ก่อนอื่นขอแนะนำสั้นๆก่อนเล่านะคะ คือเรื่องนี้ต่อเนื่องมาจากการตอบกระทู้เรื่องไปวัดอัมพวันค่ะ
(ถ้าใครไม่ได้อ่านมาก่อน ก็กดอ่านที่ความเห็น35 จากต้นลิงค์กระทู้นี้ค่ะ)
https://m.ppantip.com/topic/37288465
ปล. เรื่องต่อไปนี้ไร้สาระล้วนๆ อ่านเล่นรอก็พออย่าจริงจังมาก เอาล่ะมาต่อกันเลย
เนื่องจากเป็นคนกลัวผีมากมาถึงวัดวันแรกก็กราบไหว้ทำความเคารพและขอความเมตตาว่าอย่าได้เจอเรื่องผีเลย เพราะกลัวมากจริงๆ
และรู้ๆกันอยู่ว่าที่วัดเป็นแหล่งที่เจอมากที่สุด และเราก็ไม่เจอผีเลยตามคำขอ (เออแล้วเอ็งจะเล่าอะไรล่ะ เสียเวลาคนอ่าน555)
คือเรื่องแปลกเกิดตอนหลังจากกลับมาแล้วนั่นเอง รุ่นพี่ที่พาไปวัดบอกว่าก่อนกลับบ้านให้ไปกราบพระประธานในโบสถ์ก่อน
และขอพรได้หนึ่งข้อส่วนมากจะสมหวังกัน ตอนช่วงนั้นตกงานพอดี ก็เลยขอพรเรื่องได้งานใหม่ละกัน
โดยที่ตอนนั้นไม่ได้ส่งใบสมัครไปที่ไหนเลย แค่ฝากประวัติทิ้งไว้กับเวปหางานแค่ที่เดียวเท่านั้น
หลังจากนั้นผ่านไปสองอาทิตย์ มีบริษัทโทรมาให้ไปสัมภาษณ์งาน ก็งงๆเพราะไม่เคยได้ยินชื่อบริษัทนี้มาก่อน
จะหลอกลวงไหมเนี่ย แต่ก็ไปสัมภาษณ์ค่ะ5555
มีสัมภาษณ์สองรอบค่ะ แล้วคัดเหลือสามคนสุดท้ายมาต่อในรอบที่สอง
คิดว่าคงไม่ได้เพราะตอนจบสัมภาษณ์ได้ยินเสียงหัวเราะขำมากมายจากทีมสัมภาษณ์ ก็ยังคิดเลยว่าขำอะไรกันหนักขนาดนั้น
นี่ชั้นเผลอปล่อยไก่อะไรไปเนี่ย แล้วกลับบ้านมาแบบเซ็งๆ
หลายวันต่อมาฝ่ายบุคคลโทรมาแจ้งผลและนัดวันเซนต์สัญญากับวันตรวจร่างกาย และก็ได้งานจริงๆ ไวมากๆ แบบงงๆ
แถมได้เงินเดือนตามที่ระบุไว้ในตอนขอพรกับพระประธานในโบสถ์ด้วยนะเออ คืออะไรจะเหมาะเหมือนจับวางขนาดนั้น
ปล.ทีมสัมภาษณ์รอบสองคือหัวหน้าเราโดยตรงค่ะ (หัวหน้ามาเล่าให้ฟังในตอนหลังๆถึงได้รู้ว่าเขาหัวเราะเรื่องอะไรกัน)
เรื่องในวันนั้นที่ขำกันมากมายตอนเราออกมาจากห้องก็คือ
หัวหน้าใหญ่สุดชอบใจท่าทางตอนเราหลุดตอบคำถามและอุทานเป็นภาษาอังกฤษแบบเวอร์ชั่นกระแดะค่ะ555
ทั้งๆที่คุยเป็นภาษาไทย แต่มันหลุดจริงๆไม่ได้ตั้งใจนะคะ
หัวหน้าใหญ่ก็ชี้เลยจะเอาคนนี้หลังจากเราปิดประตูห้อง แล้วเขาก็ขำหลุดหัวเราะเสียงดังนั่นเอง
ซึ่งในจังหวะเราเดินออกมาจะปิดประตูห้องก็ทันได้ยินแค่เสียงหัวเราะแค่นั้นเองค่ะ
และยังมีคนรอสัมภาษณ์อีกหนึ่งคนสุดท้ายรอข้างนอกห้องด้วย
ก็ไม่คิดว่าจะได้งานนี้เลยจริงๆ
(เหมือนว่าการหลุดอุทานเวอร์ชั่นกระแดะภาษาอังกฤษนี้จะเป็นลางบอกว่าในภายภาคหน้านี้ได้ใช้ชีวิตเมืองนอกด้วย55)
และสรุปว่าได้ทำงานกับที่บริษัทนี้เกือบห้าปีค่ะ
เรื่องต่อมาเป็นช่วงที่เราอยู่ต่างประเทศแล้ว ก็ยังคงเดินจงกรมและนั่งสมาธิสัปดาห์ละห้าวัน
เราทำต่อเนื่องมาตลอดหลายปีจนถึงปัจจุบัน
เป็นคนที่กลัวเรื่องเหนือธรรมชาติที่สุด ยิ่งฝึกสมาธิบ่อยๆโอกาสที่จะเจอเรื่องแนวนี้สูงมาก
ก็ใช้วิธีเดิมล่ะค่ะ กราบไหว้ขอความเมตตา5555
