เรทเงินคิดง่าย ๆ 1 เหรียญ เท่ากับ 10 บาท
เวลาคลิ๊กลิงค์ ถ้าเปิดด้วย Google Chrome มันจะมีแปลภาษาให้
สวัสดีครับ เพิ่งกลับจากไปโปแลนด์มาครับ
ที่โปแลนด์เนี่ยถ้าในมุมของเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวเนี่ยค่อนข้างใหญ่นะ เอางี้ครับ ปกติเวลาสินค้าสักชิ้น ถ้าชิ้นนั้นผลิตจากปารีส, UK , Italy, สวิส , สเปน อะไรพวกนี้ เค้าจะเขียนไว้เลยว่าผลิตจาก paris, UK , Italy, สวิส , สเปน อย่างเด่นชัด แต่ถ้าสินค้าไหนเขียนว่า Made in EU อันนี้ความเป็นไปได้ว่าจะผลิตจากโปแลนด์สูงนะ เพราะสินค้ายี่ห้อระดับโลกในตลาด mass เนี่ยหลายตัวผลิตที่โปแลนด์
ไปเดินเล่นใกล้ ๆ ที่พัก ระหว่างทางจากที่พักไปห้างใกล้ๆ (เดิน 10 นาที) เจอร้านขายยาเชน Rossman และร้านขายยาเชนอื่น ๆ ไม่ต่ำกว่า 5 ร้านนะ คือจะบอกว่าร้านขายยาที่นี่เยอะมาก มีเกือบทุกมุมถนนเลย
และยี่ห้อของโปแลนด์เองก็เยอะมาก ก.ไก่ล้านตัวเลย สินค้ามีให้เลือกตั้งแต่หลักสิบยันหลักที่แพงขึ้นไป อยู่ที่ว่าเจ้าของสินค้าจะมีดีลเอามาลงตามร้านขายยาพวกนี้ยังไง แต่จะบอกว่าเยอะมากครับ อันนี้ไม่รวมสินค้านำเข้าจากฝรั่งเศสที่เป็นแบรนด์ฮิต ๆ ตั้งแต่ราคาไม่แพงอย่าง ลอรีอัล หรือราคาแพงขึ้นมาอีกนิดหน่อยเช่น SVR , Avene , LRP หรือไบโอเดอมา รวมไปถึงที่ราคาแพงกว่านี้อีกครับ และก็มีสินค้าที่นำเข้าจากประเทศอื่น ๆ อีกบ้าง เช่น เมกา เกาหลี (จะว่าไปเห็น Himalaya จากอินเดียด้วย!) แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นสินค้าแบรนด์ของโปแลนด์เอง หรือแบรนด์จากฝรั่งเศส
ในเมื่อเป็นอุตสาหกรรมใหญ่มาก supply เยอะ demand ก็ไม่น่าจะน้อย ราคาก็เลยค่อนข้างสมเหตุสมผลนะ
อันนี้เป็นตัวอย่างจากร้านขายยาที่เดินผ่าน (ไม่กล้าถ่ายมาเยอะมาก ให้นึกภาพว่าเป็นผู้ชายเอเชีย และมาเดินในร้านขายครีม จะให้มาถ่ายรูปมุมกว้าง มุมสูง มุมแคบ มุมต่ำ ทุกๆ มุม ให้เห็นความเยอะของสินค้ามันก็ทะ
ๆ นิดหน่อย)
สกินแคร์ที่ mass ๆ ของที่นี่ก็มีหลายยี่ห้อเลย แต่ที่ดัง ๆ ไปทั่วโลกน่าจะเป็น Eveline , Green phamacy และ 9ล9 ส่วนเครื่องสำอางที่ดังมาก ๆ เลยคือ Inglot
เนื่องด้วยมียี่ห้อเยอะมาก แต่ละยี่ห้อก็มีหลายไลน์มาก ที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับร้านค้าแล้วละว่าจะเอาตัวไหนมาลง เพราะถ้าเอามาทุกตัวทุกยี่ห้อที่มีในโปแลนด์มาลง ร้านขายยาร้านนึงอาจจะต้องใหญ่เท่าห้างสรรพสินค้า ^__^
ด้วยความที่ไม่รู้จะทำอะไร และสกินแคร์ก็ไม่มีอะไรให้ต้องซื้อ เลยซื้อมาแค่นี้ครับ
1. เคล็นซิ่งน้ำ ยี่ห้อ Green phamarcy
ขนาด 500 ml
ราคา 7.99 หรือ 80 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม สูตรโอ๊ต ฝาเหลือง
