สวัสดีครับเพื่อนๆนักเดินทาง หลังจากหายหน้าหายตาไปเนิ่นนาน วันนี้จึงกลับมาพร้อมรีวิวข้นๆ รูปภาพสวยๆมาให้ได้ชมได้อ่านกันแล้วนะครับ
เพื่อนๆสามารถเข้าไปเยี่ยมชมเพจของผมได้ที่
http://www.facebook.com/Backpacker.Pu
หรือที่เวป
http://backpackerismeblog.wordpress.com/
มีข้อมูลหลายๆอย่างที่ได้รวบรวมไว้ที่นั่นครับ
สำหรับทริปนี้ "แบกเป้ตะลุยลาวเหนือ เวียงจันทร์ - วังเวียง"
เป็นทริปที่เราเริ่มวางแผนล่วงหน้ากันราวๆ3เดือน เริ่มแรกนักเดินทางลงชื่อร่วมชะตากรรมอยู่6คน จนเวลาผ่านไปจนเหลืออีก1เดือนสุดท้ายก่อนเดินทาง พวกเราเหลือกันอยู่4คนที่ยังยืนยันการเดินทาง(จังหวะนั้นคิดไว้แล้วว่าเหลือคนเดียวก็จะไป) พวกเรากำหนดวันออกเดินทางและการเที่ยวแบบไม่ไม่แผน
สำหรับผมแล้วทริปนี้ผมวางไว้เป็น เวียงจันทร์-วังเวียง-หลวงพระบาง แต่ด้วยหลายๆปัจจัยทำให้เราเดินทางไม่ถึงหลวงพระบาง
วันที่1
พวกเราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ในเช้าตรู่วันที่28ธันวาคม ซึ่งแน่นอนว่าประชาชนกำลังเดินทางออกต่างจังหวัด ครั้งนี้เราขับรถยนต์กันไปครับ โดยนัดพบกันที่จังหวัดหนองคาย การเดินทางรถจะเยอะและเคลื่อนได้ช้าบริเวณลำตะคองครับ จากนั้นผมเลือกจะเปลี่ยนเส้นทางไปทางจังหวัดชัยภูมิ เข้าขอนแก่นอีกทาง เพื่อเลี่ยงรถติดบนถนนมิตรภาพ เราไปถึงหนองคายประมาณ 20.00น. ที่จุดนัดพบ และเอารถไปฝากไว้กับบริษัททัวร์แห่งหนึ่งใกล้ๆด่าน ค่าจอดตกคืนละประมาณ150บาท
ผมออกเดินทางจากที่จอดรถด้วยรถ3ล้อเครื่องเพื่อไปส่งที่หน้าด่านฝั่งไทย พวกเราไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปที่ด่านเพื่อผ่านด่านของไทย ที่ไทยใช้Passportอย่างเดียวครับ จะไม่มีใบให้เขียนเหมือนแต่ก่อนแล้ว ทำรายการผ่านเครื่องอัตโนมัติได้เลย หลังจากที่ผ่านด่านเข้าไปแล้วให้เราซื้อตั๋วรถบัส20บาท ซึ่งเป็นรถที่จะพาเราออกจากด่านฝั่งไทย ข้ามสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว ไปยังด่านของลาว
เมื่อรถจอดเรียบร้อยแล้วพวกเรารีบเดินไปที่ด่านเพื่อทำเรื่องผ่านเข้าประเทศลาว การเดินทางเข้าลาวยังต้องทำการเขียนบัตรเข้า-ออกอยู่นะครับ เตรียมเงินคนละ50บาท ยื่นพร้อมPassportให้เจ้าหน้าที่ เราจะได้รับบัตรมา1ใบ ให้เราเอาไปเสียบเข้าที่ช่องเสียบบัตรประตูอัติโนมัติ ก็ถือเป็นการผ่านเข้าดินแดนลาวอย่างสมบูรณ์ครับ
