คนไม่รู้เรื่องกฏหมายเปนด้อยจริงๆ

สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องอยากถามและอยากหาทนายหรือใครที่พอช่วยได้รบกวนบอกเราทีค่ะ  เรื่องเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือน สิงหา-ตุลา 60 ปีที่แล้ว
เราได้ไปฉีดสเต็มหน้าใสขึ่น ที่คลีนิคแห่งหนึ่งซึ้งเปนคลีนิคประจำ ที่ใช้บริการอยู่บ่อยๆ ก่อนหน้านี้จะใช้บริการเรื่องฟิลเลอ
แต่วันที่เกิดเหตุเราได้ไปฉีดสเต็มเซลหน้าใส เคยฉีดมาแล้วครั้งก่อน. หน้าดีขึ้นเลยไปฉีดซ้ำ หลังจากฉีดเสร็จประมาณ10-15นาที รู้สึกตรงบริเวณคางมันบวมๆเริ่มแดงนิดๆแต่ไม่ได้อะไรมากก็ขับรถกลับบ้านปกติ พอถึงบ้านเหมือนมันบวมกว่าเก่า เจลเย็นประคบและทานยาแก้อักเสบ กับลดบวดแก้ปวด
เช้าวันรุ้งขึ้น คางมันบวมมากกว่าเก่าเยอะ!! เราเลยทักไปหาคลีนิคนั้นทางคลีนิคก็บอกว่า ประคบเย็นนะค่ะและทานยา. ทางคุณหมออาจจะเน้นจุดนั้น
เปนพิเศษเพราะเห็นมีสิวเยอะ เราเลยทำตามที่เค้าแนะนำ เราทานยาแบบนี้ตลอดจนผ่านไป3วัน รู้สึกว่า อาการบวมแดงและอาการปวดมันไม่ดีขึ้นเลย
ปวดและทรมานแสบมาก และเปนหนองย้อนตรงคางหนักมาก ปากแทบขยับไม่ได้ เราเลยถ่ายรูปและส่งให้เค้าดู เค้าเห็นเลยบอกให้เราเข้าไปหาคุณหมอ คุณหมอเห็นก็ตกใจและเบื้องต้นก็ฉีดยาแก้อัพเสบอย่างแคงให้เรา และให้เราต้องมาฉีดทุกวันจนกว่าจะหาย เรามาฉีดได้3วัน มันเริ่มยุบและดีขึ้น
เราเลยบอกว่าบ้านเราอยู่ปทุม นั้งรถแท๊คซึ่ไปกลับเราโดนค่ารถ ค่าทางด่วน ครั้งละ600บาท เราไม่ไหว หมอเลยให้ยาเราไปฉีดเองที่คลีนิคใกล้บ้าน
และมันก็หายยุบไป ผ่านไป1เดือน อยู่ๆมันก็มีหัวหนองขึ้นมาอีกเราเลยรีบเข้าไปคลีนิคไม่รอช้า คุณหมอทำการดูดหนองออกทันที
ความสึกแบบ....เจ็บมากกกก น้ำตาไหลออกนึกใจและพูดออกมาให้หมอได้ยินว่า “มันใช่เรื่อง ที่เราจะต้องมาเจ็บแบบนี้มั้ย”คุณหมอได้แต่บอกว่า
“ต้องขอโทษด้วย” เด่วหายแล้วเราจะทำการแก้ให้คางเรากลับมาเปนปกติ ทางเจ้าของคลีนิคก็เข้ามาขอโทษและบอกว่า “เด่วคุณหมอและทางคลีนิค
จะรับผิดชอบให้เราเหมือนเดิมนะคับ ไม่ต้องห่วง” เราได้ยินแบบนี้เราก็สบายใจ
เพราะเค้าก็รับปากจะรับผิดชอบ คุณหมอนัด2อาทิตมาดู ว่าเปนไงบ้านพอครบกำหนดเราเข้าไป คางเรามันตัดเปนคางหมูผิดจากเดิมมากๆเราถามว่า
แบบนี้จะทำไงต่อค่ะ คุณหมอบอกว่าเด่วลองฉีดฟิลเลอร์ดูว่าจะดีขึ้นมั้ยแต่พีกไปก่อนสัก1เดือน. แต่ครั้งนี้ลองร้อยไหม ดึงหน้าขึ้นหน่อยว่าจะเปนไง
เราก็โอเคแต่....จุดนี้เราเสียเงินไป6,000บาท (งงนิดๆค่ะแต่ก็จ่าย)