https://sklep.elfa-pharm.pl/gb/bright-skin/111-micellar-solution-3-in-1-oat-500-ml-5904567052890.html
สูตร คาโมมายล์ ฝาเขียว
https://sklep.elfa-pharm.pl/gb/bright-skin/110-micellar-solution-3-in-1-chamomile-500-ml-5904567052906.html
โอ้วพระเจ้า เคล็นซิ่งน้ำขนาด 500 ml ที่นี่ขายราคา 80 บาท ส่วนผสมก็ใช้ได้ อ่อนโยน ไม่มีโน่นนี่นั่นทั้งหลายที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เคยเห็นที่ไทยขายที่ประมาณ 800 บาท แต่ตอนหลังเห็นว่าขายที่ 300 กว่าบาท
ยี่ห้อนี้เป็นของ Elfa Pharm บริษัทนี้ผลิตสินค้าเยอะมาก หลายไลน์มาก ลองเข้าไปดูเว๊ปไซต์เค้าก็ได้
ผมเคยใช้ cleansing อันนี้เมื่อนานมาแล้ว ซื้อมาลองเล่น ๆ ครับ คราวก่อนที่ซื่อมันราคาขวดละ 100 กว่าบาทครับ สำหรับผมผมชอบ ไบโอเดอมามากกว่า แม้ว่าอันนั้น 500ml ราคา 300 กว่าบาท (ซื้อที่ปารีส) แต่มาวอซอคราวนี้ซื้อ Green pharmacy สัก 2 ขวดแล้วกัน เผื่อเอาไปฝากคน
ผลการใช้นะครับ ทำความสะอาดได้ดี ใช้สารทำความสะอาดที่อ่อนโยน แต่สัมผัสที่ได้ผมชอบไบโอเดอมามากกว่า คือเอางี้ในบรรดา cleansing water ทั้งหมดที่เคยใช้ (ผมว่าผมก็ลองมาเยอะนะ เพราะผมไปทั้งเมกา ยุโรป ออส เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย) ผมชอบไบโอเดอมาฝาชมพู (ที่ไม่ใช่สูตร AR ) ที่สุดแล้ว (เกณฑ์ที่ผมใช้วัดคือ ราคา + ส่วนผสม + ผลลัพธ์ + สัมผัสของผลิตภัณฑ์ + แบรนด์) แต่ถ้าผมต้องจ่ายเงิน 700 - 1,200 บาทเพื่อซื้อเคล็นซิ่งไบโอเดอมา ผมก็จะไม่ใช้ไบโอเดอมา ผมอาจจะสะกดจิตตัวเองให้ลดความต้องการของตัวเองลงแล้วไปใช้ยี่ห้ออื่นที่ขายราคา 300 บาท อะไรพวกนี้แทน และก็บอก (ปลอบ) ตัวเองว่าเอาน่า มันก็เหมือน ๆ กันนะแหล่ะ จะไปจ่ายแพงกว่าทำไม *__*
2. เคล็นซิ่งสูตรเจล micellar gel ของ Vis Plantis
ขนาด 500 ml
ราคา 18.99 หรือ 190 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://sklep.elfa-pharm.pl/gb/herbal-vital-care-/205-vis-plantis-micellar-gel-with-cornflower-extract-and-panthenol-500-ml-5904567055013.html
อันนี้ก็ของ Elfa Pharm อีกแล้วครับ สูตรนี้อ่อนโยนครับ เป็น Micellar ในรูปแบบเจล
ตอนนี้ micella รูปแบบเจลมีให้เห็นหลายยี่ห้อแล้วนะครับ เคยได้ยิน Clinique , Garnier และ Simple ก็ทำออกมาขาย เผอิญตอนเดินในร้านยาเห็นอันนี้ขวดมันสวยดี และราคา 190 บาท เลยลองซื้อมาใช้ดูครับ