ตอนนั้นเป็นเวลา3ทุ่มแล้วเห็นจะได้ พวกเรายังไม่ได้จองโรงแรมครับ จังหวะนั้นมีTaxiมาถามๆเราเหมือนกัน เลยคุยกันว่า “ลองถามราคาดู” ระยะทางจากด่านเข้าไปตัวเวียงจันทร์ราวๆ20กิโลเมตร เขาเรียกเงิน500บาทครับ ผมเลยส่งทีมงานเข้าไปต่อรอง555 คุยกันพักนึงเลยได้มาในราคา400บาท ซึ่งก็เป็นราคาที่รับได้ครับ ตกคนละ100บาท
Taxiพาเรามาส่งที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเราให้เขาพาตระเวณหา แต่ด้วยราคาไม่ถูกใจ และเหลือว่างอยู่แค่ห้องเดียว พวกเราจึงตัดสินใจเดินหาเอง เลี่ยวซ้ายเข้าซอยตามป้ายโรงแรม ถามที่เคาเตอร์
"ได้ที่พักครับ ห้องละ600บาท”
หลังจากวางกระเป๋าพักเหนื่อย อาบน้ำกันแล้วก็ได้เวลาออกตะลอนเวียงจันทร์ซักหน่อย คืนแรกเราเจอกับถนนคนเดินและลานเบียร์เทศกาลปีใหม่เข้าซะแล้ว ผมได้แต่นั่งมองครับเพราะบรรดาสาวๆร่วมทริปอยากเดินดูของ555
“หมดกัน!!!”
หลังจากเดินกันจนขาลากแล้วพวกหล่อนก็หิวสิครับ5555 มุ่งหน้าไปหาของกินและได้พบเข้ากับจิ้มจุ่มเมืองลาวครับ สั่งกันมายกใหญ่พร้อมเบียร์ลาว(ขอไม่เอาภาพเบียร์ลงนะครับ เดี๋ยวโดนเรียกตัว555) ค่าอาหารไม่แพงนะครับ หลังจากกินจิ้มจุ่มภายใต้บรรยากาศเย็นๆยามค่ำคืนเสร็จแล้ว พวกเรารีบเดินกลับไปพักผ่อนเพื่อเก็บแรงไว้เดินทางต่อพรุ่งนี้ เพื่อไปที่
“วังเวียง” ฝันดีครับ^^
วันที่2
เช้าแล้วววว เช้านี้อากาศค่อนข้างดีครับที่เวียงจันทร์ พวกเรานัดกันเพื่อ Check out 8.00น.
หลังจากนั้นพวกเราสะพายเป้ใบใหญ่ขึ้นหลังและออกเดินเท้าไปยังตลาดเช้าเพื่อหารถเพื่อไปยังวังเวียง
การเดินทาง
จากเวียงจันทร์ถึงวังเวียงถ้านับระยะทางแล้วไม่ไกลนะครับ ราวๆ160กิโลเมตร แต่ระยะเวลาในการเดินทางก็ราวๆ3ชั่วโมงด้วยรถตู้ ด้วยสภาพถนนที่ไม่ค่อยจะดี และบางช่วงจะเป็นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา-ลงเขา
พวกเราเดินเข้าใกล้ตลาดเช้า จะมีคนเข้ามาถามว่าจะไปไหน พวกเราก็บอกจะไปวังเวียง สอบถามราคา 350บาทต่อคน คนที่คุยกับเราบอกว่ารถจะออก10.00น. จริงๆตอนนั้นพวกเราก็พอจะยอมรับในค่าโดยสารราคานั้นได้ จึงตกลง เขาจึงให้รถสามล้อเครื่องมาส่งที่ท่ารถตู้ พวกเราพยายามต่อรองค่าโดยสารแต่ไม่เป็นผลครับ555 หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จพวกเราก็นั่งรอบนรถพร้อมกับนักท่องเที่ยวหลายๆคน ทั้งคนไทยทั้งฝรั่ง
