Osaka
เอาหล่ะ หลังจากที่เพื่อนๆ เรียกร้องให้เขียน หรือทำลายแทง ขอให้ list down สิริรวมสิ่งที่ยัดเข้าร่างกายของข้าในช่วงเวลาสั้นๆ ในโอซาก้า ภายใต้ #การท่องเที่ยงเชิงโภชนาการ #ซิปแตกยังแหลกต่อ #การบ้านมนุษย์สายแหลก เอาจริงๆ การเผยแพร่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สไตล์ข้าหรอก มันไม่ใช่ว่าข้าเป็น “อ้วนหวงของกิน” ตาม #ร้านแห่งความลับ แต่ข้าแค่คิดว่า คนเราชอบไม่เหมือนกัน เพราะหลายครั้งที่คนอื่นบอก โคตรอร่อย ข้าก็แบบ เออก็ดีนะ แต่มันไม่ใช่ โคตรอร่อยไง แล้วอีกอย่าง ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่คนชอบอาหารญี่ปุ่น เดินเข้าร้านไหนก็น้อยมากที่จะผิดหวัง แต่ก็นั่นแหล่ะ ทริปนี้เจอ “ราเม็งไตวาย” ที่เกียวโตมา ข้าเลยคิดได้ว่า เออ ... พลาดก็พอมีแหล่ะ แต่น้อยมาก พอถึงตรงนี้ ออกตัวอีกที
1. ข้าเขียนไม่เก่ง เล่าเรื่องไม่เก่ง ไม่ใช่นักเขียน ไม่มีพื้นฐานพวกนี้เลย
2. ข้ากินเก่ง ข้าชอบกิน แต่ข้าไม่ได้ชอบทุกอย่างที่กินเข้าไป มีอาหารบางอย่างที่ไม่กิน
3. ข้าไม่ทำอาหาร ไม่รู้ว่ามันใส่ไรเข้าไปบ้างและไม่ใช่ Food Guru
4. เราทุกคนล้วนต่างกัน นานาจิตตัง
อ่านพอเอาเพลิน ถ้าไปแถวนั้น ไม่มีไรกิน ก็ไปลองได้ ดีกว่า
ทริปนี้เริ่มต้นจากดอนเมือง ไปลงที่ Osaka ทั้งหมด 11 วัน ไปกัน 2 คนกะเพื่อนสายแหลก ที่ตระเวนแหลกมาแล้วอย่างโชกโชนกะข้าทั้งในและต่างประเทศ เป็น Best Buddy ทั้งเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อนนอน(เพราะนอนห้องเดียวกัน) และเป็นเพื่อนสนิทในชีวิตจริง คนเราจะมี travel buddy มันก็ไม่ได้มีกันได้ง่ายๆ เพื่อนรักบางคนก็ไม่เหมาะกะการเดินทางไปไกลๆ หลายๆคืน บางคนมี style การท่องเที่ยวไม่เหมือนกัน บางคนชอบเมืองมาก บางคนชอบธรรมชาติมาก แต่น่าแปลกกะเพื่อนคนนี้ เรามีทุกสไตล์การท่องเที่ยวที่เหมือนกัน priority หลักของเรา คือ การกิน... กินของอร่อย ไม่ว่างจะถูกจะแพง จะข้างทาง จะร้านดัง เราทั้งคู่ไม่เคยเกี่ยง... ดึกดื่นแค่ไหน ขอเพียง สบตา...ถามแค่ว่า ป่ะ ไปกินนี่มะ? โอกาสการปฏิเสธแทบเป็น ศูนย์
Itinerary แบบคร่าวๆ
1 Dec : DMK-KIX by AirAsiaX
2 Dec : Osaka Aquarium , Universal Studio Japan
3 Dec : Shinsaibashi and Kyoto ไปดูไฟ ที่วัดคิโยมิ ซึ่งคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายพอดี
4 Dec : Kyoto ไปป่าไผ่ Arashiyama Bamboo-groves /ไป Fushimi Inari-taisha
5 Dec : Amanohashidate and Ine