ผลการใช้ : ทำความสะอาดได้ดีครับ ความรู้สึกเหมือนเอาเจลว่านหางจรเข้ (ที่ไม่ใช่สด ๆ ) มาละเลงหน้า แต่อันนี้มันต่างจากเจลหางคือ เจลหางมันจะค่อย ๆ แห้งใช่ไหมครับ แต่อันนี้มันไม่แห้ง มันก็คงรูปเป็นแบบเจล ๆ เหมือนเดิมนะแหล่ะ นอกจากเจลไม่แห้งแล้วยังไม่มีฟองอะไรทั้งสิ้นแม้จะเล็กน้อยก็ตาม เวลาใช้ก็เอาละเลงหน้าไปนะแหล่ะและก็ล้างออก จริง ๆ เค้าบอกว่าให้ใช้สำลีแผ่นถู ๆ และก็ไม่ต้องล้างออกก็ได้ (ตอนแรกก็คิดหน่อย ๆ ว่า micellar เนี่ยมัน polar + non polar และมันก็มี hydropilic ที่เป็นหัว และ hydrophobic ที่เป็นหาง มันก็จะดูดสิ่งสกปรกออกมาตอนเช็ดด้วยสำลี แต่ผมก็ติ๊ต่างเอาว่าเอามือละเลงมันก็ดูดออกมาได้เหมือนกัน แห่ะ แห่ะ) หลังล้างหน้าให้ความรู้สึกว่าหน้าสะอาด หน้าไม่เหนอะ ไม่มีความรู้สึกว่ามีฟิล์มหรืออะไรเหลว ๆ ค้างบนใบหน้า แต่ไม่มีความรู้สึกเลยว่าได้ทำการเอาน้ำล้างหน้าเอาความชุ่มชื่นออกไป (คือไงล่ะ ปกติใช้พวกเจล/ครีม/โฟม ล้างหน้า หลังจากเอาน้ำล้างออกมันจะรู้สึกว่าหน้าสะอาดขึ้น แต่ก็จะรู้ว่าความชุ่มชื่นบนใบหน้ามันถูกเอาออกไปด้วย แม้ว่าเจลอันนั้นจะใส่สารให้ความชุ่มชื่น ทดแทนไขมันที่ถูกชำละล้างออกไป เลยทำให้หน้าไม่แห้งตึงยังไงก็ตาม) แต่เจลล้างหน้าอันนี้มันรู้สึกว่าสะอาด และล้างออกไปแล้วหน้าไม่เหนอะเลย ไม่รู้สึกว่ามีฟิล์มอะไรมาเคลือบเลย แต่ก็ไม่รู้สึกว่าความชุ่มชื่นมันถูกเอาออกไป คือรู้สึกว่าไม่ได้ล้างหน้าแต่หน้าสะอาด ผมชอบความรู้สึกนี้มาก ตอนนี้เลยเอามาตั้งในห้องน้ำเลยครับ ใช้เป็นตัวหลักตอนตื่นนอนตอนเช้า
ส่วนผสมก็ใช้ได้ครับ เข้าตาไม่แสบ รู้สึกจะใช้สาร Poloxamer ที่ใช้ในพวกคอนแทคเลนส์ ผมลองเอามาถูตรงตาดู เออมันไม่มีความระคายเคืองแม้แต่น้อยเลย นอกจากนั้นยังมี Cornflower + Pathenol แต่ผมก็เอะใจนิดนึงตรงที่ใส่ Sodium hydroxide มาทำไมฟ่ะ คืออยากได้สูตรที่ไม่ใส่ sodium hydroxide มาเลยอ่ะ มีไหม ;)
3. สบู่ Savon D' Alep ของ Alepia
ขนาด 190 กรัม
ราคา 24.39 หรือ 245 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.alepia.com/en/home/50-aleppo-soap-40-3700479107268.html
ผมอยากลองใช้สบู่อะเล็ปโปมาตั้งนานแล้ว มันเป็นของดี ของพรีเมี่ยม ที่ควรค่าแก่การใช้มาก เป็นสบู่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกที่ผลิตที่ประเทศซีเรีย สูตรนี้ 40% Laurel oil คือสูงสุดเลย แต่เห็นราคาแล้ว 245 บาท เฮือกเลย ลองคิดดูสิครับ ในเชลฟ์วางสบู่ มีแต่ของราคา 20 - 50 บาท แต่อันนี้โดดมาที่ 245 บาทเลย คือตัดใจซื้อมาก ๆ เพื่อสนองนีดส์ตัวเองที่อยากใช้สบู่อันนี้
อันนี้ยังไม่ได้ลองครับ เพราะสบู่ที่ซื้อมายังเต็มห้องน้ำและล้นมาที่ตู้เก็บของที่ตุนไว้อยู่เลย แต่จะเริ่มใช้เร็ว ๆ นี้แหล่ะ จะค่อย ๆ ละเลียดใช้เลยคอยดู
กล่องอาจดูเยิน ๆ นิดนึง เพราะใส่ในกระเป๋าเดินทาง และของอื่นในกระเป๋ามันคงกระแทกไปมา
4. Sebiaclear active ของ SVR
ขนาด 40 ml
