ทริปนี้เราไปญี่ปุ่น 8 วัน 7 คืนค่ะ ไปทั้งทีก็เที่ยวให้คุ้มซะเลย ทุกคนเลยลงความเห็นว่า

"ไปมันทั้ง โตเกียว แวะเยี่ยมฟูจิซังแล้วลงมาต่อที่แทบคันไซ"

พอเลือกได้ว่าจะไปเที่ยวไหนกันบ้าง จะรอช้าทำไม ก็จองตั๋วเครื่องบินเลยสิจ๊ะ
- เงื่อนไขแรกเลยค่ะ เลือกตั๋วเครื่องบินที่ราคาถูกแบบรับได้เลย พอถึงตอนนี้ ต้องมีบางคนสงสัยใช่แน่ๆ ว่าเอ๊ะ ไหนบอกตั้งงบสูงไง
ไอ้ที่บอกว่าสูงเนี่ย ก็ไว้ใช้จ่ายที่นู้นมั้ยละ ซื้อของใช้ ของกิน ของจุกจิก บลา บลา บลา ไอ้ค่าเครื่องเนี่ย นั่งอยู่แปปเดียวจะไปนั่งราคาแพงทำไมล่าาาา
- เงื่อนไขข้อถัดมา บินมันที่สุวรรณภูมิเนี่ยแหละ บ้านอยู่แถวนี้กันทั้งนั้น จะไปขึ้นดอนเมืองทำม๊ายยย จะฝ่ารถติดไปหราาาาา แล้วถ้าตกเครื่องล่าาาา
- เงื่อนไขข้อสุดท้ายเลย ต้องไปและกลับ วันที่เราต้องการแบบเป๊ะๆแหละแกร๊ หลายคนคงแบบ ไอ้ข้อนี้ มันก้แหงอยู่แล้วมั้ยแกรรรร๊ แต่สำหรับเราๆแล้ว
มันไม่ใช่เว้ยแกรรรร๊ คือเพื่อนเราเนี่ย นางต้องไปเที่ยวหลังวันเกิดนาง และต้องกลับมาให้ทันวันเกิดพี่นางไงจ๊ะ ไอ้จะไปช่วงก่อนหน้านั้น นางก็ต้องทำเงินเดือน ยื่นภาษีไงจ๊ะ จะไปหลังจากนั้นก็ไม่ได้นะ เดี๋ยวเราจะดูเหมือนลาออกจากงานหน่ะ คือออฟเราหยุดตั้งแต่คริสมาสต์ไงแก ถ้าลาไปช่วงก่อนหน้านั้น ก็จะหยุดติดกันแบบครึ่งเดือนไงแก มันน่าเกลียดไปอะเนอะๆๆ

โม้ตั้งเยอะ เข้าเรื่องต่อดีกว่าๆๆ
สุดท้าย เราไปจบกันที่สายการบิน Hong Kong Airline บินไป transit ที่ฮ่องกง แล้วบินไปลงที่ Narita Int. Airport และกลับจาก Kansai Int. Airport มาต่อเครื่องที่ฮ่องกงเหมือนเดิม อ่อๆๆๆๆ ละเราบินไปโอซาก้า ด้วยสายการบิน Jetstar ค่ะ ราคาถูกกว่ารถไฟเยอะมากกกกกก เร็วกว่าด้วยยยยยย


หลังจากจองตั๋วเครื่องบินเสร็จ ก็แพลนเที่ยวเลยจ้าาา จะไปไหนกันบ้าง ก็สรุปได้ว่า ไปถึงคืนแรก จะอยู่ที่ Tokyo ก่อน วันรุ่งขึ้นไป Kawaguchiko Lake นอนค้าง 1 คืน และกลับมาเที่ยวที่ Tokyo อีก 3 วัน และบินไป Osaka นอนพักที่นี่จนถึงวันกลับ แต่ในช่วงที่อยู่ที่นี่ ก็จะไปเที่ยว Kyoto และ Kobe กัน

