เอาละค้า...สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวพันทิปทุกคนนะคะ นี่เป็นกระทู้เล่าประสบการณ์เที่ยวครั้งแรกของเรา สำหรับกระทู้แรกก็ตามหัวข้อเลยจ้า...
ทริปกาญจนบุรี อย่ารอช้า เริ่มกันเลยเนาะ
สำหรับทริปนี้เราไปเที่ยวแบบ 3 วัน 2 คืน ตั้งแต่ 29 - 31 ธ.ค. 60 เรามีผู้ร่วมเดินทางอีก1คน ก่อนไปเราแชร์เงินกันไว้ที่คนละ 1,500 บาทถ้วน ...นั่นหมายความว่าทริปนี้งบในการท่องเที่ยวของเรามีทั้งหมด 3,000 บาท (แต่เราไม่รวมค่าที่พักนะ)...
DAY 1 : กรุงเทพฯ - บ้านกกกอด 29 ธ.ค. 60
เราเริ่มเดินทางด้วยการไปขึ้นรถที่หมอชิต 2 ซึ่งแพลนของเราคือออกจากที่พัก 8.00 น. แต่!!! 7.30 เราพึ่งตื่นนนน รีบเลยจ้า ครั้งนี้เราเลือกไปกาญฯด้วยรถตู้ เพื่อที่จะได้ใช้เวลาเดินทางน้อยหน่อย เราได้รถตู้รอบเก้าโมงครั้ง นั่งรอสักแปบรถตู้ก็มา หลับไปหลายตื่นก็ถึงบขส.กาญจนบุรีตอนเที่ยง
(อ้อ!บอกพี่คนขายตั๋วไว้ก่อนเลยจ้าว่าจะลง บขส.กาญฯ)
พอไปถึงเรารีบตรงไปตามหารถเพื่อไปบ้านกกกอด ซึ่งเราต้องขึ้นรถเมล์เล็ก เราเรียกมันว่า
หวานเย็น
ป้ายจะเขียนว่า กาญจนบุรี-เอราวัณ เราก็ถามคุณป้าว่ารถจะออกกี่โมงคะซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงครึ่ง ป้าบอกจะออกบ่ายโมงเราก็รีบซื้อตั๋วโยนกระเป๋าขึ้นรถ และรีบตรงไปหาข้าวกิน (แถวนั้นของกินเยอะค่ะเพราะเป็นตลาด)
นั่งรถไปประมาณเกือบๆชม. เราก็ถึงแยกโป่งปัด เราต้องลงที่นี่เพื่อต่อรถเข้าไปบ้านกกกอด (แนะนำว่าบอกคนขับรถไว้ก่อนเลยว่าเราจะลงแยกโป่งปัด จะได้ไม่นั่งเลยนะจ๊ะ) โทรไปหาที่พักได้เลยนะเค้าจะมีรถสามล้อมารับเราจากแยกโป่งปัด
แท่น แทน แท๊นนนนนเราก็มาถึงบ้านกกกอด
มันคือความSlow lifeที่แท้ทรูจริงๆค่ะคุณขา เราจองห้องไว้เป็นห้องแบบวิวเขื่อน ราคา 1,500 บาท
นี่คือทางเดินไปห้องพักของเรา...
นี่คือวิวห้องพักมองจากริมเขื่อน...
และนี่คือห้องพักของเราห้องกอดตะวัน
วิวจากหน้าห้องพัก
อ้อ! ที่นี่เป็นห้องน้ำรวมนะ แต่ปลอดภัย และสะอาดมาก ถึงห้องเราก็จัดแจงข้าวของแล้วเตรียมตัวออกไปถ่ายรูป รอสักเกือบๆสี่โมงเราแนะนำเลยแสงสวยมากกกก
พอตกเย็นเราก็ไปเอาเสื้อชูชีพ และไม้พายมา เพราะที่นี่เค้ามีเรือให้เราพายเล่นได้ด้วยนะ
พระอาทิตย์เริ่มตกดินท้องก็เริ่มร้อง
เราสั่งอาหารเย็นเอาไว้พร้อมตอนจองห้องพัก เราสั่งเป็นชุดขันโตก ชุดละ 450 บาท สามารถรอรับหน้าห้อง หรือนั่งกินที่ห้องอาหารก็ได้ (แต่ต้องแจ้งพี่เจ้าของที่พักก่อนหกโมงเย็นนะจ๊ะ)
นี่เราหิวจนขนาดไม่รอแกะแล้วถ่ายรูปเลยล่ะ 555
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จเราก็เอาเบาะที่มีอยู่ในห้องมานอนดูดาวหน้าห้อง แล้วภาพก็ตัดไป
สรุปค่าใช้จ่าย DAY 1
ค่ารถ Taxi ไปหมอชิต 2 = 60 บ.