ราคา 23.99 หรือ 240 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.labo-svr.com/en/sebiaclear-active
อันนี้เป็นของฝรั่งเศสครับ คราวก่อนซื้อ SVR ไลน์ Sebiaclear มา ไลน์ sebiaclear จะดูเรื่องสิว หน้ามัน ตัวที่ซื้อมาคือ hydra ที่เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื่น กับตัว กันแดด ลองใช้แล้วชอบมากครับ (แม้จะมีน้ำหอม + สัมผัสไม่ luxury) คราวนี้เลยซื้อตัว sebiaclear active มา 2 อันเลยครับ อันนึงเก็บไว้ที่ห้อง อีกอันเก็บไว้ในกระเป๋า
อันนี้มีน้ำหอมนะครับ คือไม่รู้จะใส่มาทำไมน้ำหอมเนี่ย แต่ด้วยราคา + ส่วนผสม (แม้จะมีน้ำหอมก็ตาม) + แบรนด์ เลยซื้อมาลองดูครับ ตอนแรกเห็น 14% Gluconolactone + 4% Niacinamide เลยคว้ามาเลย อันนี้เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดูเรื่องสิว พอตอนหลังมาเห็น salicylic acid แม้จะไม่บอกกี่เปอร์เซ็นต์ แต่เดาเอาว่าน่าจะ 2 % คือผมพยายามเลี่ยงกรด AHA , BHA และวิตามินเอ ครับ แต่เอาน่าแม้จะมี Salicylic acid ก็ช่างมัน ไหน ๆ ก็ซื้อมาแล้ว
เนื้อสัมผัสที่ได้คือ เหมือนครีมราคาไม่แพงนะครับ คือมันไม่นุ่มลื่น ถ้าเทียบกับ LRP Toleriane Ultra อันนั้นจะนุ่มลื่น ซึมวื๊ดไปเลย แต่อันนี้มันด้าน ๆ หน่อยนะ คือไม่มาก แต่มันก็ด้าน ๆ หน่อย คือผมก็เรื่องมากนะแหล่ะ ครีม 240 บาท ขนาด 40 มล. ได้ส่วนผสม 4% niacinamide + 14% Gluconolactone แล้วยังจะเรื่องมากอีก! อันนี้ีมีน้ำหอมด้วย คือ skin care should not smell good ใช่ป่ะ แล้วจะใส่มาทำไมเนี่ย อารมณ์เสีย แต่โดยรวม ๆ ก็โอเคนะครับ ก็ใช้ไปเรื่อย ๆ เพื่อหวังผลเรื่องคุมสิว ให้ความชุ่มชื่นนิดหน่อย และดูแลเรื่องรอยแผลนิดหน่อย ถ้าหมดคงไม่ซื้อต่อ คงยอมเสียเงินเพิ่มอีก 100 - 200 เพื่อเอาสัมผัสที่ดีกว่านี้
5. Sebiaclear creme SPF 50
ขนาด 50 ml
ราคา 27.49 หรือ 275 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.labo-svr.com/en/sebiaclear-creme-spf50
คราวก่อนซื้อครีมกันแดดอันนี้มาจากปารีส แต่ซื้อมาแค่อันเดียว วันนี้เลยซื้อเพิ่มอีกอัน แต่ซื่อที่โปแลนด์! ที่ขำก็คือ กันแดดอันนี้ซื้อที่โปแลนด์ราคาถูกกว่า
มีสารป้องกัน UVA + UVA + 1% Gluconolactone + Salicylic acid + 4% Niacinamide + 2% Mat SR คือกันแดดดีด้วย บำรุงด้วย คุมมันด้วย ดูเรื่องสิวด้วยนิดหน่อย
ผลการใช้ คือใช้ได้ดีไม่งั้นจะซื้อเพิ่มเร๊อะ แม้จะม่ีน้ำหอมก็ตาม! ขออีกรอบเหอะ จะใส่มาทำไมฟ่ะ น้ำหอม และอีกอย่าง Mat SR ที่ใส่มาอ่ะ ผมว่ามันทำให้สัมผัสด้านนะ คือมันไม่นุ่มไม่ luxury อันนี้ความเห็นส่วนตัวจากผิวหน้าผมเอง ผิวหน้าคนอื่นอาจเป็นอีกอย่าง
ตัดจบ ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันนี้นะครับ
สวัสดีครับ