ผ่านไป1เดือน เราเข้าที่คลีนิคเพราะให้คุณหมอดูว่าเปนไง คุณหมอฉีดฟิลเลอเข้าไป 1cc เจ็บมากกกกกค่ะไม่รู้ว่าเพราะอะไร
มันก็มีคางขึ้นมาอีกนิดนึง ตอนนั้นมองว่าก็ดีขึ้นนะ ครั้งนั้นไม่เสียเงินค่ะและเราให้เค้าฉีดแก้มให้เราเพิ่มเพื่อชดเชยให้เราหน่อย
หลังจากนั้นผ่านไป1อาทิตย์รู้สึกคางมันไม่เหมือนตอนฉีดใหม่ๆมันยุบตัวลงกลับมาตัดเหมือนเดิม เราก็เข้าไปพบหมออีกครั้ง
คุณหมอท่านนี้คนละคนกับที่มีปัญหา เพราะคิดว่าเค้ามือหนักเราเลยเจ็บเพราะตอนฉีดยารักษาคางเส้นเราแตก2ครั้ง เราเลยเปลี่ยนหมอแต่คลีนิคเดิม
คราวนี้  ทางคลีนิคให้เราเลือกฟิลเลอว่าจะฉีดยี่ห้อไหน ด้วยความที่ไม่รู้เรื้องว่าตัวไหนดีเหมาะกับเรา เราเลยไว้ใจให้เจ้าของคลีนิคเลือกให้
เค้าว่าง เรียงกัน ตัวแพง ตัวราคากลาง และตัวถูก เราบอกให้เค้าเลือกเลยเราไม่รู้ เค้าเลืกราคาถูกให้เรา และอ้างว่าตัวนี้เหมาะที่สุดเพราะเนื้อเหมือนจริงสุด
เราก็โอเค พอเข้าห้องฉีด หมอฉีดให้เราเจ็บกว่าครั้งที่แล้วอีก จนเราไม่ไหวหมอถามว่า ทำไมเลือกยี่ห้อนี่ ไม่เอาอีกยี่ห้อ(พูดชื่อยี่ห้องตัวแพง)
เราบอกอ้าว!! เราไม่รู้เจ้าของเลือกให้. หมอกับผู้ช่วยมองหน้าากัน และคุณหมอท่านนี้บอกว่าคางเราเนื้อมันน้อยมากฉีดไปดึงก็ไม่มีให้ออกมา
แนะนำให้เสริมดีกว่า เราเลยบอกว่าถ้าเสริมเราต้องเสริม ที่นี้หรอถึงจะรับผิดชอบ  เจ้าของบอกใช่และยื่นข้อเสนอว่า
ถ้าเราจะเสริมเด่วทางคลีนิคจะดูราคาให้เราเปนพิเศษเลย (คิดในใจนี่ต้องเสียเงินด้วยอ่อ) แต่เราไม่พูดอะไรและกลับบ้านมานั้งคิด และตัดสินใจจะเอาไง
กับคลีนิคเหมือนถูกเอาเปรียบ เราลองนิ่งเฉยไป ผ่านไป1เดือน  ก็ไม่มีการติดต่อถามไถ่อาการว่าเปนไงบ้าง ทั้งหมอและคลีนิค เราเลยติดต่อไปว่าจะเอาไง
เลยนัดว่าจะเข้าไปคุย เราเข้าไปคุยกับคลีนิค ทางคลีนิคบอกว่าตอนนี้คลีนิคตัดสินใจว่าจะให้เราฉีดไขมันที่หน้าแทน และสั้งเครื่องฉีดไขมันไปแล้ว
ถ้าเราฉีดข้อตกลงคือให้เราเปนเคสรีวิว แต่...เราก็ต้องสำลองออกเงินส่วนหนึ่งเหมือนกันเปนเงินประมาน20,000-30,000บาท
(เค้ารู้ว่าเราเปนคนคุยง่ายและกล้าจ่ายเราเปนลค ติดดาวของคลีนิคเค้าเค้าบอก)
เราตอบตกลง แต่เครื่องกำหนดมาเดือนตุลาคม ตอนนั้นมันเดือน เมษา-พฤษภา ไม่แน่ใจเค้าให้รอ4เดือนแต่เราไม่เอ๊ะใจอะไร  เรารอมาโดยตลอด
ตั้งแต่มีปัญหาจนถึงปัจจุบันเราไม่เคยได้รับการติดต่อจากคุณหมอหรือทางคลีนิคก่อนเลยมีแต่เราติดต่อไปถาม  เวลาผ่านไปเรานับวันรอแบบมีหวัง
   พอถึงช่วงเดือนกันยาปลายเดือนเราก็ทักไปถามเครื่องมาเดือนตุลาคมใช่มั้ย คลีนิคบอกใช่ พอเดือนตุลาคมปุ๊บ!!!
