นเป็นกระดาษมาก็ได้ครับ
เมื่อถึงเวลา รถบัสจะมาที่ชานชลาครับ รถบัสจะมาก่อนเวลา 5-10 นาทีนะครับ ถ้าเป็นรอบเวลาเรา โชว์ตั๋วในโทรศัพท์ หรือกระดาษให้คนขับดู เเล้วก็ขึ้นไปนั่งที่ที่เราจองไว้ครับ ผมแนะนำ จองที่นั่งฝั่งซ้ายนะครับ จะได้เห็นฟูจิตั้งแต่ต้นเลย แต่เรื่องสำคัญคือ รถจะไม่รอผู้โดยสารที่ไม่ตรงเวลานะครับ ควรเผื่อเวลามาด้วยนะครับ เพราะถึงเวลาเเล้วรถจะออกทันที ไม่มีมีเรทแม้แต่วินาทีเดียวครับ
บนรถบัสมี Wifi Free นะครับ เร็วพอดูยูทูปได้แบบไม่กระตุกเลยครับ
ผมจองที่นั่งไว้ท้ายสุด ติดห้องน้ำ จะเห็นว่ารถโล่งมากครับ รถจะวิ่งไปรับคนอีก 2-3 จุด แล้วก็จะตรงเข้าทะเลสาบคาวาเลย ระยะเวลาเดินทาง 2.30 ชั่วโมงครับ หลับยาวๆเลย
ระหว่างทางจะเห็นฟูจิเเบบจังๆ ยังไงก็เช็คพยากรอากาศให้ดีนะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น