กระทู้อื่นๆของเรา --> [CR]ตามล่าแสงเหนือ ไม่เจอเราไม่กลับที่ Iceland & Scandinavia
https://ppantip.com/topic/37315559
ขอเกริ่นก่อนนะคะว่า กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เริ่มเขียนหลังจากไปตะลอนๆมาหลายประเทศหลายโซน หลายรูปแบบมาแล้ว 34 ประเทศบางประเทศซ้ำหลายรอบ แต่ก็ยังไม่เคยเขียนรีวิวเลยสักครั้งเดียว ซึ่ง Maldives จะเป็นประเทศที่ 35
ยังไงถ้าเขียนแล้วอ่านไม่รู้เรื่อง รูปไม่สวย หรือข้อมูลบางอย่างคลาดเคลื่อน ขออภัยไว้ก่อนนะคะ
แนะนำตัวกันก่อนเลย : เราก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆธรรมดา มีฉายาทั่วๆไปว่า Smurf (สเมิฟ) คงไม่ต้องบอกนะคะว่าทำไมได้ฉายานี้ ^_^ เราทำงานบริษัทเอกชน ชอบการเดินทางและท่องเที่ยวมากมาย (ก ไก่ล้านตัว) จะมีความสุขทุกครั้งที่เห็นสถานที่เที่ยวแปลกๆใหม่ๆที่เรายังไม่เคยไป รูปถ่ายสวยๆที่คนอื่นถ่ายมา มันทำให้เกิดความสงสัยว่ามันคือที่ไหนและเกิดแรงบันดาลใจที่จะเริ่มค้นหาทริปใหม่ๆขึ้นมาเสมอ การออกเดินทางบ่อยๆมันช่วยเปิดประสบการณ์ชีวิตให้ตัวเองออกไปจากสิ่งที่เราเคยรู้เคยเห็น ได้พบเจอกับสิ่งใหม่ๆ บางครั้งก็ลำบาก ไม่คุ้นเคย สื่อสารกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ทุกๆครั้งที่กลับมา มันทำให้เรารู้ว่าโลกใบนี้ยังกว้างรอเราออกไปค้นหา แต่เหนือสิ่งอื่นใดความสุขมันไม่ได้อยู่ที่ปลายทาง แต่มันเกิดขึ้นระหว่างทางต่างหาก
อีกอย่างคือเราไม่รู้ว่าชีวิตจะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน จะมีเวลาอยู่กับคนที่รักไปถึงเมื่อไหร่ และอีกหลายๆครั้งที่ออกเดินทางแล้วพบว่าอายุเป็นสิ่งขัดขวางการเดินทางและใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเดินที่เดินได้น้อยลง เหนื่อยง่าย กินอาหารแป๊บเดียวก็อิ่มกินอะไรไม่ได้เยอะทั้งที่อยากลอง อันนี้ก็เป็นอีกจุดที่ทำให้เราต้องรีบออกเดินทางเมื่อเรายังไหว ฉะนั้นคอนเซปของเราคือ ออกไปให้เห็นด้วยตา ดีกว่านั่งดูรูปภาพและเรื่องเล่าอย่างเดียว
ก่อนจะไปถึงจุดเริ่มต้นของทริปมัลดีฟ ต้องเท้าความไปในอดีตก่อนว่า เราเคยบอกตัวเองไว้เสมอว่ายังไงประเทศนี้ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต แต่เนื่องจากอยากถ่ายรูปสวยๆเลยบอกตัวเองว่าก่อนไปต้องผอมก่อนถึงจะไปประเทศนี้ แต่!! Air Asia ดันเปิดเส้นทางใหม่และปล่อยตั๋วราคาโปรมา Smurf อย่างเราก็ไม่รอช้าสิคะ สอยอย่างด่วน...แต่เลือกไปเลือกมาช่วงเวลาที่อยากไปราคาโปรไม่ถูกสุดๆอย่างที่คิด แต่เอาวะ อยากไปละ และนี่แหละคือจุดเริ่มต้นของทริปนี้
