สวัสดีค่ะ ลินดี้ นะคะ แอดมินเพจ
โสดแล้วไปไหนก็ได้ หลายๆคนก็เลยเรียกลินว่าเป็น "ตัวแม่" ของเรื่องความโสด จริงๆแล้วก็ไม่ได้อย่างเป็นอย่างนี้เลยน้า แต่มันหาเจ้าชายในชีวิตจริงไม่ได้ซักที หลายคนก็เลยแนะนำ ให้ไปขอคู่ที่วัดด้ายแดงที่ ฮ่องกง ซึ่งวัดนี้ดังมากๆ เขาว่ากันว่าใครไปไหว้ขอคู่ที่นี่ จะได้เจอเนื้อคู่ในชีวิตจริง แล้วฮ่องกงก็ไปไม่ยากเลยใช้เวลาแค่เสาร์-อาทิตย์เอง พอคิดได้ย่างนี้ลินก็ไม่รอช้า เก็บกระเป๋า เตรียมกล้อง ออกเดินทาง ไปลุยฮ่องกงเลยค่า!
*Lindy's Tip : ช่วงเวลาที่"ควร"ไปเที่ยวฮ่องกงนะคะ มีดังนี้
- ไปเพื่อช้อป: ควรไปช่วงฤดูฝนของฮ่องกง (เดือน มิถุนายน - สิงหาคม) เพราะฝนตกและพายุเข้าบ่อยทำให้ห้างสรรพสินค้าต่างๆจัดโปรโมชั่นลดราคากันเยอะ เรียกว่าลดทั้งเกาะเลยนาจา
- ไปเพื่อเที่ยว: เที่ยวได้ตลอดเลยค่าฮ่องกงเนี่ย ไม่ว่าจะเป็น ฤดูใบไม้ร่วง (เดือน กันยายน - พฤศจิกายน)
อากาศกำลังเย็นสบายไม่ค่อยมีฝนตกเหมาะแก่การเที่ยวมากๆ หรือถ้าอยากใส่คอสตูม ฤดูหนาว (เดือน ธันวาคม - กุมภาพันธ์) อากาศที่ฮ่องกงก็จะหนาวกว่าไทยหน่อยๆ ประมาณ 14-21 องศา ถ้ามาช่วงนี้จะตรงกับเทศกาลปีใหม่และคริสมาสต์ด้วยน้า แต่ถ้าใครไม่อยากหนาว ลินขอแนะนำให้มาช่วง ฤดูใบไม้ผลิ (เดือน มีนาคม- พฤษภาคม) ช่วงนี้ก็เป็นช่วงยอดฮิตช่วงหนึ่ง ที่จะมาเที่ยวกับครอบครัว เพราะนอกจากอากาศจะไม่ร้อนไม่หนาวกำลังดีแล้ว ก็ยังตรงกับช่วงหยุดยาวของไทยด้วย
จากสนามบินดอนเมือง(DMK) สู่สนามบินฮ่องกง(HKG)
ทริปนี้ลินเริ่มต้นเดินทาง จาก สนามบินดอนเมือง โดย สายการบินไทยแอร์เอเชีย บินตรงสู่ สนามบินฮ่องกง โดย สายการบินไทยแอร์เอเชีย จะมี 3 เที่ยวบิน/วัน ดังนี้ค่า
DMK - HKG
FD508 : 06.35 (DMK) > 10.15 (HKG)
FD504 : 15.30 (DMK) > 19.10 (HKG)
FD502 : 16:35 (DMK) > 20.20 (HKG)
HKG - DMK
FD509 : 10.45 (HKG) > 12.30 (DMK)
FD505 : 19.40 (HKG) > 21.35 (DMK)
FD503 : 21.05 (HKG) > 23.15 (DMK)
จะเห็นได้ว่ามีเที่ยวบินครอบคลุมทุกช่วงเวลาเลยใครสะดวกช่วงเวลาไหนก็เลือกได้ตามใจ ส่วนลินเลือกไฟล์ทที่เช้าที่สุดคือ FD508 ต้องตื่นเช้าหน่อยแต่ก็มีเวลาเที่ยวเพิ่มขึ้นนะ เพื่อเป้าหมายสูงสุดที่จะ "ลงจากคาน" ตื่นเช้านิดหน่อยลินทนได้ค่า 55
*Lindy's Tip : ไปฮ่องกงไม่ต้องใช้ Visa ใช้แค่หนังสือเดินทาง (Passport) โดยหนังสือเดินทางต้องมีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือนนะคะ
CHAPTER 1: HONGKONG, I'M HERE !!