[CR] ของถูก (จริง ๆ ) และดี ยังมีอยู่นะ
เวลาคลิ๊กลิงค์ ถ้าเปิดด้วย Google Chrome มันจะมีแปลภาษาให้
สวัสดีครับ เพิ่งกลับจากไปโปแลนด์มาครับ
ที่โปแลนด์เนี่ยถ้าในมุมของเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวเนี่ยค่อนข้างใหญ่นะ เอางี้ครับ ปกติเวลาสินค้าสักชิ้น ถ้าชิ้นนั้นผลิตจากปารีส, UK , Italy, สวิส , สเปน อะไรพวกนี้ เค้าจะเขียนไว้เลยว่าผลิตจาก paris, UK , Italy, สวิส , สเปน อย่างเด่นชัด แต่ถ้าสินค้าไหนเขียนว่า Made in EU อันนี้ความเป็นไปได้ว่าจะผลิตจากโปแลนด์สูงนะ เพราะสินค้ายี่ห้อระดับโลกในตลาด mass เนี่ยหลายตัวผลิตที่โปแลนด์
ไปเดินเล่นใกล้ ๆ ที่พัก ระหว่างทางจากที่พักไปห้างใกล้ๆ (เดิน 10 นาที) เจอร้านขายยาเชน Rossman และร้านขายยาเชนอื่น ๆ ไม่ต่ำกว่า 5 ร้านนะ คือจะบอกว่าร้านขายยาที่นี่เยอะมาก มีเกือบทุกมุมถนนเลย
และยี่ห้อของโปแลนด์เองก็เยอะมาก ก.ไก่ล้านตัวเลย สินค้ามีให้เลือกตั้งแต่หลักสิบยันหลักที่แพงขึ้นไป อยู่ที่ว่าเจ้าของสินค้าจะมีดีลเอามาลงตามร้านขายยาพวกนี้ยังไง แต่จะบอกว่าเยอะมากครับ อันนี้ไม่รวมสินค้านำเข้าจากฝรั่งเศสที่เป็นแบรนด์ฮิต ๆ ตั้งแต่ราคาไม่แพงอย่าง ลอรีอัล หรือราคาแพงขึ้นมาอีกนิดหน่อยเช่น SVR , Avene , LRP หรือไบโอเดอมา รวมไปถึงที่ราคาแพงกว่านี้อีกครับ และก็มีสินค้าที่นำเข้าจากประเทศอื่น ๆ อีกบ้าง เช่น เมกา เกาหลี (จะว่าไปเห็น Himalaya จากอินเดียด้วย!) แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นสินค้าแบรนด์ของโปแลนด์เอง หรือแบรนด์จากฝรั่งเศส
ในเมื่อเป็นอุตสาหกรรมใหญ่มาก supply เยอะ demand ก็ไม่น่าจะน้อย ราคาก็เลยค่อนข้างสมเหตุสมผลนะ
อันนี้เป็นตัวอย่างจากร้านขายยาที่เดินผ่าน (ไม่กล้าถ่ายมาเยอะมาก ให้นึกภาพว่าเป็นผู้ชายเอเชีย และมาเดินในร้านขายครีม จะให้มาถ่ายรูปมุมกว้าง มุมสูง มุมแคบ มุมต่ำ ทุกๆ มุม ให้เห็นความเยอะของสินค้ามันก็ทะ ๆ นิดหน่อย)
สกินแคร์ที่ mass ๆ ของที่นี่ก็มีหลายยี่ห้อเลย แต่ที่ดัง ๆ ไปทั่วโลกน่าจะเป็น Eveline , Green phamacy และ 9ล9 ส่วนเครื่องสำอางที่ดังมาก ๆ เลยคือ Inglot
เนื่องด้วยมียี่ห้อเยอะมาก แต่ละยี่ห้อก็มีหลายไลน์มาก ที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับร้านค้าแล้วละว่าจะเอาตัวไหนมาลง เพราะถ้าเอามาทุกตัวทุกยี่ห้อที่มีในโปแลนด์มาลง ร้านขายยาร้านนึงอาจจะต้องใหญ่เท่าห้างสรรพสินค้า ^__^
ด้วยความที่ไม่รู้จะทำอะไร และสกินแคร์ก็ไม่มีอะไรให้ต้องซื้อ เลยซื้อมาแค่นี้ครับ
1. เคล็นซิ่งน้ำ ยี่ห้อ Green phamarcy
ขนาด 500 ml
ราคา 7.99 หรือ 80 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม สูตรโอ๊ต ฝาเหลือง https://sklep.elfa-pharm.pl/gb/bright-skin/111-micellar-solution-3-in-1-oat-500-ml-5904567052890.html