จนเวลาล่วงเลย10.00น.มาพอสมควร มีฝรั่งหลายคนเดินลงไปสอบถามเวลารถออกหลายครั้ง บางคนถึงกับทนไม่ไหวไปขอเงินคืนแล้วเหมารถตู้คันอื่นไปแทน เพราะเขามาเป็นครอบครัว หลังจากนั้นบนรถก็เริ่มระอุขึ้นหน่อย นักท่องเที่ยวชาวไทยเราเริ่มคุยกัน เริ่มไม่พอใจกับเวลาที่เลื่อนออกมาเกือบชั่วโมงแล้ว แต่ไม่เห็นความใส่ใจของพนักงานเลย พี่ๆบางคนมาตั้งแต่6โมงเช้า บางคนถูกถามแบบเราที่ตลาดเช้าแต่เขาไม่สนใจ พวกเลยลดราคาลงมาเรื่อยๆจนถึงหลัก ร้อยกว่าบาท ทำเอาเหล่าเพื่อนร่วมทริปของผมปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาเลยทีเดียว
ไม่นานครับหลังจากที่นักท่องเที่ยวคนไทยเราคุยกัน พวกพี่ๆเขาก็เดินลงไปเพื่อขอเงินคืน คราวนี้แทบจะทั้งรถเลยครับ ยกเว้นผมนี่แหละที่นั่งเฉยๆไม่ค่อยกระเตื้องอะไรสักเท่าไหร่ หลังจากนั้นพนักงานดิ้นเลยครับ รีบเข้ามาจัดการที่รถตู้ รีบถ่ายคนจากรถบัสข้างหน้ามาให้เต็มรถ และไม่นานก็ล้อหมุนออกจากเวียงจันทร์ สู่วังเวียง ในเวลา11.00น.
บรรยากาศการเดินทางจากเวียงจันทร์ไปวังเวียง ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจนัก สภาพถนนไม่ค่อยดี แต่สำหรับผมคิดว่ามันคือเสน่ห์ของการเดินทาง และแล้วรถตู้ก็พาเรามาถึงวังเวียงในเวลา 15.00น.
พวกเรารีบเดินหาโรงแรมที่ผมได้ทำการจองไว้เพื่อเก็บกระเป๋าและเตรียมตัวออกตะลอนๆกัน
หน้าเทศกาลควรจองที่พักไว้ล่วงหน้านะครับ เพราะพวกเราจองได้ลำบากมากกว่าจะได้ห้องที่ราคาประหยัด
หลังจากเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาออกไปเดินสัมผัสบรรยากาศวังเวียงกันแล้วล่ะครับ จริงๆที่นี่ผมเคยมาแล้วเมื่อประมาณ5ปีก่อน ตอนนี้ภาพที่ผมสัมผัส ผมรู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ โรงแรมหรูๆมีให้บริการ การก่อสร้างโรงแรมมีเยอะขึ้น ตึกเกิดขึ้นใหม่มากขึ้น มันดูเจริญขึ้นกว่า5ปีก่อนมากเลยทีเดียว จุดแรกที่พวกเราจะไปคือ
“แม่น้ำซอง” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก เราต้องเดินข้ามสะพานแขวนครับ มีค่าข้ามสะพาน5000กีบ หรือ20บาท เราเดินไปฝากท้องมื้อเย็นที่แพริมแม่น้ำซองครับ นั่งกินข้าวมองเรือยนต์พานั่งท่องเที่ยวร่องเรือผ่านไปผ่านมา มองบอลลูนที่ลอยขึ้นฟ้า รสชาติอาหารก็ดีใช้ได้เลยละครับ รสชาติไม่ต่างจากบ้านเราเท่าไรนัก