นี่มันเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยให้ทำสมาธิได้ต่อเนื่อง โดยไม่ล้มเลิกความตั้งใจไปซะก่อน
และแล้วก็ไม่เจอผีอีกเช่นเคย ตลอดระยะเวลาหลายปี
แต่เจอเรื่องบังเอิญแปลกๆแทนอิๆ
เรื่องบังเอิญล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อน จำได้ว่าวันนั้นนั่งดูทีวีอยู่ และรู้สึกปวดฉี่เลยลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ
เดินไปได้สองสามก้าว แมลงวันค่ะมาจากไหนไม่รู้4-5ตัวบินตัดหน้าผ่านไปไวมาก เราก็ร้องเฮ้ยย มาจากไหนเนี่ย
ต้องรีบจัดการด่วน ก็รีบเดินตามแมลงวันที่บินเข้าไปในห้องนอนค่ะ
พี่แมลงวันก็รวมใจกันบินเข้าไปในห้องนอนและ เกาะข้างๆจุดที่กำลังเกิดไฟไหม้พอดิบพอดีเลยค่ะ
แถมมีควันและไฟขึ้นมาแล้วด้วยไฟกำลังไหม้เบาะเป็นรอยลึกปาดยาวประมาณ4เซนต์
แถมข้างๆเบาะ คือหมอนที่วางซ้อนๆกันเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเลยค่ะ
แล้วซวยรอบสองคือเครื่องตรวจจับควันในห้องนอนดันถ่านหมด แฟนเลยแกะออกมาวางไว้ข้างเตียงด้วยนะ
อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้เนี่ย
ตอนนั้นตกใจร้องเฮ้ยยยดังมาก แมลงวง แมลงวันไม่สนใจแล้ว รีบจัดการเรื่องไฟด่วนๆ จนไฟดับ
และเราเล่าให้แฟนฟังในตอนเย็นวันนั้น แฟนบอกว่าถ้าเรื่องเกิดตอนเราทั้งคู่ออกไปข้างนอกเนี่ย
ไม่อยากจะคิดสภาพต่อเลยว่าจะงานงอกยุ่งเหยิงขนาดไหน
(รวมทั้งเครื่องจับควันดันถ่านหมดอีกซวยซ้ำซ้อนต่อเนื่อง)
แล้วสาเหตุไฟลุกไหม้เองนี่มีสาเหตุมาจากเรื่องง่ายๆด้วยนะ
เกิดจากกระจกแต่งหน้าแบบแท่นวางรูปทรงกลม มีสองหน้าพลิกกลับไปมาได้
(สาวๆคงใช้กันเยอะก็ระวังนะคะ) มีแบบด้านขยายกับแบบส่องหน้าปกติ
เราวางแท่นกระจกข้างๆหมอนที่วางซ้อนๆกันและ เปิดม่านหน้าต่างทิ้งไว้ให้แสงเข้ามาในห้องนอน
แล้วบังเอิญว่าหมอนที่วางซ้อนๆกันหล่นลงมาทำให้แสงตกกระทบกับด้านขยายของกระจกแต่งหน้าพอดี
เลยเกิดการรวมแสงผ่านเลนส์ขยายและแดดที่เมืองนอกก็แรงมากๆด้วย
ก็ทำให้เกิดไฟลุกเองได้นั่นเอง
(ฝากระวังกันด้วยนะเออ เคยอ่านเจอนานแล้วถ้าจำไม่ผิดขวดแก้วที่วางไว้ข้างหน้าต่างทำไฟไหม้บ้านทั้งหลังมาแล้ว
ตอนอ่านยังนึกภาพไม่ออก แต่ตอนนี้ชัดเจนค่ะ555)
ก็ไม่รู้จะขอบคุณใครดีเพราะคงมีเยอะมากมายที่คอยช่วยเเหลือและเมตตาเรากับแฟนแบบไม่แสดงตัวให้เห็น
และรู้ว่าเรากลัวและไม่อยากเห็น
ก่อนหน้านี้ก็มีขับรถล้อเหยียบตะปูตั้งแต่ตอนไหนไม่มีใครรู้ แถมช่วงนั้นฝนตกหนัก และขับรถเส้นที่ขับไวๆกันทั้งนั้น
โชคดีไม่มีเรื่องล้อระเบิดกลางทาง มาเจออีกทีก็ที่ลานจอดรถหน้าห้างก่อนจะขับกลับบ้าน
เลยแก้ปัญหาได้ทันและปลอดภัย (ปกติไม่ค่อยดูยางรถก่อนหรือหลังขับรถ แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ดูตลอด)
ยังไม่จบค่ะเรื่องแปลกๆและบังเอิญมีต่อ แต่เรื่องนี้เกิดก่อนเรื่องไฟไหม้ เป็นช่วงเดือนที่คนรอคอยมากที่สุดที่จะได้ซื้อของราคาถูก