สูตร คาโมมายล์ ฝาเขียว https://sklep.elfa-pharm.pl/gb/bright-skin/110-micellar-solution-3-in-1-chamomile-500-ml-5904567052906.html
โอ้วพระเจ้า เคล็นซิ่งน้ำขนาด 500 ml ที่นี่ขายราคา 80 บาท ส่วนผสมก็ใช้ได้ อ่อนโยน ไม่มีโน่นนี่นั่นทั้งหลายที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เคยเห็นที่ไทยขายที่ประมาณ 800 บาท แต่ตอนหลังเห็นว่าขายที่ 300 กว่าบาท
ยี่ห้อนี้เป็นของ Elfa Pharm บริษัทนี้ผลิตสินค้าเยอะมาก หลายไลน์มาก ลองเข้าไปดูเว๊ปไซต์เค้าก็ได้
ผมเคยใช้ cleansing อันนี้เมื่อนานมาแล้ว ซื้อมาลองเล่น ๆ ครับ คราวก่อนที่ซื่อมันราคาขวดละ 100 กว่าบาทครับ สำหรับผมผมชอบ ไบโอเดอมามากกว่า แม้ว่าอันนั้น 500ml ราคา 300 กว่าบาท (ซื้อที่ปารีส) แต่มาวอซอคราวนี้ซื้อ Green pharmacy สัก 2 ขวดแล้วกัน เผื่อเอาไปฝากคน
ผลการใช้นะครับ ทำความสะอาดได้ดี ใช้สารทำความสะอาดที่อ่อนโยน แต่สัมผัสที่ได้ผมชอบไบโอเดอมามากกว่า คือเอางี้ในบรรดา cleansing water ทั้งหมดที่เคยใช้ (ผมว่าผมก็ลองมาเยอะนะ เพราะผมไปทั้งเมกา ยุโรป ออส เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย) ผมชอบไบโอเดอมาฝาชมพู (ที่ไม่ใช่สูตร AR ) ที่สุดแล้ว (เกณฑ์ที่ผมใช้วัดคือ ราคา + ส่วนผสม + ผลลัพธ์ + สัมผัสของผลิตภัณฑ์ + แบรนด์) แต่ถ้าผมต้องจ่ายเงิน 700 - 1,200 บาทเพื่อซื้อเคล็นซิ่งไบโอเดอมา ผมก็จะไม่ใช้ไบโอเดอมา ผมอาจจะสะกดจิตตัวเองให้ลดความต้องการของตัวเองลงแล้วไปใช้ยี่ห้ออื่นที่ขายราคา 300 บาท อะไรพวกนี้แทน และก็บอก (ปลอบ) ตัวเองว่าเอาน่า มันก็เหมือน ๆ กันนะแหล่ะ จะไปจ่ายแพงกว่าทำไม *__*
2. เคล็นซิ่งสูตรเจล micellar gel ของ Vis Plantis
ขนาด 500 ml
ราคา 18.99 หรือ 190 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม https://sklep.elfa-pharm.pl/gb/herbal-vital-care-/205-vis-plantis-micellar-gel-with-cornflower-extract-and-panthenol-500-ml-5904567055013.html
อันนี้ก็ของ Elfa Pharm อีกแล้วครับ สูตรนี้อ่อนโยนครับ เป็น Micellar ในรูปแบบเจล
ตอนนี้ micella รูปแบบเจลมีให้เห็นหลายยี่ห้อแล้วนะครับ เคยได้ยิน Clinique , Garnier และ Simple ก็ทำออกมาขาย เผอิญตอนเดินในร้านยาเห็นอันนี้ขวดมันสวยดี และราคา 190 บาท เลยลองซื้อมาใช้ดูครับ