กินข้าวพร้อมซึมซับบรรยากาศของวังเวียงยามเย็นแล้ว ก็ได้เวลากลับที่พัก ไปชาร์แบตกล้องแบตมือถือ อาบน้ำแต่งตัว เพราะคืนนี้เราจะออกไปเดินเที่ยววังเวียงกัน
คืนนี้ที่สนามบินเก่ามีงานครับ มีเวทีวงดนตรี มีตลาดขายของ ผู้คนมากมาย ทั้งนักท่องเที่ยวชาวลาวเองเดินเลือกซื้อของกัน มีชิงช้าสวรรค์ มีกิจกรรมให้เด็กได้เล่น นึกถึงงานกาชาดงานปีใหม่ที่ต่างจังหวัดบ้านเราเลย แต่ก็คงไม่ครึกครื้นเท่า
หลังจากที่เดินตลาดจนทะลุที่ปลายอีกฝั่งของตลาดแล้ว พวกเราเดินกลับที่พักเพื่อไปนั่งคุยกันและดื่มเบียร์ลาวกันสักเล็กน้อย(เล็กน้อยจนไม่เหมือนเดิม555)
ที่พักที่พวกเราพักคืนนี้จะอยู่ตรงข้ามกับผับชื่อดังแห่งหนึ่งของวังเวียง
“ซากุระ บาร์” ใช่แล้วครับ จากที่ผมนั่งดื่มและสังเกตุแล้ว สาวแหม่มสวยๆ เกาหลีขาวๆน่ารักๆเพียบเลยครับ
อุ๊ป!!!!
ที่นี่จะมีคนแวะเวียนมาไม่ขาดสายครับ มีทั้งคนที่ออกจากร้าน และจะมีคนเข้าร้าน เป็นอยู่แบบนี้ตลอดจนร้านปิด ราวๆเที่ยงคืนครับ ถ้าใครอยากจิบเบาๆสไตล์เกาหลีมากกว่าก็มีร้านข้างๆซากุระบาร์นี่แหละครับ ชื่อร้าน
"Moon 2 Bar" สำหรับคืนนี้ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ---->>
แบกเป้ตะลุยลาวเหนือ เวียงจันทร์ - วังเวียง
เพื่อนๆสามารถเข้าไปเยี่ยมชมเพจของผมได้ที่ http://www.facebook.com/Backpacker.Pu
หรือที่เวป http://backpackerismeblog.wordpress.com/
มีข้อมูลหลายๆอย่างที่ได้รวบรวมไว้ที่นั่นครับ
สำหรับทริปนี้ "แบกเป้ตะลุยลาวเหนือ เวียงจันทร์ - วังเวียง"
เป็นทริปที่เราเริ่มวางแผนล่วงหน้ากันราวๆ3เดือน เริ่มแรกนักเดินทางลงชื่อร่วมชะตากรรมอยู่6คน จนเวลาผ่านไปจนเหลืออีก1เดือนสุดท้ายก่อนเดินทาง พวกเราเหลือกันอยู่4คนที่ยังยืนยันการเดินทาง(จังหวะนั้นคิดไว้แล้วว่าเหลือคนเดียวก็จะไป) พวกเรากำหนดวันออกเดินทางและการเที่ยวแบบไม่ไม่แผน
สำหรับผมแล้วทริปนี้ผมวางไว้เป็น เวียงจันทร์-วังเวียง-หลวงพระบาง แต่ด้วยหลายๆปัจจัยทำให้เราเดินทางไม่ถึงหลวงพระบาง
วันที่1
พวกเราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ในเช้าตรู่วันที่28ธันวาคม ซึ่งแน่นอนว่าประชาชนกำลังเดินทางออกต่างจังหวัด ครั้งนี้เราขับรถยนต์กันไปครับ โดยนัดพบกันที่จังหวัดหนองคาย การเดินทางรถจะเยอะและเคลื่อนได้ช้าบริเวณลำตะคองครับ จากนั้นผมเลือกจะเปลี่ยนเส้นทางไปทางจังหวัดชัยภูมิ เข้าขอนแก่นอีกทาง เพื่อเลี่ยงรถติดบนถนนมิตรภาพ เราไปถึงหนองคายประมาณ 20.00น. ที่จุดนัดพบ และเอารถไปฝากไว้กับบริษัททัวร์แห่งหนึ่งใกล้ๆด่าน ค่าจอดตกคืนละประมาณ150บาท
ผมออกเดินทางจากที่จอดรถด้วยรถ3ล้อเครื่องเพื่อไปส่งที่หน้าด่านฝั่งไทย พวกเราไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปที่ด่านเพื่อผ่านด่านของไทย ที่ไทยใช้Passportอย่างเดียวครับ จะไม่มีใบให้เขียนเหมือนแต่ก่อนแล้ว ทำรายการผ่านเครื่องอัตโนมัติได้เลย หลังจากที่ผ่านด่านเข้าไปแล้วให้เราซื้อตั๋วรถบัส20บาท ซึ่งเป็นรถที่จะพาเราออกจากด่านฝั่งไทย ข้ามสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว ไปยังด่านของลาว
เมื่อรถจอดเรียบร้อยแล้วพวกเรารีบเดินไปที่ด่านเพื่อทำเรื่องผ่านเข้าประเทศลาว การเดินทางเข้าลาวยังต้องทำการเขียนบัตรเข้า-ออกอยู่นะครับ เตรียมเงินคนละ50บาท ยื่นพร้อมPassportให้เจ้าหน้าที่ เราจะได้รับบัตรมา1ใบ ให้เราเอาไปเสียบเข้าที่ช่องเสียบบัตรประตูอัติโนมัติ ก็ถือเป็นการผ่านเข้าดินแดนลาวอย่างสมบูรณ์ครับ
ตอนนั้นเป็นเวลา3ทุ่มแล้วเห็นจะได้ พวกเรายังไม่ได้จองโรงแรมครับ จังหวะนั้นมีTaxiมาถามๆเราเหมือนกัน เลยคุยกันว่า “ลองถามราคาดู” ระยะทางจากด่านเข้าไปตัวเวียงจันทร์ราวๆ20กิโลเมตร เขาเรียกเงิน500บาทครับ ผมเลยส่งทีมงานเข้าไปต่อรอง555 คุยกันพักนึงเลยได้มาในราคา400บาท ซึ่งก็เป็นราคาที่รับได้ครับ ตกคนละ100บาท
Taxiพาเรามาส่งที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเราให้เขาพาตระเวณหา แต่ด้วยราคาไม่ถูกใจ และเหลือว่างอยู่แค่ห้องเดียว พวกเราจึงตัดสินใจเดินหาเอง เลี่ยวซ้ายเข้าซอยตามป้ายโรงแรม ถามที่เคาเตอร์ "ได้ที่พักครับ ห้องละ600บาท”
หลังจากวางกระเป๋าพักเหนื่อย อาบน้ำกันแล้วก็ได้เวลาออกตะลอนเวียงจันทร์ซักหน่อย คืนแรกเราเจอกับถนนคนเดินและลานเบียร์เทศกาลปีใหม่เข้าซะแล้ว ผมได้แต่นั่งมองครับเพราะบรรดาสาวๆร่วมทริปอยากเดินดูของ555 “หมดกัน!!!”