การเดินทาง
เราบินด้วย Air Asia นะคะ ไป-กลับได้ราคาประมาณ 7 พันกว่าพราะเป็นเสาร์-จันทร์ ไม่ใช่วันธรรมดา ราคาก็สูงนิดๆ ออกเดินทางวันที่ 13-15 มกราที่ผ่านมา จริงๆต้องบิน 10.10 แต่ต้องบินเร็วขึ้นเพราะวันนั้นเป็นวันเสาร์เค้ามีโชว์ฝูงกองบินให้เด็กๆชม ส่วนขากลับออกจากมัลดีฟส์ ตอน 12.35 ถึงดอนเมืองทุ่มนิดๆ
ที่พัก
ในส่วนของประวัติของมัลดีฟเราขอข้ามนะนะคะ เพราะมีหลายๆกระทู้เค้าให้เกร็ดความรู้เอาไว้แล้ว เริ่มเข้าเรื่องเลยละกัน ก่อนไปมัลดีฟก็ต้องหาความต้องการของเราเองก่อนว่าเน้นเรื่องไหน เช่น อยากทำอะไร อยากเห็นอะไร เราก็เลย List ออกมาเป็นข้อๆก่อน ซึ่งความตั้งใจแรกของการไปเที่ยวมัลดีฟก็น่าจะเหมือนหลายคน คือ
1. อยากนั่ง Seaplane สักครั้งในชีวิต
2. อยากไปรีสอร์ตที่มีปะการังเยอะๆ เพื่อที่จะได้เห็นปลามากมาย
3. อยากได้ที่พักสวยๆเพราะเราต้องใช้ชีวิตติดเกาะตลอดทริป
4. ถ้าเป็นไปได้อยากได้ All Inclusive (งบจะได้ไม่บานปลาย)
5. ราคาต้องรับได้ พอที่ Smurf อย่างเราจะไหว
6. อยากได้รีสอร์ตที่คนไม่พลุกพล่าน วุ่นวาย แย่งกันกิน เพราะนี่คือทริปพักผ่อน ไม่ได้ไปเดินห้าง
เมื่อได้ตั๋วเครื่องบินมาแล้ว ต่อไปก็ต้องหาที่พัก อันนี้บอกเลยว่าเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานานมากสำหรับเรา เนื่องจากมัลดีฟมีโรงแรมเป็นร้อยๆไล่ตั้งแต่ 1 ดาว ไปยัง 5 ดาว++ หลังจากไล่ดูอยู่นาน ก็เจอโรงแรมในใจที่ชอบและพอจะเข้าข่าย 6 ข้อข้างบน ถึงแม้จะไม่ครบบางข้อบ้างก็ตาม ข้อมูลด้านล่างเป็นสิ่งที่เราไล่หามาจากในเนทและเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1. Dusit Thani Maldives (5 Star++) -->35-minute seaplane
ข้อดี : มีห้อง water pool villa / ได้นั่ง Seaplane / ประการังเยอะ เกรด 4/4 / ห้องพักสวย
ข้อเสีย : ราคาแพงมาก
2. Finolhu BAA Atoll (5 Star++) --> 30-minute seaplane ride from Malé
ข้อดี : มีห้อง water pool villa / ได้นั่ง Seaplane / ปะการังเยอะ เกรด 2/4 / ห้องพักสวย / เปิดใหม่
ข้อเสีย : ไม่มีห้องอาหารไทย / มีสูงสุดแค่ Full Board (ค่าเครื่องดื่มจ่ายเพิ่ม)
