วันที่ 2 ของทริปสุดโหด
มหากาพย์ (มหากาก) ลาวเหนือ 30 ชั่วโมง
เป็นอีกวันที่หมดไปกับ
"การเดินทาง" คือเริ่มต้นจากหลวงพระบางไปเมืองขวา
ล่อเข้าไปตั้ง 8-9 ชั่วโมงแน่ะ
จริง ๆ แล้วตามแผนที่วางไว้ในวันที่ 2 คือ
ต้องไปพงสาลีก่อน แล้วค่อยนั่งเรือลงมาที่เมืองขวา
แต่ระหว่างทางดันเกิด Accident บางอย่างขึ้นมา สุดท้ายวันนั้นเลยต้องมาจบที่
เ มื อ ง ข ว า : เ มื อ ง ค น คู ล 2 0 1 8
ว่าที่วังเวียงแห่งที่ 2 ในอนาคต (มั้ง) เห็นคนลาวเขาว่ากันอย่างนี้นะ
เมืองขวา อยู่ในแขวงพงสาลี เป็นเมืองผ่านของคนที่จะไปเวียดนาม
ซึ่งถ้าจะไปเที่ยวเดียนเบียนฟูหรือซาปา ก็สามารถแวะค้างคืนที่เมืองขวาก่อนได้
ส่วนบรรยากาศ พอดูรวม ๆ แล้วช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน โอโซนอย่างหนา
ถ้าให้เทียบกับบ้านเราก็คงเหมือนกับกาญจนบุรีที่สุดแล้ว
ไปครับ ตามติดชีวิตในทริปวันที่ 2 กัน
เริ่มต้นวันที่ 2 วันนั้นอากาศโคตรเย็นสบายจนขี้เกียจลุกเมื่อเวลา 05.45
ผมเช็คเอาท์จากที่พักในหลวงพระบาง (เจ้าของที่พักยังไม่ตื่นด้วย แต่จ่ายค่าห้องไปแล้วนะ)
เพื่อไปขึ้นรถพงสาลีรอบเวลา 06.30 (เช้าไปไหมวะ)
ซึ่งตอนออกมาจากที่พักคือฟ้ายังไม่สว่าง แล้วจำเส้นทางจากขนส่งมาไม่ได้
สุดท้ายเลยต้องพึ่งพาน้องสกายแล็ปแบบเหมาเดี่ยว ๆ ไป
30,000 กีบ (120 บาท) นี่แหละครับ
พอมาถึงสถานีขนส่ง (ที่เดียวกันกับที่รถน่านมาจอด) รู้สึกว่าจริง ๆ มันก็ไม่ได้ไกลกันเลย เดินมายังได้อะ
แต่ช่างเถอะ ถือว่าซื้อเวลาไป ตอนนั้นก็ 6 โมงนิด ๆ แล้ว ผมเอาปี้ (ตั๋ว) ที่จองไว้เมื่อวานไปเช็กกับพนักงานขายตั๋วอีกที
เขาก็ชี้ให้ไปที่รถแดงคันนี้เลย
แล้วพอเอาตั๋วมาเช็กกับพนักงานรถ รู้เรื่องเลยข่าาาาา
นี่มันรถไปเวียดนาม (หลวงพระบาง-อุดมไซย-เดียนเบียนฟู) ไม่ใช่เหรอวะ แถมไม่ผ่านพงสาลีด้วย
อ้าวเฮ้ย! มืงหลอกกุปะเนี่ย ผมก็เลยเว้าลาวใส่พนักงานรถว่า (พอดีเป็นลูกครึ่งอีสานน่ะครับ แหะๆๆ)
"อ้าย ๆ รถสายนี้ผ่านพงสาลีบ่ครับ" พี่พนักงานแมล่งก็ทำหน้ามึน ๆ ใส่กุ ผมถึงรู้ว่า
พี่แกเป็นคนเวียดนามที่เว้าลาวบ่ค่อยแข็งเท่าไร
สุดท้ายก็ได้พี่คนลาวที่จะไปด้วยกัน (พูดเวียดนามได้) มาช่วยคุยให้ เลยได้ข้อสรุปว่า
"ถ้าจะไปพงสาลี ต้องไปต่อรถที่ปากน้ำน้อย ถ้าถึงแล้วเขาจะบอกเราเอง"