ถ้าเคยดูข่าวคนตีกันในห้างเพื่อแย่งกันเข้าและซื้อของถูกสุดๆแบบจำกัดชิ้น และบางคนมาตั้งแถว
หรือนอนรอข้ามคืนก็มี เรียกง่ายๆว่าวัน black friday นั่นเอง
ปกติแล้วไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ของราคาถูกๆเหมือนแจกฟรีในช่วงวันแบบนี้หรอกค่ะ
เพราะคงไม่มีความอดทนมากพอไปต่อแถวข้ามวัน ข้ามคืน หรือไปแย่งชิงกับใคร(คงสู้ไม่ไหวด้วย555)มันไม่ใช่แนวค่ะ
ก่อนวัน black friday ทั้งจดหมายและแผ่นพับจากห้างร้านต่างๆส่งมาเยอะมากมาย
พร้อมแสดงราคาส่วนลดกระชากใจ ทั้งลดแลกแจกแถม จนแทบจะอดใจรอไม่ไหวต้องไปซื้อให้ได้
และแล้วเราก็เจอของที่หมายตาเอาไว้ ก็ได้แค่มองเพราะของมีจำกัดชิ้น มันคงไม่ถึงมือเราแน่นอน
เอาวะไปซื้ออย่างอื่นก็ได้ แค่เดินเล่นชิวๆในห้างได้สูดกลิ่นบรรยากาศ black friday ก็ถือว่าพอแล้ว
(จริงๆถ้าซื้อราคาปกติก็ได้นะ ที่นี่โปรบัตรเครดิตยั่วใจมาก ได้เงินคืนเยอะถ้าใช้บัตรเครดิตในแต่ละช่วงที่มีโปรพิเศษ)
เมื่อถึงวัน black friday
ตื่นตั้งแต่ตีห้าค่ะ(แหม่ไม่ค่อยจะตื่นเต้นเลยนะเอ็ง555)
เพราะบางห้างเปิดตั้งแต่หกโมงเช้า ปิดถึงตีสองก็มีค่ะ กะว่าช้อปกันให้ตายไปข้างนึงเลยทีเดียว(ถูกใจขาช้อปจริงๆ)
ก็บอกแฟนคร่าวๆว่าจะไปห้างไหนบ้าง และไปห้างไหนก่อนตามลำดับ(เราทำงานกันเป็นทีมอิๆ)
เท่าที่จำได้ไปหกที่ กลับถึงบ้านสี่ทุ่ม และช้อปออนไลน์ต่ออีกถึงตีสามค่ะคุณ(อือไม่หลับไม่นอนกันเลยทีเดียว)
ก็ไม่ชอบแย่งชิงเลยมาช้อปออนไลน์เพิ่มเอา
ไปถึงห้างแรก มีเครื่องประดับลดราคา70% แหวนน่ารักๆมีเพชรจริงประดับ ลดสุดๆแล้วเหลือสี่พันบาทไทยปลายๆ
(ต่อมความอยากได้ของลดราคาพุ่งสูงสุด555) แต่ก็นะมันคงไม่เหลือถึงเราแน่นอน
ขอแค่ได้ไปถามคนขายว่ายังเหลือไหมก็พอใจแล้ว คิดแค่นี้จริงๆในตอนนั้น
ระหว่างทางกำลังจะเดินถึงคนขายมีกลุ่มสาวชาวอินเดีย4-5คน กำลังพูดถึงแหวนรุ่นนี้พอดีเลยค่ะ
เขาเดินตามหลังเรามาพอดี และคุยกันให้ได้ยิน
แต่พอดีแฟนเราเดินนำหน้าเรา และเดินไวเลยไปถึงพนักงานก่อนก็ถามพนักงานให้และยื่นแผ่นพับบอกรุ่นแหวนไป
ก็ใช้เวลาสักพักค้นหารุ่นนี้ตามชั้นก็ไม่มี พนักงานเลยเดินไปคีย์รหัสหาสินค้าในคอมว่ามีเหลือไหม
(ตอนนั้นก็คิดว่าคงหมดแน่นอน)
สักพักพนักงานเดินมาและบอกว่า รหัสสินค้าตามแผ่นพับของห้างที่บอกว่าลดนั้น ไม่มีรหัสสินค้าตัวนี้อยู่ค่ะ
เราอึ้งไปสักพักหนึ่งและคิดได้ว่า อ้าวนี่แสดงว่าไม่มีของตั้งแต่แรกแล้วนี่นา
โอ้โหทำกันได้ลงคอ ใจร้ายมากกกก คือทุกคนคงคิดว่าของมีน้อยขายหมดเลยไม่ติดใจอะไรและไม่ถามต่อ
คงเลือกรุ่นอื่นๆแทนที่ ในราคาแพงกว่า เพราะถือว่าไหนๆก็มาแล้ว ซื้อรุ่นอื่นก็ได้
แต่ถึงขั้นคีย์รหัสสินค้าในคอมแล้วไม่มีนี่ ใจดำมากๆการตลาดล้วนๆ ดึงแมงเม่าแบบเราได้เยอะ555
เสียใจจริงๆนะหลอกกันได้ เลยซื้อกระเป๋าลด60%แทน
ก็ได้มาสี่ใบ(หึๆแค้นจัด) แต่ก็ยังไม่หายเจ็บใจดีนัก555