3. Centara Grand Island Resort & Spa Maldives (5 Star) --> 25 minutes seaplane ride from Malé
ข้อดี : มี All Inclusive งบไม่บานปลาย / ได้นั่ง Seaplane / ปะการังเยอะ เกรด 3/4 / พนักงานพูดไทยได้ / มีห้องอาหารไทย
ข้อเสีย : คน Asia เยอะ โดยเฉพาะคนจีน/ จำนวนห้องเยอะ คนน่าจะพลุกพล่าน / เก่า โทรม
4. Hurawalhi Island Resort (5 Star++) --> 45 minutes by SEAPLANE
ข้อดี : มีห้อง water pool villa / ได้นั่ง Seaplane / ปะการังเยอะ เกรด 3/4 / มีห้องอาหารที่เป็นกระจกใต้น้ำ
ข้อเสีย : ห้องพักเล็ก ห้องน้ำดูธรรมดา
5. Finolhu villa by Club Med --> By Speed boat from Malé
ข้อดี : มี All Inclusive / ห้องพักสวยมาก กว้างมาก / เปิดใหม่ไม่นาน
ข้อเสีย : ไม่ได้นั่ง Seaplane / ประการังแทบไม่มีเลย
6. Adaaran Prestige Vadoo --> 15 minutes by speedboat
ข้อดี : ราคาไม่แรง / มีห้อง water pool villa
ข้อเสีย : ไม่ได้นั่ง Seaplane / มี water pool villa แต่บ่อเล็กมาก ได้แค่ลงแช่ตัวเฉยๆ / ประการังมีเล็กน้อย เกรด 1/4 เอง
7. Kuramathi Maldives (4 Star) --> 20-minute seaplane ride from Malé
ข้อดี : มีห้อง water pool villa / ได้นั่ง Seaplane / ประการังเยอะ เกรด 2/4
ข้อเสีย : จำนวนห้องพักเยอะมาก คนน่าจะพลุกพล่าน
8. Hideaway Beach Resort & Spa (5 Star) --> 50-minute domestic flight followed by a 15-minute speedboat ride
ข้อดี : มีห้อง water pool villa / ประการังเยอะ เกรด 2/4 / ห้องพักสวย
ข้อเสีย : ใช้เวลาในการเดินทางนาน ไม่ได้นั่ง Seaplane ต้องขึ้นเครื่องกลับตอนเที่ยงครึ่งกลัวว่าจะมีเวลาที่รีสอร์ตไม่คุ้ม
9. Paradise Island Resort & Spa --> 20-minute by speedboat
ข้อดี : มีห้อง water pool villa / ประการังเยอะ เกรด 1/4
ข้อเสีย : ไม่ได้นั่ง Seaplane / คนที่เคยไปมาก่อนหน้านี้บอกว่าชอบมีแมลงที่นอนกัดเต็มตัว
10. Roxy Maldives Resort --> 45-minute seaplane flight from Male
ข้อดี : มีห้อง water pool villa / ได้นั่ง Seaplane / ประการังเยอะ เกรด 2/4
ข้อเสีย : ใช้เวลาในการนั่ง Seaplane นาน และต้องตัดเงินทันที จองเฉยๆไม่ได้
