[รีวิวโรงเรียนมัธยมที่อังกฤษ] ชีวิตเด็กหออังกฤษ...หนาวและเหงาจริงมั๊ย

กระทู้ข่าว
จากกรุงเทพ....สู่เมือง York ประเทศอังกฤษ...  
เราตอนนี้อายุ 16 ปี  ใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วๆไป การเรียนสมัยนี้การแข่งขันเข้าเรียนต่อในมหาลัยไม่ว่าจะภาคไทยหรือภาคอินเตอร์ก็โหดมาก เพราะฉะนั้นเลยเป็นเหตุให้คิด...อ้าว!.. แล้วตัวเราเองจะไปทางไหนดี  โชคดีที่ช่วงนั้นได้มีโอกาสไปงาน Fair เรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ก็ได้เจอกับพี่ๆ CETA ซึ่งก็ได้ช่วยให้คำแนะนำเราหลายๆอย่างและติดต่อกับโรงเรียนให้

ปัจจุบันเป็นปีที่สี่แล้วที่เรามาเรียนที่อังกฤษ ไม่เคยรู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจมาเรียนที่นี่เลย  ก่อนที่จะได้ไปที่อังกฤษเป็นครั้งแรก ถามว่ากลัวมั๊ย...ก็คงไม่ มันเป็นความตื่นเต้นมากกว่า โลกใหม่ๆ อะไรใหม่ๆ มันเลยตื่นเต้นไปหมด

โรงเรียนที่เราเรียนอยู่ชื่อ Queen Ethelburga’s College  เป็นโรงเรียนประจำที่ติด rank อันดับต้นๆ ที่นี่มีทั้งนักเรียนอังกฤษและนักเรียนจากชาติอื่นๆ ปะปนกัน  โรงเรียนนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่มากกกกก  เปิดสอนตั้งแต่ชั้นประถมไปจนถึงชั้นมัธยมเลยทีเดียว


ที่เราเลือกโรงเรียนนี้ เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะบรรยากาศเหมือนโรงเรียนประจำอังกฤษที่เราเห็นๆกันในหนัง มีตึกเก่าคล้ายใน Harry Potter และอีกปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือ “โอกาส ที่โรงเรียนนี้มีให้”  ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียน หรือแม้แต่กิจกรรมสนุกๆ ให้เล่นอีกด้วย..




พอมาเรียนที่อังกฤษได้ซักพัก  เราก็รู้สึกว่าการศึกษาที่นี้มันแตกต่างจากระบบที่ไทยอยู่พอสมควร
เริ่มที่ระบบก่อนเลย
ระบบ GCSE หรือถ้าเทียบก็ประมาณ ม.ต้นที่อังกฤษนั้น  จะให้นักเรียนเรียนวิชาหลัก 6 ตัว  นอกจากนั้นจะเลือกเรียนอะไรก็ได้ ซึ่งจะมีอิสระในการเลือกวิชามากกว่าที่ไทย นั่นก้อทำให้เราได้เรียนได้เรียนในสิ่งที่เราชอบจริงๆ เราเลยเรียนอย่างมีความสุข แบบว่าแฮปปี้มากกก

ต่อจากระบบ GCSE ก็จะต่อที่ ระบบ A-Level ซึ่งเป็นการเรียนหลักสูตรเข้มข้นสองปีก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย   โดยนักเรียนจะเลือกเรียนเฉพาะวิชาที่อยากเรียนอยู่ 3-4 ตัว  มันทำให้เราได้ใช้เวลากับสิ่งที่ชอบและสนใจจริงๆ ไม่เหมือนกับระบบไทยที่ได้แค่เลือกสายแต่ไม่ใช่วิชาที่เจาะจง  


เกริ่นมาซะเยอะแล้ว คงจะต้องเข้าเรื่องถึงชีวิตที่โรงเรียนซักที  

ชีวิตเด็กหอที่อังกฤษ  ชั่วโมงเรียนจะเริ่มสายกว่าที่ไทยแต่ก็จะเลิกช้ากว่าเพราะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำเยอะมาก   ก่อนจะเริ่มเรียนก็ต้องมีไปห้อง Home room ช่วงเช้า  เพื่อให้ทางโรงเรียนได้บอกข่าวถึงกิจกรรมอะไรต่างๆก่อนที่จะเข้าเรียน    ซึ่งคุณครูในคาบนี้จะเป็นครูที่ดูแลเราเป็นหลักอีกด้วย

หลังจากนั้นก็เรื่มต้นเข้าห้องเรียน  ที่นี่เราเรียนกันวันละ 4 วิชา  แต่ถ้าเลือกวิชาน้อยกว่านั้นก็จะมีคาบว่างให้เราได้อ่านหนังสือเพิ่มเติม ทำการบ้าน หรือไปออกกำลังกาย  

อยากแอบบอกว่า facilities ของโรงเรียนเราไม่เป็นสองรองใครเลยล่ะ ที่นี่เรา fitness ที่ใหญ่และทันสมัยมาก มีสระว่ายน้ำในร่ม (ไม่ว่าอากาศจะหนาวจะร้อน เราก็ว่ายน้ำได้ตลอด)  มีสนามบอล คอร์ทเทนนิส หลายคอร์ท  มีแม้แต่กระทั่งสนามโกลคาร์ทเป็นของตัวเอง  โรงเรียนเราเชื่อว่าเด็กนักเรียนต้องเรียนเต็มที่และเล่นอย่างเต็มที่ เมื่อสุขภาพจิตดี ร่างกายดี เราก็จะทำคะแนนได้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
เรื่องอาหารการกินนั้น บอกเลยว่าเยี่ยมมาก  ที่โรงเรียนมีอาหารให้ทั้งสามมื้อตลอดทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ และด้วยความที่เราอยู่ในหอเด็กโต หรือของเด็ก A Level (สองปีสุดท้าย) เลยสามารถทำอาหารเองที่หอพักได้อีกด้วย ซึ่งกิจกรรมการทำอาหารก็เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถทำกับเพื่อนๆได้ที่โรงเรียน ทำให้เราได้แบ่งปันอาหารไทยกับเพื่อนชาติอื่น และได้ลองชิมอาหารชาติอื่นจากเพื่อนอีกด้วย    
อ้อ..สำหรับที่นี่เรามี starbucks ตั้งอยู่ในโรงเรียนเราเลยนะ เรียกว่าอาหารการกินที่นี่อุดมสมบูรณ์มากๆ เลยล่ะ ☺