พอมีแพลนคร่าวๆแล้ว ก็มองหาที่พักเลยจ้าาาา มี Requested จากเพื่อนๆมาว่าที่พักที่อื่นจะยังไงก็ได้ แต่ที่พักที่ Kawaguchiko ต้องเห็น Mt. Fuji จะแพงยังไง ก็จะจ่าย แต่ต้องเห็นชัดๆ ค่าที่พักที่ฟูจิเราเลยพุ่งกระฉูดไปที่คืนละ 5000 บาทต่อคนเลยจ้าาาาา แต่ๆๆๆๆๆๆ ค่าที่พักเฉลี่ยของเราอยู่ที่คืนละ 1800 บาทต่อคนนะจ๊ะ ก็ไม่แพงใช่มั้ยละ ในจุดนี้ต้องใช้ความสามารถกันนิดนึงนะจ๊ะ ถ้าอยากรู้ว่าเจ้าของกระทู้ไปพักที่ไหน ก็หลังไมค์มาถามได้นะคะ หรือจะไปติดตาม ถามต่อกันที่ fb >> https://www.facebook.com/journeyisbegin/ ได้นะจ๊ะ (แอบขายของนิดนึงเนอะๆๆๆ....ก็ไปกดไลค์ กดแชร์กันให้หน่อยเนอะๆๆๆ)

พอแพลนทุกอย่างเสร็จแล้วละก็ นอนตีพุง นับวันบินไปเที่ยวเลยจ้าาาาาาา



เกริ่นมาซะนาน ไปดูรูปกันดีกว่าเนอะ

อย่างที่บอกไปว่าเราไปช่วงก่อนคริสมาสต์ สนามบินฮ่องกงก็จะตกแต่งประมาณนี้นะจ๊ะ


พอถึงโตเกียวละ เราก็ซื้อตั๋วรถไฟเค้าเมือง ที่เราซื้อก็จะเป็นตั๋ว skyliner คู่กับ subway แต่ถ้าขึ้น JR ก็เสียตังเพิ่มกันไปจ้าาาาา


พอขึ้นรถไฟ มี wifi ใช้ เพื่อนเราก็จะประมาณนี้นะจ๊ะ แชทรัวๆๆ อ่อออ wifi pocket ที่เราเลือกใช้ เป็นของ wifi ho แหละ สัญญาณก็โอเคอยู่นะ ใช้ได้ตลอดทริปเลย ไม่มีช่วงไหนที่ติดต่อโลกโซเชียลไม่ได้เลยนะจ๊ะ  


พอลงจาก skyliner แล้ว ก็มาต่อ subway เพื่อไปที่พักจ้าาาา อ่อออ.....อีกอย่าง ทริปนี้เราพักที่โตเกียว 2 โรงแรมนะ เราไปถึงคืนแรกพักโรงแรมแถว Nippori ละวันรุ่งขึ้นเราไปนอนกันที่คาวากุจิโกะ ก่อนจะกลับมาโตเกียวอีกรอบ ซึ่งรอบหลังเราพักกันแถวกินซ่าจ้าาาา แต่ๆๆๆๆๆ ตอนนี้ขอเล่าถึงที่โตเกียวอย่างเดียวก่อนละกันนะคะ


วันแรกไปถึงมันก็จะเย็นๆ เหนื่อยๆอะเหนื่อย ที่เที่ยวแรกเลยเป็นการเที่ยวผ่านคลายหน่ะนะ เพื่อนเราที่ญี่ปุ่นชวนไปผ่อนคลายสมองกันที่ร้านคาเฟ่ชิคๆร้านนึงคือร้านนี้เนี่ย เป็นร้านที่ให้คนมาอ่านหนังสือหรือทำงานแหละ เค้าจะคิดค่าซอฟดริ้ง ซึ่งเป็นราคาเหมาแหละ จะเติมกี่ครั้งก็ได้ จะกินให้หมดร้านเลยก็ยังไหว แต่ๆๆๆๆๆ มันไม่ได้มีแค่ soft drink ไงงงง ร้านนี้มีชิชาด้วยจ้าาาาาา ในส่วนชิชาก็สั่งแยกกันไป มิกส์รสเองได้สบายๆ ชิชาที่นี่คือดีและสะอาดมากจ้าาาาาาาาา คือคนที่ญี่ปุ่นเค้าเนี่ยยยย ไปทำงานพร้อมกับชิชานะจ๊ะ ทำงานกันแบบลอยๆไปเล้ยยยย
ps.....เราไปคาเฟ่ชิชา แต่ไม่มีรูปเตาชิชาให้ดูนะจ๊ะ 🤣🤣🤣




หลังจากผ่านวันแรกไปอย่างเรียบง่าย วันถัดมาก็ออกมาเที่ยวกันตั้งแต่เช้าตรู่ ก็เริ่มจากการไปวัดอาซากุสะก่อนเลย โคมแดงนี่มองเห็นแต่ไกลเลย มาไม่ผิดแน่ถ้าเห็นโคมนี้

ใต้โคมแดงก็จะหน้าตาประมาณนี้

อันนี้เป็นทางเดินเข้าไปด้านในวัดนะคะ เนื่องด้วยวัดนี้ดังมากกก ไม่ไปถือว่าไปไม่ถึงค่ะ คนก็จะเยอะประมาณนึงอะเนอะ

พอเข้ามาถึงด้านในวัด ก็เริ่มจากไปซื้อธูปมาจุดตรงเตาแบบนี้ เจ้าของกระทู้อยากจะยืนอยู่ตรงนี้นานๆซะจริงๆ อุ่นสบายดีเหลือเกินนนน

หลังจากจุดธูป ไหว้พระ ขอพรกันเสร็จ ก็เดินตรงไปด้านใน เพื่อไปโยนเหรียญขอพรกันอีกรอบ

ก็โยนให้เห็นกันไปเลยยยยยย เนี่ยๆๆๆๆ ท่ามันก็ออกจะน่าเกลียดนิดๆอะเนอะ

หลังจากขอพรเสร็จแล้ว ก็เสี่ยงเซียมซีกันค่าาา เสี่ยงแล้วก็หาใบเซียมซีกันที่ช่องแบบนี้นะจ๊ะ

เราได้ the best fortune จ้าาาาา โชคดีสุดๆไปเล้ยยยยยย อ่อๆๆ ถ้าได้พวก bad luck ละก็นะ พับแล้วไปมัดไว้ที่ bar ด้านข้างด่วนๆเลยค่ะ

บรรยากาศภายในวัดอีกนิดนึง อันนี้เป็นด้านข้างวัดนะ

ด้านข้างวัด มีจัดบูทขายอาหารอยู่ด้วยแหละ เยอะประมาณนึง ลองแวะชม แวะกินกันดูนะ

ละเรา 3 คน ก็ไม่พลาดที่จะลองเหมือนกันนนนนน

มีหรอที่จะลองแค่อย่างเดียววววว ลองมันไปหลายๆอย่างเลยค่ะ

หันหลังกลับมาเจอ tokyo skytree ด้วยแหละ

และนี่ เมลอนปันที่ตามหาาาาาาาา มันคือขนมปังกลิ่นเมลอน ซึ่งกลิ่นมันหอมเมลอนมากจ้าาาาาาาา เดินตามกลิ่นไปได้เล้ยยยยยยย

ในที่สุด เราก็ได้มันมาครอบครองงงงง

อันนี้เป็นทางเดินเข้าไปวัดอะ เป็นถนนคนเดิน เค้าเรียกกันว่า Nakamise Shopping Street แหละ เราอะไปเข้าด้านข้างไง รูปนี้เลยมาตอนหลัง

อันนี้เป็นอาคาร information นะจ๊ะ ชื่อว่า Asakusa Culture Tourist Information Center จ่ะ

นี่ๆๆๆ มีบริการรถนี้ด้วยยยย ลากกันไปปปป แต่เราไม่ได้ขึ้นกันนะ สงสารคนลากเค้าหน่ะ




ดูแค่ไกลๆก็พอละกันเนอะ ช่วงที่ไปเค้ามีซ่อมแซมพอดี เลยคิดว่าเข้าไปไม่น่าจะคุ้มเท่าไหร่ บวกกับเวลาที่มีกันอย่างน้อยนิดละก็ไม่เข้าน่าจะดีกว่า

อีกมุมนึงของ Tokyo skytree




ละก็แวะมาเยี่ยมชมพี่เหลืองเค้าด้วยแหละ อยู่ใกล้กับ Toyko skytree เลย แต่พี่เหลืองเค้าเขินเราหน่ะ เค้าเลยเอาผ้ามาปิดตัวไว้ อดเห็นพี่เหลืองเต็มๆตัวเลย เศร้าๆ




หลังจากเที่ยวย่าน Asakusa เสร็จแล้ว ก็มาเดินเล่นสวนสาธารณะกันบ้าง อย่างมีความหวังว่าจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีกันสักนิด

มีคนมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะเยอะอยู่เหมือนกันนะ บ้างก็มาคนเดียว บ้างก็มาเป็นคู่ บ้างก็มาเป็นครอบครัว เห็นแล้วก็นึกอิจฉาคนญี่ปุ่นจริงๆ มีส่วนสาธารณะขนาดใหญ่และสวย ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลย

อันนี้เหมือนจะเป็นศาลเจ้าแหละ อยู่ด้านในสวนอุเอโนะเลย

ศาลเจ้าอีกสักนิด

มีสนามเล่นเบสบอลด้วยจ้าาา ไปแอบยืนดูหนุ่มๆตีเบสบอลกันพักนึงเลยแหละ