และแล้วเรื่องบังเอิญก็คือ หลังจากถึงบ้านตอนสี่ทุ่มซึ่งก็เหนื่อยมากแล้ว
เพราะตื่นตั้งแต่ตีห้านั่นแหล่ะก่อนจะนอนก็ใช้กูเกิ้ลหาข้อมูลนิดหน่อย
แต่บังเอิญเจอเวปของห้างแถวบ้านลดราคา70-80%
ซึ่งไม่เคยสนใจมาก่อนว่าห้างนี้มีขายเครื่องประดับด้วย (แถมราคาถูกกว่าห้างแรกซะอีก )
ก็เลยนั่งเลือกและซื้อจนถึงตีสาม ได้แหวนน่ารักมาสามวง ต่างหู สร้อยข้อมือ สร้อยคอ ในราคาลดสุดๆจนตะลึง)
นึกถึงทีไรก็ขำปนสงสารตัวเองช้อปแบบขาดสติจริงๆ
เรื่องบังเอิญต่อมาของวัน black friday ห้างนี้คือห้างสุดท้ายลำดับที่หกที่ไป(นี่เอ็งแข่งช้อปปิ้งเอาถ้วยรางวัลเรอะ)T_T
ห้างนี้มีโปรลดหม้ออบลมร้อน60-70%ก็มีจำนวนจำกัด ก็คงไม่ทันใครเขาหรอก
และคนเยอะมากจนลานจอดรถแทบไม่มีที่ว่างให้จอดด้วย หม้อที่บ้านก็มีแล้วแต่มันลดราคายั่วใจจริงๆ
ถ้าได้มาเพิ่มก็ดีนะสลับกันใช้ไง จะได้ใช้ไปนานๆเนอะ (ปลอบใจตัวเองหาเรื่องจะซื้ออีกแล้ว)
และแล้วดีกรีความอยากได้ของลดราคาก็มาอีกรอบ
ก็เหมือนเดิมแหล่ะค่ะ คนเยอะมากไม่มีของเหลือแล้ว มีแต่รุ่นอื่นและขายราคาปกติ
เราก็ชิวๆเดินเล่นๆได้จาน ชามลายน่ารักๆ ซึ่งคนไม่มีมาเดินมุมนี้ด้วย ก็เดินเลือกชามไปเรื่อยๆ
จนมาเจอกล่องสินค้าวางซุกๆไว้ในมุมลึกๆแคบๆ มีกระดาษเอสี่แปะข้อความบนกล่องด้วยนะเออ
พิมพ์ข้อความว่า สินค้านี้จะขายได้ก็ในวันblack fridayเวลาหกโมงเย็นเป็นต้นไปเท่านั้น
เราก็พลิกกล่องกลับมาดูว่ามันคือสินค้าอะไรกันมีระบุเวลาขายด้วยนะแปลกๆ
พอเห็นเต็มๆกล่องแค่นั้นแหล่ะค่ะ น้ำตาจะไหล มันคือกล่องหม้ออบลมร้อนที่ลดราคาที่อยากได้เพิ่ม
แต่มันมีจำนวนจำกัดและคิดว่าคงไม่มีทางได้แน่นอน
แต่มันมาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว และไม่มีใครอยู่ตรงบริเวณที่เราเลือกจานชามด้วยนะเออ
เราก็รีบหยิบใส่รถเข็นเรียกแฟนไปจ่ายเงินกลับบ้านแบบงงๆมึนๆ แต่ก็ดีใจเหมือนได้ทอง555
ใครจะคาดคิดล่ะ ก็เล่าให้แฟนฟัง แฟนบอกว่าแสดงว่ามีใครบางคนรีบมาห้างตั้งแต่เช้าตอนห้างเปิดเพื่อมาซื้อหม้อนี้โดยเฉพาะ
แต่มีข้อจำกัดตามเวลาที่ระบุในกระดาษเอสี่ที่แปะบนกล่องทำให้เขาตัดสินใจไม่รอถึงหกโมงเย็น
และตัดสินใจเอากล่องมาซุกซ่อนไว้ในมุมลึกๆแคบๆและอยู่ห่างจากมุมเครื่องใช้ไฟฟ้าแทนนั่นเอง
(แหม่ซับซ้อนขนาดนี้ ยังมีคนไปตามหาเจอเนอะ555)
เอาล่ะนี่คือเรื่องบังเอิญเล็กๆน้อยๆ ที่พิมพ์ไว้อ่านฆ่าเวลาเฉยๆ ไร้สาระก็ว่าได้เนอะ จะด่าก็ได้แต่อย่าแรง เพราะไม่สู้ใครค่ะ555
เรื่องแปลกๆเหนือธรรมชาติเรื่องอื่นๆ มันจะเกี่ยวโยงกับบุคคล และบริษัทที่เคยทำงานมา รวมถึงญาติผู้เสียชีวิต และคนรู้จักของเราด้วย
หากว่าเขายินดีจะให้เล่าก็จะมาพิมพ์เพิ่มเติมนะคะ^_^
สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกท่านที่อ่านมีความสุข และหากท่านใดไม่ถูกใจก็ขออภัยด้วยนะคะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ^_^(ช้าเนอะแต่ก็ยังเดือนมกราคมนะ)55
