หลังจากนายเคร้าช์ช่วยลูกชายออกจากอัซคาบัน ด้วยการดื่มน้ำยาสรรพรสสลับร่างกับแม่
นายเคร้าช์กลัวว่าลูกจะหนี เลยใช้คำสาปสะกดกับให้อยู่ใต้ผ่าคลุมล่องหน แล้วให้วิงกี้ เอลฟ์ประจำบ้านคอยดูแล
วิงกี้อ้อนวอนนายเคร้าช์ว่าลูกชายทำตัวดี อยากให้ไปสนุกสนานบ้าง นายเคร้าช์เลยอนุญาตให้ไปดูควิชดิชเวิลด์คัพ
โดยวิงกี้กับเคร้าช์จูเนียร์ที่อยู่ใต้ผ้าคลุมล่องหนจะต้องขึ้นไปบนชั้นบ็อกซ์แต่วันก่อนคนอื่นๆ และกลับลงมาเมื่อไม่มีคนแล้ว
คนภายนอกจะเห็นแค่วิงกี้กับเก้าอี้ที่ว่างเปล่า ก็จะคิดว่ามาจองที่ไว้ให้เจ้านาย แต่แท้จริงแล้วมีเคร้าช์จูเนียร์นั่งอยู่ใต้ผ้าคลุมล่องหน
ตอนนั้นเคร้าช์จูเนียร์เริ่มสามารถต่อต้านคำสาปสะกดใจของพ่อได้ ก็แอบขโมยไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่ตอนอยู่บนชั้นบ็อกซ์ โดยที่วิงกี้ไม่เห็น
ระหว่างทางกลับเต๊นท์ที่พัก เคร้าช์จูเนียร์เริ่มเป็นตัวเองมากขึ้น กับเห็นพวกผู้เสพความตายที่เป็นอิสระอยู่ข้างนอก แต่ไม่คิดจะตามหาโวลเดอมอร์ ก็เลยโกรธ
วิงกี้เลยเสกมนตร์ผูกตัวเองไว้ด้วยกันแล้วพยายามพาเคร้าช์จูเนียร์เข้าไปหลบในป่าให้ห่างจากพวกเสพความตาย
แต่เคร้าช์จูเนียร์ขัดขืนได้ ใช้ไม้กายสิทธิ์เสกตรามารขึ้นฟ้า เพื่อสั่งสอนพวกผู้เสพความตายว่าอะไรคือความภักดีต่อโวลเดอมอร์
แล้ววิงกี้ก็ลากเคร้าช์จูเนียร์เข้าไปหลบในพุ่มไม้ (พวกแฮรี่เห็นวิงกี้วิ่งด้วยอาการแปลก ๆ คล้ายมีใครดึงไว้จากด้านหลัง)
จากนั้นพ่อมดแม่มดจากกระทรวงก็มา เสกคาถาสะกดนิ่งไปทุกทิศทุกทาง จนคาถาทะลุพุ่มไม้ไปถูกเคร้าช์จูเนียร์ทั้งที่ยังอยู่ในผ้าคลุมล่องหน
เหลือแต่วิงกี้กับไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่ แต่วิงกี้ให้การว่าตัวเองไม่ได้ขโมยไม้กายสิทธิ์และไม่ได้เสกตรามาร
พอพวกคนของกระทรวงกลับไป นายเคร้าช์จึงค้นหาลูกชายในพุ่มไม้ แล้วพากลับบ้าน เสกคำสาปสะกดใจใส่
แล้วไล่วิงกี้ออก เพราะปล่อยให้ลูกชายได้ไม้กายสิทธิ์และเกือบหนีไปได้  วิงกี้จึงไปอยู่ที่ฮอกวอตส์