ผมจบนิเทศศาสตร์ที่สถาบันแห่งหนึ่งครับ
คณะของผมจะอยู่ลึกกว่าชาวบ้านเข้าไปในมหาวิทยาลัย
รอบล้อมด้วยสวนธรรมชาติและป่าเขา
แต่ก่อนเอกนิเทศศาสตร์ไม่ได้อยู่ในสุดแบบนี้
แต่ด้วยความต้องขยับขยาย พื้นที่ข้างในก็ถูกใช้สอยครับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนที่เป็นรุ่นพี่
ก็คือปอนด์ คนเดียวกับที่จัดรายการด้วยกันนั่นแหละครับ
เพียงแต่ว่าผมเข้าเรียนช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันมาก
เลยเป็นรุ่นน้องเค้า และในวันรับน้อง ปอนด์ก็เล่าเรื่องน่าสนใจ
ของห้องส่ง หรือห้องออกอากาศประจำเอก สำหรับให้นักศึกษาฝึกจัดรายการวิทยุ
มันถูกปิดเงียบมาหลายปี แม้แต่ในรุ่นผมก็ไม่มีโอกาสได้เปิดใช้ครับ
ปอนด์เล่าว่ามันมีสาเหตุ
แต่ก่อนคลื่นนี้ใช้งานอย่างเต็มอัตรา
มีการจัดตารางให้นักศึกษามาจัดรายการทุกช่วง
ไม่ว่าดึกดื่นค่ำคื่นแค่ไหน ก็มีคนเวียนเข้าเวียนออก
โดยคนที่มาจัดรายการประจำ ก็มีสามหนุ่มตัวเก๋า
คือปอนด์ ต้น และป๋อง
เป็นดีเจขวัญใจวัยรุ่นประจำการรอบดึก
แล้วด้วยความสบายผ่อนคลายใจ
ก็มักจะหอบหิ้วเอาขนมของกินและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
มาตั้งวงล้อมกินในช่วงที่พักเบรกฟังข่าวหรือเปิดเพลง
นาน ๆ ก็มีเพื่อนในเอกมาแจมด้วยบ้างตามวาระ
ซึ่งการสังสรรค์เฮฮาแบบนี้ก็ไม่ได้มีครูบาอาจารย์รู้เห็น
ถือว่าคนที่รับผิดชอบช่วงนั้นดูแลกันเอง
แต่เหมือนจะมีใครที่ไม่ชอบอยู่
วันหนึ่งขณะที่จัดรายการกันอย่างสงบสุขนั้น
จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น มันดัง ตึ้ง มาจากฟากกำแพงข้างหนึ่ง แว่ว ๆ มาไกล ๆ
ห้องจัดรายการนี้อยู่ชั้นสอง ปีกหน้าตึก ไม่มีระเบียงรอบตึก
มีแค่หน้าห้องพักอาจารย์ เพราะห้องส่งอยู่หัวมุมตึกพอดี
แต่เสียงมันดังมาจากทิศที่ติดกับสวนป่า
แรก ๆก็ไมไ่ด้สนใจ แต่เสียงเหมือนคนทุบกำแพงด้วยกำปั้นขนาดใหญ่
มันดังไล่มา ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง ตึ้งๆๆๆๆ จนกระทั่งรัวถี่ ๆ แล้วทุบวนรอบห้องส่งที่สามหนุ่มนั่งโจ้กันอยู่
ทุกคนกระโดดมากระจุกรวมตัวกันกลางวง
ป๋องไม่รู้คิดอะไรเอาชั้นวางแผ่นซีดีเตี้ย ๆ หลายตัว
มาวางล้อมตัวเองกับเพื่อนเป็นวงกลม
หวังว่าแอเรียที่ตัวเองสร้างจะกันสิ่งที่มองไม่เห็นได้
เหมือนสิ่งที่พวกเขากลัวจะตอบรับอาการนั้น