เรื่องเล่าแปลกๆสำหรับอ่านเล่นฆ่าเวลา
(ถ้าใครไม่ได้อ่านมาก่อน ก็กดอ่านที่ความเห็น35 จากต้นลิงค์กระทู้นี้ค่ะ)
https://m.ppantip.com/topic/37288465
ปล. เรื่องต่อไปนี้ไร้สาระล้วนๆ อ่านเล่นรอก็พออย่าจริงจังมาก เอาล่ะมาต่อกันเลย
เนื่องจากเป็นคนกลัวผีมากมาถึงวัดวันแรกก็กราบไหว้ทำความเคารพและขอความเมตตาว่าอย่าได้เจอเรื่องผีเลย เพราะกลัวมากจริงๆ
และรู้ๆกันอยู่ว่าที่วัดเป็นแหล่งที่เจอมากที่สุด และเราก็ไม่เจอผีเลยตามคำขอ (เออแล้วเอ็งจะเล่าอะไรล่ะ เสียเวลาคนอ่าน555)
คือเรื่องแปลกเกิดตอนหลังจากกลับมาแล้วนั่นเอง รุ่นพี่ที่พาไปวัดบอกว่าก่อนกลับบ้านให้ไปกราบพระประธานในโบสถ์ก่อน
และขอพรได้หนึ่งข้อส่วนมากจะสมหวังกัน ตอนช่วงนั้นตกงานพอดี ก็เลยขอพรเรื่องได้งานใหม่ละกัน
โดยที่ตอนนั้นไม่ได้ส่งใบสมัครไปที่ไหนเลย แค่ฝากประวัติทิ้งไว้กับเวปหางานแค่ที่เดียวเท่านั้น
หลังจากนั้นผ่านไปสองอาทิตย์ มีบริษัทโทรมาให้ไปสัมภาษณ์งาน ก็งงๆเพราะไม่เคยได้ยินชื่อบริษัทนี้มาก่อน
จะหลอกลวงไหมเนี่ย แต่ก็ไปสัมภาษณ์ค่ะ5555
มีสัมภาษณ์สองรอบค่ะ แล้วคัดเหลือสามคนสุดท้ายมาต่อในรอบที่สอง
คิดว่าคงไม่ได้เพราะตอนจบสัมภาษณ์ได้ยินเสียงหัวเราะขำมากมายจากทีมสัมภาษณ์ ก็ยังคิดเลยว่าขำอะไรกันหนักขนาดนั้น
นี่ชั้นเผลอปล่อยไก่อะไรไปเนี่ย แล้วกลับบ้านมาแบบเซ็งๆ
หลายวันต่อมาฝ่ายบุคคลโทรมาแจ้งผลและนัดวันเซนต์สัญญากับวันตรวจร่างกาย และก็ได้งานจริงๆ ไวมากๆ แบบงงๆ
แถมได้เงินเดือนตามที่ระบุไว้ในตอนขอพรกับพระประธานในโบสถ์ด้วยนะเออ คืออะไรจะเหมาะเหมือนจับวางขนาดนั้น
ปล.ทีมสัมภาษณ์รอบสองคือหัวหน้าเราโดยตรงค่ะ (หัวหน้ามาเล่าให้ฟังในตอนหลังๆถึงได้รู้ว่าเขาหัวเราะเรื่องอะไรกัน)
เรื่องในวันนั้นที่ขำกันมากมายตอนเราออกมาจากห้องก็คือ
หัวหน้าใหญ่สุดชอบใจท่าทางตอนเราหลุดตอบคำถามและอุทานเป็นภาษาอังกฤษแบบเวอร์ชั่นกระแดะค่ะ555
ทั้งๆที่คุยเป็นภาษาไทย แต่มันหลุดจริงๆไม่ได้ตั้งใจนะคะ
หัวหน้าใหญ่ก็ชี้เลยจะเอาคนนี้หลังจากเราปิดประตูห้อง แล้วเขาก็ขำหลุดหัวเราะเสียงดังนั่นเอง
ซึ่งในจังหวะเราเดินออกมาจะปิดประตูห้องก็ทันได้ยินแค่เสียงหัวเราะแค่นั้นเองค่ะ
และยังมีคนรอสัมภาษณ์อีกหนึ่งคนสุดท้ายรอข้างนอกห้องด้วย
ก็ไม่คิดว่าจะได้งานนี้เลยจริงๆ
(เหมือนว่าการหลุดอุทานเวอร์ชั่นกระแดะภาษาอังกฤษนี้จะเป็นลางบอกว่าในภายภาคหน้านี้ได้ใช้ชีวิตเมืองนอกด้วย55)
และสรุปว่าได้ทำงานกับที่บริษัทนี้เกือบห้าปีค่ะ
เรื่องต่อมาเป็นช่วงที่เราอยู่ต่างประเทศแล้ว ก็ยังคงเดินจงกรมและนั่งสมาธิสัปดาห์ละห้าวัน
เราทำต่อเนื่องมาตลอดหลายปีจนถึงปัจจุบัน
เป็นคนที่กลัวเรื่องเหนือธรรมชาติที่สุด ยิ่งฝึกสมาธิบ่อยๆโอกาสที่จะเจอเรื่องแนวนี้สูงมาก
ก็ใช้วิธีเดิมล่ะค่ะ กราบไหว้ขอความเมตตา5555
