จุดเริ่มต้น
สวัสดีค่าทุกคนเราชื่อทิวลิปค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ Fifth Form ที่ Truro School UK ค่า ช่วงที่เราเข้ามาถ้าเทียบจากระบบของไทย นั่นก็คือ ม.4 ค่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำเพื่อนๆเกี่ยวกับการไปเรียนต่อที่อังกฤษค่ะ
ก่อนอื่นเลย เราต้องบอกก่อนว่าเราไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้มาเรียนที่อังกฤษ แต่คุณพ่อคุณแม่เรามีความคิดว่า ถ้าส่งให้เราไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่ตอนมัธยม เราคงปรับตัวได้ง่ายกว่าตอนมหาวิทยาลัย เพราะเรียนมหาลัยยังไงคงจะหนักกว่าใน high school แน่นอน ไหนๆ ก็ไหนๆละ ไปตั้งแต่ตอนนี้เลยจะดีซะกว่า(ฮี่ๆๆๆ เข้าทางเลยยย เราก้ออยากไปอยู่แล้วล่ะ)
ต่อมาคุณแม่ก็บังเอิญได้รู้จักบริษัท CETA พอดี ตอนนั้นพี่ๆ เค้าบอกว่ามีโรงเรียนที่อังกฤษเปิดรับสมัครและมีทุนการศึกษาให้ด้วย เราเลยลองไปสอบดู ปรากฏว่าสอบได้ เขารับเราเข้าเรียนและให้ทุนเราด้วย!!(แบบว่า ดีใจมากกกกกกกกกก 55555)
ตอนนั้นมีสองโรงเรียนที่เค้าตอบรับเราเข้าเรียน แต่คุณแม่กับเราชอบ Truro School มากกว่า เพราะเรารู้สึกว่า โรงเรียนไม่ใหญ่จนเกินไป ดูแลกันทั่วถึง และ โรงเรียนสวยมากกกก เพราะตั้งอยู่บนเนินสูง ใกล้ทะเล ประกอบกับเดินไปอีกนิดเดียวจะถึง Town ของ Truro แล้วค่ะ location ที่ไม่เลวเลยแหละค่ะ
PREPARATION
เวลาอะไรผ่านไปไวเหมือนโกหกหลังจากได้ใบตอบรับไม่นาน ก็ใกล้ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางแล้ว
การเตรียมตัวก่อนไปอังกฤษสำหรับทิวถือว่าเร็วมากกก มากกกก แบบ มากกกที่สุด เพื่อนยังถามว่าอำป่าววว โห่ ล้อเล่นอะดิ ไปจริงๆหรอ ตอบเลยว่า เออจริง 55555555 ร่ำลากันไป สำคัญที่สุดคงเป็นการเตรียมใจ ต้องพร้อมเปิดใจรับวัฒนธรรม สังคมใหม่ที่เราไม่เคยลองไปอยู่ สำหรับเราเราคิดว่ามันยากอยู่แหละ แต่ว่ามันท้าทายดี ส่วนตัวเราก็เป็นคนชอบเข้าสังคม เจอคนได้รู้จักคนใหม่ๆเข้ามา เลยสนุกซะมากกว่าเครียดฮ่าๆ
ช่วงนั้นคุณพ่อคุณแม่ของทิวยุ่งมากๆเลยแหละค่ะ ขับรถเข้าออกเดินเรื่องเอกสารกันเป็นว่าเล่น ทิวเห็นแล้วทิวยังเหนื่อยแทนเลยแหละค่ะ เพราะเอกสารต่างๆที่ต้องหา มันค่อนข้างซับซ้อนและต้องเป็นทางการ แต่โชคดีมากๆค่ะ ที่มีพี่ๆของ CETA ช่วยแนะนำ ตรวจเอกสารให้ก่อนวันไปยื่นขอวีซ่า เลยสบายใจหายห่วงกันไป