หลังจากเดินกันจนขาลากแล้วพวกหล่อนก็หิวสิครับ5555 มุ่งหน้าไปหาของกินและได้พบเข้ากับจิ้มจุ่มเมืองลาวครับ สั่งกันมายกใหญ่พร้อมเบียร์ลาว(ขอไม่เอาภาพเบียร์ลงนะครับ เดี๋ยวโดนเรียกตัว555) ค่าอาหารไม่แพงนะครับ หลังจากกินจิ้มจุ่มภายใต้บรรยากาศเย็นๆยามค่ำคืนเสร็จแล้ว พวกเรารีบเดินกลับไปพักผ่อนเพื่อเก็บแรงไว้เดินทางต่อพรุ่งนี้ เพื่อไปที่ “วังเวียง” ฝันดีครับ^^
วันที่2
เช้าแล้วววว เช้านี้อากาศค่อนข้างดีครับที่เวียงจันทร์ พวกเรานัดกันเพื่อ Check out 8.00น.
หลังจากนั้นพวกเราสะพายเป้ใบใหญ่ขึ้นหลังและออกเดินเท้าไปยังตลาดเช้าเพื่อหารถเพื่อไปยังวังเวียง
การเดินทาง
จากเวียงจันทร์ถึงวังเวียงถ้านับระยะทางแล้วไม่ไกลนะครับ ราวๆ160กิโลเมตร แต่ระยะเวลาในการเดินทางก็ราวๆ3ชั่วโมงด้วยรถตู้ ด้วยสภาพถนนที่ไม่ค่อยจะดี และบางช่วงจะเป็นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา-ลงเขา
พวกเราเดินเข้าใกล้ตลาดเช้า จะมีคนเข้ามาถามว่าจะไปไหน พวกเราก็บอกจะไปวังเวียง สอบถามราคา 350บาทต่อคน คนที่คุยกับเราบอกว่ารถจะออก10.00น. จริงๆตอนนั้นพวกเราก็พอจะยอมรับในค่าโดยสารราคานั้นได้ จึงตกลง เขาจึงให้รถสามล้อเครื่องมาส่งที่ท่ารถตู้ พวกเราพยายามต่อรองค่าโดยสารแต่ไม่เป็นผลครับ555 หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จพวกเราก็นั่งรอบนรถพร้อมกับนักท่องเที่ยวหลายๆคน ทั้งคนไทยทั้งฝรั่ง
จนเวลาล่วงเลย10.00น.มาพอสมควร มีฝรั่งหลายคนเดินลงไปสอบถามเวลารถออกหลายครั้ง บางคนถึงกับทนไม่ไหวไปขอเงินคืนแล้วเหมารถตู้คันอื่นไปแทน เพราะเขามาเป็นครอบครัว หลังจากนั้นบนรถก็เริ่มระอุขึ้นหน่อย นักท่องเที่ยวชาวไทยเราเริ่มคุยกัน เริ่มไม่พอใจกับเวลาที่เลื่อนออกมาเกือบชั่วโมงแล้ว แต่ไม่เห็นความใส่ใจของพนักงานเลย พี่ๆบางคนมาตั้งแต่6โมงเช้า บางคนถูกถามแบบเราที่ตลาดเช้าแต่เขาไม่สนใจ พวกเลยลดราคาลงมาเรื่อยๆจนถึงหลัก ร้อยกว่าบาท ทำเอาเหล่าเพื่อนร่วมทริปของผมปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาเลยทีเดียว
ไม่นานครับหลังจากที่นักท่องเที่ยวคนไทยเราคุยกัน พวกพี่ๆเขาก็เดินลงไปเพื่อขอเงินคืน คราวนี้แทบจะทั้งรถเลยครับ ยกเว้นผมนี่แหละที่นั่งเฉยๆไม่ค่อยกระเตื้องอะไรสักเท่าไหร่ หลังจากนั้นพนักงานดิ้นเลยครับ รีบเข้ามาจัดการที่รถตู้ รีบถ่ายคนจากรถบัสข้างหน้ามาให้เต็มรถ และไม่นานก็ล้อหมุนออกจากเวียงจันทร์ สู่วังเวียง ในเวลา11.00น.
