หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
แก้ชง 9 วัด ใจสะอาดรับ ปีจอ ปี 2561
กระทู้สนทนา
เที่ยววัด
บันทึกนักเดินทาง
ทำบุญ
One Day Trip
เที่ยวเชิงอนุรักษ์
สวัสดีครับห่างหายไปนานมากกับการท่องเที่ยว โดยในปีนี้ผมได้เลือกไปแก้ชงและทำบุญเก้าวัดไปในตัว เลือกที่จะไปวัดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งใกล้กรุงเทพฯและการเดินทางสะดวก โดยเราเดินทางโดยรถยนต์ รอบนี้ไปกับผู้ร่วมทริปรวม 4 คนแบบสายโสดโปรดเข้าใจ และผมเองไม่ได้ขับเป็นอะไรที่สบายมาก มีเวลาได้เขียนและบันทึกเรื่องราวได้เต็มที่ เราได้นัดกันที่เมกกะบางนาเวลา 08.00 น. ล้อหมุน และเดินทางทางไปเส้นกาญจนาเข้ามอเตอร์เวย์ไปยังบางประอินอยุธยา ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 1 ชม. นิดๆก็ถึงละครับ
เวลา 9.20 น. เราก็ถึงวัดที่ 1 ของเราคือวัดวัดใหญ่ชัยมงคล เดิมชื่อ "วัดป่าแก้ว" หรือ "วัดเจ้าไท" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะพระนคร ปัจจุบันเป็นพื้นที่ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จุดเด่นของวัดได้แก่เจดีย์องค์ใหญ่ที่เชื่อกันว่า ได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
เวลา 9.50 น. เดินทางไปยังวัดที่ 2 คือวัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก วัดพนัญเชิง เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา และไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง และพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิง เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ และใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา และที่วัดยังมีศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ที่เป็นที่แก้ชง และขอความรัก คู่ครองได้ ซึ่งทางผมก็ได้มาแก้ชงและไหว้พระที่นี่นานนิดหน่อย
เวลา 10.40 น. วัดที่ 3 วิหารพระมงคลบพิตร ซึ่งจะอยู่คนละฝั่งกับสองวัดแรก เดินทางประมาณ 10 นาทีก็ถึง ซึ่งวิหารพระมงคลบพิตร เป็ดวัดอารามหลวงตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทางทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ มีจุดเด่นที่สำคัญคือเป็นวัดเก่าแก่ในเขตกำแพงเมือง ที่ได้รับการบูรณะอย่างดี ภายในวิหารมีพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปประธานขนาดใหญ่ที่เสียหายตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง แต่ได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมด ด้วยทองสำริดหุ้มทองตามปัจจุบัน แต่วันนี้ที่ไปปิดบูรณะก็เลยได้ไหว้ข้างล่างแทน และตลอดทางไปไหว้พระนั้นมีร้านขายของมากมายหลายร้านโดนเฉพาะสายไหมที่ขึ้นชื่อ
เวลา 11.10 น. วัดที่ 4 วัดธรรมิกราช เดิมชื่อ วัดมุขราช เป็นอดีตพระอารามหลวงในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ใน อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ติดกับพระราชวังโบราณ และวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดธรรมิกราช สร้างขึ้นโดย พระยาธรรมิกราชโอรสของพระเจ้าสายน้ำผึ้ง จึงสันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นก่อนที่จะสถาปนากรุงศรีอยุธยา ซึ่งเดิมชื่อวัดมุขราช ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตามผู้สร้างเป็นวัดธรรมิกราช โดยวันนี้ทางผู้ร่วมทริปก็ได้เป็นเจ้าภาพในการสร้าง ศาสนสถานของวัดอีกด้วย ได้พระมากหลายองค์เลย