UK PART
อย่างที่บอกว่า ก่อนที่เราไป เรากลัวมากๆ กลัวว่าแบบสังคมที่นั่นจะดีไหม อ่านพันทิปอ่าน Hashtag ในTwitter นู่นนี่นั่น panic กันไปใหญ่มากจ้า สุดท้ายก็พบว่า
“เห้ย! มันไม่ได้น่ากลัวแบบที่เราคิดนะ ที่นี่มันดีมากอ่ะ”
พอมาถึงที่อังกฤษก็มีรถบัสโรงเรียนมารับที่ Heathrow Airport จะค่อยๆจอดรับแต่ละ Terminal เพราะโรงเรียนทิวค่อนข้างมีหลายสัญชาติเลยต่าง Terminal
พอขึ้นรถบัส ทิวกับคุณพ่อคุณแม่ก้อมาจองเบาะหลัง แล้วก็มีน้องผู้หญิงอายุน้อยกว่าเรา ชื่อ Eva มาจากสเปนมานั่งข้างๆเราด้วย แล้วก็มีเจอเพื่อนชาวเยอรมันชื่อ Hannahเราก็เริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนที่เจอบนรถบัสก่อนเลย ตอนนั้นแบบ เห้ยเอาวะ ทักเลยละกัน .... เสร็จก็เลยคุยกันไปๆมาๆ อ่าวรุ่นเดียวกันเฉย.... แล้วพอถึงโรงเรียน ดันเป็นรูมเมทเราด้วย ทีนี้แหละดีใจมากกกก เพราะเขาค่อนข้างจะแบบมาดีนะเออ ไม่ได้มีความ Fierce อะไรเงี้ย ลืมบอกเพื่อนเรามาจาก มิวนิค สูงมากกกกกกกก อันนี้รูปกับ Hannah
อันที่ใส่ชุด สีดำนี้อยู่ในงานคริสมาสต์ของโรงเรียนค่ะ
โรงเรียน Truro
เมื่อมาถึงโรงเรียน ทางโรงเรียนจะจัด Orientation day ให้นักเรียนใหม่ ประมาณเหมือนเป็นวันแนะนำโรงเรียน แนะนำให้นักเรียนได้รู้จักกันและกัน โดยตรงนี้จะเป็นกิจกรรมเฉพาะ Boarders (เด็กหอ)
กิจกรรมที่ รร จัดให้มีหลายอย่างมากแต่ที่เราชอบมากกกกก คือ Treasure Hunt เป็นการหาสมบัติจากสถานที่ต่างๆ สถานที่ภายในเมือง ซึ่งก็เหมือนสอนให้เราเรียนรู้ไปในตัวว่าแบบ สถานที่ไหนคืออะไร ตรงไหนเป็นตรงไหน
แล้ว โรงเรียนก็พาเราไปพายเรือกันที่ชายหาดแถวโรงเรียน อันนี้สวยมากกกแบบมากมากมากกกกก น้ำใสมาก!
เรียกได้ว่าวันแรกของการอยู่โรงเรียนไม่น่ากลัวเลย แต่กลับมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เราทำ ทำให้พวกเราได้รู้จักเพื่อนๆ และสอนให้เรารู้จักสถานที่ต่างๆ ในเมือง ที่ที่อีกหน่อยที่เราต้องใช้ชีวิตการเป็นนักเรียนอังกฤษไปอีกหลายปี
หน้าโรงเรียนค่า
Uniform
พูดถึงยูนิฟอร์ม โรงเรียนทิวเด็กที่เรียน1-5th form จะมีUniform น้า ส่วน 6th formไม่ต้องมียูนิฟอร์ม แต่โรงเรียนเค้าให้ใส่เป็น Business wear แทน
เอายังไงหละ ตื่นเต้นดิ! ตื่นเต้นมาก ชุดUniformที่นี่ก็แทบจะใช่ ฮอกวอตเลยจ้า!!!
