HIGHLIGHT /รีสอร์ทกลางน้ำ /ดำน้ำดูฉลาม /เต่าทะเล /ปลาทะเล /ชม Whales Safari / เที่ยว 4 เกาะ
จริงๆเราไปมาหลายประเทศมาก และตั้งเป้าว่าทุกปีจะไป 1 ประเทศ และก็ได้ทำตามเป้ามาแล้วหลายปี แต่ไม่เคยได้มานั่งเขียนรีวิวแบบนี้สักครั้ง ทุกครั้งที่ไปก็จะออกแนว Backpack จะไม่ติดนอนหรูกินหรู Street food คือสุดยอดละ เพราะเราคิดว่าการได้ไปเที่ยว คือการได้ไปเห็น และสัมผัสสถานที่ ไม่ใช่การไปนอนแพงๆ 555555 จริงป่ะ
>>>ไม่ใช่นักเที่ยวสายทะเล ชอบภูเขามากกว่า แต่เฮ้ยมัลดีฟนะ มันต้องไปสักครั้งป่ะ
รีวิวนี้จะแบ่งเป็น 4 ส่วนนะคะ ได้แก่
1. การเดินทาง
2.สิ่งที่ควรรู้
3.กิจกรรมแต่ละวัน
4.สุดท้ายคือสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดจร้า
1.การเดินทาง
เริ่มจากเราจองตั๋วไป-กลับ AirAsia (ได้ตั๋วโปรคร่าาา ราคาตกคนละประมาณ 7,000 บาท รวมอาหารและน้ำหนักกระเป๋านะจ๊ะ) เดินทางวันพุธที่ 10 มกราคม กลับวันที่ 13 มกราคม
ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง 10.10 ถึงสนามบิน Velana Int. Airport ประมาณ 11.50 (เวลามัลดีฟส์)
> แนะนำให้จองอาหารล่วงหน้านะคะ เพราะบินนานพอสมควร ส่วนวิธีการจองคงไม่ต้องอธิบายมาก ^^
ส่วน flight ขากลับ
ออกเดินทางจากมัลดีฟส์ 12.35 ถึงดอนเมืองก็ 19.05
การเดินทางจากสนามบิน Velana ไปที่พักกลางน้ำ หรือ Thulhagiri Resort (อ่านว่า ตุลากิริ
ไม่ใช่ ธัลฮากิริ ตามที่เขียนใน Agoda นาจา)
พอผ่าน ตม. เดินออกมาก็เจอ Counter ของแต่ละโรงแรมเลย ซึ่งในส่วนของที่พักเรานั้นอยู่หมายเลข 15 ทางรีสอร์ทก็จะจัดหน้าที่มาคอยรอรับเราอยู่ตามไฟล์ที่เราได้แจ้งไปกับทางรีสอร์ทตอนจองแล้ววว
ราคา Speed Boat จะอยู่ที่ USD 100 ต่อคน (อันนี้คือพยายามหาให้ใกล้ๆจะได้ไม่เสียค่า Speed Boat แพงมาก) #คุมงบนิดนึง
ซึ่งถ้าเพื่อนๆจองโรงแรมไหนก็ถามเค้าได้เลยว่า Counter Speed boat ที่เท่าไหร่ (อันนี้เฉพาะในส่วนของเกาะ private นะคะ)
การเดินทางจากสนามบินไปเกาะ Maafushi (Local Island) ซึ่งจะอยู่ทางตอนใต้จากสนามบิน
จากสนามบิน ไป Maafushi แบบประหยัดสุดคือ