นี่มันเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยให้ทำสมาธิได้ต่อเนื่อง โดยไม่ล้มเลิกความตั้งใจไปซะก่อน
และแล้วก็ไม่เจอผีอีกเช่นเคย ตลอดระยะเวลาหลายปี
แต่เจอเรื่องบังเอิญแปลกๆแทนอิๆ
เรื่องบังเอิญล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อน จำได้ว่าวันนั้นนั่งดูทีวีอยู่ และรู้สึกปวดฉี่เลยลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ
เดินไปได้สองสามก้าว แมลงวันค่ะมาจากไหนไม่รู้4-5ตัวบินตัดหน้าผ่านไปไวมาก เราก็ร้องเฮ้ยย มาจากไหนเนี่ย
ต้องรีบจัดการด่วน ก็รีบเดินตามแมลงวันที่บินเข้าไปในห้องนอนค่ะ
พี่แมลงวันก็รวมใจกันบินเข้าไปในห้องนอนและ เกาะข้างๆจุดที่กำลังเกิดไฟไหม้พอดิบพอดีเลยค่ะ
แถมมีควันและไฟขึ้นมาแล้วด้วยไฟกำลังไหม้เบาะเป็นรอยลึกปาดยาวประมาณ4เซนต์
แถมข้างๆเบาะ คือหมอนที่วางซ้อนๆกันเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเลยค่ะ
แล้วซวยรอบสองคือเครื่องตรวจจับควันในห้องนอนดันถ่านหมด แฟนเลยแกะออกมาวางไว้ข้างเตียงด้วยนะ
อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้เนี่ย
ตอนนั้นตกใจร้องเฮ้ยยยดังมาก แมลงวง แมลงวันไม่สนใจแล้ว รีบจัดการเรื่องไฟด่วนๆ จนไฟดับ
และเราเล่าให้แฟนฟังในตอนเย็นวันนั้น แฟนบอกว่าถ้าเรื่องเกิดตอนเราทั้งคู่ออกไปข้างนอกเนี่ย
ไม่อยากจะคิดสภาพต่อเลยว่าจะงานงอกยุ่งเหยิงขนาดไหน
(รวมทั้งเครื่องจับควันดันถ่านหมดอีกซวยซ้ำซ้อนต่อเนื่อง)
แล้วสาเหตุไฟลุกไหม้เองนี่มีสาเหตุมาจากเรื่องง่ายๆด้วยนะ
เกิดจากกระจกแต่งหน้าแบบแท่นวางรูปทรงกลม มีสองหน้าพลิกกลับไปมาได้
(สาวๆคงใช้กันเยอะก็ระวังนะคะ) มีแบบด้านขยายกับแบบส่องหน้าปกติ
เราวางแท่นกระจกข้างๆหมอนที่วางซ้อนๆกันและ เปิดม่านหน้าต่างทิ้งไว้ให้แสงเข้ามาในห้องนอน
แล้วบังเอิญว่าหมอนที่วางซ้อนๆกันหล่นลงมาทำให้แสงตกกระทบกับด้านขยายของกระจกแต่งหน้าพอดี
เลยเกิดการรวมแสงผ่านเลนส์ขยายและแดดที่เมืองนอกก็แรงมากๆด้วย
ก็ทำให้เกิดไฟลุกเองได้นั่นเอง
(ฝากระวังกันด้วยนะเออ เคยอ่านเจอนานแล้วถ้าจำไม่ผิดขวดแก้วที่วางไว้ข้างหน้าต่างทำไฟไหม้บ้านทั้งหลังมาแล้ว
ตอนอ่านยังนึกภาพไม่ออก แต่ตอนนี้ชัดเจนค่ะ555)
ก็ไม่รู้จะขอบคุณใครดีเพราะคงมีเยอะมากมายที่คอยช่วยเเหลือและเมตตาเรากับแฟนแบบไม่แสดงตัวให้เห็น
และรู้ว่าเรากลัวและไม่อยากเห็น
ก่อนหน้านี้ก็มีขับรถล้อเหยียบตะปูตั้งแต่ตอนไหนไม่มีใครรู้ แถมช่วงนั้นฝนตกหนัก และขับรถเส้นที่ขับไวๆกันทั้งนั้น
โชคดีไม่มีเรื่องล้อระเบิดกลางทาง มาเจออีกทีก็ที่ลานจอดรถหน้าห้างก่อนจะขับกลับบ้าน
เลยแก้ปัญหาได้ทันและปลอดภัย (ปกติไม่ค่อยดูยางรถก่อนหรือหลังขับรถ แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ดูตลอด)
ยังไม่จบค่ะเรื่องแปลกๆและบังเอิญมีต่อ แต่เรื่องนี้เกิดก่อนเรื่องไฟไหม้ เป็นช่วงเดือนที่คนรอคอยมากที่สุดที่จะได้ซื้อของราคาถูก