การเรียนการสอนของโรงเรียนที่อังกฤษ คือมันมาก มันดีจิงๆ นะ
เริ่มแรก จะมีเข้าโบสถ์ก่อน คือทั้งโรงเรียนจะเดินไปในทาวน์ไปแบบอารมพิธีเปิดภาคเรียนอะไรทำนองนั้น เสร็จก็จะเข้ามาเรียนตามปกติ
ที่โรงเรียนเราก็จะมีอารมณ์เหมือนห้องตัวเองแหละ แต่ที่นี่เขาเดินเรียนนะ เดินไปหาครูไม่ใช่ครูเดินไปหาเรา (แอบเมื่อย) แต่ละห้องก็จะมีนักเรียน 20 คนบวกลบ เราว่ามันดีมากๆเลยนะ คุณครูดูแลทั่วถึง ถามได้ตลอด แล้วทั้งระดับก็มีกันไม่กี่คน ร้อยกว่าๆ ทุกคนก็จะสนิทกัน ไม่ว่าจะเปลี่ยนคลาสขนาดไหนก็ยังมีเพื่อนเฮฮากันได้ตลอด
ในคาบเรียนเรา ครูจะชอบให้ทดลองจนรู้ว่าเออ มันworkนะ มันใช้ได้ เขาไม่ได้เน้นให้จำจาก PowerPoint หรือสื่อการเรียนการสอน เขาให้เราเรียนรู้จากการที่เราได้ทำมันและได้สัมผัสมันจริงๆ นี่คือสิ่งที่เราชอบมากๆในระบบการเรียนการสอนของประเทศเขาเลยแหละค่ะ
ยังมีอีกคลาสหนึ่งที่อยากจะนำเสนอมากๆคือคลาส ART ค่ะ เป็นคลาสที่เราจะcreateอะไรก็ได้ พอเราอยากทำอันนี้เราก็ไปบอกครู ครูจะช่วยแนะนำว่าอะไรจะช่วยเรา lead to งานชิ้นแบบนั้น ตอนนั้นห้องเราค่อนข้างเครียดกันมาก แต่ไม่ค่อยถามครู ครูเราเลยบอกกลับไปว่า “This is my job to make you gain A or A*. If you have some question you can ask me!”
คือแบบโอ้โห มันดูแบบเขาช่วยเราเต็มที่อะ แล้วเขาก็เป็นอย่างงั้นจริงๆ เรารู้สึกว่า ART ที่นี่ไม่ใช่ว่าเราต้องมานั่งวาดถ้วยชามหรือแม้กระทั่ง แอปเปิ้ล ส่งครู แค่นั้น ถ้าเราอยากวาด แครอทหละ? เราคิดว่ามันดีกว่านะ ลองอธิบายไปให้ครูฟัง สำหรับครูที่นี่เขาตอบกลับมาว่า “Oh your idea is so cool! Keep going for it” (ถ้าเทียบกับที่ไทย เราว่าบางครั้งที่ไทยค่อนข้างที่จะอยู่ในกรอบไปหน่อย เราเลยรู้สึกว่า เหมือนที่นี่เขาจะพยายามดึงความสามารถของเราออกมา แล้วให้เราลองผิดลองถูกไปกับมัน จนประสบความสำเร็จได้
มีอีกเรื่องที่ลืมแนะนำไปค่า ทีนี่จะเรียนเป็น GCSE ให้เลือกวิชาเรียน ขั้นต่ำหกวิชา โดยต้องมี English และ Math อยู่ในนั้นด้วย การเรียนจะไม่เหมือนบ้านเราเลย ไม่มีสายวิทย์สายศิลป์ เราเลือกได้อิสระ วิชาค่อนข้างเยอะและหลากหลาย พอเราจบ 5th Form หรือม.4บ้านเรา ก็จะไปต่อ A-level ซึ่งคล้ายๆกับมหาลัยแล้ว เหมือนเตรียมตัวพร้อมเข้าสู่มหาลัยแหละ ในความคิดเห็นส่วนตัวของเราน้า ซึ่งมันก็ค่อนข้างดีอยู่เพราะถ้าอยู่ไทย เราอยู่สายศิลป์แต่อยากเรียน วิทย์แบบเด็กวิทย์มันก็คงทำไม่ได้ แต่นี่เราก็เลือกลงได้ มันเลยน่าจะเป็น ทางเลือกที่ดีเลยแหละค่ะ