ส่วนค่าปี่ (ตั๋ว) จากหลวงพระบางไปพงสาลี (ลงปากน้ำน้อย) ก็จะอยู่ที่
100,000 กีบ = 400 บาท นาจ้า
รถสีน้ำเงินคันนี้คือรถนอนสายหลวงพระบาง - คุนหมิง เรียกได้ว่า ใครที่จะเลือกเดินทางแบบนี้ ไม่ถึกจริงอาจไปไม่ถึงนะจ๊ะ
เขาเดินทางกันเป็นวัน ๆ
ระหว่างรอรถออกก็พอมีเวลาได้เดินดูตามชานชาลาอื่น ๆ ถึงได้รู้ว่า สถานีขนส่งที่นี่ เป็นสถานีรถโดยสารระหว่างประเทศ
ซึ่งถ้าจะไปขนส่งภายในประเทศ ต้องไปอีกที่หนึ่งซึ่งโคตรไกลจากตรงนี้มาก
06.30 ได้ฤกษ์ ล้ อ ห มุ น แล้วเน้ออออ
ลาวแทบทุกบ้านติดจานดาวเทียมหมดเลย (เอาไว้ดูทีวีไทย จีน และเวียดนาม)
ตลอดทางเราก็จะได้เห็นป้ายเบียร์ลาวนะครัช
รถยังทำความเร็วระดับมาตรฐาน ช่วงไหนที่เขาชะลอเราก็กดชัตเตอร์เก็บบรรยากาศข้างทางเท่าที่จะทำได้
พอพ้นเขตเมืองหลวงพระบาง เราก็จะเห็นวิวฝั่งซ้ายเป็นริมแม่น้ำโขงเป็นระยะ ๆ นะครับ
ล้อหมุนมาได้เกือบ ๆ 2 ชั่วโมง ก็แวะรับคนกับรับของที่เพิงขายของริมทาง
ลืมบอกไปว่า รถสายนี้ไม่มีห้องน้ำ ถ้าอยากปล่อยหนักหรือปล่อยเบา บอกพี่คนขับให้จอดก่อนได้เด้อ
เห็นกับข้าวแล้วแบบ...อยากไปกินด้วย (เค้กลาวที่ซื้อมาเมื่อคืนมันไม่อยู่ท้อง)
ออกเดินทางกันต่อครับ
ระหว่างทางก็จะผ่านเมืองต่าง ๆ เป็นช่วง ๆ ไป
บรรยากาศมันก็จะคล้าย ๆ กับตัวอำเภอในไทยนี่แหละ
ประมาณ 10 โมงเช้า เริ่มเข้าเขตขึ้นเขาพิชิตโค้ง บอกเลยว่าทางคดเคี้ยวสุด ๆ
มันก็จะไต่เขาไปทีละนิด ๆ เลยพอจะเข้าใจแล้วว่า มันช้าเพราะสภาพเส้นทางนี่ไง
แต่...เฮ้ยยยยยย !! วิวโคตรดี สิบโมงกว่าหมอกยังลงหนาอยู่เลย
แสดงว่าตอนเช้า ๆ ที่ยังไม่เห็นแสงตะวันเลยคือ เรากำลังอยู่ใต้หมอกสินะ
คนชอบถ่าย Landscape อย่างผมก็อดไม่ได้ที่จะพยายามเก็บภาพสวย ๆ สู้กับความเร็วของรถที่รู้เลยว่า
มาแล้วเว้ยยยยย มันมาแล้วววววว ขอวิญญาณพอล วอล์กเกอร์ จงสถิตอยู่กับท่าน
ภาพสุดท้ายก่อนของีบแปปเพราะรู้สึกเวียนหัวเหลือเกิน หลายโค้งจนนับไม่ได้ละ
ตื่นมาอีกทีก็ 11 โมงกว่าละ เริ่มรู้สึกว่าทำไมมันช่างยาวนานจังวะ ยาวนานผิดปกติ
เลยถามพี่ที่นั่งข้าง ๆ ไปว่า
"อ้าย ๆ อีกโดนบ่ครับ กว่าสิฮอดเมืองไซ"
"บ่โดนหรอกน้อง ใกล้สิฮอดแล่ว" ไม่นานของคนลาวกับคนไทยนี่คนละฟิลลิ่งกันเลยสาจจจจจ
