สวัสดีค่ะ
เมย์เป็นศิษย์เก่า ไม่บอกรุ่นน้า เดี๋ยวรู้ว่าแก่ ตอนนี้ทำงานเป็นที่ปรึกษาบริษัทเกี่ยวกับการตลาด
พอดีที่ผ่านมามีน้องๆหลายคน แม่เพื่อนบ้างอะไรบ้าง มาถามเราเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนอยู่บ่อยๆ วันก่อนก็บังเอิญจริง กำลังเก็บของในห้องก็ไปเจอรูปเก่าๆตอนเรียนอยู่ คิดถึงมากๆ ก็เลยกลับมามองว่าสำหรับตัวโรงเรียน ก็ยังมีคนเข้าใจในแง่มุมเดิมอยู่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิม กระทู้นี้ก็เลยอยากมาบอกเล่า เพื่อเปิดโอกาสให้น้องๆทำความรู้จักเกี่ยวกับตัวโรงเรียนมากขึ้น
เราจะมาแชร์เรื่องราวในโรงเรียน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ในการสมัครเข้าเรียน MWITS หรือที่เรียกว่า มหิดลวิทยานุสรณ์ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่น้องๆนะคะ
เรื่องที่ควรรู้(คำถามคลาสสิค) แบ่งเป็น 3 เรื่อง
1. กิน-อยู่ ยังไง
2. เรียนยังไง
3. ได้รับโอกาสอะไร
————————————1) กินอยู่ยังไง ————————————
โรงเรียนเป็นเรียนประจำ มีเวลาตื่นนอน , กิน , เข้าเรียนที่ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น ต้องลงจากหอนอน ก่อน 7.00 (หยุดก่อนนนน อ่านแล้วคิดว่ามันเช้ามากใช่มั้ย) แต่เอาจริงๆมันดีกว่าตื่นนอนฝ่ารถติดไปเข้าโรงเรียนมากเลยนะ ทำให้ชีวิตหลังจากนั้น ไม่มีปัญหากับการดูแลตัวเองที่จะต้องเข้าเรียน หรือเข้าสอบในมหาลัย ความตรงเวลามันติดตัวเราเองไปเลย
มีแค่ ม.4 ม.5 ม.6 ซึ่งทั้งหมดนี้มีแค่ 720 คน ห้องนึงมี 24 คน ตอนเรียนจบนี่คือ คิดถึงเพื่อนมาก อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา อารมณ์ก็จะคล้ายๆกับชีวิตที่มหาลัยที่น้องๆจะได้เจอต่อไปเราจะได้ใช้ชีวิตกับเพื่อนมากขึ้น ทำงาน เตรียมสอบแบบหนักหน่วง ได้เตรียมพร้อมทักษะในการอยู่กับคนอื่น + ทำงานร่วมกัน ตอนทำงานกลุ่มมหาลัย บอกเลยสบ๊ายยย การอยู่ 3 ปีในโรงเรียนทำให้เราสนิทกับเพื่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน เพื่อนในชั้น แต่ละกลุ่มช่วยกันเรียน ช่วยกันติวในวิชาที่อีกคนทำไม่ได้ดี ติวกันทำงานกันจริงจังมาก แต่ก็สนุกมากเช่นกัน
เรื่องหอพัก นี่มีการแข่งเรื่องความสะอาดเรียบร้อยด้วย เช็คแต่ละห้องนั่นหละ (ห้องนึง 4 - 6 คนมีแอร์แยกชายหญิงเป็นตึก เรื่องความปลอดภัยนี่ไม่ต้องเป็นห่วงเลย เราเคยดูหนังก่อนเข้าเรียน จะติดภาพโรงเรียนประจำนอนกันเยอะๆแล้วมีพัดลม เข้ามาที่นี่ ความคิดเปลี่ยนเลยจ้า) ความสนุกในการอยู่หอคือ ตอนซ้อมหนีไฟ อันนี้คือบันเทิงสุดๆ เหมือนมี ที่เดินแฟชั่นโชว์ คือแต่งอะไรได้แต่ง ผ้าเช็ดตัว + ฟองบนหัว ลงมาสภาพนั้นเลยก็มี นอกจากนี้กรี๊ดกันจริงจังมาก มากจนคิดว่าทุกคนจบการแสดงเลยอะ