กิจกรรมเพียบ
ที่โรงเรียนมีกิจกรรมเยอะมากๆ  มีตั้งแต่เรียนเพิ่มเติมในวิชาที่เราไม่เข้าใจตอนพักเที่ยง ไปจนถึงตารางกิจกรรมที่สามารถสมัครไปทำหลังเลิกเรียนได้ ตัวเราเองเรียนวิชา เลข คอมพิวเตอร์ และ เศรษฐศาสตร์ก็เลยทำให้เลือกกิจกรรมที่เกี่ยวกับวิชาที่เรียนอยู่ เช่น
     - ห้อง Code โปรแกรมทุกวันพุธ
     - ชมรมธุรกิจทุกวันอังคารที่เลียนแบบธุรกิจจริงๆ มีการทำสินค้าและซื้อขายกันจริงๆ
     - รวมถึงไปต่อยมวยไทย กับไปว่ายน้ำที่ยิมกับเพื่อนๆ ทุกเสาร์ อาทิตย์  ทำให้ไม่มีเวลามานั่งเหงาเลยล่ะ
ส่วนกิจกรรมเหล่านี้ยังเข้ากับสิ่งที่จะเรียนโดยตรงในมหาลัยได้อีกด้วย เลยสามารถเป็นตัวช่วยในการเขียนใบสมัคร Personal Statement ที่จะต้องใช้ส่งให้มหาลัย..มันช่วยให้เห็นว่าเราเป็นคนที่น่าสนใจ เป็นประโยชน์มากๆ


พูดถึงความเหงาและชีวิตเด็กหอ

หอพักที่นี่ดีมากกกก ห้องกว้างงง แล้วก็มีอุปกรณ์อำรวยความสะดวกหลายอย่าง มีเครื่องทำความร้อน มีมุมทำครัวเล็กๆ สำหรับ cook อะไรกินได้  แถมยังมีเครื่องซักผ้าอีกด้วย เรียกว่าครบครันมากจริงๆ

หากจะไม่พูดถึง Roommate ก็คงไม่ได้  เพราะการต้องอยู่กับคนอื่นสอนให้เราต้องดูแลตัวเอง และอยู่กับคนอื่นให้เป็น
รูมเมทของเรามีสองคน คนจีนและคนอังกฤษ ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีมากๆ  เราคุยกันช่วยเหลือกันหลายเรื่องเลยล่ะ

สำหรับเด็กหออย่างเรา ในช่วงกลางคืนเราจะมีเวลาทำการบ้าน หรือเรียกว่า Prep time ที่จะเป็นเวลาพิเศษที่จะล็อคไว้ให้นักเรียนทำงาน  โดยสามารถที่จะทำที่ห้องของตัวเองหรือจะไปห้องพิเศษที่มีครูคอยดูแลและรอช่วยตอบคำถามก็ได้   ซึ่งครูเหล่านี้ก็จะเป็นครูเดียวกับที่สอนแต่ละวิชาตอนกลางวันที่จะสลับกันมาช่วยนักเรียนที่มีปัญหา แล้วถ้าใครทำเสร็จก็ว่างที่จะไปเล่นเกมส์หรือออกจากห้องไปคุยเล่นกับเพื่อนได้ตามปกติ

จะเห็นว่าการเรียนที่นี่มีการสนับสนุนและช่วยเหลือนักเรียนให้สามารถเรียนได้อย่างมีความสุข ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็สามารถเข้าเมือง York  หรือเมืองใกล้เคียงเพื่อไปซื้อของหรือจะไปกับทริปที่โรงเรียนจัดขึ้นก็ได้ อย่างเช่นไปเมือง Leeds หรือ Harrogate


สำหรับใครที่สนใจอยากไปเรียนต่อต่างประเทศแบบเรา ในวันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 จะมีงาน CETA World High School Fair ซึ่งเป็นนิทรรศการศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมศึกษาที่ประเทศ Australia, New Zealand ,UK และ USA (โรงเรียนของเรา Queen Ethelburga’s College ก็มาในงานนี้ด้วยนะ)
จัดที่โรงแรม The Westin Grande Sukhumvit (ห้อง Grand Ballroom) ตั้งแต่เวลา 10:00 – 16:00 น.
ในงานก็มีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น
     - พูดคุยอย่างเป็นกันเองกับเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนชั้นนํา 39 แห่งจากประเทศต่างๆ
     - รับฟังสัมมนาและแนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศจากผู้เชี่ยวชาญจาก British Council , สถานทูต Australia และ สถานทูต New Zealand
     - รับข้อมูลทุนการศึกษา และรับสิทธิพิเศษต่างๆ ภายในงาน
     - ขอรับข้อมูล Summer Course และ Short-term Course ต่างประเทศอีกมากมาย

งานนี้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
หากสนใจเข้าไปลงทะเบียนเข้างานได้ ที่นี่ http://ceta.co.th/worldhighschoolfair/
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
CETA Worldwide Education
โทร: 02-712-5300
Line: @ceta
CETA Cares...For Your Child's Future Success

[Advertorial]
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่