11.30 ถึงอุดมไซยแบบโล่ง ๆ หลังจากที่นั่งลุ้นจนเยี่ยวเล็ดแทบจะตลอดช่วงขึ้นเขาเลยว่า
จะได้ฝากชื่อให้คนลาวรู้จักในฐานะผู้ที่ต้องไปรายงานตัวที่ใต้พิภพมั้ยวะ
อุดมไซยก็จะดู Industrial หน่อย ๆ เพราะเป็นเมืองศูนย์กลางของภาคเหนือลาว
เลยดูเป็นเมืองผ่านที่โคตรเจริญ ถ้าเทียบกับเมืองอื่น ๆ ที่ผ่านมา
ซึ่งไม่ว่าจะไปจีน เชียงของ หรือเวียดนาม ยังไงก็ต้องผ่านเมืองนี้แบบไฟต์บังคับ
แวะรับ - ส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่งอุดมไซย
แวะส่งคนที่ขนส่งเสร็จ พี่คนขับบอกว่า พักทานข้าวเที่ยง 40 นาทีนาจ้า เดี๋ยวเราไปที่ร้านอาหารกัน
12.00 เป็นช่วงเวลาพักเที่ยงของนักเรียนลาวพอดี น้อง ๆ ส่วนใหญ่ก็จะกลับไปกินข้าวที่บ้าน
ส่วนเราและคณะทัวร์ที่มากับรถหลวงพระบาง - เดียนเบียนฟู ก็จะมากินร้านนี้กัน ร้านอาหารเวียดนาม
ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลา 12.00 โคตรหิวสาจ ๆ ไว้เรามาต่อกันตอนหน้านะครับ พอดีแบตคอมฯ ใกล้จะหมดแล้ว
ต้องขออภัยในความผิดพลาดด้วยนะครับ
[CR] มหากาพย์ลาวเหนือ 30 ชั่วโมง (EP 2) : เมืองขวา เมืองคนคูล 2018
วันที่ 2 ของทริปสุดโหด มหากาพย์ (มหากาก) ลาวเหนือ 30 ชั่วโมง
เป็นอีกวันที่หมดไปกับ "การเดินทาง" คือเริ่มต้นจากหลวงพระบางไปเมืองขวา
ล่อเข้าไปตั้ง 8-9 ชั่วโมงแน่ะ
จริง ๆ แล้วตามแผนที่วางไว้ในวันที่ 2 คือ ต้องไปพงสาลีก่อน แล้วค่อยนั่งเรือลงมาที่เมืองขวา
แต่ระหว่างทางดันเกิด Accident บางอย่างขึ้นมา สุดท้ายวันนั้นเลยต้องมาจบที่
เ มื อ ง ข ว า : เ มื อ ง ค น คู ล 2 0 1 8
ว่าที่วังเวียงแห่งที่ 2 ในอนาคต (มั้ง) เห็นคนลาวเขาว่ากันอย่างนี้นะ
เมืองขวา อยู่ในแขวงพงสาลี เป็นเมืองผ่านของคนที่จะไปเวียดนาม
ซึ่งถ้าจะไปเที่ยวเดียนเบียนฟูหรือซาปา ก็สามารถแวะค้างคืนที่เมืองขวาก่อนได้
ส่วนบรรยากาศ พอดูรวม ๆ แล้วช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน โอโซนอย่างหนา
ถ้าให้เทียบกับบ้านเราก็คงเหมือนกับกาญจนบุรีที่สุดแล้ว
ไปครับ ตามติดชีวิตในทริปวันที่ 2 กัน
เริ่มต้นวันที่ 2 วันนั้นอากาศโคตรเย็นสบายจนขี้เกียจลุกเมื่อเวลา 05.45
ผมเช็คเอาท์จากที่พักในหลวงพระบาง (เจ้าของที่พักยังไม่ตื่นด้วย แต่จ่ายค่าห้องไปแล้วนะ)