6 Dec : Kinosaki Onsen
7 Dec : back to Osaka
8 Dec : from Osaka to Nagoya, Nabana No Sato
9 Dec : To Takayama and Shirakawa-go
10 Dec : Takayama
11 Dec : Takayama to Osaka for flight back home
คืนแรกที่เท้าแตะ Osaka เครื่องเราลงค่อนข้างดึก กัปตันประกาศว่าอากาศข้างนอก 7 องศา พอลงเครื่องมา ก็ 21.40 การตรวจกระเป๋า ละเอียดมาก ต้องเปิดกระเป๋าทุกใบ เนื่องจากมีคนไทยทำเรื่องผิดกฏหมายมาก่อนหน้าหลายคดีเหมือนกัน แต่ทุกอย่างราบรื่น เจ้าหน้าที่สุภาพ อ่อนโยน และเชื่องช้า ตะต่อนยอน แต่ใบหน้ายิ้มแย้มและเป็นมิตร ทำให้เราพยายามเข้าใจเค้ามากขึ้นอีกสเตป วันนี้เราเข้าเมืองด้วย Limo ของ CitiBank Prestige เข้าที่พักแถว namba แล้วก็ทันทีที่ทิ้งของไว้ในห้อง เราสองคนรีบ ออกมาหาอะไรใส่ท้อง เดินวนไปมา ร้านส่วนใหญ่ปิดเที่ยงคืน ซึ่งเวลากินจะเหลือแค่ ครึ่งชั่วโมง มันก็ไม่ทันครึ่งท้องมะ เดินอีกแพ้พ เจอร้านนี้ ปิดตี 3 เป็นชาบู สุกี้ เราเป็นพวกแพ้ลายหินอ่อน ... ลุยค่ะ
ในรูปคือ ชาบู Extra Special Premium Wagyu คือ อะไรมันจะ Special แล้วจะ Extra ของความ Premium ไหนๆ ลองดิ้
มีเพื่อนตามมาสมทบอีก 1 คน เพื่อนคนนึงสั่ง Shabu เนื้อ Extra Special Premium Wagyu เรากะเพื่อนอีกคนสั่ง Suki เนื้อ Special Premium Wagyu เห้ยยยยย เห็นชาบูแล้วดูดีเหลือเกิน ของเราก็อร่อยแบบเอาเนื้อจุ่มๆ ในน้ำสุกี้สีดำ ผัก เต้าหู้ เส้นบุก คือดี แต่น้ำมันอาจจะซดไม่ได้เหมือนชาบู แต่เนื้อโคตรดี ลายหินอ่อนไม่เคยทำเราผิดหวัง เราสั่ง Umeshu on the rock มาจิบด้วย ดี๊ดีแก... ร้านนี้ราคาก็สูงแหล่ะ คือ จ่ายไปคนละ 6,000 เยน มีขนมหวานเป็น ชีสเค้กและไอศครีม Strawberry Sorbet ขนมหวานเราก็เฉยๆ แหล่ะ แต่เนื้อคือดี มีคุณป้ามาคอยใส่นั่น ใส่นี้ ให้เรา ดูแลตลอด ร้านนี่น่าจะนั่งได้ 16 คน รอบๆเคาน์เตอร์ เปิดถึงตี 3
ร้านนี้เราก็ไม่แน่ใจชื่อร้าน แต่เราลองหาใน Google ก็เจอว่า นางชื่อ Shabu-Mai Imonemon-cho
Website
http://japan.arukikata.co.jp/gourmets/info/930366/
เอาหล่ะ กินเสร็จกลับไปนอนได้แระ พรุ่งนี้มีแพลนคร่าวๆ ว่า จะไปตลาด Kuramon ซึ่งห่างจากที่พักประมาณ 5 นาที แล้วพอท้องอิ่ม เราค่อยไป Kaiyukan Aquarium ที่เราพลาดเมื่อตอนมาโอซาก้าคราวก่อน เมื่อหลายปีที่แล้ว เพราะมัวแต่ขึ้นชิงช้าสวรรค์ แล้วก็ค่อยไป Universal Studio Japan (USJ) เพื่อรอดูไฟ ของปราสาท Hogwarts : The Wizarding World of Harry Potter
Kuramon Market : เปิดตั้งแต่ 8.00-18.00 น. บางร้านเปิดดึกเลย ตอนเช้าคนขวักไขว่สุดๆ มีร้านแบบนั่งกิน บ้างก็เป็นแบบยืนกิน อารมณ์แบบตลาดปลา Tsukiji ในโตเกียวแต่นี่เป็นตลาดในร่ม และไม่มีการขายปลาแบบ Wholesale อาหารที่ขายก็จะมีซีฟู้ด ปลาดิบ ทาโกะยากิ หอยย่าง เนื้อวากิวย่าง ผลไม้เยอะมาก ร้านขายของฝาก เราเลือกกันไม่ถูกเลย
เราไปกินหอยเชลล์ย่างบนฝา เป็นอะไรที่เดินเรื่อยเปื่อยมาก และเราตั้งใจมากินปลาดิบ เราเลือกร้านที่เพื่อนมากินคราวก่อน แหม่ ลืมถ่ายหน้าร้าน เอาเป็นว่าที่อยู่ทางซ้ายมือ ต้นๆตลาด ขายปลาดิบอย่างเดียว ไม่มีที่นั่ง เหมือนต้องซื้อกลับบ้านแต่ถ้าเรายืนกินที่นี่เลยก็ได้ มีแบบที่แล่แล้ว วางในตู้แช่เราก็สอย Otoro, Chu-Otoro ละลายในปาก ปลาชิ้นหนา เย็นฉ่ำชื่นใจ มันแตกในปาก อารมณ์เหมือนกันเมล่อน แบบหวาน เย็น อร่อย กินแล้วสดชื่นเหลือเกิน ราคาก็ดีและสดมากกก
Kaiyukan Aquarium
พอออกจากตลาดเราก็ไป Kaiyukan Aquarium เนื่องจากเราเคยใช้ Osaka Amazing Passจากทริปก่อน คราวนี้เราก็ตั้งใจว่าจะอยู่ใน Osaka ด้วย 3 วัตถุประสงค์ คือ กิน อควาเรี่ยม และ ยูนิเวอร์แซล เราคงไม่ได้ไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ นั่งเรือโจรสลัด Santa Maria หรืออื่นใด เลยตั้งใจจะซื้อแค่ตั๋วรถไฟเป็นเที่ยว และตั๋วเข้า Kaiyakan แต่เจอเจ้าหน้าที่รถไฟ เค้าก็แนะนำให้ซื้อ Kaiyukan Pass+ตั๋วรถไฟที่คุ้มกว่า เพราะเหมือนได้รถไฟแถมมา ราคา 2,550 เยน โดยปกติค่าเข้าอควาเรี่ยมก็ 2,300 เยนละ แล้วเราสามารถใช้โดยสารรถไฟใต้ดิน รถบัส รถราง(New tram) ได้โดยไม่จำกัดภายใน 1 วัน ก็ไม่ต้องคิดมากค่ะ ถอยเลย หรือจะเอาไปรับส่วนลด สูงสุดถึง 50% ได้แก่ ชิงช้าสวรรค์เทมโปซาน(Tempozan Ferris Wheel), ล่อเรือซานต้ามาเรีย(Santa Maria), เรือกัปตันไลน์(Captain Line) และเรือข้ามระหว่างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกับท่าเรือ Universal City
Spotted Eagle Ray นางเหมือนบินได้ ว่ายโฉบไปมา
เรือข้ามระหว่างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกับท่าเรือ Universal City ซึ่งอันสุดท้ายมันคือสิ่งตื่นเต้นสำหรับเรา ที่มาค้นพบที่อควาเรี่ยม คือเราสามารถนั่งเรือ Shuttle Cruise ของ Captain Line ไป USJ ในวลาแค่ 10 นาที จากตอนแรก ก็คงไปรถไฟต่อไปต่อมา ร่วมชั่วโมง และไม่ต้องคิดมากเลย เพราะเป็นพวกชอบนั่งเรือที่สุด และขี้เกียจเดินที่สุดเช่นกัน จุดลงเรือ คือจากด้านหน้า kaiyukan เดินผ่านร้าน Starbucks เดินมุ่งหน้าไปที่ริมอ่าวเลย(ให้ Starbucks อยู่ขวามือ) มองลงไปก็เจอที่ขึ้นเรือ ซึ่งจะมา ทุก 20 นาทีนั่ง 10 นาที ก็ถึงท่าเรือชอง USJ ราคา 700 เยน ต่อเที่ยวค่ะ ตั๋วหยอดที่ตู้ได้เลย
ออกมา ก็เดินตามชาวบ้านไป ไม่ไกลก็ถึง Universal Studio Japan (USJ) มื้อเที่ยงเราไปกินเนื้อย่างร้าน Buffet แต่บอกได้ว่า ไม่ประทับใจเลย ก็ข้ามๆ ไปละกันนะ กินไปก็เปลืองท้อง เอาเป็นว่า ถ้าไปที่ USJ ก็อย่าไปหาบุฟเฟต์ปิ้งย่าง ก็พอ แต่แนะนำให้กินก่อนเข้าไป เพราะถ้าเราไปรอของเล่นแล้วเดินออกมาหาอะไรกิน อาจจะเสียกระบวน
ช่วงที่อยู่ใน USJ ก็เดินดูนั่นนี่ ไปดูพาเหรด ของ Minion ก็น่ารักดี ข้านี่ไม่ใช่พวกชอบสวนสนุกใดๆเลย แต่ทุกทีที่ไปคือ ที่ที่มี Harry Potter ตั้งแต่ London ก็มาที่นี่ เพราะดูยังไงก็อิน อยากเรียนกะ Harry จริงๆ สนู๊ก สนุก ปล่อยเพื่อน 2 คนไปเล่นเครื่องเล่น เสียวๆ ที่ต้องรอคิวนาน จริงๆ เราควรซื้อ Fast Track มาแต่ว่าเนื่องจากวันที่เราไป ตั๋วมีแต่ช่วงเวลาที่เราไม่โอเค เราเลยเลือกที่จะใช้แต้มบุญของเรา ซึ่งเราคงได้ใช้ไปแล้ว คือ ฝนห้ามตก เราไม่อยากหนาวจนทนรออะไรไม่ได้ พื้นที่ในในร่มก็ไม่ได้มีเยอะมาก สรุปฝนไม่ตกเราก็โอเคมากละ
หลังจาก ดูการแสดงไฟ ที่เราก็ว่าตื่นตาตื่นใจ (ตามประสาคนที่ไม่ชอบสวนสนุกแต่รัก harry potter อย่างเรา) เราก็ไปเล่นเครื่องเล่นในปราสาท Hogwarts ต่อ สนุกดี แล้วหลังจากนี้ ก็ถึงเวลากิน เราเลยตกลงกันว่าจะกลับไปกินแถวที่พัก Dotonburi นั่งรถไฟกลับไป แล้วก็ไปร้านโปรดของข้า ที่กินเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ที่โตเกียว นั่นคือ ร้าน Isomaru คิดว่าหลายคนคงรู้จัก ร้านนี้อยู่บน Dotonburi และเปิด 24 ชั่วโมง ของที่ชอบมากกกกก ที่นี่ คือ Kani Miso คือ เจ้ามันปูที่ปิ้งในกระดอง ที่นี่คือดีมากกกก
ปลาหมึกผักกระเทียม หนึบๆ กรุบๆ อร๊อยยยย อร่อยยยย มีความหอมของกระเทียม ไม่เค็มอย่างที่คิด
มี Sashimi เย็นๆ เนื้อปลาสดมาก เด้งดึ๋ง
กุ้งปิ้ง เวลากินก็บีบมะนาว ไม่ต้องจิ้มอะเลย กะเจ้ามันปูย่างที่กินเท่าไหร่ ก็ไม่พอ
ยำแตงกวา ใส่เกลือ น้ำมันงา ยังอร่อย กรอบ ชอบมาก
ร้านหาไม่ยากเลย อยู่บน Dotonburi ถ้าเดินมาจาก กูลิโกะ ข้ามสะพานมา เจอ Starbucks เลี้ยวซ้าย ตรงมาเรื่อยๆ กลางๆ ซอยก็จะมีร้านหน้าตาแบบในรูป อยู่ตรงหัวมุมซอยเล็ก อยู่ขวามือ ราคาอาหารเรียกว่า ถูกเลย ด้วยคุณภาพที่ดี จะบอกว่า ก่อนกลับเมืองไทยก็แวะมากินอีกรอบก่อนกลับ
[CR] การท่องเที่ยงเชิงโภชนาการ ตะลุยคันไซ
เอาหล่ะ หลังจากที่เพื่อนๆ เรียกร้องให้เขียน หรือทำลายแทง ขอให้ list down สิริรวมสิ่งที่ยัดเข้าร่างกายของข้าในช่วงเวลาสั้นๆ ในโอซาก้า ภายใต้ #การท่องเที่ยงเชิงโภชนาการ #ซิปแตกยังแหลกต่อ #การบ้านมนุษย์สายแหลก เอาจริงๆ การเผยแพร่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สไตล์ข้าหรอก มันไม่ใช่ว่าข้าเป็น “อ้วนหวงของกิน” ตาม #ร้านแห่งความลับ แต่ข้าแค่คิดว่า คนเราชอบไม่เหมือนกัน เพราะหลายครั้งที่คนอื่นบอก โคตรอร่อย ข้าก็แบบ เออก็ดีนะ แต่มันไม่ใช่ โคตรอร่อยไง แล้วอีกอย่าง ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่คนชอบอาหารญี่ปุ่น เดินเข้าร้านไหนก็น้อยมากที่จะผิดหวัง แต่ก็นั่นแหล่ะ ทริปนี้เจอ “ราเม็งไตวาย” ที่เกียวโตมา ข้าเลยคิดได้ว่า เออ ... พลาดก็พอมีแหล่ะ แต่น้อยมาก พอถึงตรงนี้ ออกตัวอีกที
1. ข้าเขียนไม่เก่ง เล่าเรื่องไม่เก่ง ไม่ใช่นักเขียน ไม่มีพื้นฐานพวกนี้เลย
2. ข้ากินเก่ง ข้าชอบกิน แต่ข้าไม่ได้ชอบทุกอย่างที่กินเข้าไป มีอาหารบางอย่างที่ไม่กิน
3. ข้าไม่ทำอาหาร ไม่รู้ว่ามันใส่ไรเข้าไปบ้างและไม่ใช่ Food Guru
4. เราทุกคนล้วนต่างกัน นานาจิตตัง
อ่านพอเอาเพลิน ถ้าไปแถวนั้น ไม่มีไรกิน ก็ไปลองได้ ดีกว่า
ทริปนี้เริ่มต้นจากดอนเมือง ไปลงที่ Osaka ทั้งหมด 11 วัน ไปกัน 2 คนกะเพื่อนสายแหลก ที่ตระเวนแหลกมาแล้วอย่างโชกโชนกะข้าทั้งในและต่างประเทศ เป็น Best Buddy ทั้งเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อนนอน(เพราะนอนห้องเดียวกัน) และเป็นเพื่อนสนิทในชีวิตจริง คนเราจะมี travel buddy มันก็ไม่ได้มีกันได้ง่ายๆ เพื่อนรักบางคนก็ไม่เหมาะกะการเดินทางไปไกลๆ หลายๆคืน บางคนมี style การท่องเที่ยวไม่เหมือนกัน บางคนชอบเมืองมาก บางคนชอบธรรมชาติมาก แต่น่าแปลกกะเพื่อนคนนี้ เรามีทุกสไตล์การท่องเที่ยวที่เหมือนกัน priority หลักของเรา คือ การกิน... กินของอร่อย ไม่ว่างจะถูกจะแพง จะข้างทาง จะร้านดัง เราทั้งคู่ไม่เคยเกี่ยง... ดึกดื่นแค่ไหน ขอเพียง สบตา...ถามแค่ว่า ป่ะ ไปกินนี่มะ? โอกาสการปฏิเสธแทบเป็น ศูนย์
Itinerary แบบคร่าวๆ
1 Dec : DMK-KIX by AirAsiaX
2 Dec : Osaka Aquarium , Universal Studio Japan
3 Dec : Shinsaibashi and Kyoto ไปดูไฟ ที่วัดคิโยมิ ซึ่งคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายพอดี
4 Dec : Kyoto ไปป่าไผ่ Arashiyama Bamboo-groves /ไป Fushimi Inari-taisha
5 Dec : Amanohashidate and Ine
6 Dec : Kinosaki Onsen
7 Dec : back to Osaka
8 Dec : from Osaka to Nagoya, Nabana No Sato
9 Dec : To Takayama and Shirakawa-go
10 Dec : Takayama
11 Dec : Takayama to Osaka for flight back home
คืนแรกที่เท้าแตะ Osaka เครื่องเราลงค่อนข้างดึก กัปตันประกาศว่าอากาศข้างนอก 7 องศา พอลงเครื่องมา ก็ 21.40 การตรวจกระเป๋า ละเอียดมาก ต้องเปิดกระเป๋าทุกใบ เนื่องจากมีคนไทยทำเรื่องผิดกฏหมายมาก่อนหน้าหลายคดีเหมือนกัน แต่ทุกอย่างราบรื่น เจ้าหน้าที่สุภาพ อ่อนโยน และเชื่องช้า ตะต่อนยอน แต่ใบหน้ายิ้มแย้มและเป็นมิตร ทำให้เราพยายามเข้าใจเค้ามากขึ้นอีกสเตป วันนี้เราเข้าเมืองด้วย Limo ของ CitiBank Prestige เข้าที่พักแถว namba แล้วก็ทันทีที่ทิ้งของไว้ในห้อง เราสองคนรีบ ออกมาหาอะไรใส่ท้อง เดินวนไปมา ร้านส่วนใหญ่ปิดเที่ยงคืน ซึ่งเวลากินจะเหลือแค่ ครึ่งชั่วโมง มันก็ไม่ทันครึ่งท้องมะ เดินอีกแพ้พ เจอร้านนี้ ปิดตี 3 เป็นชาบู สุกี้ เราเป็นพวกแพ้ลายหินอ่อน ... ลุยค่ะ
ในรูปคือ ชาบู Extra Special Premium Wagyu คือ อะไรมันจะ Special แล้วจะ Extra ของความ Premium ไหนๆ ลองดิ้
มีเพื่อนตามมาสมทบอีก 1 คน เพื่อนคนนึงสั่ง Shabu เนื้อ Extra Special Premium Wagyu เรากะเพื่อนอีกคนสั่ง Suki เนื้อ Special Premium Wagyu เห้ยยยยย เห็นชาบูแล้วดูดีเหลือเกิน ของเราก็อร่อยแบบเอาเนื้อจุ่มๆ ในน้ำสุกี้สีดำ ผัก เต้าหู้ เส้นบุก คือดี แต่น้ำมันอาจจะซดไม่ได้เหมือนชาบู แต่เนื้อโคตรดี ลายหินอ่อนไม่เคยทำเราผิดหวัง เราสั่ง Umeshu on the rock มาจิบด้วย ดี๊ดีแก... ร้านนี้ราคาก็สูงแหล่ะ คือ จ่ายไปคนละ 6,000 เยน มีขนมหวานเป็น ชีสเค้กและไอศครีม Strawberry Sorbet ขนมหวานเราก็เฉยๆ แหล่ะ แต่เนื้อคือดี มีคุณป้ามาคอยใส่นั่น ใส่นี้ ให้เรา ดูแลตลอด ร้านนี่น่าจะนั่งได้ 16 คน รอบๆเคาน์เตอร์ เปิดถึงตี 3
ร้านนี้เราก็ไม่แน่ใจชื่อร้าน แต่เราลองหาใน Google ก็เจอว่า นางชื่อ Shabu-Mai Imonemon-cho
Website
http://japan.arukikata.co.jp/gourmets/info/930366/
เอาหล่ะ กินเสร็จกลับไปนอนได้แระ พรุ่งนี้มีแพลนคร่าวๆ ว่า จะไปตลาด Kuramon ซึ่งห่างจากที่พักประมาณ 5 นาที แล้วพอท้องอิ่ม เราค่อยไป Kaiyukan Aquarium ที่เราพลาดเมื่อตอนมาโอซาก้าคราวก่อน เมื่อหลายปีที่แล้ว เพราะมัวแต่ขึ้นชิงช้าสวรรค์ แล้วก็ค่อยไป Universal Studio Japan (USJ) เพื่อรอดูไฟ ของปราสาท Hogwarts : The Wizarding World of Harry Potter
Kuramon Market : เปิดตั้งแต่ 8.00-18.00 น. บางร้านเปิดดึกเลย ตอนเช้าคนขวักไขว่สุดๆ มีร้านแบบนั่งกิน บ้างก็เป็นแบบยืนกิน อารมณ์แบบตลาดปลา Tsukiji ในโตเกียวแต่นี่เป็นตลาดในร่ม และไม่มีการขายปลาแบบ Wholesale อาหารที่ขายก็จะมีซีฟู้ด ปลาดิบ ทาโกะยากิ หอยย่าง เนื้อวากิวย่าง ผลไม้เยอะมาก ร้านขายของฝาก เราเลือกกันไม่ถูกเลย
เราไปกินหอยเชลล์ย่างบนฝา เป็นอะไรที่เดินเรื่อยเปื่อยมาก และเราตั้งใจมากินปลาดิบ เราเลือกร้านที่เพื่อนมากินคราวก่อน แหม่ ลืมถ่ายหน้าร้าน เอาเป็นว่าที่อยู่ทางซ้ายมือ ต้นๆตลาด ขายปลาดิบอย่างเดียว ไม่มีที่นั่ง เหมือนต้องซื้อกลับบ้านแต่ถ้าเรายืนกินที่นี่เลยก็ได้ มีแบบที่แล่แล้ว วางในตู้แช่เราก็สอย Otoro, Chu-Otoro ละลายในปาก ปลาชิ้นหนา เย็นฉ่ำชื่นใจ มันแตกในปาก อารมณ์เหมือนกันเมล่อน แบบหวาน เย็น อร่อย กินแล้วสดชื่นเหลือเกิน ราคาก็ดีและสดมากกก
Kaiyukan Aquarium
พอออกจากตลาดเราก็ไป Kaiyukan Aquarium เนื่องจากเราเคยใช้ Osaka Amazing Passจากทริปก่อน คราวนี้เราก็ตั้งใจว่าจะอยู่ใน Osaka ด้วย 3 วัตถุประสงค์ คือ กิน อควาเรี่ยม และ ยูนิเวอร์แซล เราคงไม่ได้ไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ นั่งเรือโจรสลัด Santa Maria หรืออื่นใด เลยตั้งใจจะซื้อแค่ตั๋วรถไฟเป็นเที่ยว และตั๋วเข้า Kaiyakan แต่เจอเจ้าหน้าที่รถไฟ เค้าก็แนะนำให้ซื้อ Kaiyukan Pass+ตั๋วรถไฟที่คุ้มกว่า เพราะเหมือนได้รถไฟแถมมา ราคา 2,550 เยน โดยปกติค่าเข้าอควาเรี่ยมก็ 2,300 เยนละ แล้วเราสามารถใช้โดยสารรถไฟใต้ดิน รถบัส รถราง(New tram) ได้โดยไม่จำกัดภายใน 1 วัน ก็ไม่ต้องคิดมากค่ะ ถอยเลย หรือจะเอาไปรับส่วนลด สูงสุดถึง 50% ได้แก่ ชิงช้าสวรรค์เทมโปซาน(Tempozan Ferris Wheel), ล่อเรือซานต้ามาเรีย(Santa Maria), เรือกัปตันไลน์(Captain Line) และเรือข้ามระหว่างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกับท่าเรือ Universal City
Spotted Eagle Ray นางเหมือนบินได้ ว่ายโฉบไปมา
เรือข้ามระหว่างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกับท่าเรือ Universal City ซึ่งอันสุดท้ายมันคือสิ่งตื่นเต้นสำหรับเรา ที่มาค้นพบที่อควาเรี่ยม คือเราสามารถนั่งเรือ Shuttle Cruise ของ Captain Line ไป USJ ในวลาแค่ 10 นาที จากตอนแรก ก็คงไปรถไฟต่อไปต่อมา ร่วมชั่วโมง และไม่ต้องคิดมากเลย เพราะเป็นพวกชอบนั่งเรือที่สุด และขี้เกียจเดินที่สุดเช่นกัน จุดลงเรือ คือจากด้านหน้า kaiyukan เดินผ่านร้าน Starbucks เดินมุ่งหน้าไปที่ริมอ่าวเลย(ให้ Starbucks อยู่ขวามือ) มองลงไปก็เจอที่ขึ้นเรือ ซึ่งจะมา ทุก 20 นาทีนั่ง 10 นาที ก็ถึงท่าเรือชอง USJ ราคา 700 เยน ต่อเที่ยวค่ะ ตั๋วหยอดที่ตู้ได้เลย
ออกมา ก็เดินตามชาวบ้านไป ไม่ไกลก็ถึง Universal Studio Japan (USJ) มื้อเที่ยงเราไปกินเนื้อย่างร้าน Buffet แต่บอกได้ว่า ไม่ประทับใจเลย ก็ข้ามๆ ไปละกันนะ กินไปก็เปลืองท้อง เอาเป็นว่า ถ้าไปที่ USJ ก็อย่าไปหาบุฟเฟต์ปิ้งย่าง ก็พอ แต่แนะนำให้กินก่อนเข้าไป เพราะถ้าเราไปรอของเล่นแล้วเดินออกมาหาอะไรกิน อาจจะเสียกระบวน
ช่วงที่อยู่ใน USJ ก็เดินดูนั่นนี่ ไปดูพาเหรด ของ Minion ก็น่ารักดี ข้านี่ไม่ใช่พวกชอบสวนสนุกใดๆเลย แต่ทุกทีที่ไปคือ ที่ที่มี Harry Potter ตั้งแต่ London ก็มาที่นี่ เพราะดูยังไงก็อิน อยากเรียนกะ Harry จริงๆ สนู๊ก สนุก ปล่อยเพื่อน 2 คนไปเล่นเครื่องเล่น เสียวๆ ที่ต้องรอคิวนาน จริงๆ เราควรซื้อ Fast Track มาแต่ว่าเนื่องจากวันที่เราไป ตั๋วมีแต่ช่วงเวลาที่เราไม่โอเค เราเลยเลือกที่จะใช้แต้มบุญของเรา ซึ่งเราคงได้ใช้ไปแล้ว คือ ฝนห้ามตก เราไม่อยากหนาวจนทนรออะไรไม่ได้ พื้นที่ในในร่มก็ไม่ได้มีเยอะมาก สรุปฝนไม่ตกเราก็โอเคมากละ
หลังจาก ดูการแสดงไฟ ที่เราก็ว่าตื่นตาตื่นใจ (ตามประสาคนที่ไม่ชอบสวนสนุกแต่รัก harry potter อย่างเรา) เราก็ไปเล่นเครื่องเล่นในปราสาท Hogwarts ต่อ สนุกดี แล้วหลังจากนี้ ก็ถึงเวลากิน เราเลยตกลงกันว่าจะกลับไปกินแถวที่พัก Dotonburi นั่งรถไฟกลับไป แล้วก็ไปร้านโปรดของข้า ที่กินเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ที่โตเกียว นั่นคือ ร้าน Isomaru คิดว่าหลายคนคงรู้จัก ร้านนี้อยู่บน Dotonburi และเปิด 24 ชั่วโมง ของที่ชอบมากกกกก ที่นี่ คือ Kani Miso คือ เจ้ามันปูที่ปิ้งในกระดอง ที่นี่คือดีมากกกก
ปลาหมึกผักกระเทียม หนึบๆ กรุบๆ อร๊อยยยย อร่อยยยย มีความหอมของกระเทียม ไม่เค็มอย่างที่คิด
มี Sashimi เย็นๆ เนื้อปลาสดมาก เด้งดึ๋ง
กุ้งปิ้ง เวลากินก็บีบมะนาว ไม่ต้องจิ้มอะเลย กะเจ้ามันปูย่างที่กินเท่าไหร่ ก็ไม่พอ
ยำแตงกวา ใส่เกลือ น้ำมันงา ยังอร่อย กรอบ ชอบมาก
ร้านหาไม่ยากเลย อยู่บน Dotonburi ถ้าเดินมาจาก กูลิโกะ ข้ามสะพานมา เจอ Starbucks เลี้ยวซ้าย ตรงมาเรื่อยๆ กลางๆ ซอยก็จะมีร้านหน้าตาแบบในรูป อยู่ตรงหัวมุมซอยเล็ก อยู่ขวามือ ราคาอาหารเรียกว่า ถูกเลย ด้วยคุณภาพที่ดี จะบอกว่า ก่อนกลับเมืองไทยก็แวะมากินอีกรอบก่อนกลับ