ผลการใช้ : ทำความสะอาดได้ดีครับ ความรู้สึกเหมือนเอาเจลว่านหางจรเข้ (ที่ไม่ใช่สด ๆ ) มาละเลงหน้า แต่อันนี้มันต่างจากเจลหางคือ เจลหางมันจะค่อย ๆ แห้งใช่ไหมครับ แต่อันนี้มันไม่แห้ง มันก็คงรูปเป็นแบบเจล ๆ เหมือนเดิมนะแหล่ะ นอกจากเจลไม่แห้งแล้วยังไม่มีฟองอะไรทั้งสิ้นแม้จะเล็กน้อยก็ตาม เวลาใช้ก็เอาละเลงหน้าไปนะแหล่ะและก็ล้างออก จริง ๆ เค้าบอกว่าให้ใช้สำลีแผ่นถู ๆ และก็ไม่ต้องล้างออกก็ได้ (ตอนแรกก็คิดหน่อย ๆ ว่า micellar เนี่ยมัน polar + non polar และมันก็มี hydropilic ที่เป็นหัว และ hydrophobic ที่เป็นหาง มันก็จะดูดสิ่งสกปรกออกมาตอนเช็ดด้วยสำลี แต่ผมก็ติ๊ต่างเอาว่าเอามือละเลงมันก็ดูดออกมาได้เหมือนกัน แห่ะ แห่ะ) หลังล้างหน้าให้ความรู้สึกว่าหน้าสะอาด หน้าไม่เหนอะ ไม่มีความรู้สึกว่ามีฟิล์มหรืออะไรเหลว ๆ ค้างบนใบหน้า แต่ไม่มีความรู้สึกเลยว่าได้ทำการเอาน้ำล้างหน้าเอาความชุ่มชื่นออกไป (คือไงล่ะ ปกติใช้พวกเจล/ครีม/โฟม ล้างหน้า หลังจากเอาน้ำล้างออกมันจะรู้สึกว่าหน้าสะอาดขึ้น แต่ก็จะรู้ว่าความชุ่มชื่นบนใบหน้ามันถูกเอาออกไปด้วย แม้ว่าเจลอันนั้นจะใส่สารให้ความชุ่มชื่น ทดแทนไขมันที่ถูกชำละล้างออกไป เลยทำให้หน้าไม่แห้งตึงยังไงก็ตาม) แต่เจลล้างหน้าอันนี้มันรู้สึกว่าสะอาด และล้างออกไปแล้วหน้าไม่เหนอะเลย ไม่รู้สึกว่ามีฟิล์มอะไรมาเคลือบเลย แต่ก็ไม่รู้สึกว่าความชุ่มชื่นมันถูกเอาออกไป คือรู้สึกว่าไม่ได้ล้างหน้าแต่หน้าสะอาด ผมชอบความรู้สึกนี้มาก ตอนนี้เลยเอามาตั้งในห้องน้ำเลยครับ ใช้เป็นตัวหลักตอนตื่นนอนตอนเช้า
ส่วนผสมก็ใช้ได้ครับ เข้าตาไม่แสบ รู้สึกจะใช้สาร Poloxamer ที่ใช้ในพวกคอนแทคเลนส์ ผมลองเอามาถูตรงตาดู เออมันไม่มีความระคายเคืองแม้แต่น้อยเลย นอกจากนั้นยังมี Cornflower + Pathenol แต่ผมก็เอะใจนิดนึงตรงที่ใส่ Sodium hydroxide มาทำไมฟ่ะ คืออยากได้สูตรที่ไม่ใส่ sodium hydroxide มาเลยอ่ะ มีไหม ;)
3. สบู่ Savon D' Alep ของ Alepia
ขนาด 190 กรัม
ราคา 24.39 หรือ 245 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.alepia.com/en/home/50-aleppo-soap-40-3700479107268.html
ผมอยากลองใช้สบู่อะเล็ปโปมาตั้งนานแล้ว มันเป็นของดี ของพรีเมี่ยม ที่ควรค่าแก่การใช้มาก เป็นสบู่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกที่ผลิตที่ประเทศซีเรีย สูตรนี้ 40% Laurel oil คือสูงสุดเลย แต่เห็นราคาแล้ว 245 บาท เฮือกเลย ลองคิดดูสิครับ ในเชลฟ์วางสบู่ มีแต่ของราคา 20 - 50 บาท แต่อันนี้โดดมาที่ 245 บาทเลย คือตัดใจซื้อมาก ๆ เพื่อสนองนีดส์ตัวเองที่อยากใช้สบู่อันนี้
อันนี้ยังไม่ได้ลองครับ เพราะสบู่ที่ซื้อมายังเต็มห้องน้ำและล้นมาที่ตู้เก็บของที่ตุนไว้อยู่เลย แต่จะเริ่มใช้เร็ว ๆ นี้แหล่ะ จะค่อย ๆ ละเลียดใช้เลยคอยดู
กล่องอาจดูเยิน ๆ นิดนึง เพราะใส่ในกระเป๋าเดินทาง และของอื่นในกระเป๋ามันคงกระแทกไปมา
4. Sebiaclear active ของ SVR
ขนาด 40 ml