เพื่อไปขึ้นรถพงสาลีรอบเวลา 06.30 (เช้าไปไหมวะ)
ซึ่งตอนออกมาจากที่พักคือฟ้ายังไม่สว่าง แล้วจำเส้นทางจากขนส่งมาไม่ได้
สุดท้ายเลยต้องพึ่งพาน้องสกายแล็ปแบบเหมาเดี่ยว ๆ ไป 30,000 กีบ (120 บาท) นี่แหละครับ
พอมาถึงสถานีขนส่ง (ที่เดียวกันกับที่รถน่านมาจอด) รู้สึกว่าจริง ๆ มันก็ไม่ได้ไกลกันเลย เดินมายังได้อะ
แต่ช่างเถอะ ถือว่าซื้อเวลาไป ตอนนั้นก็ 6 โมงนิด ๆ แล้ว ผมเอาปี้ (ตั๋ว) ที่จองไว้เมื่อวานไปเช็กกับพนักงานขายตั๋วอีกที
เขาก็ชี้ให้ไปที่รถแดงคันนี้เลย
แล้วพอเอาตั๋วมาเช็กกับพนักงานรถ รู้เรื่องเลยข่าาาาา
นี่มันรถไปเวียดนาม (หลวงพระบาง-อุดมไซย-เดียนเบียนฟู) ไม่ใช่เหรอวะ แถมไม่ผ่านพงสาลีด้วย
อ้าวเฮ้ย! มืงหลอกกุปะเนี่ย ผมก็เลยเว้าลาวใส่พนักงานรถว่า (พอดีเป็นลูกครึ่งอีสานน่ะครับ แหะๆๆ)
"อ้าย ๆ รถสายนี้ผ่านพงสาลีบ่ครับ" พี่พนักงานแมล่งก็ทำหน้ามึน ๆ ใส่กุ ผมถึงรู้ว่า
พี่แกเป็นคนเวียดนามที่เว้าลาวบ่ค่อยแข็งเท่าไร
สุดท้ายก็ได้พี่คนลาวที่จะไปด้วยกัน (พูดเวียดนามได้) มาช่วยคุยให้ เลยได้ข้อสรุปว่า
"ถ้าจะไปพงสาลี ต้องไปต่อรถที่ปากน้ำน้อย ถ้าถึงแล้วเขาจะบอกเราเอง"
ส่วนค่าปี่ (ตั๋ว) จากหลวงพระบางไปพงสาลี (ลงปากน้ำน้อย) ก็จะอยู่ที่
100,000 กีบ = 400 บาท นาจ้า
รถสีน้ำเงินคันนี้คือรถนอนสายหลวงพระบาง - คุนหมิง เรียกได้ว่า ใครที่จะเลือกเดินทางแบบนี้ ไม่ถึกจริงอาจไปไม่ถึงนะจ๊ะ
เขาเดินทางกันเป็นวัน ๆ
ระหว่างรอรถออกก็พอมีเวลาได้เดินดูตามชานชาลาอื่น ๆ ถึงได้รู้ว่า สถานีขนส่งที่นี่ เป็นสถานีรถโดยสารระหว่างประเทศ
ซึ่งถ้าจะไปขนส่งภายในประเทศ ต้องไปอีกที่หนึ่งซึ่งโคตรไกลจากตรงนี้มาก
06.30 ได้ฤกษ์ ล้ อ ห มุ น แล้วเน้ออออ
ลาวแทบทุกบ้านติดจานดาวเทียมหมดเลย (เอาไว้ดูทีวีไทย จีน และเวียดนาม)
ตลอดทางเราก็จะได้เห็นป้ายเบียร์ลาวนะครัช
รถยังทำความเร็วระดับมาตรฐาน ช่วงไหนที่เขาชะลอเราก็กดชัตเตอร์เก็บบรรยากาศข้างทางเท่าที่จะทำได้
พอพ้นเขตเมืองหลวงพระบาง เราก็จะเห็นวิวฝั่งซ้ายเป็นริมแม่น้ำโขงเป็นระยะ ๆ นะครับ
ล้อหมุนมาได้เกือบ ๆ 2 ชั่วโมง ก็แวะรับคนกับรับของที่เพิงขายของริมทาง
ลืมบอกไปว่า รถสายนี้ไม่มีห้องน้ำ ถ้าอยากปล่อยหนักหรือปล่อยเบา บอกพี่คนขับให้จอดก่อนได้เด้อ