ถึงสนามบินฮ่องกงแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือ ซื้อบัตรเติมเงินของ Octopus Card ซึ่งวิธีซื้อก็ไม่ยากค่า มองหา Counter ของ Airport Express หรือ ซื้อได้ที่ Customer Service Centre ของรถไฟใต้ดินทุกสถานี ส่วนราคา Octopus Card จะมี 2 ราคา คือ
- บัตรผู้ใหญ่ ราคา 150 HKD (เงินที่ใช้ในบัตร 100 HKD และ มัดจำบัตร 50 HKD โดยค่ามัดจำจะได้คืนตอนคืนบัตร)
- บัตรเด็กและผู้สูงอายุ ราคา 70 HKD (เงินที่ใช้ในบัตร 20 HKD และ มัดจำบัตร 50 HKD โดยค่ามัดจำจะได้คืนตอนคืนบัตร)
*Lindy's Tip : บัตร Octopus Card สามารถใช้สิทธิ์รับส่วนลดการใช้งาน MTR ได้เที่ยวละ 2 HKD โดยเอาบัตร Octopus Card ไปแตะที่ เครื่อง MTR Fare Saver ตามรูปด้านล่างนี้ จะมีอยู่หลายที่เลย ตามถนนก็มีค่ะ
CHAPTER 2 : โสดนี้ต้องพึ่งแต้มบุญ ตะลุยไหว้พระฮ่องกง
PO LIN MONASTERY / TIAN TAN BUDDHA
#ชีวิตประสบความสำเร็จ #ขอพรปุ๊บสมหวังปั๊บ
มาฮ่องกงสิ่งที่พลาดไม่ได้คือตะลุยไหว้พระตามวัดต่างๆโดยวัดแรกที่ลินจะไปก็คือ สักการะ พระใหญ่เทียนถาน (Tian Tan Buddha) และ วัดโปลิน (Po Lin Monastery) โดยการขึ้นไปสักการะลินเลือกนั่งกระเช้าลอยฟ้า (Ngong Ping 360) ขึ้นไป โดยกระเช้าลอยฟ้ามี 2 แบบคือ
- กระเช้าธรรมดา (Standard Cabin) ลอยชิวๆไปแบบสโลว์ไลฟ์ ราคาประหยัด
- กระเช้าคริสตัล (Crystal Cabin) ลอยเสียวๆ หวิวๆหน่อยๆ เพราะพื้นใสเห็นข้างล่างหมดเลย
โดยกระเช้าที่ลินเลือกแบบ กระเช้าคริสตัล (Crystal Cabin) บางคนถามว่ากลัวมั้ย ค้างคานมานานขนาดนี้ กระเช้าพื้นใสสูงแค่นี้ สบ๊ายสบายยยค่า
*Lindy's Tip : สำหรับคนที่อยากนั่งกระเช้าลินแนะนำให้ซื้อบัตรจากไทยไปเลยนะคะ เพราะถ้าไปซื้อที่นู่นเนี่ยคิวจะยาวมาก รอนานเหมือนกันนะ แต่ถ้าเราซื้อบัตรไปเลยเค้าจะมี Fast Lane สำหรับผู้ที่มีบัตรอยู่แล้วประหยัดเวลาได้เยอะเลยค่ะ
บัตรขึ้นกระเช้าแบบคริสตัล ลินซื้อจากที่ไทยไป ราคาประมาณ 900 บาท
นั่งกระเช้าประมาณ 25 นาทีระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะมาถึงหมู่บ้านวัฒธรรมนองปิง (Ngong Ping Village) บนนี้ก็จะมีร้านอาหารและขายของที่ระลึกหลายที่เลย
เดินผ่านกลางหมู่บ้านมาเรื่อยๆจะพบกับ พระใหญ่เทียนถาน (Tian Tan Buddha) พระพุทธรูปกลางแจ้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ใครที่อยากขึ้นไปสักการะจะต้องเดินขึ้นบันได เกือบ 300 ขั้น พอเดินขึ้นถึงข้างบน นี่หอบเลยค่า...หอบเงินบริจาคกลับบ้าน เอ้ย! หอบเพราะเหนื่อยยยค่า -"-
