27 มกราคม 2559 เป็นวันสำคัญของวงการภาพยนตร์ไทยอีกวันหนึ่ง เพราะเป็นวันเปิดตัวบริษัทผู้สร้างหนังรายใหม่นาม "ที โมเมนต์" (T Moment) ภายใต้การบริหารงานของ โมโน กรุ๊ป และ วิสูตร พูลวรลักษณ์
โดยมีเจตนารมณ์ในการผลิตผลงานออกสู่สาธารณชน เพื่อเฟ้นหาสิ่งใหม่ ๆ ในการนำเสนอ ทั้งเนื้อเรื่อง นักแสดง และบุคลากรทางด้านต่าง ๆ อีกทั้งยกระดับคุณภาพของหนังไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดสากล
จนกระทั่งในปี 2560 ภาพยนตร์เรื่องแรกของค่ายนี้ก็ได้เผยแพร่ตามโรงหนังต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยในชื่อเรื่อง "โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง" หนังแนวแอ็คชั่นคอเมดี้ที่ใช้ทีมนักแสดงนำหน้าใหม่เกือบทั้งหมด รวมทั้งผู้กำกับภาพยนตร์ก็หน้าใหม่อีกเช่นกัน
ผลปรากฏว่าหนังเรื่องดังกล่าวทำรายได้การฉายเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพียงประมาณ 16 ล้านบาท (และกำลังรองานประกาศผลรางวัลแห่งปีว่าเรื่องนี้จะได้รับรางวัลด้วยหรือไม่) ถึงแม้รายได้จะน้อยนิด แต่ก็ได้เสียงชื่นชมในแง่บวกพอสมควรถึงการตั้งใจเสาะหาสิ่งใหม่ที่ท้าทาย และการมองภาพในอนาคตของค่ายนี้ว่าจะเป็นเช่นไร
ซึ่งจุดบอดของหนังเรื่องแรกของค่ายที่มักมีคนกล่าวขานกันก็อยู่ที่เรื่องของนักแสดงนำที่ถึงจะเป็นหน้าใหม่ก็จริง และผ่านการทดสอบแอ็คติ้งในระดับที่ดี แต่ก็ไม่สามารถเรียกความสนใจได้ในวงกว้าง อย่างน้อยคอหนังก็ได้ทำความรู้จักกับค่ายหนังรายใหม่รายนี้ด้วยดี
จากวันแรกจนถึงวันนี้ "ที โมเมนต์" ดำเนินงานมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว แต่ปล่อยหนังออกมาเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น เราก็เชื่อว่าในปีที่ 3 กับก้าวที่สอง ที่สาม...ของค่ายนี้ จะยังคงผลิตผลงานที่ดีมีคุณภาพเพื่อให้ได้รางวัลและเงินเก็บจากคนรอบข้างที่สนใจ ถ้าเรื่องหน้าไม่เวิร์คเพราะชื่อเสียงนักแสดงหรืออะไรที่ย่ำแย่ก็เตรียมนอนช้ำใจได้เลย
เพราะผลงานเรื่องที่ 2 ของ ที โมเมนต์ ก็ได้ยินแว่ว ๆ จากแหล่งข่าวว่าได้ถ่ายทำเสร็จแล้ว คงเหลือเพียงขั้นตอนการตัดต่อ และการเปิดเผยชื่อหนัง แนวหนัง รวมทั้งชื่อนักแสดงว่าจะยังเป็นหน้าใหม่ หรือว่าเอานักแสดงหน้าเก่ามาประชันกับนักแสดงหน้าใหม่ที่ถือเป็นการ "พบกันครึ่งทาง" เพื่อชี้ชะตาความเสี่ยงของค่ายนี้ และช่วยรอดจากวิกฤติตลาดหนังไทยให้จงได้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน สิ่งที่น่าจะมีประการหนึ่งในสายตาผู้เขียนก็คือ การใช้ดารานักแสดงชั้นดีที่เคยเล่นหนังแล้วร้างจอไปเสียนาน แต่จะไม่เอานักแสดงตามกระแสนิยมที่อาจดูเป็นการยัดเยียดประเภทหนึ่ง ลองนึกดูว่าถ้าเอาดาราที่มีคุณสมบัติเช่นนี้อย่าง หนุ่ม ศรราม, ติ๊ก เจษฎาภรณ์, โดม ปกรณ์ ลัม หรือฝ่ายหญิงอย่าง คริส หอวัง, ก้อย รัชวิน และอื่นๆ เขา/เธอจะยอมรับหรือไม่เพื่อให้ได้มาซึ่งความเหมาะสมกับบทบาทที่จะแสดงอย่างมีความพิถีพิถัน
ไม่ว่าโอกาสจะมาถึงเมื่อไร แต่เราเชื่อว่า "ที โมเมนต์" จะพยายามตั้งใจทำงานในสิ่งที่กำลังกระทำให้ดี โดยไม่ใส่ใจในอดีตและอนาคตที่เพ้อฝันหรือไร้ค่า เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ ดั่งความหมายของชื่อค่ายหนังที่เป็นตัวแทนบ่งบอกกาลเวลาที่ผ่านมา ผ่านไป และกำลังเป็น
"อย่ามัวเฝ้ารอให้ถึงช่วงเวลาดี ๆ แต่จงทำให้ช่วงเวลาที่มีเป็นวันที่มีความหมาย"
เพราะเราเองก็กำลังรอของใหม่อยู่นะ สวัสดี.