ค่ารถตู้กรุงเทพฯ - กาญฯ 120x2 = 240 บ.
ค่าอาหารเที่ยง = 84 บ.
ค่ารถเมล์หวานเย็น บขส.- แยกโป่งปัด 40x2 = 80 บ.
ค่าขนม = 190 บ.
รวม 654 บ.
DAY 2 : บ้านกกกอด - สังขละบุรี 30 ธ.ค. 60
เรากะว่าจะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่...ทว่าเราตื่นอีกที จะเจ็ดโมงแล้ว แต่ก็ยังทันดูพระอาทิตย์ขึ้น อากาศตอนเช้าสบายนะ ใครอยากที่จะพายเรือเล่นก็ได้นะอากาศดี แต่เราเลือกที่จะ...กิน (ที่นี่มีบริการอาหารเช้าให้นะคะ)
เป็น Breakfast ให้หนึ่งชุด และข้าวต้ม กาแฟ โอวัลติล เติมได้ไม่อั้นนนนนจ้า
หลังจากที่เราทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็กลับมานั่งเล่นที่ห้องสักแป๊บและอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกเดินทางไปเป้าหมายต่อไปนั่นคือ สังขละบุรี เราออกมารอรถเมล์ที่แยกโป่งปัดเพื่อนั่งกลับไป บขส.เหมือนเดิม เราถึงบขส.กาญฯ เกือบๆเที่ยง เราก็ไม่รีรอรีบหารถเพื่อต่อไปยังสังขละบุรี และข่าวดีมากเว่อร์(ประชด) เราวางแพลนไว้ว่าจะไปรถตู้(ซึ่งเต็มจ้า) ถ้าเราจะรอเราก็ได้ไปรอบบ่ายสอง เราจึงตัดสินใจรีบหาหนทางต่อไปและที่พึ่งของเราคือรถเมล์ กาญจนบุรี - สังขละบุรี ดีนะที่เราไปทันเพราะรถกำลังจะออกพอดี เราจ่ายราคาเต็มแต่ตีตั๋วยืนเกือบครึ่งทาง ฮ่าๆ (เราก็ไปช่วงเทศกาลพอดีอะนะ)
เราใช้เวลาเดินทางเกือบ 5 ชม. เราก็ถึงบขส.สังขละบุรี แต่เฮ้ย..แล้วเราจะไปทางไหนต่อดี เอาหละ Google map นี่แหละน่าจะช่วยเราได้ เราเลือกพักที่ Coffee berry ราคา 1,300 บ. เราจองไว้ล่วงหน้าเช่นกัน
และนี่คือห้องพักของเรา ห้องน้ำแบบOpenนะจ๊ะ และที่สำคัญ Wifi แรงมาก เราลืมบอกไปที่นี่ไม่มีอาหารเช้าให้นะคะ แต่จะมีคูปองมาให้เราสองใบ สามารถสั่งน้ำดื่มได้โดยใช้คูปองแลกแทนเงิน หลังจากเก็บของอาบน้ำแต่งตัว เราก็เดินมุ่งหน้าไปยังสะพานอุตตมานุสรณ์ หรือที่นิยมเรียกกันว่าสะพานมอญ นั่นเอง (จากที่พักเราก็ประมาณ300ม.)