ใครอยากสักการะเดินบันไดขึ้นไป หรือ ถ้าเดินไม่ไหวก็สามารถยืนรับพลังขอพรที่ลานวงกลมด้านล่างก็ได้
หลังจากสักการะพระใหญ่เสร็จเดินลงมาฝั่งตรงข้ามจะพบกับ วัดโปลิน (Po Lin Monastary) วัดขนาดเล็ก แต่ตอนลินไปก็มีคนเข้ามาไหว้พระเยอะเหมือนกัน โดยวัดนี้มีอาหารเจให้ทานนะคะ แต่ลินไม่ได้แวะเข้าไป ใครที่ชอบกินอาหารเจ ต้องมาลองเลยค่า
การเดินทาง : MTR สถานี Tung Chung ทางออก B แล้วขึ้น Ngong Ping 360 หรือ รถเมล์ประจำทางสาย 23
*Lindy's Tip : สาวโสดอย่างลินก็เตรียมคอสตูมมาอ่อยหนุ่มฮ่องกงเต็มเลย สัมภาระหนักมากค่ะ จะให้แบกขึ้นไปสักการะพระใหญ่ขึ้นบันได 300 ขั้นนี่หลังหักพอดี ลินเลยเอาของทั้งหมดไปฝากที่ตู้ฝากสัมภาระที่ห้าง City gate outlet ก่อน โดยล็อกเกอร์จะอยู่ที่ชั้นล่างของห้าง ราคาก็ไม่แพง ประมาณ 10-20 HKD/2 ชั่วโมง หากฝากไม่เกิน 6 ชั่วโมงนะคะ ซี่งห้าง City gate outlet เนี่ย ออกจากสถานี Tung Chung ก็เจอเลย สะดวกสุดๆ ^^
KWUN YAM SHRINE #ขอลูก ขอโชคลาภ อายุยืน
ต่อกันเลยค่าสถานที่ที่สองที่ลินไป คือ ศาลเจ้าแม่กวนอิม (Kwun Yam Shrine) โดยจะอยู่ที่ทางตอนใต้ของเกาะฮ่องกง เดินทางไปโดยรถเมล์ โดยก่อนจะถึงศาลเจ้าแม่กวนอิมจะต้องผ่าน หาดรีพัลส์เบย์ (Repulse Bay Beach) ชายหาดนี้เค้าว่ากันว่าเป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดของฮ่องกงเลยนะ น้ำใสมากเลยเป็นสีฟ้าเลย
Life Guard ที่นี่ซ้อมจริงจังมาก ทั้งวิ่งทั้งว่ายน้ำ ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง หุ่นแซ่บมาก เอาซะเพลิน แฮร่! 555
เดินเลียบชายหาดมาเรื่อยๆก็จะเจอ ศาลเจ้าแม่กวนอิม ที่นี่คนไทยนิยมมาสักการะเจ้าแม่กวนอิมและขอพรได้หลายอย่าง ถ้ามาไม่ถึง ศาลเจ้าแม่กวนอิมที่หาดรีพัลส์เบย์ นี่เหมือนมาไม่ถึงฮ่องกงอ่ะ และเพื่อให้การขอพรถูกต้อง ลินสรุปมาให้คร่าวๆแล้วค่าว่าที่นี่มีอะไรบ้าง
เริ่มตั้งแต่เข้าวัดเลย เวลาเข้าวัดให้ก้าวเท้าซ้าย เวลาออกจากวัดให้ก้าวเท้าขวาเปรียบเสมือนการเดินของนาฬิกา ชีวิตจะได้ก้าวหน้า
ถัดมาไหว้ขอพรต่อเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ โดยการขอพรให้ยืนอยู่บริเวณหน้ากระเบื้องให้มากที่สุด เพื่อให้ท่านประทานพรเราแบบเต็มๆ
คนไทยนิยมมากันมาก มีบทสวดภาษาไทยให้ด้วยน้า
ถัดมาไหว้ขอพรโชคลาภจากเทพเจ้าไฉ่ซิง