ที่นี่เค้ามีจัดกิจกรรมเกี่ยวกับแนะแนวอาชีพตลอดนะ คือทางโรงเรียนเขาชอบเชิญคนมาพูดให้แบบอารมณ์แนะแนว เช่นล่าสุด ก่อนที่พวกเราจะต้องเลือกวิชาที่จะเรียนในระดับ 6th form รร.ก็เลยเชิญคนมาพูดแนะแนว อารมณ์ว่า เลือกวิชายังไงให้เข้ากับคณะที่เราอยากจะไปต่อ ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นอะไรที่ดีมากๆ อีกอย่างที่ชอบคือให้หนึ่งวันเต็มๆไปกับการลองเรียนวิชาที่เราเลือก แบบเหมือนจำลองอารมณ์นี้ เราก็จะได้รู้ว่าที่เราเลือกเนี่ยเขาเรียนอะไรบ้าง ซึ่งเราประทับใจมาก ทำให้เหมือนรู้เกี่ยวกับวิชาที่เราจะเรียนมากขึ้น
มาที่นี่ เพื่อนเพียบ จ้า
เพื่อนๆใน class ค่ะ มีแค่ทิวกับเพื่อนข้างๆที่เป็นต่างชาติค่ะ นอกนั้นเป็นเพื่อนชาวอังกฤษหมดเลย
มาต่อกันที่เรื่องที่วัยรุ่นแบบเราๆค่อนข้างให้ความสำคัญ คือเรื่องเพื่อนนั่นเองค่ะ ตอนมาแรกๆ เพื่อนๆที่ทิวเจอส่วนใหญ่ที่เราจะเข้าหาแล้วสนิทกันส่วนใหญ่จะเป็นคนเอเชียอะค่ะ ฮ่องกง จีน เกาหลี อะไรประมาณนี้ เราจะเริ่มสนิทกับเพื่อนทางนั้นก่อนเพราะเป็นนักเรียนประจำเหมือนกัน
พอเข้าเทอมสองก็รู้สึกเริ่มสนิทกับเพื่อนที่เป็นคนท้องถิ่นของที่นี่มากขึ้น ตอนแรก เราเห็นเค้าไม่ค่อยพูดด้วยเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ใช่อะไรนะคะ เพียงแต่เค้ายังไม่รู้จักเรา แต่พอเริ่มรู้จักกัน เริ่มสนิทกันเท่านั้นแหล่ะ พูดดดดดด แบบไม่หยุดเลย 5555555
อันนี้เป็นรูปที่ถ่ายกับเพื่อนๆที่นู่นค่า Leah from Austria และ Hannah รูมเมทเจ้าเก่าเองค่า
อาหารการกิน
วันแห่งการรอคอยได้มาถึง Saturday night คือHouse mistress ก็จะทำอาหารให้ทาน ก็จะมี Nachos Pizza Ice-cream Sweets Veggie dip เยอะมากมาย อร่อยมากๆๆๆๆๆ
อีกเรื่องที่คนเราสมัยนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญเป็นพิเศษเลยคือ อาหารค่าา โดยส่วนตัวเราคิดว่า ทางโรงเรียนก็ทำอาหารอร่อยอยู่นะคะ โดยเฉพาะของหวาน อร่อยแบบมากมากมาก คูณสิบไปเล่ย
อาหารที่นี่มีหลายประเภท เนื่องจากโรงเรียนเรามี boardersที่มาจากหลายๆ ชาติ ทางโรงเรียนก็เลยมีอาหารค่อนข้างหลากหลายสลับไปในแต่ละวัน ที่เห็นมีคือ แกงเขียวหวาน (Thai green curry) ของชาติไทยเราเนี่ยเองแหละค่า ถึงจะเป็นคนเดียวในโรงเรียนแต่ก็มีอาหารไทยนะ!! อาหารไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกบอกเลยอิอิ้ ภูมิใจไปเบาๆ แล้วก็เหมือนมีอาหารฮ่องกง เป็นซี่โครงหมูกับซอสซักอย่าง เพราะ boarders เป็นคนฮ่องกงกับจีนเยอะ แล้วบางวันก็ทำอาหารอินเดีย อร่อยมากๆๆ ส่วนปกติแบบประมาณ 70% ก็จะเป็นอาหารของชาวอังกฤษเลยค่า รับรองได้ว่าคนที่ไม่ชอบทานอาหารฝรั่งอยู่รอดแน่นอน!