อย่างที่รู้ๆกันว่ามัลดีฟท์เวลาไปเที่ยวแล้วมันเหมือนติดเกาะไปไหนไม่ได้ ไม่ใช่เบื่อก็จะย้ายไปรีสอร์ตอื่น มันไม่ง่ายขนาดนั้น แต่ถามว่าทำได้ไม๊ก็ทำได้นะ แต่ก็จะสิ้นเปลืองเอาการ เพราะ เราต้องมาเสียค่าเดินทางเพิ่มเข้าไปอีกในกรณีที่จะย้ายรีสอร์ต มันเลยทำให้เราใช้เวลาในการเลือกและตัดสินใจสำหรับที่พักนานพอสมควร
เวลาเราเลือกรีสอร์ทเราควรเลือกที่มีทุกสิ่งครบครันตอบโจทย์ตัวเราเองให้ได้เช่น ชั้นอยากไปนอนเฉยๆจะอยู่แต่ในห้องไม่ดำน้ำไม่สนปะการัง ก็เลือกรีสอร์ตห้องสวยๆ แต่ถ้าอยากเน้นดำน้ำหน้าห้องก็หาข้อมูลรีสอร์ตที่เด่นเรื่องประการังไปเลย แต่ถ้าเป็นสาย Alcohol ก็พยายามเลือกที่มี All Inclusive เข้าไว้งบจะได้ไม่บานปลาย แต่ถ้าอยากได้ทุกๆอย่างรวมกันอาจใช้เวลานิดนึง
จากโรงแรมทั้งหมดเราก็เหลืออยู่ 9 ที่ แต่จากเงื่อนไขสิ่งที่เราอยากได้ด้านบน เราเลยเลือกตัดข้อ 5-9 ออก ส่วนข้อ 1-4 คิดอยู่นานว่าจะเลือกที่ไหนดี รร.มีข้อดี ข้อเสียต่างกัน ราคาไม่ต่างกันมาก สำหรับเราเมื่อดูเงื่อนไขของเราข้างบนบวกกับไล่ดูรีสอร์ตมาสักพัก จากบรรยากาศห้องพักและบรรยากาศโดยรอบ บวกกับสาธารณูปโภคและกิจกรรมของรีสอร์ต เราก็ตัดสินใจเลือก
“Finolhu BAA Atoll” ถึงแม้ว่าจะหาข้อมูลของที่นี่แล้วแต่พบว่ามีน้อยมาก อาจจะไม่ได้ฮิตในหมู่คนไทย และอาจจะเป็นเพราะรีสอร์ตพึ่งเปิดตัวปี 2016 นี่เอง เลยดูเหมือนใน Pantip จะยังไม่มีใครรีวิวเลย แต่ยังไงมันก็ตอบโจทย์ทั้ง 6 ข้อข้างบนของเรา และไหนๆมาทั้งทีเราเลยจองเป็น โอเชี่ยนพูลวิลลา (Ocean Pool Villa) + Full board คืออาหาร 3 มื้อเช้า กลางวัน และเย็นไปเลย (เราจองเองผ่าน Booking.com นะคะ ไม่ได้ผ่านเอเจ้นท์ค่ะ) เมื่อจองเสร็จก็รอไปยาวๆ
**ขอย้ำนิดนึงนะคะว่าที่ Maldives มี Finolhu 2 ที่ ชื่อคล้ายๆกัน อันนึงจะเป็นอันที่เราเลือกคือ Finolhu Baa Atoll ส่วนอีกที่คือ Finolhu Villas by Club Med ซึ่งรร.หลังคนไทยไปเยอะระดับนึง เราก็ชอบนะห้องพักสวยมาก แต่เนื่องจากรีสอร์ตแทบไม่มีประการังเลย เราเลยตัดทิ้งค่ะ ***
ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากหารายละเอียดของรีสอร์ตแต่ละที่ในมัลดีฟท์ ลองใช้เวป
http://www.mondomaldive.com นี้ดูนะคะ เค้าจะให้เรทและรายละเอียดไว้ค่อนข้างดีเลย
เมื่อวันที่ตั้งตารอมาถึง Smurf อย่างเราก็ดี๊ด๊าเป็นพิเศษ เราก็ออกเดินทางไปมัลดีฟโดยสายการบิน Air Asia (ยังไงขอข้ามชอตบิน Air Asia จากดอนเมืองไปมาเล่เลยนะคะ เพราะน่าจะมีกระทู้อื่นรีวิวไว้พอสมควรแล้ว)