นั่ง Ferry จากสนามบินไป Male (ราคา 1 USD) ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีนะคะ ไม่ไกลมาก พอไปถึงที่ Male (เมืองหลวงของมัลดีฟส์นั่นเอง) เราก็เรียก Taxi ให้ไปส่งที่ท่าเรือเพื่อที่จะต่อเรื่องไป Maafushi
โดยเวลาเดินเรือ Male - Maafushi จะมีเวลาเดียวคือเวลา 15.00 ทุกวันยกเว้นวันศุกร์นะคะ
จากนั้นก็ซื้อตั๋วในราคาคนละ 2 USD และนั่งหลับ นอนหลับยาวๆๆๆๆ ไปอีก 1.30 ชั่วโมงก็ถึงเกาะ Maafushi ซึ่งพอขึ้นจาก Ferry กะมีมีเจ้าหน้าที่มารอเราเช่นเคย ยืนเรียงแถวกันเลยทีเดียว ซึ่งจริงๆแล้วเกาะนี้ไม่ใหญ่มาก สามารถเดินหารีสอร์ทได้ไม่ยากเลยย
มาถึงตรงนี้ก็จะรู้และ ใครที่มีงบต่ำกว่านี้ไป Maafushi ก็คงจะพอแล้วใช่มะล่ะ เพราะค่าเรือไม่แพง ค่ารีสอร์ทก็ไม่แพง
อ่ะ ตามไปดูกันต่อ
2. Must know สิ่งที่ควรรู้
>> มัลดีฟส์เป็นประเทศ เข้าได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า ถือพาสปอร์ตเล่มเดียวไปโลดดดด
>> ห้ามนำสุรา และสุกรเข้าประเทศ
>>ก่อนจองที่พัก ระวัง!!! เกือบทุก รีสอร์ทจะมีค่า Speedboat หรือ Seaplane ซึ่งยิ่งไกลยิ่งแพง อย่าจองแบบไม่ดูราคาเด็ดขาด ไม่งั้นอาจจะโดนค่า seaplane เป็นหมื่นๆได้จ้า ><
>>เวลาช้ากว่าไทย 2 ชม.
>>ใช้เงิน US Dollar ได้สะดวก (เน้น ต้องแบงค์ใหม่เท่านั้นค่ะ ร้านจะไม่รับแบงค์เก่าเลย)
>>เกาะจะมี 2 แบบ คือแบบ Private คือ 1 เกาะ 1 รีสอร์ท และเกาะ Local เช่น Maafushi Island นักท่องเที่ยวต้องระวังเรื่องแต่งตัวนะจ๊ะ No Bikini Zone
>>ช่วง High Season คือช่วงเดือนธันวาคม ถึง เดือนกุมภาพันธ์ (reference: lonelyplanet) จะเป็นช่วงท้องฟ้าสีฟ้าคราวและความชื้นต่ำ เที่ยวช่วงนี้ตัวจะเหนียวน้อยหน่อยจร้า
>> ทัวร์ และ Ferry จะปิดทำการวันศุกร์ซะเป็นส่วนมาก ฉะนั้นแพลนกันดีๆนะคะ
>> การจองโรงแรม จะมีแบบ Half Board นั่นก็คือ รวมอาหารเช้าและเย็น Full Board คือ รวมอาหาร 3 มื้อ และแบบสุดท้ายคือ All inclusive คือรวมอาหาร 3 มื้อและเครื่องดื่มแบบไม่จำกัดจ้าาาาา
3. มาดูกัน ทำไรบ้างในแต่ละวัน
Day 1 : ดอนเมือง - มัลดีฟส์ - Thulhagiri Resort
Flight เรา delay ไป 1 ชั่วโมงก็เลยถึงช้ากว่ากำหนดการ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะทางรีสอร์ทก็คงรอรับเราตามปกติ
ช่วยบ่าย: เราก็เดินทางมาถึงที่หมาย เดินเข้า ตม. เตรียมเอกสารใบจอง โรงแรม Thulhagiri มาเรียบร้อย ทาง ตม. ก็ถามว่า Which resort do you stay? ก็ตอบด้วยความมั่นใจ วี วิล สเต อิน ธัลฮากิริ รีสอร์ท ไงล่าาาาา สำเนียงมาเต็ม
เจ้าหน้าที่ทำหน้างง ฟังไม่เข้าใจ และก็พูดตามแบบขำๆ ธัลล ฮาาา กิ ริ
สรุปก็ผ่าน ตม. มาโดยที่ไม่รู้ว่าจริงๆมันชื่อว่าอะไร 5555 หลังจากนั้นเราก็ไปหา Simcard จะได้ไม่ขาดการติดต่อจากโลก 5555
เราตัดสินใจเข้าร้านสีส้ม เพราะแฟนบอกว่าชอบสีนี้มากกว่า ตรึง!!!! เกี่ยวป่ะ อ่ะรูปหน้าร้านพอดีไม่ได้ถ่ายมา ขออนุญาตก๊อปในเนตนะคะ
พอเข้าไป แล้วเค้าก็จะมีใบ Package ให้เลือก เท่าที่เราจำได้คือ
1. USD16 ใช้ 4G ได้ 3gb ใน 7 วัน
2. USD21 ใช้ 4G ได้ 15gb ใน 7 วัน
เราก็เลือกอันแรก Concept เดิมค่ะ ประหยัดงบ
ช่วงลงทะเบียนซิม จนท. ก็ถามเหมือนเดิมเป๊ะ Which hotel do you stay? ไอ้เราก็ตอบตามเดิมด้วยความมันใจ 5555 เค้าก็ตอบกลับมาว่า อ้อออออ ตุ ลา กิ ริ .......... ตึง!!!!
มันเรียกว่างี้เองหราาาาา 55555 ค่ะ ตุลากิริ รีสอร์ท ><
พอออกมาจาก Shop ปุ๊ปเจ้าหน้าที่รีสอร์ทก็พุ่งมาหาเลย บ่นๆ นิดนึง บอกรอเรามา ครึ่ง ชม. เอิ่มมม เว่อไปนิสนึงนะ
และก็ให้เราไปรวมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นที่จะร่วมเดินทาง Speed Boat ไปลำเดียวกันกับเรา ซึ่งก็เป็นชาวไทยด้วยกันนี่แหละค่ะ
นั่ง speed boat เพลิน ไม่นานนักก็ถึงรีสอร์ทอันสวยงามมมมม *_*
และนี่ก็คือท่าเรือของรีสอร์ท งดงามมากๆ โดยภาพไม่ได้ผ่านการแต่งใดๆทั้งสิ้น แค่ใช้กล้อง Fuji อิอิ
เจ้าหน้าที่ก็พาเราไปเข้า Check-in ตามธรรมเนียม พร้อมยื่นผ้าเย็น และ Welcome Drink ให้และอธิบายสั้นๆเกี่ยวกับโรงแรม พร้อมนัดเวลาที่จะ Check out ในวันรุ่งขึ้น
หลังจากนั้นก็พักผ่อนเดินเล่นตามอัธยาศัยค่ะ อันนี้ก็ภาพโดยรวมของเกาะ Thulhagiri นี้นะคะ
สวยแบบ ไม่มีคำบรรยายเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นน้ำทะเลใสวิ๊งๆแบบนี้ คุ้มจริงๆนะคะ
และแล้วก็ถึงเวลากิน!!
อาหารตามภาพเลยค่ะ ซึ่งเราได้จองห้องแบบ Half Board นั่นก็คือรวมมื้อเย็นไปด้วย ไม่ต้องจ่ายเพิ่มนั่นเองค่ะ
บรรยากาศที่ห้องอาหารของรีสอร์ทนะคะ และในส่วนของรสชาตินั้น อร่อยเกินบรรยายค่ะ ลักษณะอาหารก็จะค่อนไปทางอินเดีย จะเน้นเครื่องเทศ และเนื้อสัตว์เป็นหลัก ผสมผสานกับอาหารสไตล์ยุโรปดังนั้นเรื่องอาหารไม่มีปัญหาและน่าประทับใจมากค่ะ ที่แปลกไปกว่านั้น เชฟและพนักงานส่วนมากจะเป็นเพศชายซะส่วนใหญ่สำหรับประเทศนี้
[CR] รีวิวมัลดีฟส์ 4 วัน 3 คืน นอนกลางน้ำ 1 คืน งบ 25,000 รวมทุกอย่าง!!!!! (High Season)
จริงๆเราไปมาหลายประเทศมาก และตั้งเป้าว่าทุกปีจะไป 1 ประเทศ และก็ได้ทำตามเป้ามาแล้วหลายปี แต่ไม่เคยได้มานั่งเขียนรีวิวแบบนี้สักครั้ง ทุกครั้งที่ไปก็จะออกแนว Backpack จะไม่ติดนอนหรูกินหรู Street food คือสุดยอดละ เพราะเราคิดว่าการได้ไปเที่ยว คือการได้ไปเห็น และสัมผัสสถานที่ ไม่ใช่การไปนอนแพงๆ 555555 จริงป่ะ
>>>ไม่ใช่นักเที่ยวสายทะเล ชอบภูเขามากกว่า แต่เฮ้ยมัลดีฟนะ มันต้องไปสักครั้งป่ะ
รีวิวนี้จะแบ่งเป็น 4 ส่วนนะคะ ได้แก่
1. การเดินทาง
2.สิ่งที่ควรรู้
3.กิจกรรมแต่ละวัน
4.สุดท้ายคือสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดจร้า
1.การเดินทาง
เริ่มจากเราจองตั๋วไป-กลับ AirAsia (ได้ตั๋วโปรคร่าาา ราคาตกคนละประมาณ 7,000 บาท รวมอาหารและน้ำหนักกระเป๋านะจ๊ะ) เดินทางวันพุธที่ 10 มกราคม กลับวันที่ 13 มกราคม
ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง 10.10 ถึงสนามบิน Velana Int. Airport ประมาณ 11.50 (เวลามัลดีฟส์)
> แนะนำให้จองอาหารล่วงหน้านะคะ เพราะบินนานพอสมควร ส่วนวิธีการจองคงไม่ต้องอธิบายมาก ^^
ส่วน flight ขากลับ
ออกเดินทางจากมัลดีฟส์ 12.35 ถึงดอนเมืองก็ 19.05
การเดินทางจากสนามบิน Velana ไปที่พักกลางน้ำ หรือ Thulhagiri Resort (อ่านว่า ตุลากิริ ไม่ใช่ ธัลฮากิริ ตามที่เขียนใน Agoda นาจา)
พอผ่าน ตม. เดินออกมาก็เจอ Counter ของแต่ละโรงแรมเลย ซึ่งในส่วนของที่พักเรานั้นอยู่หมายเลข 15 ทางรีสอร์ทก็จะจัดหน้าที่มาคอยรอรับเราอยู่ตามไฟล์ที่เราได้แจ้งไปกับทางรีสอร์ทตอนจองแล้ววว
ราคา Speed Boat จะอยู่ที่ USD 100 ต่อคน (อันนี้คือพยายามหาให้ใกล้ๆจะได้ไม่เสียค่า Speed Boat แพงมาก) #คุมงบนิดนึง
ซึ่งถ้าเพื่อนๆจองโรงแรมไหนก็ถามเค้าได้เลยว่า Counter Speed boat ที่เท่าไหร่ (อันนี้เฉพาะในส่วนของเกาะ private นะคะ)
การเดินทางจากสนามบินไปเกาะ Maafushi (Local Island) ซึ่งจะอยู่ทางตอนใต้จากสนามบิน
จากสนามบิน ไป Maafushi แบบประหยัดสุดคือ
นั่ง Ferry จากสนามบินไป Male (ราคา 1 USD) ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีนะคะ ไม่ไกลมาก พอไปถึงที่ Male (เมืองหลวงของมัลดีฟส์นั่นเอง) เราก็เรียก Taxi ให้ไปส่งที่ท่าเรือเพื่อที่จะต่อเรื่องไป Maafushi
โดยเวลาเดินเรือ Male - Maafushi จะมีเวลาเดียวคือเวลา 15.00 ทุกวันยกเว้นวันศุกร์นะคะ
จากนั้นก็ซื้อตั๋วในราคาคนละ 2 USD และนั่งหลับ นอนหลับยาวๆๆๆๆ ไปอีก 1.30 ชั่วโมงก็ถึงเกาะ Maafushi ซึ่งพอขึ้นจาก Ferry กะมีมีเจ้าหน้าที่มารอเราเช่นเคย ยืนเรียงแถวกันเลยทีเดียว ซึ่งจริงๆแล้วเกาะนี้ไม่ใหญ่มาก สามารถเดินหารีสอร์ทได้ไม่ยากเลยย
มาถึงตรงนี้ก็จะรู้และ ใครที่มีงบต่ำกว่านี้ไป Maafushi ก็คงจะพอแล้วใช่มะล่ะ เพราะค่าเรือไม่แพง ค่ารีสอร์ทก็ไม่แพง
อ่ะ ตามไปดูกันต่อ
2. Must know สิ่งที่ควรรู้
>> มัลดีฟส์เป็นประเทศ เข้าได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า ถือพาสปอร์ตเล่มเดียวไปโลดดดด
>> ห้ามนำสุรา และสุกรเข้าประเทศ
>>ก่อนจองที่พัก ระวัง!!! เกือบทุก รีสอร์ทจะมีค่า Speedboat หรือ Seaplane ซึ่งยิ่งไกลยิ่งแพง อย่าจองแบบไม่ดูราคาเด็ดขาด ไม่งั้นอาจจะโดนค่า seaplane เป็นหมื่นๆได้จ้า ><
>>เวลาช้ากว่าไทย 2 ชม.
>>ใช้เงิน US Dollar ได้สะดวก (เน้น ต้องแบงค์ใหม่เท่านั้นค่ะ ร้านจะไม่รับแบงค์เก่าเลย)
>>เกาะจะมี 2 แบบ คือแบบ Private คือ 1 เกาะ 1 รีสอร์ท และเกาะ Local เช่น Maafushi Island นักท่องเที่ยวต้องระวังเรื่องแต่งตัวนะจ๊ะ No Bikini Zone
>>ช่วง High Season คือช่วงเดือนธันวาคม ถึง เดือนกุมภาพันธ์ (reference: lonelyplanet) จะเป็นช่วงท้องฟ้าสีฟ้าคราวและความชื้นต่ำ เที่ยวช่วงนี้ตัวจะเหนียวน้อยหน่อยจร้า
>> ทัวร์ และ Ferry จะปิดทำการวันศุกร์ซะเป็นส่วนมาก ฉะนั้นแพลนกันดีๆนะคะ
>> การจองโรงแรม จะมีแบบ Half Board นั่นก็คือ รวมอาหารเช้าและเย็น Full Board คือ รวมอาหาร 3 มื้อ และแบบสุดท้ายคือ All inclusive คือรวมอาหาร 3 มื้อและเครื่องดื่มแบบไม่จำกัดจ้าาาาา
3. มาดูกัน ทำไรบ้างในแต่ละวัน
Day 1 : ดอนเมือง - มัลดีฟส์ - Thulhagiri Resort
Flight เรา delay ไป 1 ชั่วโมงก็เลยถึงช้ากว่ากำหนดการ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะทางรีสอร์ทก็คงรอรับเราตามปกติ
ช่วยบ่าย: เราก็เดินทางมาถึงที่หมาย เดินเข้า ตม. เตรียมเอกสารใบจอง โรงแรม Thulhagiri มาเรียบร้อย ทาง ตม. ก็ถามว่า Which resort do you stay? ก็ตอบด้วยความมั่นใจ วี วิล สเต อิน ธัลฮากิริ รีสอร์ท ไงล่าาาาา สำเนียงมาเต็ม เจ้าหน้าที่ทำหน้างง ฟังไม่เข้าใจ และก็พูดตามแบบขำๆ ธัลล ฮาาา กิ ริ
สรุปก็ผ่าน ตม. มาโดยที่ไม่รู้ว่าจริงๆมันชื่อว่าอะไร 5555 หลังจากนั้นเราก็ไปหา Simcard จะได้ไม่ขาดการติดต่อจากโลก 5555
เราตัดสินใจเข้าร้านสีส้ม เพราะแฟนบอกว่าชอบสีนี้มากกว่า ตรึง!!!! เกี่ยวป่ะ อ่ะรูปหน้าร้านพอดีไม่ได้ถ่ายมา ขออนุญาตก๊อปในเนตนะคะ
พอเข้าไป แล้วเค้าก็จะมีใบ Package ให้เลือก เท่าที่เราจำได้คือ
1. USD16 ใช้ 4G ได้ 3gb ใน 7 วัน
2. USD21 ใช้ 4G ได้ 15gb ใน 7 วัน
เราก็เลือกอันแรก Concept เดิมค่ะ ประหยัดงบ
ช่วงลงทะเบียนซิม จนท. ก็ถามเหมือนเดิมเป๊ะ Which hotel do you stay? ไอ้เราก็ตอบตามเดิมด้วยความมันใจ 5555 เค้าก็ตอบกลับมาว่า อ้อออออ ตุ ลา กิ ริ .......... ตึง!!!! มันเรียกว่างี้เองหราาาาา 55555 ค่ะ ตุลากิริ รีสอร์ท ><
พอออกมาจาก Shop ปุ๊ปเจ้าหน้าที่รีสอร์ทก็พุ่งมาหาเลย บ่นๆ นิดนึง บอกรอเรามา ครึ่ง ชม. เอิ่มมม เว่อไปนิสนึงนะ
และก็ให้เราไปรวมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นที่จะร่วมเดินทาง Speed Boat ไปลำเดียวกันกับเรา ซึ่งก็เป็นชาวไทยด้วยกันนี่แหละค่ะ
นั่ง speed boat เพลิน ไม่นานนักก็ถึงรีสอร์ทอันสวยงามมมมม *_*
และนี่ก็คือท่าเรือของรีสอร์ท งดงามมากๆ โดยภาพไม่ได้ผ่านการแต่งใดๆทั้งสิ้น แค่ใช้กล้อง Fuji อิอิ
เจ้าหน้าที่ก็พาเราไปเข้า Check-in ตามธรรมเนียม พร้อมยื่นผ้าเย็น และ Welcome Drink ให้และอธิบายสั้นๆเกี่ยวกับโรงแรม พร้อมนัดเวลาที่จะ Check out ในวันรุ่งขึ้น
หลังจากนั้นก็พักผ่อนเดินเล่นตามอัธยาศัยค่ะ อันนี้ก็ภาพโดยรวมของเกาะ Thulhagiri นี้นะคะ
สวยแบบ ไม่มีคำบรรยายเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นน้ำทะเลใสวิ๊งๆแบบนี้ คุ้มจริงๆนะคะ
และแล้วก็ถึงเวลากิน!!
อาหารตามภาพเลยค่ะ ซึ่งเราได้จองห้องแบบ Half Board นั่นก็คือรวมมื้อเย็นไปด้วย ไม่ต้องจ่ายเพิ่มนั่นเองค่ะ
บรรยากาศที่ห้องอาหารของรีสอร์ทนะคะ และในส่วนของรสชาตินั้น อร่อยเกินบรรยายค่ะ ลักษณะอาหารก็จะค่อนไปทางอินเดีย จะเน้นเครื่องเทศ และเนื้อสัตว์เป็นหลัก ผสมผสานกับอาหารสไตล์ยุโรปดังนั้นเรื่องอาหารไม่มีปัญหาและน่าประทับใจมากค่ะ ที่แปลกไปกว่านั้น เชฟและพนักงานส่วนมากจะเป็นเพศชายซะส่วนใหญ่สำหรับประเทศนี้