บรรยากาศการเดินทางจากเวียงจันทร์ไปวังเวียง ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจนัก สภาพถนนไม่ค่อยดี แต่สำหรับผมคิดว่ามันคือเสน่ห์ของการเดินทาง และแล้วรถตู้ก็พาเรามาถึงวังเวียงในเวลา 15.00น.
พวกเรารีบเดินหาโรงแรมที่ผมได้ทำการจองไว้เพื่อเก็บกระเป๋าและเตรียมตัวออกตะลอนๆกัน
หน้าเทศกาลควรจองที่พักไว้ล่วงหน้านะครับ เพราะพวกเราจองได้ลำบากมากกว่าจะได้ห้องที่ราคาประหยัด
หลังจากเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาออกไปเดินสัมผัสบรรยากาศวังเวียงกันแล้วล่ะครับ จริงๆที่นี่ผมเคยมาแล้วเมื่อประมาณ5ปีก่อน ตอนนี้ภาพที่ผมสัมผัส ผมรู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ โรงแรมหรูๆมีให้บริการ การก่อสร้างโรงแรมมีเยอะขึ้น ตึกเกิดขึ้นใหม่มากขึ้น มันดูเจริญขึ้นกว่า5ปีก่อนมากเลยทีเดียว จุดแรกที่พวกเราจะไปคือ “แม่น้ำซอง” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก เราต้องเดินข้ามสะพานแขวนครับ มีค่าข้ามสะพาน5000กีบ หรือ20บาท เราเดินไปฝากท้องมื้อเย็นที่แพริมแม่น้ำซองครับ นั่งกินข้าวมองเรือยนต์พานั่งท่องเที่ยวร่องเรือผ่านไปผ่านมา มองบอลลูนที่ลอยขึ้นฟ้า รสชาติอาหารก็ดีใช้ได้เลยละครับ รสชาติไม่ต่างจากบ้านเราเท่าไรนัก
กินข้าวพร้อมซึมซับบรรยากาศของวังเวียงยามเย็นแล้ว ก็ได้เวลากลับที่พัก ไปชาร์แบตกล้องแบตมือถือ อาบน้ำแต่งตัว เพราะคืนนี้เราจะออกไปเดินเที่ยววังเวียงกัน
คืนนี้ที่สนามบินเก่ามีงานครับ มีเวทีวงดนตรี มีตลาดขายของ ผู้คนมากมาย ทั้งนักท่องเที่ยวชาวลาวเองเดินเลือกซื้อของกัน มีชิงช้าสวรรค์ มีกิจกรรมให้เด็กได้เล่น นึกถึงงานกาชาดงานปีใหม่ที่ต่างจังหวัดบ้านเราเลย แต่ก็คงไม่ครึกครื้นเท่า
หลังจากที่เดินตลาดจนทะลุที่ปลายอีกฝั่งของตลาดแล้ว พวกเราเดินกลับที่พักเพื่อไปนั่งคุยกันและดื่มเบียร์ลาวกันสักเล็กน้อย(เล็กน้อยจนไม่เหมือนเดิม555)
ที่พักที่พวกเราพักคืนนี้จะอยู่ตรงข้ามกับผับชื่อดังแห่งหนึ่งของวังเวียง “ซากุระ บาร์” ใช่แล้วครับ จากที่ผมนั่งดื่มและสังเกตุแล้ว สาวแหม่มสวยๆ เกาหลีขาวๆน่ารักๆเพียบเลยครับ อุ๊ป!!!!
ที่นี่จะมีคนแวะเวียนมาไม่ขาดสายครับ มีทั้งคนที่ออกจากร้าน และจะมีคนเข้าร้าน เป็นอยู่แบบนี้ตลอดจนร้านปิด ราวๆเที่ยงคืนครับ ถ้าใครอยากจิบเบาๆสไตล์เกาหลีมากกว่าก็มีร้านข้างๆซากุระบาร์นี่แหละครับ ชื่อร้าน "Moon 2 Bar" สำหรับคืนนี้ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ---->>