ะ เริ่มไหว้ ให้นำแบงก์นำโชค แล้วอธิษฐานถึงโชคลาภ แล้วลูบไปที่บริเวณเคราขององค์เทพตั้งแต่ด้านบนลงมาด้านล่างแล้วเก็บเข้ากระเป๋าทันที เพราะเชื่อว่าจะเป็นการนำโชคลาภมาให้ หลังจากนั้น ก็ลูบที่ก้อนทองข้างๆ แล้วกำใส่กระเป๋าทันทีเช่นกัน เคล็ดลับนี้ หมายถึง เราจะได้รับเงินทองจนล้นกระเป๋าจ้า
ใครแต่งงานแล้วยังไม่มีลูก ก็มักจะมาไหว้ขอลูกจากพระสังกัจจายน์ วิธีการคือให้ใช้มือลูบที่ท้องของท่าน แล้วอฺธิษฐานถึงลูก ถ้าอยากได้ลูกชายให้ลูบท้องทางขวา ถ้าอยากได้ลูกสาวให้ลูบท้องทางซ้าย (แต่ช้าก่อน ลินไม่ได้ขออันนี้น้า ขอไปตามล่าหาเจ้าชายก่อน 555)
เดินลึกเข้ามาจะเจอสะพานสีแดงเด่น เรียกว่า สะพานต่ออายุ เชื่อกันว่าหากเดินข้ามไปจะมีอายุยืนขึ้นอีก 3 ปี ให้นักท่องเที่ยวก้าวเท้าซ้ายเดินขึ้นสะพานข้ามไปยังอีกฝั่ง เมื่อข้ามไปแล้วห้ามเดินหรือมองกลับมาเด็ดขาด ให้เดินกลับตามทางเดินอีกฝั่งหนึ่งเท่านั้น
พอข้ามสะพานมาก็จะเจอเทพเจ้าแห่งความรัก ใครที่มีคู่แล้วหรือยังไม่มีคู่ก็สามารถที่จะมาขอพรจากท่านได้ นะคะ
คนที่มีคู่แล้ว: ให้นั่งระหว่างกลางของสิงโตทั้งสองตัวที่อยู่หน้าท่าน ใครที่มาด้วยกันให้นั่งด้วยกันแล้วอธิษฐาน เพื่อให้ชีวิตรักและชีวิตคู่ราบรื่น อยู่ด้วยกันไปนานๆ
คนที่ยังไม่มีคู่: ให้นั่งแล้วนึกถึงสเปคของตัวเองไว้ พร้อมกับอธิษฐานขอคู่
คนที่ยังไม่มีคู่แต่แอบชอบอยู่: ให้เอามือลูบที่บริเวณหินสีดำ พร้อมกับอธิษฐานให้สมหวังกับความรัก ส่วนคนที่ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ ให้เขียนชื่อตัวเองลงไปในสมุด (โดยใช้นิ้วเขียน) ที่เทพเจ้าแห่งความรักถืออยู่ แล้วท่านก็จะหาเนื้อคู่มาให้
ตรงเทพเจ้าแห่งความรักนี้ ลินขอสารภาพว่า ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการอธิษฐานเลยจ้า แฮร่!
บริเวณใกล้ๆกันจะมี มีรูปปั้นปลาหรือมังกรสีเหลืองลินก็ไม่แน่ใจ แต่ตรงจุดนี้มีความเชื่อกันว่าหากเราโยนเหรียญเข้าปากของรูปปั้นได้ คำอธิษฐานจะเป็นจริง ประสบผลสำเร็จดั่งใจปรารถนา ใครอยากเสี่ยงทายดูก็เล็งให้แม่นๆนะ ตรงนี้ลินโชคดีมาก โยนทีเดียวเข้าเลย! เย้!
การเดินทาง : MTR สถานี Central ทางออก A แล้วเดินข้ามสะพานลอยไปใต้ตึก Exchange Square แล้วนั่งรถเมล์ประจำทางสาย 6, 6A, 6X, 66, 260 สายใดก็ได้ มาลงป้าย Repulse Bay Beach แล้วเดินเลียบหาดประมาณ 10 นาทีจะถึงศาลเจ้าแม่กวนอิม
(อ่านต่อที่ คห. 3 นะคะ)
[CR][SR] เที่ยวฮ่องกง 48ชม. : โสดแล้วไหว้พระขอคู่ก็ได้ พกเงิน 10,000 เที่ยวฮ่องกงครั้งนี้ ฉันต้องลงจากคาน!!
