"นางกากี รอยราคีของอำนาจที่..ใครๆก็อยากครอบครอง" ดนตรี กวี ปรัชญา (ประสาชาวบ้าน By นายพระรอง)

กระทู้สนทนา
.

กากี : Big Ass

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ




ถ้าอยากเข้าใจความหมายของกะทู้นี้ตามเจตนาของผู้เขียน เชิญดูหน้านางกากี ได้ในสปอยครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


11.09 ขอเข้ามาแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องราวของนากากีสักหน่อยนะครับ

เรื่องราว ของ กากี
         เดิม เป็นเรื่องราวในนิบาตชาดก  ถูกนำมาแต่ง เป็น กลอน โดย เจ้าพระยา พระคลัง(หน)  และสุนทรภู่  นำตอนพระยาครุตอุ้มลักนางกากีเหอะสู่วิมานฉิมพลี มาแต่งเป็นกาพย์เห่กล่อมพระบรรทม

          ท้าวพรหมทัตกษัตริย์แห่งนครพาราณสี   มีพระมเหสีรูปงามกลิ่นกายหอมชื่อว่านางกากี  แม้สัมผัสกายนาง กลิ่นหอมจะติดตัวไปถึง 7 วัน  พระองค์รักและหลงใหลนางกากี  ถึงแม้จะมีสนมถึงหกหมื่นคน  หนึ่งในหนุ่มคนสนิทที่สามารถเข้าใกล้นางกากีได้คือ “นาฏกุเวร” ผู้เป็นคนธรรพ์รูปงามมีหน้าที่บรรเลงดนตรี แต่งกลอน ขับกล่อมให้แก่ท้าวพรหมทัต พระองค์ทรงโปรดเล่นสกา    โดยมีสหายสนิทผู้มีความลึกลับที่มีฝีมือการทอดสกาเทียบเท่าพระองค์นามว่าเวนไตย  เวนไตยเป็นพญาครุฑที่มีวิมานชื่อฉิมพลีตั้งอยู่ที่เชิงเขาพระสุเมรุเหนือดงงิ้ว  ผู้มีร่างมาเป็นมานพรูปร่างสง่างามในเมืองมนุษย์  เวนไตยไม่ยอมบอกว่าตัวเองมาจากที่ไหน  แต่ก็มาเล่นสกากับท้าวพรหมทัตอย่างสม่ำเสมอทุกๆเจ็ดวัน
คำร่ำลือถึงความสง่างามของพญาเวนไตยจากสนมกำนัลมาเข้าหูนางกากี  นางกากีลองแอบดูครั้งหนึ่ง   เวนไตยได้เห็นกากีก็นึกชอบ ทำให้เวนไตยถึงกับทำอุบายลักพานางกากีไปจากท้าวพรหมทัต  โดยการจำแลงตัวเป็นพญาครุฑบินไปบังแสงอาทิตย์ที่ส่องเมืองพาราณสีทำให้เมืองมืดมิดและอลหม่านจากการเกิดพายุใหญ่กระหน่ำ  เวนไตยฉวยโอกาสนี้พาตัวนางกากีเหอะไปสมสู่ ณ วิมานฉิมพลี  

        ท้าวเทวทัตเป็นทุกข์ระทมเมื่อนางกากีมเหสีสุดสวาทได้หายไปไม่สามารถตามหาได้ นาฏกุเวรอาสานำตัวนางกากีกลับ เพราะรู้ระแคะระคายเนื่องจากเหตุการณ์ในวันที่เวนไตยสบตากับนางกากีไม่พ้นจากสายตาของคนธรรพ์หนุ่มนี้ไปได้ การเล่นสกาครั้งต่อมานาฏกุเวรจึงแปลงร่างเป็นตัวไรเกาะปีกเวนไตยเมื่อเขากลายเป็นพญาครุฑตามไปถึงวิมานฉิมพลี คนธรรพ์ปลอมกายแอบซ่อนอยู่ในห้อง  เมื่อเวนไตยออกไปปฏิบัติภารกิจนอกวิมาน ก็คืนร่างเป็นนาฏกุเวรคนเดิม ด้วยความเสน่หาที่มีต่อนางกากี นาฏกุเวรก็ขอร่วมอภิรมย์สมสู่กับนางกากี    โดยขู่ว่าจะไม่เปิดเผยความลับระหว่างเวนไตยกับนาง นางกากีเห็นว่านาฏกุเวรเปิดเผยว่ารักใคร่ตัวนางมาก่อน ก็ยอมสมสู่ด้วย