เวลา 11.40 วัดที่ 5 วัดหน้าพระเมรุ ตั้งอยู่ที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ริมคลองสระบัวด้านเหนือของคูเมือง (แม่น้ำลพบุรีเก่า) ตรงข้ามกับพระราชวังหลวง มีชื่อเดิมว่า "วัดพระเมรุราชการาม" สิ่งสำคัญที่ปรากฏภายในวัดนี้ คือ พระอุโบสถและพระพุทธรูปประธานทรงเครื่องใหญ่ ซึ่งคงสร้างขึ้นราวรัชกาลของพระเจ้าปราสาททอง หน้าบันของพระอุโบสถเป็นไม้แกะสลักปิดทองที่แสดงรูปพระนารายณ์ทรงครุฑแวดล้อมด้วยเหล่าเทวดา ใกล้เที่ยงแล้วเราต้องไปหารทานกันก่อนไปไหวต่อ มาได้ครึ่งทางแล้วรักษาเวลาได้ดีมาก
เวลา 12.20 เราก็ได้แวะพักทานข้าวกันก่อนที่ ตลาดน้ำอโยธยา ซึ่งเป็นตลาดน้ำที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เลยที่เดียว และอาหารก็มีหลายหลายนะครับ แต่ทางผมเลือกทานตำถาด ปลาเผาและห่อหมก ซึ่งโอเคเลยครับรสชาติเหมือนกรุงเทพฯ ออกหวานนิดๆ อร่อยดี ขนมหวานที่นี่ก็เยอะมากมีมากมายหลายแบบเลือกซื้อเลือกชมกันได้ตามสบาย และที่นี่ยังมีการนั่งช้างพาชมหมู่บ้านด้วยนะครับ
เวลา 13.30 เราก็ไปต่อวัดที่ 6 วัดสมณโกฏฐาราม หรือ วัดสมณโกศ ซึ่งอยู่ใกล้ตลาดน้ำอโยธยา เดิมเป็นวัดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งชื่อว่า วัดพระยาพระคลัง เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่กินพื้นที่สองฝั่งคลอง แต่ละฝั่งจะประกอบด้วย วิหาร โบสถ์ เจดีย์และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ในสมัยสมเด็จพระเพทราชา สันนิฐานว่าวัดสมณโกศ เป็นวัดที่เจ้าพระยาโกษาธิปดี เป็นผู้ปฏิสังขรเพื่อเป็นวัดประจำตระกูล โดยส่วนตัวผมชอบวัดนี้นะ ได้ทำสังฆทานด้วยคนไม่เยอะ
เวลา 14.10 วัดที่ 7 วัดกษัตราธิราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา นอกเกาะเมืองทางด้านทิศตะวันตก ตรงข้ามกับวังหลังหรือวังสวนหลวง เดิมชื่อ "วัดกษัตรา" หรือ "วัดกษัตราราม" มีพระประธานในพระอุโบสถที่มีแท่นฐานผ้าทิพย์ปูนปั้น ฝีมือประณีตงดงาม ใบเสมาของพระอุโบสถเป็นใบเสมาคู่แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง อากาศช่วงบ่ายเริ่มร้อนอย่างไรใครจะได้เตรียมร่มกันด้วยนะครับ
เวลา 14.50 วัดที่ 8 วัดพุทไธศวรรย์ เป็นพระอารามหลวงตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ในตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา ในสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดพุทไธศวรรย์เป็นพระอารามหลวงที่ใหญ่โตและมีชื่อเสียงวัดหนึ่ง ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ ปรางค์ประธาน องค์ใหญ่ศิลปะแบบขอม ตั้งอยู่กึ่งกลางอาณาเขตพุทธาวาสบนฐานไพที ซึ่งมีลักษณะย่อเหลี่ยมมีบันไดขึ้น 2 ทาง ตอนนี้มีการสร้างพระปรางค์ใหม่เพิ่มขึ้น
เวลา 15.40 วัดที่ 9 วันสุดท้ายที่เราไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปวัดไหน โดยเราระบุเพียงว่าถ้าเจอวัดไหนก่อนก็เข้าเลยซึ่งเราก็ได้ วัดขุนพรหม ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมน้ำ และมีที่ประดิษฐานของพระพรหมขนาดใหญ่หันหน้าออกไปยังริมน้ำ คนไม่เยอะครับ คิดว่าน่าจะเป็นวัดบ้าน ไม่ได้ดังอะไร แต่ผมชอบนะรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน
สรุปทริป แก้ชง 9 วัด 1 ตลาด ใจสะอาด รับปีจอ ปี 2561 รู้สึกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก ผมว่าบางทีชีวิตมันก็ต้องมีที่พึ่งทางใจบ้าง ได้ออกไปเผชิญโลกกว้างบ้าง ซึ่งเราเองสามารถแบ่งการใช้ชีวิตได้ ไม่จะเป็นต้องใหม่มันซ้ำซากอยู่ตลอดเวลา ต้องขอบคุณผู้ร่วมเดินทางทุกท่านด้วยนะครับ ไว้มีโอกาสเราไปเที่ยวกันใหม่ สำหรับวันนี้ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ครับ ไว้พบกันใหม่ในทริปต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยววัด
บันทึกนักเดินทาง
ทำบุญ
One Day Trip
เที่ยวเชิงอนุรักษ์
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
แก้ชง 9 วัด ใจสะอาดรับ ปีจอ ปี 2561
เวลา 9.20 น. เราก็ถึงวัดที่ 1 ของเราคือวัดวัดใหญ่ชัยมงคล เดิมชื่อ "วัดป่าแก้ว" หรือ "วัดเจ้าไท" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะพระนคร ปัจจุบันเป็นพื้นที่ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จุดเด่นของวัดได้แก่เจดีย์องค์ใหญ่ที่เชื่อกันว่า ได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
เวลา 9.50 น. เดินทางไปยังวัดที่ 2 คือวัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก วัดพนัญเชิง เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา และไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง และพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิง เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ และใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา และที่วัดยังมีศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ที่เป็นที่แก้ชง และขอความรัก คู่ครองได้ ซึ่งทางผมก็ได้มาแก้ชงและไหว้พระที่นี่นานนิดหน่อย
เวลา 10.40 น. วัดที่ 3 วิหารพระมงคลบพิตร ซึ่งจะอยู่คนละฝั่งกับสองวัดแรก เดินทางประมาณ 10 นาทีก็ถึง ซึ่งวิหารพระมงคลบพิตร เป็ดวัดอารามหลวงตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทางทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ มีจุดเด่นที่สำคัญคือเป็นวัดเก่าแก่ในเขตกำแพงเมือง ที่ได้รับการบูรณะอย่างดี ภายในวิหารมีพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปประธานขนาดใหญ่ที่เสียหายตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง แต่ได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมด ด้วยทองสำริดหุ้มทองตามปัจจุบัน แต่วันนี้ที่ไปปิดบูรณะก็เลยได้ไหว้ข้างล่างแทน และตลอดทางไปไหว้พระนั้นมีร้านขายของมากมายหลายร้านโดนเฉพาะสายไหมที่ขึ้นชื่อ
เวลา 11.10 น. วัดที่ 4 วัดธรรมิกราช เดิมชื่อ วัดมุขราช เป็นอดีตพระอารามหลวงในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ใน อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ติดกับพระราชวังโบราณ และวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดธรรมิกราช สร้างขึ้นโดย พระยาธรรมิกราชโอรสของพระเจ้าสายน้ำผึ้ง จึงสันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นก่อนที่จะสถาปนากรุงศรีอยุธยา ซึ่งเดิมชื่อวัดมุขราช ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตามผู้สร้างเป็นวัดธรรมิกราช โดยวันนี้ทางผู้ร่วมทริปก็ได้เป็นเจ้าภาพในการสร้าง ศาสนสถานของวัดอีกด้วย ได้พระมากหลายองค์เลย