พอลงเครื่องมาก็ต้องผ่านตม.ของมัลดีฟก่อน สนามบินค่อนข้างเล็ก (แต่ตรงนี้ใช้เวลานานมาก) เครื่องลงตั้งแต่ 11.45 แต่กว่าจะผ่าน ตม.ออกมาได้ก็ 12.35 เล่นซะเมื่อยขาไปเลย พอรับกระเป๋าเสร็จเดินออกมาด้านนอกจะมีเค้าเตอร์เต็มไปหมด นอนรีสอร์ตไหนลองดูๆเอานะคะ
ส่วนของเราจะมีพนักงานของ Finolhu มายืนถือป้ายรอรับอยู่ พอแนะนำตัวกันเสร็จ นางและพนักงานผู้ชายอีกคนก็ยกกระเป๋าแล้วพาไปออกตั๋ว Seaplane ที่ counter ของ Trans Maldivian Airways ซึ่งเดินไปนิดเดียวเท่านั้น
พอได้ Boarding เสร็จ พนักงานผู้ชายก็ยกกระเป๋าพาเดินไปที่รถตู้ที่รับเฉพาะลูกค้าที่พักที่ Finolhu เพื่อไปส่งที่ Seaplane Lounge ส่วนตัวซึ่งอยู่ด้านหลังของ Male International Airport
แต่ถ้าใครนั่ง Speed Boat พอออกจากตม.เสร็จ ท่าเรือก็อยู่ตรงข้ามใกล้ๆแถวนั้นเลยค่ะ
กลับมาที่เล้าจ์ส่วนตัวของ Finolhu Baa Atoll ที่เล้าจ์นี้จะรองรับลูกค้าของ Finolhu BAA Atoll กับ Amilla Fushi ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือเดียวกันเท่านั้น ในเล้าจ์ก็จะมีน้ำดื่ม ชา กาแฟ ขนมคุกกี้ ขนมปัง ถั่วให้กินกันเพลินๆระหว่างรอขึ้น Seaplane สำหรับคนที่บิน Seaplane แต่รีสอร์ตไม่มีเล้าจ์ส่วนตัวทาง Trans Maldivian Airways เค้าก็จะมีรถตู้และที่นั่งรอส่วนกลางรองรับอยู่นะคะ
อันนี้เป็นภาพภายในเล้าจ์
[CR] เมื่อ Maldives ไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไปที่ Finolhu Baa Atoll
ขอเกริ่นก่อนนะคะว่า กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เริ่มเขียนหลังจากไปตะลอนๆมาหลายประเทศหลายโซน หลายรูปแบบมาแล้ว 34 ประเทศบางประเทศซ้ำหลายรอบ แต่ก็ยังไม่เคยเขียนรีวิวเลยสักครั้งเดียว ซึ่ง Maldives จะเป็นประเทศที่ 35
ยังไงถ้าเขียนแล้วอ่านไม่รู้เรื่อง รูปไม่สวย หรือข้อมูลบางอย่างคลาดเคลื่อน ขออภัยไว้ก่อนนะคะ
แนะนำตัวกันก่อนเลย : เราก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆธรรมดา มีฉายาทั่วๆไปว่า Smurf (สเมิฟ) คงไม่ต้องบอกนะคะว่าทำไมได้ฉายานี้ ^_^ เราทำงานบริษัทเอกชน ชอบการเดินทางและท่องเที่ยวมากมาย (ก ไก่ล้านตัว) จะมีความสุขทุกครั้งที่เห็นสถานที่เที่ยวแปลกๆใหม่ๆที่เรายังไม่เคยไป รูปถ่ายสวยๆที่คนอื่นถ่ายมา มันทำให้เกิดความสงสัยว่ามันคือที่ไหนและเกิดแรงบันดาลใจที่จะเริ่มค้นหาทริปใหม่ๆขึ้นมาเสมอ การออกเดินทางบ่อยๆมันช่วยเปิดประสบการณ์ชีวิตให้ตัวเองออกไปจากสิ่งที่เราเคยรู้เคยเห็น ได้พบเจอกับสิ่งใหม่ๆ บางครั้งก็ลำบาก ไม่คุ้นเคย สื่อสารกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ทุกๆครั้งที่กลับมา มันทำให้เรารู้ว่าโลกใบนี้ยังกว้างรอเราออกไปค้นหา แต่เหนือสิ่งอื่นใดความสุขมันไม่ได้อยู่ที่ปลายทาง แต่มันเกิดขึ้นระหว่างทางต่างหาก
อีกอย่างคือเราไม่รู้ว่าชีวิตจะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน จะมีเวลาอยู่กับคนที่รักไปถึงเมื่อไหร่ และอีกหลายๆครั้งที่ออกเดินทางแล้วพบว่าอายุเป็นสิ่งขัดขวางการเดินทางและใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเดินที่เดินได้น้อยลง เหนื่อยง่าย กินอาหารแป๊บเดียวก็อิ่มกินอะไรไม่ได้เยอะทั้งที่อยากลอง อันนี้ก็เป็นอีกจุดที่ทำให้เราต้องรีบออกเดินทางเมื่อเรายังไหว ฉะนั้นคอนเซปของเราคือ ออกไปให้เห็นด้วยตา ดีกว่านั่งดูรูปภาพและเรื่องเล่าอย่างเดียว
ก่อนจะไปถึงจุดเริ่มต้นของทริปมัลดีฟ ต้องเท้าความไปในอดีตก่อนว่า เราเคยบอกตัวเองไว้เสมอว่ายังไงประเทศนี้ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต แต่เนื่องจากอยากถ่ายรูปสวยๆเลยบอกตัวเองว่าก่อนไปต้องผอมก่อนถึงจะไปประเทศนี้ แต่!! Air Asia ดันเปิดเส้นทางใหม่และปล่อยตั๋วราคาโปรมา Smurf อย่างเราก็ไม่รอช้าสิคะ สอยอย่างด่วน...แต่เลือกไปเลือกมาช่วงเวลาที่อยากไปราคาโปรไม่ถูกสุดๆอย่างที่คิด แต่เอาวะ อยากไปละ และนี่แหละคือจุดเริ่มต้นของทริปนี้
การเดินทาง
เราบินด้วย Air Asia นะคะ ไป-กลับได้ราคาประมาณ 7 พันกว่าพราะเป็นเสาร์-จันทร์ ไม่ใช่วันธรรมดา ราคาก็สูงนิดๆ ออกเดินทางวันที่ 13-15 มกราที่ผ่านมา จริงๆต้องบิน 10.10 แต่ต้องบินเร็วขึ้นเพราะวันนั้นเป็นวันเสาร์เค้ามีโชว์ฝูงกองบินให้เด็กๆชม ส่วนขากลับออกจากมัลดีฟส์ ตอน 12.35 ถึงดอนเมืองทุ่มนิดๆ
ที่พัก
ในส่วนของประวัติของมัลดีฟเราขอข้ามนะนะคะ เพราะมีหลายๆกระทู้เค้าให้เกร็ดความรู้เอาไว้แล้ว เริ่มเข้าเรื่องเลยละกัน ก่อนไปมัลดีฟก็ต้องหาความต้องการของเราเองก่อนว่าเน้นเรื่องไหน เช่น อยากทำอะไร อยากเห็นอะไร เราก็เลย List ออกมาเป็นข้อๆก่อน ซึ่งความตั้งใจแรกของการไปเที่ยวมัลดีฟก็น่าจะเหมือนหลายคน คือ
1. อยากนั่ง Seaplane สักครั้งในชีวิต