         เมื่อถึงกำหนดนัดเล่นสกากับท้าวพรหมทัต นาฏกุเวรก็จำแลงเป็นตัวไรเกาะปีพญาครุฑเวนไตยกลับเมืองพาราณสี และได้กราบทูลให้ท้าวพรหมทัตทำเป็นไม่ทราบเรื่อง ระหว่างการเล่นสกานาฏกุเวรก็แต่งกลอนยั่วยุให้เวนไตยโกรธ โดยพรรณาถึงรายละเอียดทุกอย่างที่นางกากีมี แสดงว่านาฏกุเวรได้ร่วมอภิรมย์รักโดยนางกากีก็สมัครใจ เวนไตยโกรธมากที่นางกากีทรยศต่อตัวเอง เมื่อกลับไปก็คาดคั้นเอาความจริงกับนางกากี แต่นางกากียอมรับตอนหลังอ้างว่าถูกบังคับ ซึ่งเวนไตยไม่เชื่อและส่งนางกากีกลับคืนเมืองพาราณสี ท้าวพรหมทัตทั้งรักทั้งแค้นทั้งอับอาย ทรงตัดเยื่อใยนางกากีและสั่งให้มหาดเล็กนำไปลอยแพในมหาสมุทร
โดยฉบับ เจ้าพระยาพระคลังหน จบลงตรงนี้


เรื่องกากียังมีตอนแต่งเพิ่มเรื่องขึ้นใหม่โดยนายโชติ   เนื้อเรื่องกล่าวถึงความเป็นไปของกากีให้ผู้อ่านสิ้นสงสัย
         นางกากีต้องเผชิญเคราะห์กรรมอย่างแสนสาหัส เมื่อนายสำเภามาพบนางสลบไสลบนแพ เรือนร่างที่สวยงามย่อมเป็นที่หมายปองของนายสำเภา เขาจึงได้นางกากีเป็นภรรยา ต่อมาโจรสลัดได้ปล้นเรือนายสำเภาและหัวหน้าโจรบังคับนางกากีให้เป็นภรรยาอีก ท่ามกลางความอิจฉาริษยาของสมุนโจร เพราะหัวหน้าโจรไม่ยอมแบ่งผู้หญิงให้เหมือนรายอื่นๆ

         ในที่สุดก็เกิดการแก่งแย่งนางกากีกันในหมู่โจร ถึงกับฆ่าฟันกันเอง นางกากีฉวยโอกาสหลบหนีพวกโจรได้ แต่ต้องเผชิญกับความโหดร้ายในป่าจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด  โชคดียังเป็นของนางกากี ที่บังเอิญมีกษัตริย์ชรานามว่าท้าวทศวงศ์ผู้เป็นหม้ายแห่งเมืองอภัยสาลีเสด็จมาเที่ยวป่า ได้นำนางกากีไปชุบเลี้ยงเป็นถึงมเหสี    นางกากีไม่บอกความจริงให้ท้าวทศวงศ์เพราะกลัวความไม่ดีของตนเองจะทำให้ท้าวทศวงศ์ไม่รับอุปการะ จิตใจของนางยังไม่เป็นสุขถึงจะได้เป็นถึงมเหสี แต่ท้าวทศวงศ์ก็ทรงโปรดปรานมเหสีร่างงามและกลิ่นกายหอม  

         ฝ่ายทางเมืองพาราณสี ท้าวพรหมทัตวายชนม์ อำมาตย์ยกนาฏกุเวรขึ้นครองราชย์ ครั้นนาฏกุเวรรู้ว่ากากีไปตกอยู่ที่เมืองอภัยสาลี ก็ยกทัพไปชิงกากีมาได้ แล้วอภิเษกนางขึ้นเป็นพระมเหสี

ด้วยความเคารพ
นายพระรอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่