สวัสดีค่ะ ลินดี้ นะคะ แอดมินเพจ โสดแล้วไปไหนก็ได้ หลายๆคนก็เลยเรียกลินว่าเป็น "ตัวแม่" ของเรื่องความโสด จริงๆแล้วก็ไม่ได้อย่างเป็นอย่างนี้เลยน้า แต่มันหาเจ้าชายในชีวิตจริงไม่ได้ซักที หลายคนก็เลยแนะนำ ให้ไปขอคู่ที่วัดด้ายแดงที่ ฮ่องกง ซึ่งวัดนี้ดังมากๆ เขาว่ากันว่าใครไปไหว้ขอคู่ที่นี่ จะได้เจอเนื้อคู่ในชีวิตจริง แล้วฮ่องกงก็ไปไม่ยากเลยใช้เวลาแค่เสาร์-อาทิตย์เอง พอคิดได้ย่างนี้ลินก็ไม่รอช้า เก็บกระเป๋า เตรียมกล้อง ออกเดินทาง ไปลุยฮ่องกงเลยค่า!
*Lindy's Tip : ช่วงเวลาที่"ควร"ไปเที่ยวฮ่องกงนะคะ มีดังนี้
- ไปเพื่อช้อป: ควรไปช่วงฤดูฝนของฮ่องกง (เดือน มิถุนายน - สิงหาคม) เพราะฝนตกและพายุเข้าบ่อยทำให้ห้างสรรพสินค้าต่างๆจัดโปรโมชั่นลดราคากันเยอะ เรียกว่าลดทั้งเกาะเลยนาจา
- ไปเพื่อเที่ยว: เที่ยวได้ตลอดเลยค่าฮ่องกงเนี่ย ไม่ว่าจะเป็น ฤดูใบไม้ร่วง (เดือน กันยายน - พฤศจิกายน)
อากาศกำลังเย็นสบายไม่ค่อยมีฝนตกเหมาะแก่การเที่ยวมากๆ หรือถ้าอยากใส่คอสตูม ฤดูหนาว (เดือน ธันวาคม - กุมภาพันธ์) อากาศที่ฮ่องกงก็จะหนาวกว่าไทยหน่อยๆ ประมาณ 14-21 องศา ถ้ามาช่วงนี้จะตรงกับเทศกาลปีใหม่และคริสมาสต์ด้วยน้า แต่ถ้าใครไม่อยากหนาว ลินขอแนะนำให้มาช่วง ฤดูใบไม้ผลิ (เดือน มีนาคม- พฤษภาคม) ช่วงนี้ก็เป็นช่วงยอดฮิตช่วงหนึ่ง ที่จะมาเที่ยวกับครอบครัว เพราะนอกจากอากาศจะไม่ร้อนไม่หนาวกำลังดีแล้ว ก็ยังตรงกับช่วงหยุดยาวของไทยด้วย
จากสนามบินดอนเมือง(DMK) สู่สนามบินฮ่องกง(HKG)
ทริปนี้ลินเริ่มต้นเดินทาง จาก สนามบินดอนเมือง โดย สายการบินไทยแอร์เอเชีย บินตรงสู่ สนามบินฮ่องกง โดย สายการบินไทยแอร์เอเชีย จะมี 3 เที่ยวบิน/วัน ดังนี้ค่า
DMK - HKG
FD508 : 06.35 (DMK) > 10.15 (HKG)
FD504 : 15.30 (DMK) > 19.10 (HKG)
FD502 : 16:35 (DMK) > 20.20 (HKG)
HKG - DMK
FD509 : 10.45 (HKG) > 12.30 (DMK)
FD505 : 19.40 (HKG) > 21.35 (DMK)
FD503 : 21.05 (HKG) > 23.15 (DMK)
จะเห็นได้ว่ามีเที่ยวบินครอบคลุมทุกช่วงเวลาเลยใครสะดวกช่วงเวลาไหนก็เลือกได้ตามใจ ส่วนลินเลือกไฟล์ทที่เช้าที่สุดคือ FD508 ต้องตื่นเช้าหน่อยแต่ก็มีเวลาเที่ยวเพิ่มขึ้นนะ เพื่อเป้าหมายสูงสุดที่จะ "ลงจากคาน" ตื่นเช้านิดหน่อยลินทนได้ค่า 55
*Lindy's Tip : ไปฮ่องกงไม่ต้องใช้ Visa ใช้แค่หนังสือเดินทาง (Passport) โดยหนังสือเดินทางต้องมีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือนนะคะ
CHAPTER 1: HONGKONG, I'M HERE !!