ชั้นวางซีดีถูกผลักล้มที่ละอัน
แประ
แประ
แประ
จนครบทุกอัน
สามดีเจร้องเสียงหลง วิ่งไปติดอยู่ตรงประตู
ร้อยวันพันปีไม่เคยล็อกห้องวันนั้นดันล็อกลูกบิด
แล้วก็ติดบิดไม่ออก เหมือนโดนขังด้วยกุญแจ
ทั้งที่ตามปกติเมื่อบิดจากข้างในมันจะปลดล็อกอัตโนมัติ แต่นี่ไม่
ลูกบิดติดกึกกักจนปอนด์ต้องใช้เรี่ยวแรงที่มีกระโดดถีบขาคู่ใส่
จนกระทั่งลูกบิดหักงอ ล็อกเสียประตูพัง ทั้งสามหาได้สน รีบเผ่นออกมาจากห้องส่งอย่างรวดเร็ว
เพราะถึงตอนนี้ต้นน้ำหันไปดูด้านหลัง
ที่กระจกบานสูงจากพื้นจรดเพดานสามบานที่เรียงอยู่ด้านหลัง
ตอนนี้เต็มไปด้วยเงาคนมากมาย ไม่ทราบหญิงชายเด็กแก่ แต่มากันทั้งตำบลแน่นอน
เงานั้นโผล่ออกมาจากมุมต่าง ๆ ของกระจกยั้วเยี้ยไปหมด ทั้งแทยงออกมาจากมุมกระจกหน้าต่าง
หรือห้อยกลับหัวแทงเงาลงมาจากด้านบน เหมือนวิญญาณเป็นร้อยไต่กำแพงอยู่ด้านนอกแล้วชะโงกหน้าเข้า
สามหนุ่มร้องอ๊ากสติแตก ถ้าปอนด์ไม่กระชากเสื้อไว้
ต้นน้ำคงโดดเรียงหน้าห้องพักอาจารย์ลงไปชั้นล่างแล้ว
ทั้งสามวิ่งไปบนพื้นขัดมันลื่น ๆ ตีนสไลด์ล้มลุกคลุกคลาน
โดดสองทีจากชั้นบนลงชานพักจากชานพักลงมาชั้นล่าง
ก่อนสับตีนแตกรองเท้าไม่ใส่วิ่งไปหน้ามหา'ลัย
เข้ามาอย่างหงส์ ขาออกเสียงหลงอย่างหมา
ข้าวของเครื่องใช้รถมอไซต์ทิ้งไว้ที่ตึก
วิ่งสุดแรงเหยียดไปนั่งหอบอยู่ประตูหนึ่งหน้าม.ซึ่งไกลหลายกิโล
จนเจอรุ่นพี่อีกคนขับมอ'ไซต์เข้ามาถึงขอร้องให้พากลับไปเอารถเอาของ
และปิดประตูห้องส่งที่พังระเนระนาด
ตั้งแต่นั้นมา ต่อให้เอาเกรดมาล่อ ก็ไม่มีใครกล้าไปจัดรายการเลยครับ
ห้องส่งจึงปิดไว้ตั้งแต่นั้นมา
แต่เรื่องนี้ก็เพียงเรื่องเล่าขำขันเท่านั้นล่ะครับ
ไม่ใช่เรื่องที่มีมูลอะไร เพราะอาจารย์หัวหน้าเอกท่านบอกมีปัญหาเรื่องคลื่น
มันไปทับกับคลื่นอื่นและใกล้สนามบิน และเสาส่งสัญญาณ
รวมถึงเครื่องส่ง เลยออกอากาศไม่ได้
ภายหลังพอมีงบตรงนี้ก็ออกอากาศได้ก่อนผมจบปีนึง ถึงได้เข้าไปดูบรรยากาศจริง ๆ
ซึ่งห้องก็สว่างไสวไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ก็บอกไม่ได้หรอกครับที่ตึกนั้นไม่มีอะไร
เพราะกี่รุ่น ๆ ที่ทำกิจกรรมกันดึก ๆ ก็เจอเหตุการณ์ไปต่าง ๆ นานา
ซึ่งผมจะทะยอยเล่าไปทีละหน่อยครับ
ขอแยกโพสต์เป็นเรื่อง ๆ นะครับ จะได้แบ่งตอนอ่านกันสบายตาหน่อย