เรื่องกินนี่สำคัญ อร่อยไม่พอ ฟรีอีก สิทธิพิเศษสำหรับนักเรียนที่นี่เท่านั้นนนน นอกจากประหยัดค่ารถ ค่าอยู่เองแล้ว มีเงินค่ากินให้อีก เริ่ดเฟ่อ
รูปจากเวป MWITS
————————————2) เรียนยังไง ————————————
เรื่องเรียน ตามปกติ แต่ละวิชา จะมีทั้งพื้นฐานและเจาะลึกลงไปในเรื่องที่จะเรียน เช่น วิศวกรรมพื้นฐาน โปรแกรมมิ่งพื้นฐาน ปั้นเซรามิก ศิลปะสีน้ำมัน ในแต่ละวิชาจะเปิดโอกาสให้เราเรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง พอเข้ามหาลัยบางอย่างเรารู้สึกโชคดีมากที่มีพื้นฐานมาก่อน ที่สำคัญกว่านั้นคือได้รู้ตัวเองว่าตัวเองชอบอะไร ข้อนี้สำคัญมากนะคะ พอได้ลองเรียนอะไรเยอะๆแล้ว บางอย่างคิดว่าชอบ แต่พอมาทำจริงๆกลับไม่ชอบ บางอย่างเฉยๆแต่ว่าพอเรียนรู้ แล้วได้อยู่กับมันถึงจะรู้ได้ว่าเราชอบมันจริงๆ มีโอกาสต่อยอดจากสิ่งที่เราเรียนรู้ พวกวิชาที่เรียนจะมีอุปกรณ์ให้ครบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน แลปทดลอง เครื่องจักรต่างๆ แม้กระทั่งเครื่องปริ้น 3d
บางคนอาจคิดว่านี่ต้องเป็นโรงเรียนเตรียมแพทย์ หรือเรียนพวกวิทย์แน่นอนเลย.... ถูก แต่ไม่ทั้งหมดน๊า มีเรียนอย่างอื่นอีก เช่นเรื่องภาษาที่ 3 เช่น จีน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมัน (อังกฤษต้องเรียนอยู่แล้ว) ซึ่งจะมีนักเรียนมาแลกเปลี่ยนที่โรงเรียน รวมถึงนักเรียนเราก็สามารถไปแลกเปลี่ยนยังประเทศนั้นๆได้ ยกตัวอย่าง
https://ir.mwit.ac.th/ExchangePrograms/main.htm
ซึ่งตัวนี้หละ เปิดโลกเรามากๆ นอกจากได้เรียนเรื่องภาษาแล้ว ยังเปิดโอกาสการใช้ชีวิตในต่างแดนด้วย (เป็นการไปเรียนยังประเทศนั้นๆ + ทัศนศึกษา) ถ้าไม่ได้ไปแลกเปลี่ยน ก็จะได้โอกาสจากนักเรียนต่างชาติที่จะมาแลกเปลี่ยนกับโรงเรียนเราอยู่ดี
ความแตกต่างสำหรับเราเปรียบเทียบกับโรงเรียนเก่าตอน ม.ต้น อาจารย์ MWITS เหมือนหัวหน้าห้องเวอร์ชั่นมีความรู้ สามารถคุย หรือปรึกษาได้ด้วยหลายๆอย่าง ถ้าต้องการติวเพิ่มเติม อาจารย์ก็จะจัดช่วงติวหรือสอนพิเศษให้ ซึ่งสิ่งที่เราชอบคือ แต่ละคนมีอิสระในการคิด + ถาม พอสภาพแวดล้อมที่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างอาจารย์-นักเรียน เป็นเรื่องปกติ ทำให้เราเห็นว่าแต่ละคนมีความเป็นตัวของตัวเอง กล้าคิด กล้าแสดงออก
ถึงจะเป็นโรงเรียนประจำ ที่ดูวิชาการ+เน้นเรียน แต่ก็ยังมีกีฬาสีตามปกติ วันอังคารจะเป็นวัน Sport Day คือวันกีฬานั่นหละ ส่วนวิชาที่น่าสนใจ เรายกตัวอย่างวิชาที่เราชอบนะ เล่าให้เพื่อนมหาลัยฟัง ส่วนใหญ่จะบอกว่าโหวววว มีด้วยหรอ เช่น adventure sport กีฬาต่อสู้ มวยสากล มวยไทย weight training สำหรับการเรียนรักษาคุณภาพที่ 60% แต่หายห่วงได้เลย เพราะคนที่จะช่วยเราให้ผ่านมีอยู่รอบตัว สำหรับคนที่ไม่เคยเรียนตกเลยก็มี เพื่อนๆเรียกเทพ -0-
———————————— 3) ได้รับโอกาสอะไร ————————————
3.1 โอกาสในตอนที่เรียน - มีโอกาสแข่งขันในเวทีที่ได้รับการยอมรับต่างๆ เช่น Intel ISEF หรือ Space Camp นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องที่จะได้ทำความรู้จักและเรียนรู้จากนักเรียนแลกเปลี่ยน หรือแม้กระทั่งเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเองไปยังโรงเรียนต่างๆในแต่ละประเทศ (เลือกได้ด้วยนะ คัดเลือกโดยการเขียน บทความส่งคณะกรรมการ)
3.2 โอกาสหลังเรียนจบ - จะมาจากเพื่อนหรือรุ่นพี่ซะส่วนใหญ่ ในเรื่องของ connection ที่มีแต่ละคนอยู่ในสายการทำงานต่างๆ ก็สามารถให้คำปรึกษา หรือแนะนำอะไรต่ออะไรได้ อย่างเราสนใจต่อโทอยากได้ทุนที่ cambridge ก็มีรุ่นพี่ที่อยู่ที่โน่น แนะนำถึงสิ่งต่างๆที่ควรเตรียมตัวว่าถ้าได้แล้วต้องทำยังไงบ้าง ถ้าไม่ได้จะมีทางไหน หรือมีตัวเลือกอะไรอื่นๆบ้าง
ตอนที่เรียนจะมีโอกาสไปแข่งอะไรเยอะเลย ถึงเราไม่รู้ เดี๋ยวก็จะมีคนทำให้รู้เอง ไม่อาจารย์ก็เพื่อนนี่หละ ยกตัวอย่างเพื่อนเราเคยอยู่ในทีมที่มีโอกาสไปแข่ง นอกจากตัวการแข่งแล้วก็ได้ไปเที่ยวด้วย ได้เพื่อนใหม่อีก นอกจากการแข่งก็อย่างที่บอกไปว่าเราสามารถเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปยังประเทศต่างๆที่ตัวเองเลือก (คัดเลือกโดยการเขียนบทความส่งคณะกรรมการ)
———————————— ส รุ ป ————————————
สำหรับเราสิ่งสำคัญที่ได้จากที่นี่คือ ความรู้ ความเป็นตัวเอง และโอกาสที่ได้รับ จากการเรียนที่จริงจัง และเข้มข้น เอาจริงๆก็สนุกเหมือนกัน ได้เตรียมตัวเองสำหรับมหาลัยหลายๆอย่าง สิ่งที่เราชอบที่สุดคือ การได้ค้นพบตัวเองจากช่วงเวลาที่อยู่มัธยมของเรา ได้ลองอะไรหลายๆอย่าง มากกว่าที่จะหาอ่านประสบการณ์จากคนอื่น (ไม่ได้แปลว่าไม่ดีนะ แต่บางอย่างเราจะรู้ได้ต่อเมื่อลองเองเท่านั้น) ยิ่งรู้ตัวเองเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี มันคงน่าเสียดายมาก ถ้าเราเลือกอะไรตอนอยู่มหาลัยแล้วเรียนไป 2 – 3 ปี สุดท้ายมาค้นพบว่าไม่ได้ชอบสิ่งที่เรียนอยู่ และต่อไปต้องทำงานกับเรื่องนั้นๆ
อาจไม่ได้เขียนละเอียดลงลึกมากเท่าไหร่ อยากให้เห็นภาพกัน เราเข้าใจว่าคนอื่นมองภาพโรงเรียนเป็นโรงเรียนเตรียมแพทย์ เก่งวิทยาศาสตร์ ก็ใช่ในส่วนนึง แต่ในอีกหลายๆส่วน เราก็มีวิชาอื่นๆ ที่ทำได้ดีและโรงเรียนก็ได้ให้ความสำคัญกับมัน กระทู้นี้เขียนขึ้นเพื่อ เปิดโอกาสให้กับน้องๆ และผู้ปกครองรู้จักโรงเรียนนี้มากขึ้น ส่วนตัวและวัดจากคนรอบตัวมันคุ้มมากๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมอะไรที่อยากได้ ลองถามมาได้นะคะ เผื่อจะช่วยอะไรเพิ่มได้สำหรับน้องๆ ^^
อันนี้เป็นลิ้งค์สำหรับคนที่อยากแอบดูว่า บรรยากาศเป็นยังไงบ้าง เมย์บอกเลยว่าดูแล้วโคตรคิดถึงงง ตอนที่ตัวเองกับเพื่อน นั่งอยู่ตอนนั้น ถ้ามีน้องๆได้ไปในรอบที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 7-9 อยากให้มาแชร์ให้รุ่นน้องในอนาคตว่าเป็นยังไงบ้าง โอเคมั้ย จะได้สืบทอดสิ่งดีๆของเราชาว mwits ต่อไป >,,<
https://drive.google.com/drive/folders/1BfP1FFM9xH5zUo268I3KBkgW0AGbglGt
3 เรื่องหลัก สำหรับนักเรียนที่อยากเรียน MWITS (มหิดลวิทยานุสรณ์)
เมย์เป็นศิษย์เก่า ไม่บอกรุ่นน้า เดี๋ยวรู้ว่าแก่ ตอนนี้ทำงานเป็นที่ปรึกษาบริษัทเกี่ยวกับการตลาด
พอดีที่ผ่านมามีน้องๆหลายคน แม่เพื่อนบ้างอะไรบ้าง มาถามเราเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนอยู่บ่อยๆ วันก่อนก็บังเอิญจริง กำลังเก็บของในห้องก็ไปเจอรูปเก่าๆตอนเรียนอยู่ คิดถึงมากๆ ก็เลยกลับมามองว่าสำหรับตัวโรงเรียน ก็ยังมีคนเข้าใจในแง่มุมเดิมอยู่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิม กระทู้นี้ก็เลยอยากมาบอกเล่า เพื่อเปิดโอกาสให้น้องๆทำความรู้จักเกี่ยวกับตัวโรงเรียนมากขึ้น
เราจะมาแชร์เรื่องราวในโรงเรียน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ในการสมัครเข้าเรียน MWITS หรือที่เรียกว่า มหิดลวิทยานุสรณ์ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่น้องๆนะคะ
เรื่องที่ควรรู้(คำถามคลาสสิค) แบ่งเป็น 3 เรื่อง
1. กิน-อยู่ ยังไง
2. เรียนยังไง
3. ได้รับโอกาสอะไร
โรงเรียนเป็นเรียนประจำ มีเวลาตื่นนอน , กิน , เข้าเรียนที่ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น ต้องลงจากหอนอน ก่อน 7.00 (หยุดก่อนนนน อ่านแล้วคิดว่ามันเช้ามากใช่มั้ย) แต่เอาจริงๆมันดีกว่าตื่นนอนฝ่ารถติดไปเข้าโรงเรียนมากเลยนะ ทำให้ชีวิตหลังจากนั้น ไม่มีปัญหากับการดูแลตัวเองที่จะต้องเข้าเรียน หรือเข้าสอบในมหาลัย ความตรงเวลามันติดตัวเราเองไปเลย
มีแค่ ม.4 ม.5 ม.6 ซึ่งทั้งหมดนี้มีแค่ 720 คน ห้องนึงมี 24 คน ตอนเรียนจบนี่คือ คิดถึงเพื่อนมาก อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา อารมณ์ก็จะคล้ายๆกับชีวิตที่มหาลัยที่น้องๆจะได้เจอต่อไปเราจะได้ใช้ชีวิตกับเพื่อนมากขึ้น ทำงาน เตรียมสอบแบบหนักหน่วง ได้เตรียมพร้อมทักษะในการอยู่กับคนอื่น + ทำงานร่วมกัน ตอนทำงานกลุ่มมหาลัย บอกเลยสบ๊ายยย การอยู่ 3 ปีในโรงเรียนทำให้เราสนิทกับเพื่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน เพื่อนในชั้น แต่ละกลุ่มช่วยกันเรียน ช่วยกันติวในวิชาที่อีกคนทำไม่ได้ดี ติวกันทำงานกันจริงจังมาก แต่ก็สนุกมากเช่นกัน
เรื่องหอพัก นี่มีการแข่งเรื่องความสะอาดเรียบร้อยด้วย เช็คแต่ละห้องนั่นหละ (ห้องนึง 4 - 6 คนมีแอร์แยกชายหญิงเป็นตึก เรื่องความปลอดภัยนี่ไม่ต้องเป็นห่วงเลย เราเคยดูหนังก่อนเข้าเรียน จะติดภาพโรงเรียนประจำนอนกันเยอะๆแล้วมีพัดลม เข้ามาที่นี่ ความคิดเปลี่ยนเลยจ้า) ความสนุกในการอยู่หอคือ ตอนซ้อมหนีไฟ อันนี้คือบันเทิงสุดๆ เหมือนมี ที่เดินแฟชั่นโชว์ คือแต่งอะไรได้แต่ง ผ้าเช็ดตัว + ฟองบนหัว ลงมาสภาพนั้นเลยก็มี นอกจากนี้กรี๊ดกันจริงจังมาก มากจนคิดว่าทุกคนจบการแสดงเลยอะ
เรื่องกินนี่สำคัญ อร่อยไม่พอ ฟรีอีก สิทธิพิเศษสำหรับนักเรียนที่นี่เท่านั้นนนน นอกจากประหยัดค่ารถ ค่าอยู่เองแล้ว มีเงินค่ากินให้อีก เริ่ดเฟ่อ
เรื่องเรียน ตามปกติ แต่ละวิชา จะมีทั้งพื้นฐานและเจาะลึกลงไปในเรื่องที่จะเรียน เช่น วิศวกรรมพื้นฐาน โปรแกรมมิ่งพื้นฐาน ปั้นเซรามิก ศิลปะสีน้ำมัน ในแต่ละวิชาจะเปิดโอกาสให้เราเรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง พอเข้ามหาลัยบางอย่างเรารู้สึกโชคดีมากที่มีพื้นฐานมาก่อน ที่สำคัญกว่านั้นคือได้รู้ตัวเองว่าตัวเองชอบอะไร ข้อนี้สำคัญมากนะคะ พอได้ลองเรียนอะไรเยอะๆแล้ว บางอย่างคิดว่าชอบ แต่พอมาทำจริงๆกลับไม่ชอบ บางอย่างเฉยๆแต่ว่าพอเรียนรู้ แล้วได้อยู่กับมันถึงจะรู้ได้ว่าเราชอบมันจริงๆ มีโอกาสต่อยอดจากสิ่งที่เราเรียนรู้ พวกวิชาที่เรียนจะมีอุปกรณ์ให้ครบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน แลปทดลอง เครื่องจักรต่างๆ แม้กระทั่งเครื่องปริ้น 3d
บางคนอาจคิดว่านี่ต้องเป็นโรงเรียนเตรียมแพทย์ หรือเรียนพวกวิทย์แน่นอนเลย.... ถูก แต่ไม่ทั้งหมดน๊า มีเรียนอย่างอื่นอีก เช่นเรื่องภาษาที่ 3 เช่น จีน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมัน (อังกฤษต้องเรียนอยู่แล้ว) ซึ่งจะมีนักเรียนมาแลกเปลี่ยนที่โรงเรียน รวมถึงนักเรียนเราก็สามารถไปแลกเปลี่ยนยังประเทศนั้นๆได้ ยกตัวอย่าง https://ir.mwit.ac.th/ExchangePrograms/main.htm
ซึ่งตัวนี้หละ เปิดโลกเรามากๆ นอกจากได้เรียนเรื่องภาษาแล้ว ยังเปิดโอกาสการใช้ชีวิตในต่างแดนด้วย (เป็นการไปเรียนยังประเทศนั้นๆ + ทัศนศึกษา) ถ้าไม่ได้ไปแลกเปลี่ยน ก็จะได้โอกาสจากนักเรียนต่างชาติที่จะมาแลกเปลี่ยนกับโรงเรียนเราอยู่ดี
ความแตกต่างสำหรับเราเปรียบเทียบกับโรงเรียนเก่าตอน ม.ต้น อาจารย์ MWITS เหมือนหัวหน้าห้องเวอร์ชั่นมีความรู้ สามารถคุย หรือปรึกษาได้ด้วยหลายๆอย่าง ถ้าต้องการติวเพิ่มเติม อาจารย์ก็จะจัดช่วงติวหรือสอนพิเศษให้ ซึ่งสิ่งที่เราชอบคือ แต่ละคนมีอิสระในการคิด + ถาม พอสภาพแวดล้อมที่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างอาจารย์-นักเรียน เป็นเรื่องปกติ ทำให้เราเห็นว่าแต่ละคนมีความเป็นตัวของตัวเอง กล้าคิด กล้าแสดงออก
ถึงจะเป็นโรงเรียนประจำ ที่ดูวิชาการ+เน้นเรียน แต่ก็ยังมีกีฬาสีตามปกติ วันอังคารจะเป็นวัน Sport Day คือวันกีฬานั่นหละ ส่วนวิชาที่น่าสนใจ เรายกตัวอย่างวิชาที่เราชอบนะ เล่าให้เพื่อนมหาลัยฟัง ส่วนใหญ่จะบอกว่าโหวววว มีด้วยหรอ เช่น adventure sport กีฬาต่อสู้ มวยสากล มวยไทย weight training สำหรับการเรียนรักษาคุณภาพที่ 60% แต่หายห่วงได้เลย เพราะคนที่จะช่วยเราให้ผ่านมีอยู่รอบตัว สำหรับคนที่ไม่เคยเรียนตกเลยก็มี เพื่อนๆเรียกเทพ -0-
3.1 โอกาสในตอนที่เรียน - มีโอกาสแข่งขันในเวทีที่ได้รับการยอมรับต่างๆ เช่น Intel ISEF หรือ Space Camp นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องที่จะได้ทำความรู้จักและเรียนรู้จากนักเรียนแลกเปลี่ยน หรือแม้กระทั่งเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเองไปยังโรงเรียนต่างๆในแต่ละประเทศ (เลือกได้ด้วยนะ คัดเลือกโดยการเขียน บทความส่งคณะกรรมการ)
3.2 โอกาสหลังเรียนจบ - จะมาจากเพื่อนหรือรุ่นพี่ซะส่วนใหญ่ ในเรื่องของ connection ที่มีแต่ละคนอยู่ในสายการทำงานต่างๆ ก็สามารถให้คำปรึกษา หรือแนะนำอะไรต่ออะไรได้ อย่างเราสนใจต่อโทอยากได้ทุนที่ cambridge ก็มีรุ่นพี่ที่อยู่ที่โน่น แนะนำถึงสิ่งต่างๆที่ควรเตรียมตัวว่าถ้าได้แล้วต้องทำยังไงบ้าง ถ้าไม่ได้จะมีทางไหน หรือมีตัวเลือกอะไรอื่นๆบ้าง
ตอนที่เรียนจะมีโอกาสไปแข่งอะไรเยอะเลย ถึงเราไม่รู้ เดี๋ยวก็จะมีคนทำให้รู้เอง ไม่อาจารย์ก็เพื่อนนี่หละ ยกตัวอย่างเพื่อนเราเคยอยู่ในทีมที่มีโอกาสไปแข่ง นอกจากตัวการแข่งแล้วก็ได้ไปเที่ยวด้วย ได้เพื่อนใหม่อีก นอกจากการแข่งก็อย่างที่บอกไปว่าเราสามารถเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปยังประเทศต่างๆที่ตัวเองเลือก (คัดเลือกโดยการเขียนบทความส่งคณะกรรมการ)
สำหรับเราสิ่งสำคัญที่ได้จากที่นี่คือ ความรู้ ความเป็นตัวเอง และโอกาสที่ได้รับ จากการเรียนที่จริงจัง และเข้มข้น เอาจริงๆก็สนุกเหมือนกัน ได้เตรียมตัวเองสำหรับมหาลัยหลายๆอย่าง สิ่งที่เราชอบที่สุดคือ การได้ค้นพบตัวเองจากช่วงเวลาที่อยู่มัธยมของเรา ได้ลองอะไรหลายๆอย่าง มากกว่าที่จะหาอ่านประสบการณ์จากคนอื่น (ไม่ได้แปลว่าไม่ดีนะ แต่บางอย่างเราจะรู้ได้ต่อเมื่อลองเองเท่านั้น) ยิ่งรู้ตัวเองเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี มันคงน่าเสียดายมาก ถ้าเราเลือกอะไรตอนอยู่มหาลัยแล้วเรียนไป 2 – 3 ปี สุดท้ายมาค้นพบว่าไม่ได้ชอบสิ่งที่เรียนอยู่ และต่อไปต้องทำงานกับเรื่องนั้นๆ
อาจไม่ได้เขียนละเอียดลงลึกมากเท่าไหร่ อยากให้เห็นภาพกัน เราเข้าใจว่าคนอื่นมองภาพโรงเรียนเป็นโรงเรียนเตรียมแพทย์ เก่งวิทยาศาสตร์ ก็ใช่ในส่วนนึง แต่ในอีกหลายๆส่วน เราก็มีวิชาอื่นๆ ที่ทำได้ดีและโรงเรียนก็ได้ให้ความสำคัญกับมัน กระทู้นี้เขียนขึ้นเพื่อ เปิดโอกาสให้กับน้องๆ และผู้ปกครองรู้จักโรงเรียนนี้มากขึ้น ส่วนตัวและวัดจากคนรอบตัวมันคุ้มมากๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมอะไรที่อยากได้ ลองถามมาได้นะคะ เผื่อจะช่วยอะไรเพิ่มได้สำหรับน้องๆ ^^
อันนี้เป็นลิ้งค์สำหรับคนที่อยากแอบดูว่า บรรยากาศเป็นยังไงบ้าง เมย์บอกเลยว่าดูแล้วโคตรคิดถึงงง ตอนที่ตัวเองกับเพื่อน นั่งอยู่ตอนนั้น ถ้ามีน้องๆได้ไปในรอบที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 7-9 อยากให้มาแชร์ให้รุ่นน้องในอนาคตว่าเป็นยังไงบ้าง โอเคมั้ย จะได้สืบทอดสิ่งดีๆของเราชาว mwits ต่อไป >,,< https://drive.google.com/drive/folders/1BfP1FFM9xH5zUo268I3KBkgW0AGbglGt