CANON สามตัวพัน!!!

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับพี่ ป้า น้า อา แห่งห้องคนบ้ามือหมุนที่เคารพทุกๆท่าน
ช่วงเวลาปัจจุบันห้องมือหมุนแห่งนี้ปรากฎภาพแห่งความเงียบเหงามากพอสมควรนะครับ
เข้าใจว่าสมาชิกจำนวนมากคงเปลี่ยนไปสิงสถิตในเฟสบุ๊คเป็นส่วนใหญ่
บางท่านอาจเกิดอาการเบื่อหน่าย ขี้เกียจถ่ายภาพ เลยไม่รู้จะเอาอะไรมาโชว์
แต่อาจเป็นไปได้ที่สมาชิกหลายท่านอาจประสบภาวะ “ถังแตก” จึงไม่มีงบประมาณในการถอยเลนส์ใหม่ๆก็เป็นได้

อย่างไรก็ตามผมขอ “ขยับบอร์ด” ของห้องมือหมุนอันเงียบเหงาแห่งนี้สักหนึ่งกระทู้ก็แล้วกัน
เชื่อไหมครับว่าเงิน 1,000 บาท สามารถถอยเลนส์แคนนอนดีๆได้สามตัว ตั้งแต่มุมกว้างยันเทเลโฟโต้ขนาดสั้น
ขอย้ำว่าหนึ่งพันบาทจริงๆนะครับ!!!
ราวกลางปีที่แล้ว ในความบังเอิญมีน้าคนหนึ่งปล่อยกล้องฟิลม์แคนนอนรุ่น Canonet
ให้ผมเอาไปงัดแงะเล่น ในราคามิตรภาพเพียง 500 บาท
ซึ่งกล้องรุ่นนี้มีขายเยอะแยะครับ ที่ตลาดของเก่าข้างวัดสวนแก้วขายกันเจ็ดแปดร้อยบาท (ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผู้ขาย ณ ขณะนั้น HA HA HA!!!)
ร้านขายกล้องแห่งหนึ่งที่ห้างเมก้าพลาซ่า (ขอสงวนชื่อร้านด้วยเกรงว่าจะเป็นการชี้เป้า) ขายแค่หกร้อยบาทเท่านั้น
แต่กลับมีคนขายกล้องในเว็ปไซต์บางแห่งอั๊พราคาซะสองพันบาทซะงั้น
มันเป็นกล้องเรนจ์ฟายน์เดอร์ของแคนนอน รุ่น Canonet ที่ติดเลนส์ Canon SE 1.9/45
ซึ่งผมถอดออกมาแล้วจัดการเปลี่ยนท้ายเป็นฟูจิครับ โดยเพิ่มพลานุภาพให้กับมันด้วยการสร้างที่ล๊อคเลนส์ใหม่
เพื่อให้มันสามารถโฟกัสได้ใกล้ขึ้นมากกว่าเดิม
ของเดิมระยะ Minimum Focus อยู่ที่ 1 เมตร แต่ทำใหม่แล้วโฟกัสใกล้สุดจะอยู่ที่ประมาณ 30 เซนติเมตรเท่านั้น
ทั้งนี้เพราะผมจะใช้เลนส์ตัวนี้เพื่อถ่ายภาพโคลสอั๊พเป็นหลักครับ
เวลาผ่านไปได้ประมาณสองสัปดาห์ ผมมีโอกาสไปเดินเล่นย่านหลังกระทรวง
กำเงินในกระเป๋าไว้เน่น แล้วเดินพุ่งตรงไปยังแผงขายของเก่าแบบ “แบกะดิน”
ซึ่งตั้งตัวเรียงรายท้าทายสายตาและเงินในกระเป๋าของผู้นิยมความคลาสสิค
แวบแรกของสายตาพลันพบกับเจ้าแคนนอน Canon demi S
ซึ่งติดเลนส์ Canon SH 1.7/30 วางตั้งอยู่รวมกับแบตเตอรี่มือถือรุ่นเก่ามากมายก่ายกอง
สำรวจสภาพอย่างถี่ถ้วนพบว่า “มันพังแล้วครับ” ซึ่งถือเป็นข้อดีนะครับ เราจะได้ต่อรองราคาได้ง่ายขึ้น