2. อยากไปรีสอร์ตที่มีปะการังเยอะๆ เพื่อที่จะได้เห็นปลามากมาย
3. อยากได้ที่พักสวยๆเพราะเราต้องใช้ชีวิตติดเกาะตลอดทริป
4. ถ้าเป็นไปได้อยากได้ All Inclusive (งบจะได้ไม่บานปลาย)
5. ราคาต้องรับได้ พอที่ Smurf อย่างเราจะไหว
6. อยากได้รีสอร์ตที่คนไม่พลุกพล่าน วุ่นวาย แย่งกันกิน เพราะนี่คือทริปพักผ่อน ไม่ได้ไปเดินห้าง
เมื่อได้ตั๋วเครื่องบินมาแล้ว ต่อไปก็ต้องหาที่พัก อันนี้บอกเลยว่าเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานานมากสำหรับเรา เนื่องจากมัลดีฟมีโรงแรมเป็นร้อยๆไล่ตั้งแต่ 1 ดาว ไปยัง 5 ดาว++ หลังจากไล่ดูอยู่นาน ก็เจอโรงแรมในใจที่ชอบและพอจะเข้าข่าย 6 ข้อข้างบน ถึงแม้จะไม่ครบบางข้อบ้างก็ตาม ข้อมูลด้านล่างเป็นสิ่งที่เราไล่หามาจากในเนทและเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อย่างที่รู้ๆกันว่ามัลดีฟท์เวลาไปเที่ยวแล้วมันเหมือนติดเกาะไปไหนไม่ได้ ไม่ใช่เบื่อก็จะย้ายไปรีสอร์ตอื่น มันไม่ง่ายขนาดนั้น แต่ถามว่าทำได้ไม๊ก็ทำได้นะ แต่ก็จะสิ้นเปลืองเอาการ เพราะ เราต้องมาเสียค่าเดินทางเพิ่มเข้าไปอีกในกรณีที่จะย้ายรีสอร์ต มันเลยทำให้เราใช้เวลาในการเลือกและตัดสินใจสำหรับที่พักนานพอสมควร
เวลาเราเลือกรีสอร์ทเราควรเลือกที่มีทุกสิ่งครบครันตอบโจทย์ตัวเราเองให้ได้เช่น ชั้นอยากไปนอนเฉยๆจะอยู่แต่ในห้องไม่ดำน้ำไม่สนปะการัง ก็เลือกรีสอร์ตห้องสวยๆ แต่ถ้าอยากเน้นดำน้ำหน้าห้องก็หาข้อมูลรีสอร์ตที่เด่นเรื่องประการังไปเลย แต่ถ้าเป็นสาย Alcohol ก็พยายามเลือกที่มี All Inclusive เข้าไว้งบจะได้ไม่บานปลาย แต่ถ้าอยากได้ทุกๆอย่างรวมกันอาจใช้เวลานิดนึง
จากโรงแรมทั้งหมดเราก็เหลืออยู่ 9 ที่ แต่จากเงื่อนไขสิ่งที่เราอยากได้ด้านบน เราเลยเลือกตัดข้อ 5-9 ออก ส่วนข้อ 1-4 คิดอยู่นานว่าจะเลือกที่ไหนดี รร.มีข้อดี ข้อเสียต่างกัน ราคาไม่ต่างกันมาก สำหรับเราเมื่อดูเงื่อนไขของเราข้างบนบวกกับไล่ดูรีสอร์ตมาสักพัก จากบรรยากาศห้องพักและบรรยากาศโดยรอบ บวกกับสาธารณูปโภคและกิจกรรมของรีสอร์ต เราก็ตัดสินใจเลือก “Finolhu BAA Atoll” ถึงแม้ว่าจะหาข้อมูลของที่นี่แล้วแต่พบว่ามีน้อยมาก อาจจะไม่ได้ฮิตในหมู่คนไทย และอาจจะเป็นเพราะรีสอร์ตพึ่งเปิดตัวปี 2016 นี่เอง เลยดูเหมือนใน Pantip จะยังไม่มีใครรีวิวเลย แต่ยังไงมันก็ตอบโจทย์ทั้ง 6 ข้อข้างบนของเรา และไหนๆมาทั้งทีเราเลยจองเป็น โอเชี่ยนพูลวิลลา (Ocean Pool Villa) + Full board คืออาหาร 3 มื้อเช้า กลางวัน และเย็นไปเลย (เราจองเองผ่าน Booking.com นะคะ ไม่ได้ผ่านเอเจ้นท์ค่ะ) เมื่อจองเสร็จก็รอไปยาวๆ