ห้องส่งหลอน [ผีหลอกที่ตึกนิเทศ]
คณะของผมจะอยู่ลึกกว่าชาวบ้านเข้าไปในมหาวิทยาลัย
รอบล้อมด้วยสวนธรรมชาติและป่าเขา
แต่ก่อนเอกนิเทศศาสตร์ไม่ได้อยู่ในสุดแบบนี้
แต่ด้วยความต้องขยับขยาย พื้นที่ข้างในก็ถูกใช้สอยครับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนที่เป็นรุ่นพี่
ก็คือปอนด์ คนเดียวกับที่จัดรายการด้วยกันนั่นแหละครับ
เพียงแต่ว่าผมเข้าเรียนช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันมาก
เลยเป็นรุ่นน้องเค้า และในวันรับน้อง ปอนด์ก็เล่าเรื่องน่าสนใจ
ของห้องส่ง หรือห้องออกอากาศประจำเอก สำหรับให้นักศึกษาฝึกจัดรายการวิทยุ
มันถูกปิดเงียบมาหลายปี แม้แต่ในรุ่นผมก็ไม่มีโอกาสได้เปิดใช้ครับ
ปอนด์เล่าว่ามันมีสาเหตุ
แต่ก่อนคลื่นนี้ใช้งานอย่างเต็มอัตรา
มีการจัดตารางให้นักศึกษามาจัดรายการทุกช่วง
ไม่ว่าดึกดื่นค่ำคื่นแค่ไหน ก็มีคนเวียนเข้าเวียนออก
โดยคนที่มาจัดรายการประจำ ก็มีสามหนุ่มตัวเก๋า
คือปอนด์ ต้น และป๋อง
เป็นดีเจขวัญใจวัยรุ่นประจำการรอบดึก
แล้วด้วยความสบายผ่อนคลายใจ
ก็มักจะหอบหิ้วเอาขนมของกินและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
มาตั้งวงล้อมกินในช่วงที่พักเบรกฟังข่าวหรือเปิดเพลง
นาน ๆ ก็มีเพื่อนในเอกมาแจมด้วยบ้างตามวาระ
ซึ่งการสังสรรค์เฮฮาแบบนี้ก็ไม่ได้มีครูบาอาจารย์รู้เห็น
ถือว่าคนที่รับผิดชอบช่วงนั้นดูแลกันเอง
แต่เหมือนจะมีใครที่ไม่ชอบอยู่
วันหนึ่งขณะที่จัดรายการกันอย่างสงบสุขนั้น
จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น มันดัง ตึ้ง มาจากฟากกำแพงข้างหนึ่ง แว่ว ๆ มาไกล ๆ
ห้องจัดรายการนี้อยู่ชั้นสอง ปีกหน้าตึก ไม่มีระเบียงรอบตึก
มีแค่หน้าห้องพักอาจารย์ เพราะห้องส่งอยู่หัวมุมตึกพอดี
แต่เสียงมันดังมาจากทิศที่ติดกับสวนป่า
แรก ๆก็ไมไ่ด้สนใจ แต่เสียงเหมือนคนทุบกำแพงด้วยกำปั้นขนาดใหญ่
มันดังไล่มา ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง ตึ้งๆๆๆๆ จนกระทั่งรัวถี่ ๆ แล้วทุบวนรอบห้องส่งที่สามหนุ่มนั่งโจ้กันอยู่
ทุกคนกระโดดมากระจุกรวมตัวกันกลางวง
ป๋องไม่รู้คิดอะไรเอาชั้นวางแผ่นซีดีเตี้ย ๆ หลายตัว
มาวางล้อมตัวเองกับเพื่อนเป็นวงกลม
หวังว่าแอเรียที่ตัวเองสร้างจะกันสิ่งที่มองไม่เห็นได้
เหมือนสิ่งที่พวกเขากลัวจะตอบรับอาการนั้น