(ภาพพร้อมข้อความจาก FB : TMoment)
2 ปี "T Moment" สู่ปีที่ 3...ของที่ดีกว่า..ต้องรอ
โดยมีเจตนารมณ์ในการผลิตผลงานออกสู่สาธารณชน เพื่อเฟ้นหาสิ่งใหม่ ๆ ในการนำเสนอ ทั้งเนื้อเรื่อง นักแสดง และบุคลากรทางด้านต่าง ๆ อีกทั้งยกระดับคุณภาพของหนังไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดสากล
จนกระทั่งในปี 2560 ภาพยนตร์เรื่องแรกของค่ายนี้ก็ได้เผยแพร่ตามโรงหนังต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยในชื่อเรื่อง "โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง" หนังแนวแอ็คชั่นคอเมดี้ที่ใช้ทีมนักแสดงนำหน้าใหม่เกือบทั้งหมด รวมทั้งผู้กำกับภาพยนตร์ก็หน้าใหม่อีกเช่นกัน
ผลปรากฏว่าหนังเรื่องดังกล่าวทำรายได้การฉายเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพียงประมาณ 16 ล้านบาท (และกำลังรองานประกาศผลรางวัลแห่งปีว่าเรื่องนี้จะได้รับรางวัลด้วยหรือไม่) ถึงแม้รายได้จะน้อยนิด แต่ก็ได้เสียงชื่นชมในแง่บวกพอสมควรถึงการตั้งใจเสาะหาสิ่งใหม่ที่ท้าทาย และการมองภาพในอนาคตของค่ายนี้ว่าจะเป็นเช่นไร
ซึ่งจุดบอดของหนังเรื่องแรกของค่ายที่มักมีคนกล่าวขานกันก็อยู่ที่เรื่องของนักแสดงนำที่ถึงจะเป็นหน้าใหม่ก็จริง และผ่านการทดสอบแอ็คติ้งในระดับที่ดี แต่ก็ไม่สามารถเรียกความสนใจได้ในวงกว้าง อย่างน้อยคอหนังก็ได้ทำความรู้จักกับค่ายหนังรายใหม่รายนี้ด้วยดี
จากวันแรกจนถึงวันนี้ "ที โมเมนต์" ดำเนินงานมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว แต่ปล่อยหนังออกมาเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น เราก็เชื่อว่าในปีที่ 3 กับก้าวที่สอง ที่สาม...ของค่ายนี้ จะยังคงผลิตผลงานที่ดีมีคุณภาพเพื่อให้ได้รางวัลและเงินเก็บจากคนรอบข้างที่สนใจ ถ้าเรื่องหน้าไม่เวิร์คเพราะชื่อเสียงนักแสดงหรืออะไรที่ย่ำแย่ก็เตรียมนอนช้ำใจได้เลย
เพราะผลงานเรื่องที่ 2 ของ ที โมเมนต์ ก็ได้ยินแว่ว ๆ จากแหล่งข่าวว่าได้ถ่ายทำเสร็จแล้ว คงเหลือเพียงขั้นตอนการตัดต่อ และการเปิดเผยชื่อหนัง แนวหนัง รวมทั้งชื่อนักแสดงว่าจะยังเป็นหน้าใหม่ หรือว่าเอานักแสดงหน้าเก่ามาประชันกับนักแสดงหน้าใหม่ที่ถือเป็นการ "พบกันครึ่งทาง" เพื่อชี้ชะตาความเสี่ยงของค่ายนี้ และช่วยรอดจากวิกฤติตลาดหนังไทยให้จงได้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน สิ่งที่น่าจะมีประการหนึ่งในสายตาผู้เขียนก็คือ การใช้ดารานักแสดงชั้นดีที่เคยเล่นหนังแล้วร้างจอไปเสียนาน แต่จะไม่เอานักแสดงตามกระแสนิยมที่อาจดูเป็นการยัดเยียดประเภทหนึ่ง ลองนึกดูว่าถ้าเอาดาราที่มีคุณสมบัติเช่นนี้อย่าง หนุ่ม ศรราม, ติ๊ก เจษฎาภรณ์, โดม ปกรณ์ ลัม หรือฝ่ายหญิงอย่าง คริส หอวัง, ก้อย รัชวิน และอื่นๆ เขา/เธอจะยอมรับหรือไม่เพื่อให้ได้มาซึ่งความเหมาะสมกับบทบาทที่จะแสดงอย่างมีความพิถีพิถัน
ไม่ว่าโอกาสจะมาถึงเมื่อไร แต่เราเชื่อว่า "ที โมเมนต์" จะพยายามตั้งใจทำงานในสิ่งที่กำลังกระทำให้ดี โดยไม่ใส่ใจในอดีตและอนาคตที่เพ้อฝันหรือไร้ค่า เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ ดั่งความหมายของชื่อค่ายหนังที่เป็นตัวแทนบ่งบอกกาลเวลาที่ผ่านมา ผ่านไป และกำลังเป็น
"อย่ามัวเฝ้ารอให้ถึงช่วงเวลาดี ๆ แต่จงทำให้ช่วงเวลาที่มีเป็นวันที่มีความหมาย"
เพราะเราเองก็กำลังรอของใหม่อยู่นะ สวัสดี.
(ภาพพร้อมข้อความจาก FB : TMoment)