บรรยากาศโรงอาหารคร่าวๆ นะคะ
[Advertorial]
รีวิวชีวิตเด็กไทยคนเดียวในโรงเรียนมัธยมอังกฤษ Truro School
สวัสดีค่าทุกคนเราชื่อทิวลิปค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ Fifth Form ที่ Truro School UK ค่า ช่วงที่เราเข้ามาถ้าเทียบจากระบบของไทย นั่นก็คือ ม.4 ค่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำเพื่อนๆเกี่ยวกับการไปเรียนต่อที่อังกฤษค่ะ
ก่อนอื่นเลย เราต้องบอกก่อนว่าเราไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้มาเรียนที่อังกฤษ แต่คุณพ่อคุณแม่เรามีความคิดว่า ถ้าส่งให้เราไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่ตอนมัธยม เราคงปรับตัวได้ง่ายกว่าตอนมหาวิทยาลัย เพราะเรียนมหาลัยยังไงคงจะหนักกว่าใน high school แน่นอน ไหนๆ ก็ไหนๆละ ไปตั้งแต่ตอนนี้เลยจะดีซะกว่า(ฮี่ๆๆๆ เข้าทางเลยยย เราก้ออยากไปอยู่แล้วล่ะ)
ต่อมาคุณแม่ก็บังเอิญได้รู้จักบริษัท CETA พอดี ตอนนั้นพี่ๆ เค้าบอกว่ามีโรงเรียนที่อังกฤษเปิดรับสมัครและมีทุนการศึกษาให้ด้วย เราเลยลองไปสอบดู ปรากฏว่าสอบได้ เขารับเราเข้าเรียนและให้ทุนเราด้วย!!(แบบว่า ดีใจมากกกกกกกกกก 55555)
ตอนนั้นมีสองโรงเรียนที่เค้าตอบรับเราเข้าเรียน แต่คุณแม่กับเราชอบ Truro School มากกว่า เพราะเรารู้สึกว่า โรงเรียนไม่ใหญ่จนเกินไป ดูแลกันทั่วถึง และ โรงเรียนสวยมากกกก เพราะตั้งอยู่บนเนินสูง ใกล้ทะเล ประกอบกับเดินไปอีกนิดเดียวจะถึง Town ของ Truro แล้วค่ะ location ที่ไม่เลวเลยแหละค่ะ
PREPARATION
เวลาอะไรผ่านไปไวเหมือนโกหกหลังจากได้ใบตอบรับไม่นาน ก็ใกล้ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางแล้ว
การเตรียมตัวก่อนไปอังกฤษสำหรับทิวถือว่าเร็วมากกก มากกกก แบบ มากกกที่สุด เพื่อนยังถามว่าอำป่าววว โห่ ล้อเล่นอะดิ ไปจริงๆหรอ ตอบเลยว่า เออจริง 55555555 ร่ำลากันไป สำคัญที่สุดคงเป็นการเตรียมใจ ต้องพร้อมเปิดใจรับวัฒนธรรม สังคมใหม่ที่เราไม่เคยลองไปอยู่ สำหรับเราเราคิดว่ามันยากอยู่แหละ แต่ว่ามันท้าทายดี ส่วนตัวเราก็เป็นคนชอบเข้าสังคม เจอคนได้รู้จักคนใหม่ๆเข้ามา เลยสนุกซะมากกว่าเครียดฮ่าๆ
ช่วงนั้นคุณพ่อคุณแม่ของทิวยุ่งมากๆเลยแหละค่ะ ขับรถเข้าออกเดินเรื่องเอกสารกันเป็นว่าเล่น ทิวเห็นแล้วทิวยังเหนื่อยแทนเลยแหละค่ะ เพราะเอกสารต่างๆที่ต้องหา มันค่อนข้างซับซ้อนและต้องเป็นทางการ แต่โชคดีมากๆค่ะ ที่มีพี่ๆของ CETA ช่วยแนะนำ ตรวจเอกสารให้ก่อนวันไปยื่นขอวีซ่า เลยสบายใจหายห่วงกันไป
UK PART
อย่างที่บอกว่า ก่อนที่เราไป เรากลัวมากๆ กลัวว่าแบบสังคมที่นั่นจะดีไหม อ่านพันทิปอ่าน Hashtag ในTwitter นู่นนี่นั่น panic กันไปใหญ่มากจ้า สุดท้ายก็พบว่า
“เห้ย! มันไม่ได้น่ากลัวแบบที่เราคิดนะ ที่นี่มันดีมากอ่ะ”
พอมาถึงที่อังกฤษก็มีรถบัสโรงเรียนมารับที่ Heathrow Airport จะค่อยๆจอดรับแต่ละ Terminal เพราะโรงเรียนทิวค่อนข้างมีหลายสัญชาติเลยต่าง Terminal
พอขึ้นรถบัส ทิวกับคุณพ่อคุณแม่ก้อมาจองเบาะหลัง แล้วก็มีน้องผู้หญิงอายุน้อยกว่าเรา ชื่อ Eva มาจากสเปนมานั่งข้างๆเราด้วย แล้วก็มีเจอเพื่อนชาวเยอรมันชื่อ Hannahเราก็เริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนที่เจอบนรถบัสก่อนเลย ตอนนั้นแบบ เห้ยเอาวะ ทักเลยละกัน .... เสร็จก็เลยคุยกันไปๆมาๆ อ่าวรุ่นเดียวกันเฉย.... แล้วพอถึงโรงเรียน ดันเป็นรูมเมทเราด้วย ทีนี้แหละดีใจมากกกก เพราะเขาค่อนข้างจะแบบมาดีนะเออ ไม่ได้มีความ Fierce อะไรเงี้ย ลืมบอกเพื่อนเรามาจาก มิวนิค สูงมากกกกกกกก อันนี้รูปกับ Hannah
โรงเรียน Truro
เมื่อมาถึงโรงเรียน ทางโรงเรียนจะจัด Orientation day ให้นักเรียนใหม่ ประมาณเหมือนเป็นวันแนะนำโรงเรียน แนะนำให้นักเรียนได้รู้จักกันและกัน โดยตรงนี้จะเป็นกิจกรรมเฉพาะ Boarders (เด็กหอ)
กิจกรรมที่ รร จัดให้มีหลายอย่างมากแต่ที่เราชอบมากกกกก คือ Treasure Hunt เป็นการหาสมบัติจากสถานที่ต่างๆ สถานที่ภายในเมือง ซึ่งก็เหมือนสอนให้เราเรียนรู้ไปในตัวว่าแบบ สถานที่ไหนคืออะไร ตรงไหนเป็นตรงไหน
แล้ว โรงเรียนก็พาเราไปพายเรือกันที่ชายหาดแถวโรงเรียน อันนี้สวยมากกกแบบมากมากมากกกกก น้ำใสมาก!
เรียกได้ว่าวันแรกของการอยู่โรงเรียนไม่น่ากลัวเลย แต่กลับมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เราทำ ทำให้พวกเราได้รู้จักเพื่อนๆ และสอนให้เรารู้จักสถานที่ต่างๆ ในเมือง ที่ที่อีกหน่อยที่เราต้องใช้ชีวิตการเป็นนักเรียนอังกฤษไปอีกหลายปี
Uniform
พูดถึงยูนิฟอร์ม โรงเรียนทิวเด็กที่เรียน1-5th form จะมีUniform น้า ส่วน 6th formไม่ต้องมียูนิฟอร์ม แต่โรงเรียนเค้าให้ใส่เป็น Business wear แทน
เอายังไงหละ ตื่นเต้นดิ! ตื่นเต้นมาก ชุดUniformที่นี่ก็แทบจะใช่ ฮอกวอตเลยจ้า!!!
การเรียนการสอนของโรงเรียนที่อังกฤษ คือมันมาก มันดีจิงๆ นะ
เริ่มแรก จะมีเข้าโบสถ์ก่อน คือทั้งโรงเรียนจะเดินไปในทาวน์ไปแบบอารมพิธีเปิดภาคเรียนอะไรทำนองนั้น เสร็จก็จะเข้ามาเรียนตามปกติ
ที่โรงเรียนเราก็จะมีอารมณ์เหมือนห้องตัวเองแหละ แต่ที่นี่เขาเดินเรียนนะ เดินไปหาครูไม่ใช่ครูเดินไปหาเรา (แอบเมื่อย) แต่ละห้องก็จะมีนักเรียน 20 คนบวกลบ เราว่ามันดีมากๆเลยนะ คุณครูดูแลทั่วถึง ถามได้ตลอด แล้วทั้งระดับก็มีกันไม่กี่คน ร้อยกว่าๆ ทุกคนก็จะสนิทกัน ไม่ว่าจะเปลี่ยนคลาสขนาดไหนก็ยังมีเพื่อนเฮฮากันได้ตลอด
ในคาบเรียนเรา ครูจะชอบให้ทดลองจนรู้ว่าเออ มันworkนะ มันใช้ได้ เขาไม่ได้เน้นให้จำจาก PowerPoint หรือสื่อการเรียนการสอน เขาให้เราเรียนรู้จากการที่เราได้ทำมันและได้สัมผัสมันจริงๆ นี่คือสิ่งที่เราชอบมากๆในระบบการเรียนการสอนของประเทศเขาเลยแหละค่ะ
ยังมีอีกคลาสหนึ่งที่อยากจะนำเสนอมากๆคือคลาส ART ค่ะ เป็นคลาสที่เราจะcreateอะไรก็ได้ พอเราอยากทำอันนี้เราก็ไปบอกครู ครูจะช่วยแนะนำว่าอะไรจะช่วยเรา lead to งานชิ้นแบบนั้น ตอนนั้นห้องเราค่อนข้างเครียดกันมาก แต่ไม่ค่อยถามครู ครูเราเลยบอกกลับไปว่า “This is my job to make you gain A or A*. If you have some question you can ask me!”
คือแบบโอ้โห มันดูแบบเขาช่วยเราเต็มที่อะ แล้วเขาก็เป็นอย่างงั้นจริงๆ เรารู้สึกว่า ART ที่นี่ไม่ใช่ว่าเราต้องมานั่งวาดถ้วยชามหรือแม้กระทั่ง แอปเปิ้ล ส่งครู แค่นั้น ถ้าเราอยากวาด แครอทหละ? เราคิดว่ามันดีกว่านะ ลองอธิบายไปให้ครูฟัง สำหรับครูที่นี่เขาตอบกลับมาว่า “Oh your idea is so cool! Keep going for it” (ถ้าเทียบกับที่ไทย เราว่าบางครั้งที่ไทยค่อนข้างที่จะอยู่ในกรอบไปหน่อย เราเลยรู้สึกว่า เหมือนที่นี่เขาจะพยายามดึงความสามารถของเราออกมา แล้วให้เราลองผิดลองถูกไปกับมัน จนประสบความสำเร็จได้
มีอีกเรื่องที่ลืมแนะนำไปค่า ทีนี่จะเรียนเป็น GCSE ให้เลือกวิชาเรียน ขั้นต่ำหกวิชา โดยต้องมี English และ Math อยู่ในนั้นด้วย การเรียนจะไม่เหมือนบ้านเราเลย ไม่มีสายวิทย์สายศิลป์ เราเลือกได้อิสระ วิชาค่อนข้างเยอะและหลากหลาย พอเราจบ 5th Form หรือม.4บ้านเรา ก็จะไปต่อ A-level ซึ่งคล้ายๆกับมหาลัยแล้ว เหมือนเตรียมตัวพร้อมเข้าสู่มหาลัยแหละ ในความคิดเห็นส่วนตัวของเราน้า ซึ่งมันก็ค่อนข้างดีอยู่เพราะถ้าอยู่ไทย เราอยู่สายศิลป์แต่อยากเรียน วิทย์แบบเด็กวิทย์มันก็คงทำไม่ได้ แต่นี่เราก็เลือกลงได้ มันเลยน่าจะเป็น ทางเลือกที่ดีเลยแหละค่ะ
ที่นี่เค้ามีจัดกิจกรรมเกี่ยวกับแนะแนวอาชีพตลอดนะ คือทางโรงเรียนเขาชอบเชิญคนมาพูดให้แบบอารมณ์แนะแนว เช่นล่าสุด ก่อนที่พวกเราจะต้องเลือกวิชาที่จะเรียนในระดับ 6th form รร.ก็เลยเชิญคนมาพูดแนะแนว อารมณ์ว่า เลือกวิชายังไงให้เข้ากับคณะที่เราอยากจะไปต่อ ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นอะไรที่ดีมากๆ อีกอย่างที่ชอบคือให้หนึ่งวันเต็มๆไปกับการลองเรียนวิชาที่เราเลือก แบบเหมือนจำลองอารมณ์นี้ เราก็จะได้รู้ว่าที่เราเลือกเนี่ยเขาเรียนอะไรบ้าง ซึ่งเราประทับใจมาก ทำให้เหมือนรู้เกี่ยวกับวิชาที่เราจะเรียนมากขึ้น
มาที่นี่ เพื่อนเพียบ จ้า
มาต่อกันที่เรื่องที่วัยรุ่นแบบเราๆค่อนข้างให้ความสำคัญ คือเรื่องเพื่อนนั่นเองค่ะ ตอนมาแรกๆ เพื่อนๆที่ทิวเจอส่วนใหญ่ที่เราจะเข้าหาแล้วสนิทกันส่วนใหญ่จะเป็นคนเอเชียอะค่ะ ฮ่องกง จีน เกาหลี อะไรประมาณนี้ เราจะเริ่มสนิทกับเพื่อนทางนั้นก่อนเพราะเป็นนักเรียนประจำเหมือนกัน
พอเข้าเทอมสองก็รู้สึกเริ่มสนิทกับเพื่อนที่เป็นคนท้องถิ่นของที่นี่มากขึ้น ตอนแรก เราเห็นเค้าไม่ค่อยพูดด้วยเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ใช่อะไรนะคะ เพียงแต่เค้ายังไม่รู้จักเรา แต่พอเริ่มรู้จักกัน เริ่มสนิทกันเท่านั้นแหล่ะ พูดดดดดด แบบไม่หยุดเลย 5555555
อันนี้เป็นรูปที่ถ่ายกับเพื่อนๆที่นู่นค่า Leah from Austria และ Hannah รูมเมทเจ้าเก่าเองค่า
อาหารการกิน
วันแห่งการรอคอยได้มาถึง Saturday night คือHouse mistress ก็จะทำอาหารให้ทาน ก็จะมี Nachos Pizza Ice-cream Sweets Veggie dip เยอะมากมาย อร่อยมากๆๆๆๆๆ
อีกเรื่องที่คนเราสมัยนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญเป็นพิเศษเลยคือ อาหารค่าา โดยส่วนตัวเราคิดว่า ทางโรงเรียนก็ทำอาหารอร่อยอยู่นะคะ โดยเฉพาะของหวาน อร่อยแบบมากมากมาก คูณสิบไปเล่ย
อาหารที่นี่มีหลายประเภท เนื่องจากโรงเรียนเรามี boardersที่มาจากหลายๆ ชาติ ทางโรงเรียนก็เลยมีอาหารค่อนข้างหลากหลายสลับไปในแต่ละวัน ที่เห็นมีคือ แกงเขียวหวาน (Thai green curry) ของชาติไทยเราเนี่ยเองแหละค่า ถึงจะเป็นคนเดียวในโรงเรียนแต่ก็มีอาหารไทยนะ!! อาหารไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกบอกเลยอิอิ้ ภูมิใจไปเบาๆ แล้วก็เหมือนมีอาหารฮ่องกง เป็นซี่โครงหมูกับซอสซักอย่าง เพราะ boarders เป็นคนฮ่องกงกับจีนเยอะ แล้วบางวันก็ทำอาหารอินเดีย อร่อยมากๆๆ ส่วนปกติแบบประมาณ 70% ก็จะเป็นอาหารของชาวอังกฤษเลยค่า รับรองได้ว่าคนที่ไม่ชอบทานอาหารฝรั่งอยู่รอดแน่นอน!
บรรยากาศโรงอาหารคร่าวๆ นะคะ
[Advertorial]