ให้ตายเถอะ เราชอบที่นี่มาก
ที่นี่ทุกอย่างคือลงตัวไปหมดจริงๆ
เราเดินข้ามฝั่งไปฝั่งมอญที่นี่มีตลาดกลางคืนมีทั้งเสื้อผ้า ของกิน ของฝากละลานตาไปหมด
เราเดินข้ามกลับมาฝั่งเดิมเพื่อขึ้นพี่วินไปถนนคนเดิน (เราโชคดีมากที่มาตรงวันเสาร์พอดี เพราะที่นี่จะมีถนนคนเดินทุกวันเสาร์) ที่นี่มีให้เขียนโปสการ์ดและเค้าก็จะส่งให้เรา เราเดินไปเดินมาก็สะดุดตากับคนที่นั่งกินหมูเป็นไม้ในหม้อ
หมูจุ่มพม่า ใช่!มันคือหมูจุ่มพม่า ไม้ละ2บ. มีทุกอย่างทั้งส่วนเนื้อ เครื่องใน หนังหมู กินจนเพลินรู้ตัวอีกทีก็ 40 ไม้ไปแล้ว
หลังจากนั้นเราก็เดินกลับที่พักเพราะเราอิ่มมากจริงๆต้องเดินย่อยแล้วหละ
สรุปค่าใช้จ่าย DAY 2
ค่ารถเมล์หวานเย็น แยกโป่งปัด-บขส. 40x2 = 80 บ.
ค่าเมล์บขส.- สังขละฯ 130x2 = 260 บ.
ค่านั่งพี่วิน 20x2 = 40 บ.
ค่าของกิน = 190 บ.
ค่าของที่ระลึก = 70 บ.
รวม 640 บ.
DAY 3 : สังขละบุรี - กทม. 31 ธ.ค. 60
เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน เอ้ย!!! ไม่ใช่สิ เราตั้งใจว่าวันนี้จะตื่นไปใส่บาตรตอนเช้า ซึ่งเราสอบถามกับพี่ที่อยู่ที่นี่แล้วว่าจะต้องไปใส่บาตรกี่โมง พี่เค้าก็บอกเรามาว่าสัก 6.30-6.45 ก็ได้ เราเลือกใส่บาตรก่อนถึงสะพานมอญ เพราะเราคิดว่าถ้าเราเดินข้ามสะพานไปคงไม่ได้ใส่บาตรเป็นแน่
เราเลือกชุดละ 99 บ. ใส่บาตรพระมอญ 3 รูป ที่นี่ถ้าซื้อชุดใส่บาตรเค้ามีบริการให้เปลี่ยนชุดเป็นหนุ่มสาวชาวมอญได้ฟรีด้วยนะคะ จากนั้นเราก็เดินมุ่งหน้าต่อไปยังสะพานมอญ
ระหว่างทางเจอพี่เค้าแบกโต๊ะจ้า
เราว่าอากาศดีนะ หนาวนิดหน่อย หมอกเยอะ แต่ที่เยอะไปกว่าหมอกก็ผู้คนนี่แหละจ้า!!!
หมอกลงแบบนี้จริงๆนะ
ส่วนมื้อเช้าเราฝากท้องไว้กับร้านอาหารฝั่งมอญ
และคนก็เยอะเหมือนเดิม เราเลยมานั่งร้านข้างๆกัน
นี่คือมื้อเช้าของเราที่สังขละบุรี เราขอแนะนำทุกคน ต้องโดน โรตีแกงฮังเลอร่อยมากจริงๆ
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ เราก็กลับที่พักเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวและกลับมาสะพานมอญอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป้าหมายเราคือ นั่งเรือชมวัดใต้น้ำ เรานั่งเรือรอบละ 500 บ. ไปถึงก็มีพี่คนนึงนั่งรอพอดีเราเลยตกลงไปรอบเดียวกับพี่เค้า จะได้หารกัน (รอสัก5-6คนนะคะคนหารเยอะจะได้ออกน้อย)
ที่แรก : โบสถ์ใต้น้ำ วัดวังก์วิเวการาม
เราสอบถามพี่คนขับเรือ พี่เค้าบอกว่าถ้าจะเห็นวัดเต็มๆก็จะเป็นช่วงมี.ค.-เม.ย. น้ำลดจนเราสามารถเดินได้
และมีการสร้างขึ้นใหม่บนเขา
ที่สอง : วัดสมเด็จเก่า
ที่วัดนี้เราต้องเดินขึ้นไป
ด้านล่างจะมีดอกไม้ ธูป เทียนขายนะคะ ขึ้นไปด้านบนไม่มีค่ะ
ที่สาม : วัดกะเหรี่ยง ตอนเราไปน้ำขึ้นจนไม่เห็นตัวโบสถ์เลยคะ
หลังจากนั้นเราก็กลับขึ้นมาเดินเล่นที่สะพานมอญ
และไม่ลืมที่จะปะแป้งเป็นสาวมอญ โดยจะมีน้องๆมาปะให้แล้วแต่เราจะให้เงินค่าขนมน้องๆเลยจ้า
ก่อนจะ Check out เราก็เลยใช้คูปองที่เรามีสั่งชาเย็นโลดด
นี่เป็นร้านกาแฟของที่เราไปพัก หลังจากออกจากที่พักเราก็ต้องไปขึ้นรถที่ในตลาด เราเลยลองโบกรถพี่ส่งแก๊สดูเพราะคิดว่าแกน่าจะไปตลาด ฮ่าๆ และแล้วพี่แกก็ๆไปตลาดจริงๆ และอาสาไปส่งเราขึ้นรถ เราขอพี่เค้าลงตรงบขส. และเดินไปถามรถเมล์ พี่เค้าจะออกบ่ายโมงซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยง เราขี้เกียจรอเลยตัดสินใจไปหาวินรถตู้ และพี่เค้าก็ออกตอนเที่ยงสิบห้านาทีพอดี เรานั่งจากสังขละบุรีถึงบขส.กาญฯประมาณสี่โมงเย็น แต่เราไปเที่ยวที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว (เราไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะคนเยอะมากจริงๆ) แล้วเราก็ขึ้นรถตู้กลับหมอชิต2 ซึ่งเราขึ้นรอบหกโมงเย็นถึงประมาณหนึ่งทุ่มสี่สิบ...
สรุปค่าใช้จ่าย DAY 3
ใส่บาตรเช้า = 99 บ.
ค่าเรือ 250 บ.
ทำบุญ = 60 บ.
ค่านั่งพี่วิน 20x2 = 40 บ.
ค่าของกิน = 155 บ.
ค่ารถตู้ สังขละฯ - บขส.กาญฯ 175x2 = 350 บ.
ค่ารถตู้ บขส.กาญฯ - หมอชิต 2 120x2 = 240 บ.
รวม 1,194 บ.
รวมทั้งทริป = 5,738 บาท ต่อ 2 ตน
ภาพถ่าย : กล้อง I-PHONE 7+ และSAMSUNG S8+
- - ขอบคุณที่เข้ามาอ่านการแชร์ประสบการณ์ครั้งแรกของเรานะคะ - -
ทริปต่อไปจะเป็นที่ไหนฝากด้วยนะคะ
[CR] Slow...life ไปด้วยกาญฯ 3 วัน 2 คืน (ไม่ต้องมีรถส่วนตัวก็เที่ยวได้)
สำหรับทริปนี้เราไปเที่ยวแบบ 3 วัน 2 คืน ตั้งแต่ 29 - 31 ธ.ค. 60 เรามีผู้ร่วมเดินทางอีก1คน ก่อนไปเราแชร์เงินกันไว้ที่คนละ 1,500 บาทถ้วน ...นั่นหมายความว่าทริปนี้งบในการท่องเที่ยวของเรามีทั้งหมด 3,000 บาท (แต่เราไม่รวมค่าที่พักนะ)...
DAY 1 : กรุงเทพฯ - บ้านกกกอด 29 ธ.ค. 60
เราเริ่มเดินทางด้วยการไปขึ้นรถที่หมอชิต 2 ซึ่งแพลนของเราคือออกจากที่พัก 8.00 น. แต่!!! 7.30 เราพึ่งตื่นนนน รีบเลยจ้า ครั้งนี้เราเลือกไปกาญฯด้วยรถตู้ เพื่อที่จะได้ใช้เวลาเดินทางน้อยหน่อย เราได้รถตู้รอบเก้าโมงครั้ง นั่งรอสักแปบรถตู้ก็มา หลับไปหลายตื่นก็ถึงบขส.กาญจนบุรีตอนเที่ยง
(อ้อ!บอกพี่คนขายตั๋วไว้ก่อนเลยจ้าว่าจะลง บขส.กาญฯ)
พอไปถึงเรารีบตรงไปตามหารถเพื่อไปบ้านกกกอด ซึ่งเราต้องขึ้นรถเมล์เล็ก เราเรียกมันว่าหวานเย็น
ป้ายจะเขียนว่า กาญจนบุรี-เอราวัณ เราก็ถามคุณป้าว่ารถจะออกกี่โมงคะซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงครึ่ง ป้าบอกจะออกบ่ายโมงเราก็รีบซื้อตั๋วโยนกระเป๋าขึ้นรถ และรีบตรงไปหาข้าวกิน (แถวนั้นของกินเยอะค่ะเพราะเป็นตลาด)
นั่งรถไปประมาณเกือบๆชม. เราก็ถึงแยกโป่งปัด เราต้องลงที่นี่เพื่อต่อรถเข้าไปบ้านกกกอด (แนะนำว่าบอกคนขับรถไว้ก่อนเลยว่าเราจะลงแยกโป่งปัด จะได้ไม่นั่งเลยนะจ๊ะ) โทรไปหาที่พักได้เลยนะเค้าจะมีรถสามล้อมารับเราจากแยกโป่งปัด
แท่น แทน แท๊นนนนนเราก็มาถึงบ้านกกกอดมันคือความSlow lifeที่แท้ทรูจริงๆค่ะคุณขา เราจองห้องไว้เป็นห้องแบบวิวเขื่อน ราคา 1,500 บาท
นี่คือทางเดินไปห้องพักของเรา...
นี่คือวิวห้องพักมองจากริมเขื่อน...
และนี่คือห้องพักของเราห้องกอดตะวัน
วิวจากหน้าห้องพัก
อ้อ! ที่นี่เป็นห้องน้ำรวมนะ แต่ปลอดภัย และสะอาดมาก ถึงห้องเราก็จัดแจงข้าวของแล้วเตรียมตัวออกไปถ่ายรูป รอสักเกือบๆสี่โมงเราแนะนำเลยแสงสวยมากกกกพอตกเย็นเราก็ไปเอาเสื้อชูชีพ และไม้พายมา เพราะที่นี่เค้ามีเรือให้เราพายเล่นได้ด้วยนะ
พระอาทิตย์เริ่มตกดินท้องก็เริ่มร้องเราสั่งอาหารเย็นเอาไว้พร้อมตอนจองห้องพัก เราสั่งเป็นชุดขันโตก ชุดละ 450 บาท สามารถรอรับหน้าห้อง หรือนั่งกินที่ห้องอาหารก็ได้ (แต่ต้องแจ้งพี่เจ้าของที่พักก่อนหกโมงเย็นนะจ๊ะ)
นี่เราหิวจนขนาดไม่รอแกะแล้วถ่ายรูปเลยล่ะ 555
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จเราก็เอาเบาะที่มีอยู่ในห้องมานอนดูดาวหน้าห้อง แล้วภาพก็ตัดไป
สรุปค่าใช้จ่าย DAY 1
ค่ารถ Taxi ไปหมอชิต 2 = 60 บ.
ค่ารถตู้กรุงเทพฯ - กาญฯ 120x2 = 240 บ.
ค่าอาหารเที่ยง = 84 บ.
ค่ารถเมล์หวานเย็น บขส.- แยกโป่งปัด 40x2 = 80 บ.
ค่าขนม = 190 บ.
รวม 654 บ.
DAY 2 : บ้านกกกอด - สังขละบุรี 30 ธ.ค. 60
เรากะว่าจะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่...ทว่าเราตื่นอีกที จะเจ็ดโมงแล้ว แต่ก็ยังทันดูพระอาทิตย์ขึ้น อากาศตอนเช้าสบายนะ ใครอยากที่จะพายเรือเล่นก็ได้นะอากาศดี แต่เราเลือกที่จะ...กิน (ที่นี่มีบริการอาหารเช้าให้นะคะ) เป็น Breakfast ให้หนึ่งชุด และข้าวต้ม กาแฟ โอวัลติล เติมได้ไม่อั้นนนนนจ้า
หลังจากที่เราทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็กลับมานั่งเล่นที่ห้องสักแป๊บและอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกเดินทางไปเป้าหมายต่อไปนั่นคือ สังขละบุรี เราออกมารอรถเมล์ที่แยกโป่งปัดเพื่อนั่งกลับไป บขส.เหมือนเดิม เราถึงบขส.กาญฯ เกือบๆเที่ยง เราก็ไม่รีรอรีบหารถเพื่อต่อไปยังสังขละบุรี และข่าวดีมากเว่อร์(ประชด) เราวางแพลนไว้ว่าจะไปรถตู้(ซึ่งเต็มจ้า) ถ้าเราจะรอเราก็ได้ไปรอบบ่ายสอง เราจึงตัดสินใจรีบหาหนทางต่อไปและที่พึ่งของเราคือรถเมล์ กาญจนบุรี - สังขละบุรี ดีนะที่เราไปทันเพราะรถกำลังจะออกพอดี เราจ่ายราคาเต็มแต่ตีตั๋วยืนเกือบครึ่งทาง ฮ่าๆ (เราก็ไปช่วงเทศกาลพอดีอะนะ)
เราใช้เวลาเดินทางเกือบ 5 ชม. เราก็ถึงบขส.สังขละบุรี แต่เฮ้ย..แล้วเราจะไปทางไหนต่อดี เอาหละ Google map นี่แหละน่าจะช่วยเราได้ เราเลือกพักที่ Coffee berry ราคา 1,300 บ. เราจองไว้ล่วงหน้าเช่นกัน และนี่คือห้องพักของเรา ห้องน้ำแบบOpenนะจ๊ะ และที่สำคัญ Wifi แรงมาก เราลืมบอกไปที่นี่ไม่มีอาหารเช้าให้นะคะ แต่จะมีคูปองมาให้เราสองใบ สามารถสั่งน้ำดื่มได้โดยใช้คูปองแลกแทนเงิน หลังจากเก็บของอาบน้ำแต่งตัว เราก็เดินมุ่งหน้าไปยังสะพานอุตตมานุสรณ์ หรือที่นิยมเรียกกันว่าสะพานมอญ นั่นเอง (จากที่พักเราก็ประมาณ300ม.) ให้ตายเถอะ เราชอบที่นี่มากที่นี่ทุกอย่างคือลงตัวไปหมดจริงๆ เราเดินข้ามฝั่งไปฝั่งมอญที่นี่มีตลาดกลางคืนมีทั้งเสื้อผ้า ของกิน ของฝากละลานตาไปหมด เราเดินข้ามกลับมาฝั่งเดิมเพื่อขึ้นพี่วินไปถนนคนเดิน (เราโชคดีมากที่มาตรงวันเสาร์พอดี เพราะที่นี่จะมีถนนคนเดินทุกวันเสาร์) ที่นี่มีให้เขียนโปสการ์ดและเค้าก็จะส่งให้เรา เราเดินไปเดินมาก็สะดุดตากับคนที่นั่งกินหมูเป็นไม้ในหม้อ หมูจุ่มพม่า ใช่!มันคือหมูจุ่มพม่า ไม้ละ2บ. มีทุกอย่างทั้งส่วนเนื้อ เครื่องใน หนังหมู กินจนเพลินรู้ตัวอีกทีก็ 40 ไม้ไปแล้ว หลังจากนั้นเราก็เดินกลับที่พักเพราะเราอิ่มมากจริงๆต้องเดินย่อยแล้วหละ
สรุปค่าใช้จ่าย DAY 2
ค่ารถเมล์หวานเย็น แยกโป่งปัด-บขส. 40x2 = 80 บ.
ค่าเมล์บขส.- สังขละฯ 130x2 = 260 บ.
ค่านั่งพี่วิน 20x2 = 40 บ.
ค่าของกิน = 190 บ.
ค่าของที่ระลึก = 70 บ.
รวม 640 บ.
DAY 3 : สังขละบุรี - กทม. 31 ธ.ค. 60
เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน เอ้ย!!! ไม่ใช่สิ เราตั้งใจว่าวันนี้จะตื่นไปใส่บาตรตอนเช้า ซึ่งเราสอบถามกับพี่ที่อยู่ที่นี่แล้วว่าจะต้องไปใส่บาตรกี่โมง พี่เค้าก็บอกเรามาว่าสัก 6.30-6.45 ก็ได้ เราเลือกใส่บาตรก่อนถึงสะพานมอญ เพราะเราคิดว่าถ้าเราเดินข้ามสะพานไปคงไม่ได้ใส่บาตรเป็นแน่
เราเลือกชุดละ 99 บ. ใส่บาตรพระมอญ 3 รูป ที่นี่ถ้าซื้อชุดใส่บาตรเค้ามีบริการให้เปลี่ยนชุดเป็นหนุ่มสาวชาวมอญได้ฟรีด้วยนะคะ จากนั้นเราก็เดินมุ่งหน้าต่อไปยังสะพานมอญ ระหว่างทางเจอพี่เค้าแบกโต๊ะจ้า
เราว่าอากาศดีนะ หนาวนิดหน่อย หมอกเยอะ แต่ที่เยอะไปกว่าหมอกก็ผู้คนนี่แหละจ้า!!!