ชิ้นเลนส์มีรอยขนแมวนิดหน่อย มีฝุ่นพอสมควร แต่โฟกัสและช่องรับแสงปรับได้ราบรื่นดี
ที่สำคัญคือเจ้าของแผงบอกราคาเพียง 200 บาทเท่านั้น เลยไม่ต่อราคาแล้ว อายเขา HA HA HA!!!
จัดการแปลงเป็นเมาท์ฟูจิครับ แล้วทำเหมือนเดิมคือสร้างให้มันสามารถโฟกัสได้ใกล้ขึ้นกว่าสแตนดาร์ท
ซึ่งมันสามารถโฟกัสได้ใกล้มากกว่า 20 เซนติเมตรเชียวนะครับ
ที่สำคัญคือเจ้า Canon SH 1.7/30 ตัวนี้มันมีสี่เบลดครับ
ให้โบเก้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส เทห์ชะมัด!!!
เวลาผ่านไปอีกราวหนึ่งเดือน ผมขับรถกลับบ้านพร้อมคุณภรรยาในเวลาราวบ่ายอ่อนๆ
ตัดสินใจแวะร้านขายของมือสองญี่ปุ่นย่านถนนบรมราชชนนีก่อนถึงพุทธมณฑลสายเจ็ด
ปรากฎไปพบกับ Canon FD 4/35-70 สภาพชิ้นเลนส์สวย แต่บอดี้โทรมไปนิด
แต่เจ้าของร้านบอกราคาแค่ 300 บาทครับท่าน
ไม่ลังเลใจ หยิบตังค์ (ของภรรยา) แลกตัวนำกลับบ้านทันที HA HA HA!!!
(ความจริงแล้วเจ้าสามห้าเจ็ดสิบเอฟสี่ตัวนี้ในอีเบย์วิ่งอยู่ไม่เกินพันสองหรอกครับ)
เท่ากับว่าผมจ่ายค่าตัวให้กับแคนนอนสามตัวนี้เพียงหนึ่งพันบาทถ้วนจริงๆครับ
ถูกกว่าไปซื้อเรดเลเบิ้ลซะอีก HA HA HA!!!
และจากการทดสอบในสไตล์ “ถ่ายเล่นๆ เย็นๆกลับ” ของผม
พบว่ามันให้คุณภาพที่ “เหนือความคาดหมาย” เป็นอย่างมาก
ใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริง ตั้งแต่ระยะวายด์แองเกิ้ล 30mm ไปยันเทเลสั้นๆที่ 70mm
สีสันจะสดไบรท์แค่ไหน…อย่าไปซีเรียส
ความคมขอบภาพจะเป็นอย่างไร…อย่าไปแคร์
การละลายฉากหลังจะนุ่มละมุนแค่ไหน…อย่าไปสนใจ
เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือ…มันถ่ายภาพได้เว้ยเฮ้ย!!! HA HA HA!!!

ขอบอก…ผมเอาไฟล์ที่ถ่ายด้วย Canon SE 1.9/45 ไปขยายภาพออกมาในขนาด 16x20 นิ้ว
แล้วผมถามช่างปรินท์ภาพว่าคุณรู้มั้ยว่าผมใช้เลนส์อะไร???
เชื่อไหมครับว่าช่างปรินท์ภาพวัยกลางคน มีประสบการณ์การอัดขยายภาพมามากกว่ายี่สิบปี
แกตอบผมว่า……….
แกตอบผมว่า……….
แกตอบผมว่า……….

โอ๊ย…สีขรึมๆนัวๆเข้มๆแบบนี้
ไลก้าแหงๆ
HA HA HA!!!
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง เดินทางด้วยความไม่ประมาทเสมอครับ
     สวัสดี!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่