ชั้นวางซีดีถูกผลักล้มที่ละอัน
แประ
แประ
แประ
จนครบทุกอัน
สามดีเจร้องเสียงหลง วิ่งไปติดอยู่ตรงประตู
ร้อยวันพันปีไม่เคยล็อกห้องวันนั้นดันล็อกลูกบิด
แล้วก็ติดบิดไม่ออก เหมือนโดนขังด้วยกุญแจ
ทั้งที่ตามปกติเมื่อบิดจากข้างในมันจะปลดล็อกอัตโนมัติ แต่นี่ไม่
ลูกบิดติดกึกกักจนปอนด์ต้องใช้เรี่ยวแรงที่มีกระโดดถีบขาคู่ใส่
จนกระทั่งลูกบิดหักงอ ล็อกเสียประตูพัง ทั้งสามหาได้สน รีบเผ่นออกมาจากห้องส่งอย่างรวดเร็ว
เพราะถึงตอนนี้ต้นน้ำหันไปดูด้านหลัง
ที่กระจกบานสูงจากพื้นจรดเพดานสามบานที่เรียงอยู่ด้านหลัง
ตอนนี้เต็มไปด้วยเงาคนมากมาย ไม่ทราบหญิงชายเด็กแก่ แต่มากันทั้งตำบลแน่นอน
เงานั้นโผล่ออกมาจากมุมต่าง ๆ ของกระจกยั้วเยี้ยไปหมด ทั้งแทยงออกมาจากมุมกระจกหน้าต่าง
หรือห้อยกลับหัวแทงเงาลงมาจากด้านบน เหมือนวิญญาณเป็นร้อยไต่กำแพงอยู่ด้านนอกแล้วชะโงกหน้าเข้า
สามหนุ่มร้องอ๊ากสติแตก ถ้าปอนด์ไม่กระชากเสื้อไว้
ต้นน้ำคงโดดเรียงหน้าห้องพักอาจารย์ลงไปชั้นล่างแล้ว
ทั้งสามวิ่งไปบนพื้นขัดมันลื่น ๆ ตีนสไลด์ล้มลุกคลุกคลาน
โดดสองทีจากชั้นบนลงชานพักจากชานพักลงมาชั้นล่าง
ก่อนสับตีนแตกรองเท้าไม่ใส่วิ่งไปหน้ามหา'ลัย
เข้ามาอย่างหงส์ ขาออกเสียงหลงอย่างหมา
ข้าวของเครื่องใช้รถมอไซต์ทิ้งไว้ที่ตึก
วิ่งสุดแรงเหยียดไปนั่งหอบอยู่ประตูหนึ่งหน้าม.ซึ่งไกลหลายกิโล
จนเจอรุ่นพี่อีกคนขับมอ'ไซต์เข้ามาถึงขอร้องให้พากลับไปเอารถเอาของ
และปิดประตูห้องส่งที่พังระเนระนาด
ตั้งแต่นั้นมา ต่อให้เอาเกรดมาล่อ ก็ไม่มีใครกล้าไปจัดรายการเลยครับ
ห้องส่งจึงปิดไว้ตั้งแต่นั้นมา
แต่เรื่องนี้ก็เพียงเรื่องเล่าขำขันเท่านั้นล่ะครับ
ไม่ใช่เรื่องที่มีมูลอะไร เพราะอาจารย์หัวหน้าเอกท่านบอกมีปัญหาเรื่องคลื่น
มันไปทับกับคลื่นอื่นและใกล้สนามบิน และเสาส่งสัญญาณ
รวมถึงเครื่องส่ง เลยออกอากาศไม่ได้
ภายหลังพอมีงบตรงนี้ก็ออกอากาศได้ก่อนผมจบปีนึง ถึงได้เข้าไปดูบรรยากาศจริง ๆ
ซึ่งห้องก็สว่างไสวไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ก็บอกไม่ได้หรอกครับที่ตึกนั้นไม่มีอะไร
เพราะกี่รุ่น ๆ ที่ทำกิจกรรมกันดึก ๆ ก็เจอเหตุการณ์ไปต่าง ๆ นานา
ซึ่งผมจะทะยอยเล่าไปทีละหน่อยครับ
ขอแยกโพสต์เป็นเรื่อง ๆ นะครับ จะได้แบ่งตอนอ่านกันสบายตาหน่อย