ถึงสนามบินฮ่องกงแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือ ซื้อบัตรเติมเงินของ Octopus Card ซึ่งวิธีซื้อก็ไม่ยากค่า มองหา Counter ของ Airport Express หรือ ซื้อได้ที่ Customer Service Centre ของรถไฟใต้ดินทุกสถานี ส่วนราคา Octopus Card จะมี 2 ราคา คือ
- บัตรผู้ใหญ่ ราคา 150 HKD (เงินที่ใช้ในบัตร 100 HKD และ มัดจำบัตร 50 HKD โดยค่ามัดจำจะได้คืนตอนคืนบัตร)
- บัตรเด็กและผู้สูงอายุ ราคา 70 HKD (เงินที่ใช้ในบัตร 20 HKD และ มัดจำบัตร 50 HKD โดยค่ามัดจำจะได้คืนตอนคืนบัตร)
*Lindy's Tip : บัตร Octopus Card สามารถใช้สิทธิ์รับส่วนลดการใช้งาน MTR ได้เที่ยวละ 2 HKD โดยเอาบัตร Octopus Card ไปแตะที่ เครื่อง MTR Fare Saver ตามรูปด้านล่างนี้ จะมีอยู่หลายที่เลย ตามถนนก็มีค่ะ
CHAPTER 2 : โสดนี้ต้องพึ่งแต้มบุญ ตะลุยไหว้พระฮ่องกง
PO LIN MONASTERY / TIAN TAN BUDDHA
#ชีวิตประสบความสำเร็จ #ขอพรปุ๊บสมหวังปั๊บ
มาฮ่องกงสิ่งที่พลาดไม่ได้คือตะลุยไหว้พระตามวัดต่างๆโดยวัดแรกที่ลินจะไปก็คือ สักการะ พระใหญ่เทียนถาน (Tian Tan Buddha) และ วัดโปลิน (Po Lin Monastery) โดยการขึ้นไปสักการะลินเลือกนั่งกระเช้าลอยฟ้า (Ngong Ping 360) ขึ้นไป โดยกระเช้าลอยฟ้ามี 2 แบบคือ
- กระเช้าธรรมดา (Standard Cabin) ลอยชิวๆไปแบบสโลว์ไลฟ์ ราคาประหยัด
- กระเช้าคริสตัล (Crystal Cabin) ลอยเสียวๆ หวิวๆหน่อยๆ เพราะพื้นใสเห็นข้างล่างหมดเลย
โดยกระเช้าที่ลินเลือกแบบ กระเช้าคริสตัล (Crystal Cabin) บางคนถามว่ากลัวมั้ย ค้างคานมานานขนาดนี้ กระเช้าพื้นใสสูงแค่นี้ สบ๊ายสบายยยค่า
*Lindy's Tip : สำหรับคนที่อยากนั่งกระเช้าลินแนะนำให้ซื้อบัตรจากไทยไปเลยนะคะ เพราะถ้าไปซื้อที่นู่นเนี่ยคิวจะยาวมาก รอนานเหมือนกันนะ แต่ถ้าเราซื้อบัตรไปเลยเค้าจะมี Fast Lane สำหรับผู้ที่มีบัตรอยู่แล้วประหยัดเวลาได้เยอะเลยค่ะ
บัตรขึ้นกระเช้าแบบคริสตัล ลินซื้อจากที่ไทยไป ราคาประมาณ 900 บาท
นั่งกระเช้าประมาณ 25 นาทีระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะมาถึงหมู่บ้านวัฒธรรมนองปิง (Ngong Ping Village) บนนี้ก็จะมีร้านอาหารและขายของที่ระลึกหลายที่เลย
เดินผ่านกลางหมู่บ้านมาเรื่อยๆจะพบกับ พระใหญ่เทียนถาน (Tian Tan Buddha) พระพุทธรูปกลางแจ้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ใครที่อยากขึ้นไปสักการะจะต้องเดินขึ้นบันได เกือบ 300 ขั้น พอเดินขึ้นถึงข้างบน นี่หอบเลยค่า...หอบเงินบริจาคกลับบ้าน เอ้ย! หอบเพราะเหนื่อยยยค่า -"-