**ขอย้ำนิดนึงนะคะว่าที่ Maldives มี Finolhu 2 ที่ ชื่อคล้ายๆกัน อันนึงจะเป็นอันที่เราเลือกคือ Finolhu Baa Atoll ส่วนอีกที่คือ Finolhu Villas by Club Med ซึ่งรร.หลังคนไทยไปเยอะระดับนึง เราก็ชอบนะห้องพักสวยมาก แต่เนื่องจากรีสอร์ตแทบไม่มีประการังเลย เราเลยตัดทิ้งค่ะ ***
ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากหารายละเอียดของรีสอร์ตแต่ละที่ในมัลดีฟท์ ลองใช้เวป http://www.mondomaldive.com นี้ดูนะคะ เค้าจะให้เรทและรายละเอียดไว้ค่อนข้างดีเลย
เมื่อวันที่ตั้งตารอมาถึง Smurf อย่างเราก็ดี๊ด๊าเป็นพิเศษ เราก็ออกเดินทางไปมัลดีฟโดยสายการบิน Air Asia (ยังไงขอข้ามชอตบิน Air Asia จากดอนเมืองไปมาเล่เลยนะคะ เพราะน่าจะมีกระทู้อื่นรีวิวไว้พอสมควรแล้ว)
พอลงเครื่องมาก็ต้องผ่านตม.ของมัลดีฟก่อน สนามบินค่อนข้างเล็ก (แต่ตรงนี้ใช้เวลานานมาก) เครื่องลงตั้งแต่ 11.45 แต่กว่าจะผ่าน ตม.ออกมาได้ก็ 12.35 เล่นซะเมื่อยขาไปเลย พอรับกระเป๋าเสร็จเดินออกมาด้านนอกจะมีเค้าเตอร์เต็มไปหมด นอนรีสอร์ตไหนลองดูๆเอานะคะ
ส่วนของเราจะมีพนักงานของ Finolhu มายืนถือป้ายรอรับอยู่ พอแนะนำตัวกันเสร็จ นางและพนักงานผู้ชายอีกคนก็ยกกระเป๋าแล้วพาไปออกตั๋ว Seaplane ที่ counter ของ Trans Maldivian Airways ซึ่งเดินไปนิดเดียวเท่านั้น
พอได้ Boarding เสร็จ พนักงานผู้ชายก็ยกกระเป๋าพาเดินไปที่รถตู้ที่รับเฉพาะลูกค้าที่พักที่ Finolhu เพื่อไปส่งที่ Seaplane Lounge ส่วนตัวซึ่งอยู่ด้านหลังของ Male International Airport
แต่ถ้าใครนั่ง Speed Boat พอออกจากตม.เสร็จ ท่าเรือก็อยู่ตรงข้ามใกล้ๆแถวนั้นเลยค่ะ
กลับมาที่เล้าจ์ส่วนตัวของ Finolhu Baa Atoll ที่เล้าจ์นี้จะรองรับลูกค้าของ Finolhu BAA Atoll กับ Amilla Fushi ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือเดียวกันเท่านั้น ในเล้าจ์ก็จะมีน้ำดื่ม ชา กาแฟ ขนมคุกกี้ ขนมปัง ถั่วให้กินกันเพลินๆระหว่างรอขึ้น Seaplane สำหรับคนที่บิน Seaplane แต่รีสอร์ตไม่มีเล้าจ์ส่วนตัวทาง Trans Maldivian Airways เค้าก็จะมีรถตู้และที่นั่งรอส่วนกลางรองรับอยู่นะคะ
อันนี้เป็นภาพภายในเล้าจ์