เวลา 11.40 วัดที่ 5 วัดหน้าพระเมรุ ตั้งอยู่ที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ริมคลองสระบัวด้านเหนือของคูเมือง (แม่น้ำลพบุรีเก่า) ตรงข้ามกับพระราชวังหลวง มีชื่อเดิมว่า "วัดพระเมรุราชการาม" สิ่งสำคัญที่ปรากฏภายในวัดนี้ คือ พระอุโบสถและพระพุทธรูปประธานทรงเครื่องใหญ่ ซึ่งคงสร้างขึ้นราวรัชกาลของพระเจ้าปราสาททอง หน้าบันของพระอุโบสถเป็นไม้แกะสลักปิดทองที่แสดงรูปพระนารายณ์ทรงครุฑแวดล้อมด้วยเหล่าเทวดา ใกล้เที่ยงแล้วเราต้องไปหารทานกันก่อนไปไหวต่อ มาได้ครึ่งทางแล้วรักษาเวลาได้ดีมาก
เวลา 12.20 เราก็ได้แวะพักทานข้าวกันก่อนที่ ตลาดน้ำอโยธยา ซึ่งเป็นตลาดน้ำที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เลยที่เดียว และอาหารก็มีหลายหลายนะครับ แต่ทางผมเลือกทานตำถาด ปลาเผาและห่อหมก ซึ่งโอเคเลยครับรสชาติเหมือนกรุงเทพฯ ออกหวานนิดๆ อร่อยดี ขนมหวานที่นี่ก็เยอะมากมีมากมายหลายแบบเลือกซื้อเลือกชมกันได้ตามสบาย และที่นี่ยังมีการนั่งช้างพาชมหมู่บ้านด้วยนะครับ
เวลา 13.30 เราก็ไปต่อวัดที่ 6 วัดสมณโกฏฐาราม หรือ วัดสมณโกศ ซึ่งอยู่ใกล้ตลาดน้ำอโยธยา เดิมเป็นวัดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งชื่อว่า วัดพระยาพระคลัง เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่กินพื้นที่สองฝั่งคลอง แต่ละฝั่งจะประกอบด้วย วิหาร โบสถ์ เจดีย์และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ในสมัยสมเด็จพระเพทราชา สันนิฐานว่าวัดสมณโกศ เป็นวัดที่เจ้าพระยาโกษาธิปดี เป็นผู้ปฏิสังขรเพื่อเป็นวัดประจำตระกูล โดยส่วนตัวผมชอบวัดนี้นะ ได้ทำสังฆทานด้วยคนไม่เยอะ
เวลา 14.10 วัดที่ 7 วัดกษัตราธิราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา นอกเกาะเมืองทางด้านทิศตะวันตก ตรงข้ามกับวังหลังหรือวังสวนหลวง เดิมชื่อ "วัดกษัตรา" หรือ "วัดกษัตราราม" มีพระประธานในพระอุโบสถที่มีแท่นฐานผ้าทิพย์ปูนปั้น ฝีมือประณีตงดงาม ใบเสมาของพระอุโบสถเป็นใบเสมาคู่แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง อากาศช่วงบ่ายเริ่มร้อนอย่างไรใครจะได้เตรียมร่มกันด้วยนะครับ
เวลา 14.50 วัดที่ 8 วัดพุทไธศวรรย์ เป็นพระอารามหลวงตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ในตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา ในสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดพุทไธศวรรย์เป็นพระอารามหลวงที่ใหญ่โตและมีชื่อเสียงวัดหนึ่ง ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ ปรางค์ประธาน องค์ใหญ่ศิลปะแบบขอม ตั้งอยู่กึ่งกลางอาณาเขตพุทธาวาสบนฐานไพที ซึ่งมีลักษณะย่อเหลี่ยมมีบันไดขึ้น 2 ทาง ตอนนี้มีการสร้างพระปรางค์ใหม่เพิ่มขึ้น
เวลา 15.40 วัดที่ 9 วันสุดท้ายที่เราไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปวัดไหน โดยเราระบุเพียงว่าถ้าเจอวัดไหนก่อนก็เข้าเลยซึ่งเราก็ได้ วัดขุนพรหม ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมน้ำ และมีที่ประดิษฐานของพระพรหมขนาดใหญ่หันหน้าออกไปยังริมน้ำ คนไม่เยอะครับ คิดว่าน่าจะเป็นวัดบ้าน ไม่ได้ดังอะไร แต่ผมชอบนะรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน
สรุปทริป แก้ชง 9 วัด 1 ตลาด ใจสะอาด รับปีจอ ปี 2561 รู้สึกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก ผมว่าบางทีชีวิตมันก็ต้องมีที่พึ่งทางใจบ้าง ได้ออกไปเผชิญโลกกว้างบ้าง ซึ่งเราเองสามารถแบ่งการใช้ชีวิตได้ ไม่จะเป็นต้องใหม่มันซ้ำซากอยู่ตลอดเวลา ต้องขอบคุณผู้ร่วมเดินทางทุกท่านด้วยนะครับ ไว้มีโอกาสเราไปเที่ยวกันใหม่ สำหรับวันนี้ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ครับ ไว้พบกันใหม่ในทริปต่อไป