ใครอยากสักการะเดินบันไดขึ้นไป หรือ ถ้าเดินไม่ไหวก็สามารถยืนรับพลังขอพรที่ลานวงกลมด้านล่างก็ได้
หลังจากสักการะพระใหญ่เสร็จเดินลงมาฝั่งตรงข้ามจะพบกับ วัดโปลิน (Po Lin Monastary) วัดขนาดเล็ก แต่ตอนลินไปก็มีคนเข้ามาไหว้พระเยอะเหมือนกัน โดยวัดนี้มีอาหารเจให้ทานนะคะ แต่ลินไม่ได้แวะเข้าไป ใครที่ชอบกินอาหารเจ ต้องมาลองเลยค่า
การเดินทาง : MTR สถานี Tung Chung ทางออก B แล้วขึ้น Ngong Ping 360 หรือ รถเมล์ประจำทางสาย 23
*Lindy's Tip : สาวโสดอย่างลินก็เตรียมคอสตูมมาอ่อยหนุ่มฮ่องกงเต็มเลย สัมภาระหนักมากค่ะ จะให้แบกขึ้นไปสักการะพระใหญ่ขึ้นบันได 300 ขั้นนี่หลังหักพอดี ลินเลยเอาของทั้งหมดไปฝากที่ตู้ฝากสัมภาระที่ห้าง City gate outlet ก่อน โดยล็อกเกอร์จะอยู่ที่ชั้นล่างของห้าง ราคาก็ไม่แพง ประมาณ 10-20 HKD/2 ชั่วโมง หากฝากไม่เกิน 6 ชั่วโมงนะคะ ซี่งห้าง City gate outlet เนี่ย ออกจากสถานี Tung Chung ก็เจอเลย สะดวกสุดๆ ^^
KWUN YAM SHRINE #ขอลูก ขอโชคลาภ อายุยืน
ต่อกันเลยค่าสถานที่ที่สองที่ลินไป คือ ศาลเจ้าแม่กวนอิม (Kwun Yam Shrine) โดยจะอยู่ที่ทางตอนใต้ของเกาะฮ่องกง เดินทางไปโดยรถเมล์ โดยก่อนจะถึงศาลเจ้าแม่กวนอิมจะต้องผ่าน หาดรีพัลส์เบย์ (Repulse Bay Beach) ชายหาดนี้เค้าว่ากันว่าเป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดของฮ่องกงเลยนะ น้ำใสมากเลยเป็นสีฟ้าเลย
Life Guard ที่นี่ซ้อมจริงจังมาก ทั้งวิ่งทั้งว่ายน้ำ ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง หุ่นแซ่บมาก เอาซะเพลิน แฮร่! 555
เดินเลียบชายหาดมาเรื่อยๆก็จะเจอ ศาลเจ้าแม่กวนอิม ที่นี่คนไทยนิยมมาสักการะเจ้าแม่กวนอิมและขอพรได้หลายอย่าง ถ้ามาไม่ถึง ศาลเจ้าแม่กวนอิมที่หาดรีพัลส์เบย์ นี่เหมือนมาไม่ถึงฮ่องกงอ่ะ และเพื่อให้การขอพรถูกต้อง ลินสรุปมาให้คร่าวๆแล้วค่าว่าที่นี่มีอะไรบ้าง
เริ่มตั้งแต่เข้าวัดเลย เวลาเข้าวัดให้ก้าวเท้าซ้าย เวลาออกจากวัดให้ก้าวเท้าขวาเปรียบเสมือนการเดินของนาฬิกา ชีวิตจะได้ก้าวหน้า
ถัดมาไหว้ขอพรต่อเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ โดยการขอพรให้ยืนอยู่บริเวณหน้ากระเบื้องให้มากที่สุด เพื่อให้ท่านประทานพรเราแบบเต็มๆ
คนไทยนิยมมากันมาก มีบทสวดภาษาไทยให้ด้วยน้า