หมอกลงแบบนี้จริงๆนะ
ส่วนมื้อเช้าเราฝากท้องไว้กับร้านอาหารฝั่งมอญ และคนก็เยอะเหมือนเดิม เราเลยมานั่งร้านข้างๆกัน นี่คือมื้อเช้าของเราที่สังขละบุรี เราขอแนะนำทุกคน ต้องโดน โรตีแกงฮังเลอร่อยมากจริงๆ
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ เราก็กลับที่พักเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวและกลับมาสะพานมอญอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป้าหมายเราคือ นั่งเรือชมวัดใต้น้ำ เรานั่งเรือรอบละ 500 บ. ไปถึงก็มีพี่คนนึงนั่งรอพอดีเราเลยตกลงไปรอบเดียวกับพี่เค้า จะได้หารกัน (รอสัก5-6คนนะคะคนหารเยอะจะได้ออกน้อย)
ที่แรก : โบสถ์ใต้น้ำ วัดวังก์วิเวการาม
เราสอบถามพี่คนขับเรือ พี่เค้าบอกว่าถ้าจะเห็นวัดเต็มๆก็จะเป็นช่วงมี.ค.-เม.ย. น้ำลดจนเราสามารถเดินได้
และมีการสร้างขึ้นใหม่บนเขา
ที่สอง : วัดสมเด็จเก่า
ที่วัดนี้เราต้องเดินขึ้นไป
ด้านล่างจะมีดอกไม้ ธูป เทียนขายนะคะ ขึ้นไปด้านบนไม่มีค่ะ
ที่สาม : วัดกะเหรี่ยง ตอนเราไปน้ำขึ้นจนไม่เห็นตัวโบสถ์เลยคะ
หลังจากนั้นเราก็กลับขึ้นมาเดินเล่นที่สะพานมอญ และไม่ลืมที่จะปะแป้งเป็นสาวมอญ โดยจะมีน้องๆมาปะให้แล้วแต่เราจะให้เงินค่าขนมน้องๆเลยจ้า
ก่อนจะ Check out เราก็เลยใช้คูปองที่เรามีสั่งชาเย็นโลดด นี่เป็นร้านกาแฟของที่เราไปพัก หลังจากออกจากที่พักเราก็ต้องไปขึ้นรถที่ในตลาด เราเลยลองโบกรถพี่ส่งแก๊สดูเพราะคิดว่าแกน่าจะไปตลาด ฮ่าๆ และแล้วพี่แกก็ๆไปตลาดจริงๆ และอาสาไปส่งเราขึ้นรถ เราขอพี่เค้าลงตรงบขส. และเดินไปถามรถเมล์ พี่เค้าจะออกบ่ายโมงซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยง เราขี้เกียจรอเลยตัดสินใจไปหาวินรถตู้ และพี่เค้าก็ออกตอนเที่ยงสิบห้านาทีพอดี เรานั่งจากสังขละบุรีถึงบขส.กาญฯประมาณสี่โมงเย็น แต่เราไปเที่ยวที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว (เราไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะคนเยอะมากจริงๆ) แล้วเราก็ขึ้นรถตู้กลับหมอชิต2 ซึ่งเราขึ้นรอบหกโมงเย็นถึงประมาณหนึ่งทุ่มสี่สิบ...
สรุปค่าใช้จ่าย DAY 3
ใส่บาตรเช้า = 99 บ.
ค่าเรือ 250 บ.
ทำบุญ = 60 บ.
ค่านั่งพี่วิน 20x2 = 40 บ.
ค่าของกิน = 155 บ.
ค่ารถตู้ สังขละฯ - บขส.กาญฯ 175x2 = 350 บ.
ค่ารถตู้ บขส.กาญฯ - หมอชิต 2 120x2 = 240 บ.
รวม 1,194 บ.
รวมทั้งทริป = 5,738 บาท ต่อ 2 ตน
ภาพถ่าย : กล้อง I-PHONE 7+ และSAMSUNG S8+
- - ขอบคุณที่เข้ามาอ่านการแชร์ประสบการณ์ครั้งแรกของเรานะคะ - -
ทริปต่อไปจะเป็นที่ไหนฝากด้วยนะคะ