เห็นกับข้าวแล้วแบบ...อยากไปกินด้วย (เค้กลาวที่ซื้อมาเมื่อคืนมันไม่อยู่ท้อง)
ออกเดินทางกันต่อครับ
ระหว่างทางก็จะผ่านเมืองต่าง ๆ เป็นช่วง ๆ ไป
บรรยากาศมันก็จะคล้าย ๆ กับตัวอำเภอในไทยนี่แหละ
ประมาณ 10 โมงเช้า เริ่มเข้าเขตขึ้นเขาพิชิตโค้ง บอกเลยว่าทางคดเคี้ยวสุด ๆ
มันก็จะไต่เขาไปทีละนิด ๆ เลยพอจะเข้าใจแล้วว่า มันช้าเพราะสภาพเส้นทางนี่ไง
แต่...เฮ้ยยยยยย !! วิวโคตรดี สิบโมงกว่าหมอกยังลงหนาอยู่เลย
แสดงว่าตอนเช้า ๆ ที่ยังไม่เห็นแสงตะวันเลยคือ เรากำลังอยู่ใต้หมอกสินะ
คนชอบถ่าย Landscape อย่างผมก็อดไม่ได้ที่จะพยายามเก็บภาพสวย ๆ สู้กับความเร็วของรถที่รู้เลยว่า
มาแล้วเว้ยยยยย มันมาแล้วววววว ขอวิญญาณพอล วอล์กเกอร์ จงสถิตอยู่กับท่าน
ภาพสุดท้ายก่อนของีบแปปเพราะรู้สึกเวียนหัวเหลือเกิน หลายโค้งจนนับไม่ได้ละ
ตื่นมาอีกทีก็ 11 โมงกว่าละ เริ่มรู้สึกว่าทำไมมันช่างยาวนานจังวะ ยาวนานผิดปกติ
เลยถามพี่ที่นั่งข้าง ๆ ไปว่า "อ้าย ๆ อีกโดนบ่ครับ กว่าสิฮอดเมืองไซ"
"บ่โดนหรอกน้อง ใกล้สิฮอดแล่ว" ไม่นานของคนลาวกับคนไทยนี่คนละฟิลลิ่งกันเลยสาจจจจจ
11.30 ถึงอุดมไซยแบบโล่ง ๆ หลังจากที่นั่งลุ้นจนเยี่ยวเล็ดแทบจะตลอดช่วงขึ้นเขาเลยว่า
จะได้ฝากชื่อให้คนลาวรู้จักในฐานะผู้ที่ต้องไปรายงานตัวที่ใต้พิภพมั้ยวะ
อุดมไซยก็จะดู Industrial หน่อย ๆ เพราะเป็นเมืองศูนย์กลางของภาคเหนือลาว
เลยดูเป็นเมืองผ่านที่โคตรเจริญ ถ้าเทียบกับเมืองอื่น ๆ ที่ผ่านมา
ซึ่งไม่ว่าจะไปจีน เชียงของ หรือเวียดนาม ยังไงก็ต้องผ่านเมืองนี้แบบไฟต์บังคับ
แวะรับ - ส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่งอุดมไซย
แวะส่งคนที่ขนส่งเสร็จ พี่คนขับบอกว่า พักทานข้าวเที่ยง 40 นาทีนาจ้า เดี๋ยวเราไปที่ร้านอาหารกัน
12.00 เป็นช่วงเวลาพักเที่ยงของนักเรียนลาวพอดี น้อง ๆ ส่วนใหญ่ก็จะกลับไปกินข้าวที่บ้าน
ส่วนเราและคณะทัวร์ที่มากับรถหลวงพระบาง - เดียนเบียนฟู ก็จะมากินร้านนี้กัน ร้านอาหารเวียดนาม
ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลา 12.00 โคตรหิวสาจ ๆ ไว้เรามาต่อกันตอนหน้านะครับ พอดีแบตคอมฯ ใกล้จะหมดแล้ว
ต้องขออภัยในความผิดพลาดด้วยนะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น