ถ้าเคยดูข่าวคนตีกันในห้างเพื่อแย่งกันเข้าและซื้อของถูกสุดๆแบบจำกัดชิ้น และบางคนมาตั้งแถว
หรือนอนรอข้ามคืนก็มี เรียกง่ายๆว่าวัน black friday นั่นเอง
ปกติแล้วไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ของราคาถูกๆเหมือนแจกฟรีในช่วงวันแบบนี้หรอกค่ะ
เพราะคงไม่มีความอดทนมากพอไปต่อแถวข้ามวัน ข้ามคืน หรือไปแย่งชิงกับใคร(คงสู้ไม่ไหวด้วย555)มันไม่ใช่แนวค่ะ
ก่อนวัน black friday ทั้งจดหมายและแผ่นพับจากห้างร้านต่างๆส่งมาเยอะมากมาย
พร้อมแสดงราคาส่วนลดกระชากใจ ทั้งลดแลกแจกแถม จนแทบจะอดใจรอไม่ไหวต้องไปซื้อให้ได้
และแล้วเราก็เจอของที่หมายตาเอาไว้ ก็ได้แค่มองเพราะของมีจำกัดชิ้น มันคงไม่ถึงมือเราแน่นอน
เอาวะไปซื้ออย่างอื่นก็ได้ แค่เดินเล่นชิวๆในห้างได้สูดกลิ่นบรรยากาศ black friday ก็ถือว่าพอแล้ว
(จริงๆถ้าซื้อราคาปกติก็ได้นะ ที่นี่โปรบัตรเครดิตยั่วใจมาก ได้เงินคืนเยอะถ้าใช้บัตรเครดิตในแต่ละช่วงที่มีโปรพิเศษ)
เมื่อถึงวัน black friday
ตื่นตั้งแต่ตีห้าค่ะ(แหม่ไม่ค่อยจะตื่นเต้นเลยนะเอ็ง555)
เพราะบางห้างเปิดตั้งแต่หกโมงเช้า ปิดถึงตีสองก็มีค่ะ กะว่าช้อปกันให้ตายไปข้างนึงเลยทีเดียว(ถูกใจขาช้อปจริงๆ)
ก็บอกแฟนคร่าวๆว่าจะไปห้างไหนบ้าง และไปห้างไหนก่อนตามลำดับ(เราทำงานกันเป็นทีมอิๆ)
เท่าที่จำได้ไปหกที่ กลับถึงบ้านสี่ทุ่ม และช้อปออนไลน์ต่ออีกถึงตีสามค่ะคุณ(อือไม่หลับไม่นอนกันเลยทีเดียว)
ก็ไม่ชอบแย่งชิงเลยมาช้อปออนไลน์เพิ่มเอา
ไปถึงห้างแรก มีเครื่องประดับลดราคา70% แหวนน่ารักๆมีเพชรจริงประดับ ลดสุดๆแล้วเหลือสี่พันบาทไทยปลายๆ
(ต่อมความอยากได้ของลดราคาพุ่งสูงสุด555) แต่ก็นะมันคงไม่เหลือถึงเราแน่นอน
ขอแค่ได้ไปถามคนขายว่ายังเหลือไหมก็พอใจแล้ว คิดแค่นี้จริงๆในตอนนั้น
ระหว่างทางกำลังจะเดินถึงคนขายมีกลุ่มสาวชาวอินเดีย4-5คน กำลังพูดถึงแหวนรุ่นนี้พอดีเลยค่ะ
เขาเดินตามหลังเรามาพอดี และคุยกันให้ได้ยิน
แต่พอดีแฟนเราเดินนำหน้าเรา และเดินไวเลยไปถึงพนักงานก่อนก็ถามพนักงานให้และยื่นแผ่นพับบอกรุ่นแหวนไป
ก็ใช้เวลาสักพักค้นหารุ่นนี้ตามชั้นก็ไม่มี พนักงานเลยเดินไปคีย์รหัสหาสินค้าในคอมว่ามีเหลือไหม
(ตอนนั้นก็คิดว่าคงหมดแน่นอน)
สักพักพนักงานเดินมาและบอกว่า รหัสสินค้าตามแผ่นพับของห้างที่บอกว่าลดนั้น ไม่มีรหัสสินค้าตัวนี้อยู่ค่ะ
เราอึ้งไปสักพักหนึ่งและคิดได้ว่า อ้าวนี่แสดงว่าไม่มีของตั้งแต่แรกแล้วนี่นา
โอ้โหทำกันได้ลงคอ ใจร้ายมากกกก คือทุกคนคงคิดว่าของมีน้อยขายหมดเลยไม่ติดใจอะไรและไม่ถามต่อ
คงเลือกรุ่นอื่นๆแทนที่ ในราคาแพงกว่า เพราะถือว่าไหนๆก็มาแล้ว ซื้อรุ่นอื่นก็ได้
แต่ถึงขั้นคีย์รหัสสินค้าในคอมแล้วไม่มีนี่ ใจดำมากๆการตลาดล้วนๆ ดึงแมงเม่าแบบเราได้เยอะ555
เสียใจจริงๆนะหลอกกันได้ เลยซื้อกระเป๋าลด60%แทน
ก็ได้มาสี่ใบ(หึๆแค้นจัด) แต่ก็ยังไม่หายเจ็บใจดีนัก555