ถัดมาไหว้ขอพรโชคลาภจากเทพเจ้าไฉ่ซิงะ เริ่มไหว้ ให้นำแบงก์นำโชค แล้วอธิษฐานถึงโชคลาภ แล้วลูบไปที่บริเวณเคราขององค์เทพตั้งแต่ด้านบนลงมาด้านล่างแล้วเก็บเข้ากระเป๋าทันที เพราะเชื่อว่าจะเป็นการนำโชคลาภมาให้ หลังจากนั้น ก็ลูบที่ก้อนทองข้างๆ แล้วกำใส่กระเป๋าทันทีเช่นกัน เคล็ดลับนี้ หมายถึง เราจะได้รับเงินทองจนล้นกระเป๋าจ้า
ใครแต่งงานแล้วยังไม่มีลูก ก็มักจะมาไหว้ขอลูกจากพระสังกัจจายน์ วิธีการคือให้ใช้มือลูบที่ท้องของท่าน แล้วอฺธิษฐานถึงลูก ถ้าอยากได้ลูกชายให้ลูบท้องทางขวา ถ้าอยากได้ลูกสาวให้ลูบท้องทางซ้าย (แต่ช้าก่อน ลินไม่ได้ขออันนี้น้า ขอไปตามล่าหาเจ้าชายก่อน 555)
เดินลึกเข้ามาจะเจอสะพานสีแดงเด่น เรียกว่า สะพานต่ออายุ เชื่อกันว่าหากเดินข้ามไปจะมีอายุยืนขึ้นอีก 3 ปี ให้นักท่องเที่ยวก้าวเท้าซ้ายเดินขึ้นสะพานข้ามไปยังอีกฝั่ง เมื่อข้ามไปแล้วห้ามเดินหรือมองกลับมาเด็ดขาด ให้เดินกลับตามทางเดินอีกฝั่งหนึ่งเท่านั้น
พอข้ามสะพานมาก็จะเจอเทพเจ้าแห่งความรัก ใครที่มีคู่แล้วหรือยังไม่มีคู่ก็สามารถที่จะมาขอพรจากท่านได้ นะคะ
คนที่มีคู่แล้ว: ให้นั่งระหว่างกลางของสิงโตทั้งสองตัวที่อยู่หน้าท่าน ใครที่มาด้วยกันให้นั่งด้วยกันแล้วอธิษฐาน เพื่อให้ชีวิตรักและชีวิตคู่ราบรื่น อยู่ด้วยกันไปนานๆ
คนที่ยังไม่มีคู่: ให้นั่งแล้วนึกถึงสเปคของตัวเองไว้ พร้อมกับอธิษฐานขอคู่
คนที่ยังไม่มีคู่แต่แอบชอบอยู่: ให้เอามือลูบที่บริเวณหินสีดำ พร้อมกับอธิษฐานให้สมหวังกับความรัก ส่วนคนที่ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ ให้เขียนชื่อตัวเองลงไปในสมุด (โดยใช้นิ้วเขียน) ที่เทพเจ้าแห่งความรักถืออยู่ แล้วท่านก็จะหาเนื้อคู่มาให้
ตรงเทพเจ้าแห่งความรักนี้ ลินขอสารภาพว่า ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการอธิษฐานเลยจ้า แฮร่!
บริเวณใกล้ๆกันจะมี มีรูปปั้นปลาหรือมังกรสีเหลืองลินก็ไม่แน่ใจ แต่ตรงจุดนี้มีความเชื่อกันว่าหากเราโยนเหรียญเข้าปากของรูปปั้นได้ คำอธิษฐานจะเป็นจริง ประสบผลสำเร็จดั่งใจปรารถนา ใครอยากเสี่ยงทายดูก็เล็งให้แม่นๆนะ ตรงนี้ลินโชคดีมาก โยนทีเดียวเข้าเลย! เย้!
การเดินทาง : MTR สถานี Central ทางออก A แล้วเดินข้ามสะพานลอยไปใต้ตึก Exchange Square แล้วนั่งรถเมล์ประจำทางสาย 6, 6A, 6X, 66, 260 สายใดก็ได้ มาลงป้าย Repulse Bay Beach แล้วเดินเลียบหาดประมาณ 10 นาทีจะถึงศาลเจ้าแม่กวนอิม
(อ่านต่อที่ คห. 3 นะคะ)
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว