เราอยากจะมาเล่าให้ทุกคนฟังถึงประสบการณ์ที่เราคงจะจำเป็นบทเรียนไปตลอดชีวิต อาจจะยาวหน่อย แต่อ่านเถอะ มันมีประโยชน์แน่นอน
ประสบการณ์นี้เกี่ยวกับการทำประกันผ่านโทรศัพท์ ซึ่งหลายคนอาจจะเคยได้ยินหรือเจอกับตัวมาบ้างแล้ว เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มีบริษัทนึงโทรมาชวนให้ทำประกันเมื่อเดือนต้นปีที่แล้ว(เดือนมกราคม ปี2017) ทางบริษัทประกันบริษัทนี้เป็นพาร์ทเนอร์กับบัตรเครดิตที่เราถืออยู่ เขาจึงมีข้อมูลของเราแล้วโทรมาเสนอแผนประกันที่ชื่อว่า มาย แพลน 15/5 (มีเงินปันผล) ในตอนนั้นเราเพิ่งเริ่มทำงานได้หนึ่งปี ก็อยากมีเงินเก็บบ้าง ประจวบเหมาะกับที่ทางบริษัทโทรมาชวนให้เราทำประกันแบบสะสมทรัพย์ตัวนี้ เราจึงค่อนข้างสนใจ เงื่อนไขที่เรารู้คือ เงินจะตัดผ่านบัตรเครดิตทุกเดือน เดือนละ2,363บาท จ่ายครบ5ปี คุ้มครอง15ปี และจะได้เงินคืนทั้งหมดพร้อมปันผลเมื่อครบ15ปี สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทำงานและเงินเดือนไม่ได้สูงอย่างเราไม่คิดจะทำประกันสะสมทรัพย์แบบระยะยาวแน่นอน เราจึงถามไปว่า ถ้าครบ1ปีสามารถเอาเงินออกมาได้มั้ย ทางตัวแทนตอบมาว่าสามารถเอาเงินออกมาได้ตามมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์ แต่แนะนำให้ทำต่อจะดีกว่าเพราะจะได้ปันผลที่มากกว่าฝากธนาคารและสามารถขอลดหย่อนภาษีได้ บลาบลา..... แต่พอเราได้ยินว่าสามารถขอเงินคืนได้ และช่วยลดหย่อนภาษีได้ด้วย เราก็สนใจกว่าเดิม แต่ไม่ได้เอะใจคำว่า ’เวนคืนกรมธรรม์’ คำที่เราไม่คุ้นเคย แต่เข้าใจไปว่าสามารถเอาคืนได้คืน100%
หลังจากนั้นทุกเดือนเราก็จ่ายเงินประกันอย่างดี และเมื่อผ่านไป1ปี วนมาเดือนมกราคมอีกรอบ เราได้ติดต่อทางบริษัทเพื่อขอเงินคืน และได้รับคำตอบว่าถ้าเวนคืนกรมธรรม์จะได้เงินคืนเพียง4,000กว่าบาท(จำจำนวนเงินเป๊ะๆไม่ได้) จากที่จ่ายไปประมาณ30,000บาท ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ เมื่อได้ฟังเราตกใจและไม่เข้าใจ ตอนแรกยอมรับว่ามันก็เป็นความผิดของเราด้วยที่ไม่รอบคอบ ไม่ศึกษาและใจง่ายใจเร็วเกินไป แต่เพราะไร้ประสบการณ์จริงๆทำให้พลาดกับเรื่องนี้ หลังจากตั้งตัวได้ก็ลองหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตดู ปรากฎว่ามีคนที่โดนเหมือนเราเยอะมาก ตัวแทนบางคนบอกคนซื้อด้วยว่าหลังจาก1ปีได้เงินคืน100% อันนี้เราไม่รู้ว่าเท็จจริงยังไง แต่ของเราคือเขาพูดว่า ’ได้ตามมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์’ พูดแบบนี้แน่นอนเพราะเราขอฟังไฟล์เสียงตอนเขาเสนอขายมาแล้ว
เราจึงตั้งใจจะโพสต์เพื่อให้หลายๆคนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อกรมธรรม์สักตัวได้ลองคิดให้ดีๆ ปรึกษาคนมีความรู้เรื่องนี้เยอะๆ เราทุกคนมักจะคาดหวังว่าจะเจอบริษัทประกันและตัวแทนประกันที่จริงใจ แต่จากประสบการณ์ที่มีตอนนี้ และการปรึกษาคนรอบตัว แทบจะไม่มีใครที่พึงพอใจกับการการทำประกันสักคน สถิติตรงนี้บอกอะไรเรา? เพราะเราไม่รอบคอบ ไม่มีความรู้ เราจึงสมควรโดนเอาเปรียบอย่างนั้นหรือ ตันแทนประกันควรกล้าที่จะบอกทุกเงื่อนไข บอกทั้งหมดอย่างแท้จริง ถ้าเพียงแต่วันนั้นคุณกล้าอธิบายว่าการเวนคืนกรมธรรม์คืออะไร แล้วเรายังตกลงทำ นั่นคงจะเป็นความผิดของเราเต็มๆ และวันนี้เราขอให้คุณช่วย อย่างน้อยเราก็ยอมรับว่าเราเข้าใจผิดในสาระสำคัญบางอย่าง แต่คุณตอบได้เพียงว่า มันต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ โดยไม่สนใจปัญหาที่ตัวแทนคนนั้นไม่ได้อธิบายทุกเงื่อนไขและข้อเสียของการเวนคืนกรมธรรม์ให้ชัดเจน จริงก็ว่าจริง พูดไม่หมดก็คือโกหก แบบนี้มันทั้งไม่เท่และไม่กล้าหาญเลยสักนิดนะคะ
ใครมีคำแนะนำดีๆเสนอได้นะคะ เราไม่ได้หวังว่าจะต้องได้เงินคืนแต่เราอยากให้มีคนได้อ่านให้มากที่สุดเพื่อที่เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ประกันที่บอกทุกเงื่อนไข แต่บอกไม่หมด ต่างยังไงกับการหลอกลวง?
ประสบการณ์นี้เกี่ยวกับการทำประกันผ่านโทรศัพท์ ซึ่งหลายคนอาจจะเคยได้ยินหรือเจอกับตัวมาบ้างแล้ว เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มีบริษัทนึงโทรมาชวนให้ทำประกันเมื่อเดือนต้นปีที่แล้ว(เดือนมกราคม ปี2017) ทางบริษัทประกันบริษัทนี้เป็นพาร์ทเนอร์กับบัตรเครดิตที่เราถืออยู่ เขาจึงมีข้อมูลของเราแล้วโทรมาเสนอแผนประกันที่ชื่อว่า มาย แพลน 15/5 (มีเงินปันผล) ในตอนนั้นเราเพิ่งเริ่มทำงานได้หนึ่งปี ก็อยากมีเงินเก็บบ้าง ประจวบเหมาะกับที่ทางบริษัทโทรมาชวนให้เราทำประกันแบบสะสมทรัพย์ตัวนี้ เราจึงค่อนข้างสนใจ เงื่อนไขที่เรารู้คือ เงินจะตัดผ่านบัตรเครดิตทุกเดือน เดือนละ2,363บาท จ่ายครบ5ปี คุ้มครอง15ปี และจะได้เงินคืนทั้งหมดพร้อมปันผลเมื่อครบ15ปี สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทำงานและเงินเดือนไม่ได้สูงอย่างเราไม่คิดจะทำประกันสะสมทรัพย์แบบระยะยาวแน่นอน เราจึงถามไปว่า ถ้าครบ1ปีสามารถเอาเงินออกมาได้มั้ย ทางตัวแทนตอบมาว่าสามารถเอาเงินออกมาได้ตามมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์ แต่แนะนำให้ทำต่อจะดีกว่าเพราะจะได้ปันผลที่มากกว่าฝากธนาคารและสามารถขอลดหย่อนภาษีได้ บลาบลา..... แต่พอเราได้ยินว่าสามารถขอเงินคืนได้ และช่วยลดหย่อนภาษีได้ด้วย เราก็สนใจกว่าเดิม แต่ไม่ได้เอะใจคำว่า ’เวนคืนกรมธรรม์’ คำที่เราไม่คุ้นเคย แต่เข้าใจไปว่าสามารถเอาคืนได้คืน100%
หลังจากนั้นทุกเดือนเราก็จ่ายเงินประกันอย่างดี และเมื่อผ่านไป1ปี วนมาเดือนมกราคมอีกรอบ เราได้ติดต่อทางบริษัทเพื่อขอเงินคืน และได้รับคำตอบว่าถ้าเวนคืนกรมธรรม์จะได้เงินคืนเพียง4,000กว่าบาท(จำจำนวนเงินเป๊ะๆไม่ได้) จากที่จ่ายไปประมาณ30,000บาท ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ เมื่อได้ฟังเราตกใจและไม่เข้าใจ ตอนแรกยอมรับว่ามันก็เป็นความผิดของเราด้วยที่ไม่รอบคอบ ไม่ศึกษาและใจง่ายใจเร็วเกินไป แต่เพราะไร้ประสบการณ์จริงๆทำให้พลาดกับเรื่องนี้ หลังจากตั้งตัวได้ก็ลองหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตดู ปรากฎว่ามีคนที่โดนเหมือนเราเยอะมาก ตัวแทนบางคนบอกคนซื้อด้วยว่าหลังจาก1ปีได้เงินคืน100% อันนี้เราไม่รู้ว่าเท็จจริงยังไง แต่ของเราคือเขาพูดว่า ’ได้ตามมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์’ พูดแบบนี้แน่นอนเพราะเราขอฟังไฟล์เสียงตอนเขาเสนอขายมาแล้ว
เราจึงตั้งใจจะโพสต์เพื่อให้หลายๆคนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อกรมธรรม์สักตัวได้ลองคิดให้ดีๆ ปรึกษาคนมีความรู้เรื่องนี้เยอะๆ เราทุกคนมักจะคาดหวังว่าจะเจอบริษัทประกันและตัวแทนประกันที่จริงใจ แต่จากประสบการณ์ที่มีตอนนี้ และการปรึกษาคนรอบตัว แทบจะไม่มีใครที่พึงพอใจกับการการทำประกันสักคน สถิติตรงนี้บอกอะไรเรา? เพราะเราไม่รอบคอบ ไม่มีความรู้ เราจึงสมควรโดนเอาเปรียบอย่างนั้นหรือ ตันแทนประกันควรกล้าที่จะบอกทุกเงื่อนไข บอกทั้งหมดอย่างแท้จริง ถ้าเพียงแต่วันนั้นคุณกล้าอธิบายว่าการเวนคืนกรมธรรม์คืออะไร แล้วเรายังตกลงทำ นั่นคงจะเป็นความผิดของเราเต็มๆ และวันนี้เราขอให้คุณช่วย อย่างน้อยเราก็ยอมรับว่าเราเข้าใจผิดในสาระสำคัญบางอย่าง แต่คุณตอบได้เพียงว่า มันต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ โดยไม่สนใจปัญหาที่ตัวแทนคนนั้นไม่ได้อธิบายทุกเงื่อนไขและข้อเสียของการเวนคืนกรมธรรม์ให้ชัดเจน จริงก็ว่าจริง พูดไม่หมดก็คือโกหก แบบนี้มันทั้งไม่เท่และไม่กล้าหาญเลยสักนิดนะคะ
ใครมีคำแนะนำดีๆเสนอได้นะคะ เราไม่ได้หวังว่าจะต้องได้เงินคืนแต่เราอยากให้มีคนได้อ่านให้มากที่สุดเพื่อที่เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