และแล้วเรื่องบังเอิญก็คือ หลังจากถึงบ้านตอนสี่ทุ่มซึ่งก็เหนื่อยมากแล้ว
เพราะตื่นตั้งแต่ตีห้านั่นแหล่ะก่อนจะนอนก็ใช้กูเกิ้ลหาข้อมูลนิดหน่อย
แต่บังเอิญเจอเวปของห้างแถวบ้านลดราคา70-80%
ซึ่งไม่เคยสนใจมาก่อนว่าห้างนี้มีขายเครื่องประดับด้วย (แถมราคาถูกกว่าห้างแรกซะอีก )
ก็เลยนั่งเลือกและซื้อจนถึงตีสาม ได้แหวนน่ารักมาสามวง ต่างหู สร้อยข้อมือ สร้อยคอ ในราคาลดสุดๆจนตะลึง)
นึกถึงทีไรก็ขำปนสงสารตัวเองช้อปแบบขาดสติจริงๆ
เรื่องบังเอิญต่อมาของวัน black friday ห้างนี้คือห้างสุดท้ายลำดับที่หกที่ไป(นี่เอ็งแข่งช้อปปิ้งเอาถ้วยรางวัลเรอะ)T_T
ห้างนี้มีโปรลดหม้ออบลมร้อน60-70%ก็มีจำนวนจำกัด ก็คงไม่ทันใครเขาหรอก
และคนเยอะมากจนลานจอดรถแทบไม่มีที่ว่างให้จอดด้วย หม้อที่บ้านก็มีแล้วแต่มันลดราคายั่วใจจริงๆ
ถ้าได้มาเพิ่มก็ดีนะสลับกันใช้ไง จะได้ใช้ไปนานๆเนอะ (ปลอบใจตัวเองหาเรื่องจะซื้ออีกแล้ว)
และแล้วดีกรีความอยากได้ของลดราคาก็มาอีกรอบ
ก็เหมือนเดิมแหล่ะค่ะ คนเยอะมากไม่มีของเหลือแล้ว มีแต่รุ่นอื่นและขายราคาปกติ
เราก็ชิวๆเดินเล่นๆได้จาน ชามลายน่ารักๆ ซึ่งคนไม่มีมาเดินมุมนี้ด้วย ก็เดินเลือกชามไปเรื่อยๆ
จนมาเจอกล่องสินค้าวางซุกๆไว้ในมุมลึกๆแคบๆ มีกระดาษเอสี่แปะข้อความบนกล่องด้วยนะเออ
พิมพ์ข้อความว่า สินค้านี้จะขายได้ก็ในวันblack fridayเวลาหกโมงเย็นเป็นต้นไปเท่านั้น
เราก็พลิกกล่องกลับมาดูว่ามันคือสินค้าอะไรกันมีระบุเวลาขายด้วยนะแปลกๆ
พอเห็นเต็มๆกล่องแค่นั้นแหล่ะค่ะ น้ำตาจะไหล มันคือกล่องหม้ออบลมร้อนที่ลดราคาที่อยากได้เพิ่ม
แต่มันมีจำนวนจำกัดและคิดว่าคงไม่มีทางได้แน่นอน
แต่มันมาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว และไม่มีใครอยู่ตรงบริเวณที่เราเลือกจานชามด้วยนะเออ
เราก็รีบหยิบใส่รถเข็นเรียกแฟนไปจ่ายเงินกลับบ้านแบบงงๆมึนๆ แต่ก็ดีใจเหมือนได้ทอง555
ใครจะคาดคิดล่ะ ก็เล่าให้แฟนฟัง แฟนบอกว่าแสดงว่ามีใครบางคนรีบมาห้างตั้งแต่เช้าตอนห้างเปิดเพื่อมาซื้อหม้อนี้โดยเฉพาะ
แต่มีข้อจำกัดตามเวลาที่ระบุในกระดาษเอสี่ที่แปะบนกล่องทำให้เขาตัดสินใจไม่รอถึงหกโมงเย็น
และตัดสินใจเอากล่องมาซุกซ่อนไว้ในมุมลึกๆแคบๆและอยู่ห่างจากมุมเครื่องใช้ไฟฟ้าแทนนั่นเอง
(แหม่ซับซ้อนขนาดนี้ ยังมีคนไปตามหาเจอเนอะ555)
เอาล่ะนี่คือเรื่องบังเอิญเล็กๆน้อยๆ ที่พิมพ์ไว้อ่านฆ่าเวลาเฉยๆ ไร้สาระก็ว่าได้เนอะ จะด่าก็ได้แต่อย่าแรง เพราะไม่สู้ใครค่ะ555
เรื่องแปลกๆเหนือธรรมชาติเรื่องอื่นๆ มันจะเกี่ยวโยงกับบุคคล และบริษัทที่เคยทำงานมา รวมถึงญาติผู้เสียชีวิต และคนรู้จักของเราด้วย
หากว่าเขายินดีจะให้เล่าก็จะมาพิมพ์เพิ่มเติมนะคะ^_^
สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกท่านที่อ่านมีความสุข และหากท่านใดไม่ถูกใจก็ขออภัยด้วยนะคะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ^_^(ช้าเนอะแต่ก็ยังเดือนมกราคมนะ)55