ราคา 23.99 หรือ 240 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.labo-svr.com/en/sebiaclear-active
อันนี้เป็นของฝรั่งเศสครับ คราวก่อนซื้อ SVR ไลน์ Sebiaclear มา ไลน์ sebiaclear จะดูเรื่องสิว หน้ามัน ตัวที่ซื้อมาคือ hydra ที่เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื่น กับตัว กันแดด ลองใช้แล้วชอบมากครับ (แม้จะมีน้ำหอม + สัมผัสไม่ luxury) คราวนี้เลยซื้อตัว sebiaclear active มา 2 อันเลยครับ อันนึงเก็บไว้ที่ห้อง อีกอันเก็บไว้ในกระเป๋า
อันนี้มีน้ำหอมนะครับ คือไม่รู้จะใส่มาทำไมน้ำหอมเนี่ย แต่ด้วยราคา + ส่วนผสม (แม้จะมีน้ำหอมก็ตาม) + แบรนด์ เลยซื้อมาลองดูครับ ตอนแรกเห็น 14% Gluconolactone + 4% Niacinamide เลยคว้ามาเลย อันนี้เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดูเรื่องสิว พอตอนหลังมาเห็น salicylic acid แม้จะไม่บอกกี่เปอร์เซ็นต์ แต่เดาเอาว่าน่าจะ 2 % คือผมพยายามเลี่ยงกรด AHA , BHA และวิตามินเอ ครับ แต่เอาน่าแม้จะมี Salicylic acid ก็ช่างมัน ไหน ๆ ก็ซื้อมาแล้ว
เนื้อสัมผัสที่ได้คือ เหมือนครีมราคาไม่แพงนะครับ คือมันไม่นุ่มลื่น ถ้าเทียบกับ LRP Toleriane Ultra อันนั้นจะนุ่มลื่น ซึมวื๊ดไปเลย แต่อันนี้มันด้าน ๆ หน่อยนะ คือไม่มาก แต่มันก็ด้าน ๆ หน่อย คือผมก็เรื่องมากนะแหล่ะ ครีม 240 บาท ขนาด 40 มล. ได้ส่วนผสม 4% niacinamide + 14% Gluconolactone แล้วยังจะเรื่องมากอีก! อันนี้ีมีน้ำหอมด้วย คือ skin care should not smell good ใช่ป่ะ แล้วจะใส่มาทำไมเนี่ย อารมณ์เสีย แต่โดยรวม ๆ ก็โอเคนะครับ ก็ใช้ไปเรื่อย ๆ เพื่อหวังผลเรื่องคุมสิว ให้ความชุ่มชื่นนิดหน่อย และดูแลเรื่องรอยแผลนิดหน่อย ถ้าหมดคงไม่ซื้อต่อ คงยอมเสียเงินเพิ่มอีก 100 - 200 เพื่อเอาสัมผัสที่ดีกว่านี้
5. Sebiaclear creme SPF 50
ขนาด 50 ml
ราคา 27.49 หรือ 275 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.labo-svr.com/en/sebiaclear-creme-spf50
คราวก่อนซื้อครีมกันแดดอันนี้มาจากปารีส แต่ซื้อมาแค่อันเดียว วันนี้เลยซื้อเพิ่มอีกอัน แต่ซื่อที่โปแลนด์! ที่ขำก็คือ กันแดดอันนี้ซื้อที่โปแลนด์ราคาถูกกว่า
มีสารป้องกัน UVA + UVA + 1% Gluconolactone + Salicylic acid + 4% Niacinamide + 2% Mat SR คือกันแดดดีด้วย บำรุงด้วย คุมมันด้วย ดูเรื่องสิวด้วยนิดหน่อย
ผลการใช้ คือใช้ได้ดีไม่งั้นจะซื้อเพิ่มเร๊อะ แม้จะม่ีน้ำหอมก็ตาม! ขออีกรอบเหอะ จะใส่มาทำไมฟ่ะ น้ำหอม และอีกอย่าง Mat SR ที่ใส่มาอ่ะ ผมว่ามันทำให้สัมผัสด้านนะ คือมันไม่นุ่มไม่ luxury อันนี้ความเห็นส่วนตัวจากผิวหน้าผมเอง ผิวหน้าคนอื่นอาจเป็นอีกอย่าง
ตัดจบ ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันนี้นะครับ
สวัสดีครับ