วันที่7ตุลาคมเราทักไปถาม  เครื่องมายังจ๊ะ?? เค้าบอกว่าเครื่องยังไม่มาถึงเลย เราก็ไม่อะไรคิดว่าคงเรทบ้าง พอวันที่ 15ตุลาคม เราทักไปถามว่าเครื่องมายัง
คลีนิคบอกว่ามาแล้วค่ะ กำลังยื่นข้อใบอนุญาติอยู่ เราเลยบอกว่า(โมโห) บางครั้งโทรมาแจ้งหน่อยก็ได้มั้งค่ะ ไม่ใช่ต้องเปนฝ่าย
ทักมาถามฝ่ายเดียว เราถามว่าแล้วจะได้ทำเมื่อไหร่ เค้าบอกว่าไม่น่าจะเกินธันวา เราบอกไปว่า ธันวาอีกแล้วหรอ??(เลื่อนไม่รู้จะเลื่อนไง)
เราเลยเงียบ จนสินธันวาก็ยังเงียบจนถึงทุกวันนี้ค่ะ และเริ่มศึกษาว่าจะเอาเรื่องยังไงเปืดเน็ต เซิทหาข้อมูล
          บางคนบอกว่าเอาผิดไม่ได้เพราะเกิน1ปี เราเครียดมากเพราะเราไม่รู้กฎหมายและเบื้องต้นเค้ารับปากว่าจะรับผิดชอบ
ไม่คิดว่าจะเล่นกันแบบนี้ มีใครพอมีทางมั้ยค่ะ คางเราเราไปปรึกษาหมอทำคางตอนแรกกะไม่ให้เค้ารับผิดชอบแล้วเบื่อ
ไปปรึกษาคลีนิคทั้ง2คลีนิคไม่ทำให่เพราะว่าคางเราต้องผ่าตัดเคลื่อนกรามอย่างเดียวถึงดีขึ้น เพราะเนื้อไม่มีแล้ว
เราไปปรึกษาคลีนิตที่รับผ่าตัดใช้งบ 3แสนกว่าเราคนเดียวไม่ไหวแน่ แต่กลับมารู้ว่ากฏหมายมีช่องโว่ขนาดนี้เลยหรอ
และคนที่ผิด ไร้ความรับผิดชอบ ก็ลอยหน้าเปิดคลีนิคต่อแบบหน้าด้านๆแบบนี้  โดยไม่มีจรรยาบัน เมื่อก่อนเราเคยมีงานรับรีวิวสินค้าทุกเดือน
เด่วนี้ก็ไม่มี ถ่ายแบบที่เคยนัดไว้เราก็ไม่กล้าไปเพราะโครงหน้าเราเปลี่ยนถ่ายมาก็ไม่สวย ระหว่างที่เปนเราเครียดกับเรื่องนี้จนไมเกรนขึ้นหนักเข้า
รพ ติดต่อกัน ภาวะเครียดมารับสถาพคางนี้ไม่ได้ ไม่มีความมั่นใจ  ร้านอะไหล่รถที่เคยเปิดต้องปิดเพราะเราไม่กล้าออกไปเจอใคร
เจอใครเค้าก็ทักกัน จนแฟนเราต้องปิดร้านเพื่อมาอยู่เปนเพื่อเรากัวเราคิดมาก จนสุดท้ายร้านต้องปิดเพราะรายได้ที่เคยมีน้อยลงและค้างค่าเช่า
แฟนเลยเลือกปิดร้านและเข้ามาทำในบ้านเพื่อจะได้ อยู่เปนเพื่อนเราในบ้าน
         เราพอมีช่องทางไหนได้บ้างมั้ยค่ะ ช่วยแนะนำเราที
https://www.facebook.com/ribbin.ulike/posts/1983042751954122
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่